หลี่โม่ลุกยืนขึ้น ยิ้มแล้วจ้องมองทอมป์สัน“ถ้าผมทุบตีเขาให้ตายในตอนนี้ งั้นการคัดลอกรอบไวด์การ์ดครั้งนี้ถือว่าผมผ่าน ไม่ต้องการแข่งอีกละใช่มั้ย?”
“อ๋อ ไอเดียของคุณนั้นสร้างสรรค์มาก ผมถือเป็นตัวแทนของคณะกรรมการครั้งนี้ตอบตกลงตามนี้ให้ ณ ตอนนี้ การแข่งขัน ของพวกเธอได้เริ่มขึ้น ไม่ว่าคือคุณหรือนู่หลั่ง ใครที่ชนะก็ตาม ได้ก้าวสู่การแข่งขันโดนตรงทันทีเลย”
“โอเค”
หลี่โม่จูมือข้างหลังแล้วเดินขึ้นบนเวที
นู่หลั่งยิ้มแฉ่ง แรงกะทันหันของขาทั้งสองข้าง กระโดดลงจากพื้นสู่เวทีประลองโดยตรง ยืนอยู่บนเวทีประลองแล้วเริ่มขยับแขนและข้อมือ เหมือนกับว่าออกกำลังกาย
หลี่โม่ค่อยๆเดินขึ้นบันไดของเวทีประลองทีละขั้นทีละขั้น เหมือนอย่างคนแก่ท่านผู้เฒ่า
พวกนักมวยจ้องมองสภาพของหลี่โม่ที่เดินขึ้นบันได มีเสียงหัวเราะเยาะเย้ยออกมา รู้สึกว่าหลี่โม่แค่มาแสดงเป็นตัวตลก แค่การกระโดดขึ้นบันไดยังทำไม่ได้
“ไอ่นี่มันเคยฝึกซ้อมจริงมั้ยว่ะ?ผอมแบบไม่มีกล้ามเนื้อก็ไม่ว่าละ แต่แค่เดินขึ้นบันไดยังเหมือนคนแก่เฒ่าเลย”“หัวเราะเยาะผมจริงๆ ผู้ชายแบบนี้ยังกล้าสู้กับนู่หลั่ง หมัดกำปั้นเดียวของนู่หลั่งก็คงจะสามารถทุบตีเขาให้ตายได้”
“เจอนกโง่มามากมาย แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นคนที่โง่เหมือนควายแบบนี้ เขาตาบอดเหรอ ก่อนหน้านี้นู่หลั่งฆ่าคนตายแล้วหลายคน เขาน่าจะรู้ดีว่านู่หลั่งโหดร้ายมากแค่ไหน”
นักมวยทุกคนในนี้ไม่มีใครให้กำลังใจและเชียร์หลี่โม่ แต่ก็เป็นหลี่โม่แหละที่แสดงออกได้คีย์ต่ำเกินไป ไม่มีอากัปกิริยาที่อาจารย์ควรมีเลย
ฉู่จงเทียนปกปิดใบหน้า ไม่กล้ามองดูศึกต่อไป ล่าสุดไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ ความโหดร้ายของนู่หลั่งสร้างเงาทางจิตวิทยาขนาดใหญ่ให้แก่ฉู่จงเทียน ณ ตอนนี้ สมองของฉู่จงเทียนมีแต่ฉากที่หลี่โม่ถูกนู่หลั่งทุบตีอย่างโหดร้าย รู้สึกว่ามีความหวังเพียงเล็กน้อยที่หลี่โม่จะชนะนู่หลั่ง
ณ ที่นั่งของริมหอฝึกนั้น คางเหวินซิงกับเฉินเสี่ยวถง นั่งจ้องมองหลี่โม่ที่กำลังยืนอยู่บนเวทีประลอง
คางเหวินซิงหน้าซีดไปหมดละ เสื้อผ้าทั้งตัวเปียกไปด้วยเหงื่อ
ฉากฆ่าคนนู่หลั่งที่ผ่านมาในเมื่อกี้นี้ ก็ทำให้คางเหวินซิงกลัวจนเกือบตายไป เพราะเกิดในยุคที่สงบสุข และยังเป็นลูกชายของคนที่ร่ำรวย ฉากนองเลือดแบบนี้ได้เห็นแค่ในหนังเท่านั้นแหละ
แต่ฉากนองเลือดนั้นก็คือดูผ่านหน้าจอ รู้ดีว่ามันเป็นแค่การแสดงเท่านั้น อย่างน้อยก็แค่ทำให้คางเหวินซิงหัวใจสั่นใน ณ ตอนดูแค่นั้นเอง
แต่ ณ ตอนนี้ สิ่งที่มองเห็นนองเลือดนั้นคือความจริง นี่มันทำให้คางเหวินซิงตื่นตกใจ ถ้านี่มันไม่ใช่การแข่งมวยดำของระดับชาติเนี่ยนะ คางเหวินซิงคงโทรไปแจ้งความละ
ส่วนเฉินเสี่ยวถงทำตัวนิ่งมาก แค่สีหน้าซีดไปหน่อย จากที่เฉินเสี่ยวถงเคยประสบความพ่ายแพ้และความยากลำบากมา สุขภาพจิตใจถือว่าดี เข้มแข็งกว่าคางเหวินซิงตั้งเยอะ
“นายเคยเห็นพี่หลี่โม่ทุบตีกับคนอื่นหรือไม่?นายรู้สึกว่าพี่หลี่โม่จะชนะได้ไหม?”
เฉินเสี่ยวถงถามด้วยความเป็นห่วง
“เอ่อ อืม เอ่อ ผม เอ่อ อืม น่าจะมั้ง……”
คางเหวินซิงหวัดกลัวจนฟันสั่น ในปากมีแต่เสียงฟันสั่นที่ชนกัน เสียง ฉอก ฉอก พูดก็พูดไม่ชัดละ
“นายยังเป็นลูกผู้ชายไหมว่ะ คนที่ขึ้นบนเวทีประลองแข่งขันคือพี่หลี่โม่ไม่ใช่นาย นายเป็นผู้รับชมการแข่งขัน ทำไมถึงทำให้นายกลัวขนาดนี้”
“ผม ผม ก็ผมกลัวนี่หน่า!”
คางเหวินซิงใช้มือสองข้างปิดหน้า ปาดเหงื่อและน้ำตาออกจากหน้าอย่างแรง น้ำเสียงเริ่มแข็งกระด้างขึ้น
“ผมจะไม่กลัวได้ไง ผมเป็นคนที่ไม่เคยได้เห็นคนเลือดออกตั้งแต่เด็กจนโต ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการได้เห็นคนโดนทุบตีตายเลย หมัดไป๋เหรินดำคนนั้นมันก็โรคจิตมาก ผมจะไม่ยอมไปสู้กับเขาแน่นอน ผมว่าอาจารย์ก็อาจจะชนะไม่ได้ วู วู วู ถ้าอาจารย์ตายแล้วจะทำไง ผมยังไม่ได้ฝึกรถกับอาจารย์เลย”
เฉินเสี่ยงถงจ้องมองคางเหวินซิงที่ปิดหน้าแล้วร้องไห้จนหมดคำจะพูด รู้สึกว่าตัวเองได้เจอตำนานลูกผู้ชายที่ขี้กลัว ลูกผู้ชายปกติจะกลัวจนร้องไห้ได้ไงละ อุส่าตัวเองเป็นผู้หญิงยังไม่ร้องเลย
“นายเข้มแข็งหน่อยได้มั้ย อาจารย์นายกำลังทุบตีสู้กับคนอื่นอยู่ นายจะให้กำลังใจละเชียร์ดีๆหย่อยไม่ได้ไง”
“ผมเป็นห่วงจนไม่กล้ามองดูไม่ใช่เหรอ เธอดูจบละบอกผลลัพธ์ให้ผมเน้อ ผมไม่กล้าดูจริงๆ”
คางเหวินซิงฝังหัวไว้หว่างเข่า กลายเป็นนกกระจอกเทศเลยทันที
เฉินเสี่ยวถงมุ่ยปาก ไม่สนใจสภาพของคางเหวินซิง แต่เน้นมองหลี่โม่ที่ยืนอยู่บนเวทีประลอง
หลี่โม่ยืนอยู่ตรงหน้านู่หลั่ง ทำท่าเหมือนหวงเฟยหงขึ้นมา ชูนิ้วชี้ให้แก่นู่หลั่ง
“มามา ให้ผมได้สั่งสอนนายให้รู้ว่าอะไรคือมารยาท”
นู่หลั่งจ้องมองหลี่โม่อย่างแรง พูดอย่างชั่วร้าย“นายช่างจะกล้าไปหน่อยละ จะสอนผมรู้ว่าอะไรคือมารยาท ตลกไปหน่อยละ!”
“อ๋อ งั้นก็เชิญคุณเริ่มแสดงเป็นตัวตลกเลย ทอมป์สันยังรอดูผมใช้พลัง18ฝ่ามือพิชิตมังกรอยู่เลย”
“พิชิตมังกรหัวแม่มึงดิ!คอยดูกูจะทุบตีมึงจนกลายเป็นหัวหมูไปเลย!”
นู่หลั่งโมโหแล้วแล้ววิ่งตรงไปข้างหน้า แรงของทั้งตัวเอาไปรวมอยู่ที่มือข้างขวา เมื่อปั้นแกว่งมีเสียงดังขึ้นอย่างเสียงดัง ดูเหมือนว่าอากาศก็จะถูกทำลายด้วยหมัดของนู่หลั่ง
ทอมป์สันจ้องมองหมัดของนู่หลั่ง ยิ้มด้วยความพอใจ รู้สึกว่าถ้าทุบตีหมัดกำปั้นนี้ลงไป หลี่โม่โดนทุบตีจนอาเจียนเป็นเลือดออกมา มันก็ยังคงจะเป็นเรื่องที่ธรรมดามากเลยแหละ
นักมวยทุกคนถอนหายใจลึกๆ ณ ตอนนี้ ถึงจะรู้ว่านู่หลั่งแข็งแกร่งกว่าที่แสดงออกในเมื่อสักครู่นี้ตั้งเยอะ
“ตกลงนู่หลั่งแข็งแกร่งมากแค่ไหนกันแน่ เมื่อสักครู่ไม่ได้ใช้แรงออกมาทั้งหมด ไม่รู้ว่าสภาพเขาในตอนนี้ใช่ที่ใช้แรงออกมาหมดรึเปล่า”
“ช่างน่ากลัวเหลือเกิน การแข่งขันชกมวยครั้งนี้ ผมรู้สึกว่านู่หลั่งมีความสามารถที่จะได้รางวัลสามอันดับแรก ถ้าไม่ได้ อย่างน้อยก็คงจะได้อยู่ในรางวัลห้าอันดับแรกแน่นอน”
“เทียบกับนู่หลั่งแล้ว พวกเราอ่อนแอมาก ไอ่เด็กลิงนี้คงจะโดนหมัดกำปั้นของนู่หลั่งทุบตีจนสลบไป ต่อจากนี้คงไม่มีไรน่าชมหรอก”
ภายใต้เสียงนินทาของทุกคน หลี่โม่ทุบตีเหมือนท่าทางของไทเก็ก ค่อยๆคลี่มือซ้ายออกมา
มือซ้ายของหลี่โม่ท่าทางนั้นช้าเหมือนสโลว์โมชั่น จู่ๆกำปั้นขวามือของนู่หลั่งก็โผล่ออกมาด้วยความประหลาดใจ
หลังจากนั้น มือซ้ายของหลี่โม่ได้คว้าหมัดกำปั้นของนู่หลั่งไว้ ต่อด้วยกดหมัดแห่งความเดือดดาลขึ้นไปในท่ามกลางอากาศ
สีหน้าของนู่หลั่งแดงขึ้นทันที ถอนหายใจลึกๆแล้วขยับมือขวา อยากหลุดพ้นจากพันธนาการของมือซ้ายด้วยพลังระเบิดของหลี่โม่
แต่มือซ้ายของหลี่โม่แหว่งเล็กน้อย พลังมหาศาลของนู่หลั่งที่ปะทุออกมาเหมือนวัวโคลนลงทะเล หายหมดเกลี้ยง
ณ ตอนนี้ นู่หลั่งประหลาดใจในตัวหลี่โม่มาก ตอนแรกแค่คิดว่า เขาโชคดีที่คว้าหมัดกำปั้นนี้ได้ แต่หลังจากที่ใช้แรงออกอีกครั้ง นู่หลั่งมั่นใจแล้วว่าหลี่โม่มีความสามารถและมีวิธีที่จะหลบพ้นจากแรงพลังอันยิ่งใหญ่ของตัวเองนั้นได้
พอเจอหลี่โม่คว้ากำปั้นของนู่หลั่งได้โดยง่ายๆ ทอมป์สันกับนักมวยทั้งหลายลุกยืนขึ้นด้วยความประหลาดใจ จ้องมองมือซ้ายของหลี่โม่อย่างไม่น่าเชื่อ รู้สึกว่าหลี่โม่มีมายากลบางอย่างอยู่ในมือ ที่สามารถสร้างฉากมหัศจรรย์ขึ้นมาได้ขนาดนี้
“โอ้พระเจ้า นายทำได้ไงเนี่ย นั่นมันคือคนที่สามารถทุบตีเวทีประลองแตกสลายได้นะ หมัดกำปั้นของนู่หลั่งจะทำให้หลี่โม่คว้าโดนได้ง่ายขนาดนี้ได้ไง!”
“ผมกำลังฝันอยู่รึเปล่า นี่มันไม่น่าเชื่อจริงๆ!”