ขณะที่หลี่โม่กำลังไปที่ฟาร์มป่า มีใครบางคนโผล่ออกมาจากพุ่มไม้บริเวณสถานที่ก่อสร้าง
ใครบางคนมองซ้ายมองขวาอย่างลุกลี้ลุกลน จากนั้นก็วิ่งออกไปหาที่หลบและควักมือถือออกมาโทร
“แย่แล้วครับท่านหลง คนของเมืองฮ่านเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว พวกนั้นจับคนของเราไป ผมโชคดีที่หลบออกมาได้ ผมได้ยินว่าพวกนั้นจับคนของเราไปที่ฟาร์มป่า”
หลงหานกวางที่กำลังหารือเรื่องแผนจัดการหลี่โม่ เมื่อได้ยินเช่นนั้นคิ้วของเขาขมวดเป็นปม สีหน้าของเขาไม่สู้ดี
“ไร้ประโยชน์ ไร้ประโยชน์จริงๆ! ทำไมฉันถึงมีลูกน้องกากเดนแบบพวกแก!”
“ท่านหลง พวกเราไร้ค่าจริง แต่คนของอีกฝ่ายเยอะมาก สิบคนรุมหนึ่งคน คุณจะให้พวกเราสู้ยังไง”
“ไอ้เวรเอ๊ย! ฉันไม่อยากฟังแกอธิบาย แกไปถามมาให้แน่ว่าพวกมันจับคนไปที่ไหน ฉันต้องการตำแหน่งที่ชัดเจน!”
หลงหานกวางพูดจบก็โยนมือถือลงบนโต๊ะอย่างหงุดหงิด
ผีรอง หานหัวแข็งและคนอื่นมองหลงหานกวาง เพื่อรอให้เขาอธิบายว่าเกิดอะไรขึ้น
“คนของฉันกำลังก่อเรื่องที่ก่อสร้างของตระกูลกู้ ไม่รู้พวกกากเดนในเมืองฮ่านมาจากไหน มันจับคนของฉันไปที่ฟาร์มป่า ไม่รู้ว่าฟาร์มป่าไหนด้วย กำลังให้คนไปถามอยู่”
หลงหานกวางอธิบายอย่างหงุดหงิด เขารู้สึกขายหน้ามาก
“คนของนายโดนจับเหรอ ดูเหมือนว่าจะเป็นฝีมือของหลี่โม่ที่ให้คนของฉู่จงเทียนทำ”
ผีรองค่อนข้างเข้าใจสถานการณ์ เขาเดาได้อย่างถูกต้อง
“นายพูดมาเถอะว่าจะทำยังไง ถ้ายังอยากให้พวกมันก่อเรื่องเพื่อล่อหลี่โม่ออกมา ฉันว่าน่าจะจบเห่แน่ ถ้าพวกมันเป็นคนที่หลี่โม่ส่งมา กลัวว่าพวกมันจะสอบสวนลูกน้องของฉันน่ะสิ เมื่อถึงตอนนั้นพวกมันต้องรู้เบาะแสของฉันแน่”
หลงหานกวางพึมพำออกมาอย่างกลุ้มใจ เขาเอามือทั้งสองข้างนวดขมับ เขารู้สึกปวดหัวจี๊ด
ดวงตาของผีรองแน่นิ่ง เขาคิดว่านี่คือโอกาส
เขาหยิบมือถือขึ้นมาส่งข้อความ ผีรองได้รับข้อความจากลูกน้องที่คอยจับตาดูหลี่โม่ หลี่โม่นั่งรถออกไปชานเมืองและกำลังมุ่งหน้าไปที่ฟาร์มป่า
“ฮ่าๆๆๆ โชคช่วยนายแล้วนะ เป็นโอกาสดีให้เรา”
ผีรองพูดอย่างตื่นเต้น
“นายหมายความว่าอะไร เยาะเย้ยฉันเหรอ”
หลงหานกวางพูดอย่างไม่สบอารมณ์
“เปล่าๆ นี่ไม่ใช่การเยาะเย้ย แต่นี่คือโอกาสดีจริงๆ ข่าวล่าสุดคือหลี่โม่กำลังไปฟาร์มป่า ฉันเดาว่าหลี่โม่จะไปสอบสวนลูกน้องของนาย”
“งั้นมีโอกาสอะไร ลูกน้องของฉันต้องเปิดโปงฉันแน่นอน”
หลงหานกวางพูดอย่างสงสัย
“นี่ไม่สำคัญ สิ่งสำคัญก็คือหลี่โม่ไปคนเดียว เห็นว่าพาคนธรรมดาไปด้วยสองสามคน ตอนนี้พวกเราแค่พาคนไปล้อมฟาร์มป่าเอาไว้ จากนั้นค่อยลอบโจมตีก็พอแล้ว”
“พวกนายคิดดูสิ พวกเราบุกเข้าไป หลี่โม่มีแค่สองหมัด อีกอย่างถ้าจับคนที่มากับหลี่โม่ได้ ก็สามารถเอามาขู่มันได้ด้วย เมื่อถึงตอนนั้นเราจะทำอะไรกับหลี่โม่ก็ได้”
ผีรองคิดว่าแผนการของตัวเองเข้าท่ามาก ฟาร์มป่าเหมาะแก่การต่อสู้อย่างดุเดือด อีกทั้งยังสามารถส่งหน่วยสืบราชการลับกับหลินเจิ้งหนานลงไปใช้งานได้ด้วย
บวกกับพละกำลังของพวกตน ถึงหลี่โม่มีปีกก็บินหนีไปไม่ได้อย่างแน่นอน ตอนนั้นมันไม่มีทางสู้แน่
หลินเจิ้งหนานตบโต๊ะด้วยความตื่นเต้น เขายืนขึ้นและพูดเสียงดังว่า “แผนนี้ดีมาก ฉันยกนิ้วให้เลย คนในตระกูลหลินจะทำตามคำสั่งทุกอย่าง”
ผีรองมองหลงหานกวาง หานหัวแข็งและคนอื่น จากนั้นจึงพูดว่า “คนมีฝีมือของอาจารย์ก็ใกล้จะถึงแล้ว ฉันจะให้พวกเขาไปสมทบที่ฟาร์มป่า พวกนายไม่ต้องห่วง”
“ลงมือ!”
หลงหานกวางพูดขึ้นมาก่อนใคร เขาต้องจัดการกับหลี่โม่ให้ถึงที่สุด เพื่อกู้หน้าของตัวเองคืนมา
หานหัวแข็งและคนอื่นลังเลครู่หนึ่ง พวกเขารู้สึกว่าแผนของผีรองเข้าท่า โดยเฉพาะยังมีคนมีฝีมือของอาจารย์ผีรองตามมาด้วย จึงไม่ต้องกังวลอะไรมาก ถ้าสู้หลี่โม่ไม่ได้จริงๆ ก็ยังมีคนมีฝีมือของอาจารย์ผีรองคอยช่วยอยู่
“ฉันก็ทำด้วย”
“ก็แค่จัดการคนกระจอก ฉันทำด้วย”
คนมีฝีมือแสดงท่าทีออกมา ไม่นานทุกคนก็ตกลงปลงใจ
ผีรองเริ่มแบ่งหน้าที่ หลังจากที่แบ่งหน้าที่ให้แต่ละคนเรียบร้อย เขาตะโกนเสียงดังว่า “เริ่มปฏิบัติการ!”
ทุกคนเดินออกจากห้อง และพาลูกน้องที่ได้รับมอบหมาย มุ่งหน้าไปที่ฟาร์มป่า
หลี่โม่ไม่รู้เลยว่ามีเป้าหมายใหญ่กำลังพุ่งเป้ามาที่เขา เขากำลังนั่งปวดหัวอยู่ข้างคนขับ
เฉินเสี่ยวถงกับกู้ชิงหลินที่นั่งตรงเบาะหลัง เอาแต่ทะเลาะโหวกเหวกกันมาตลอดทาง ทั้งสองใช้คำพูดด่ากันแต่ไม่ได้ใช้กำลัง
หลี่โม่เกลี้ยกล่อมสองสามครั้งแต่ก็ไม่ได้ผล เขาทำได้เพียงหลับตาลง ทำเหมือนไม่ได้ยินอะไร
คางเหวินซิงแอบขำ เขาพูดกับหลี่โม่เบาๆ ว่า “อาจารย์ นี่สินะที่เขาพูดกันว่าสุขในทุกข์”
“สุขในทุกข์กะผีน่ะสิ มีแค่ความทุกข์ ไม่มีความสุขอะไรทั้งนั้น ทำไมมันถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้”
หลี่โม่กุมขมับและใช้ความคิด เขาคิดว่าตัวเองทำผิดตรงไหน ทำไมถึงทำให้ท่าทีของกู้ชิงหลินเปลี่ยนไปขนาดนี้
อย่าบอกนะว่าแผนการของกู้ชิงหลินยกระดับขึ้น เพราะเธอคิดว่าแผนการก่อนหน้านี้ทำอะไรเขาไม่ได้ เลยเปลี่ยนแผนอย่างนั้นเหรอ
หลี่โม่คิดยังไงก็ไม่เข้าใจ เขาจึงตัดสินใจไม่คิด ถ้ากู้ชิงหลินมีเป้าหมายอะไร เขาค่อยหาวิธีรับมือแล้วกัน
ผ่านไปครู่หนึ่ง รถเคลื่อนเข้ามาในฟาร์มป่า ลูกน้องของฉู่จงเทียนเปิดประตูให้หลี่โม่
“สวัสดีครับคุณหลี่ ผมอากวางเป็นลูกน้องของท่านเทียนครับ ท่านเทียนสั่งให้พวกเราฟังคำสั่งของคุณ”
เมื่อหลี่โม่ลงจากรถ คนกว่าร้อยคนที่ยืนหลังอากวาง ต่างโค้งคำนับให้หลี่โม่และพูดเสียงดังว่า
“สวัสดีครับคุณหลี่!”
“สวัสดีทุกคน ทุกคนน่าจะเหนื่อยกันแล้ว ไปพักผ่อนเถอะ”
หลี่โม่เอามือไพล่หลังและเอ่ยขึ้น เหมือนกำลังตรวจแถวทหาร
คางเหวินซิงกับหญิงสาวอีกสองคนตกใจกับภาพตรงหน้า กู้ชิงหลินเห็นดังนั้น ตาของเธอเป็นประกาย ความคิดที่จะจีบหลี่โม่ยิ่งแน่วแน่ขึ้น
ถ้าให้เทียบกับเหล่าคุณชายที่กู้ชิงหลินรู้จัก พวกเขาล้วนอ่อนแอ เทียบหลี่โม่ไม่ได้แม้แต่เปอร์เซ็นต์เดียว
“คุณหลี่ คนของพวกมันถูกขังอยู่ข้างใน ผมหาหัวหน้าของพวกมันเจอแล้ว มันชื่อซ่างเปียว แต่ซ่างเปียวปากแข็งมาก มันไม่ยอมบอกว่าใครเป็นผู้บงการ”
อากวางพูดพลางพาหลี่โม่และคนอื่นเดินเข้ามาในห้อง
เมื่อผลักประตูเข้ามา อากวางพูดอย่างเย็นชาว่า “ซ่างเปียว คุณหลี่มาสอบสวนแกแล้ว ถ้าอยากอยู่ก็สารภาพออกมา ข้างนอกเตรียมเลื่อยไม้เอาไว้แล้ว ถ้าแกไม่สารภาพออกมาดีๆ ฉันจะเลื่อยแกเป็นชิ้นแล้วโยนให้หมากิน!”
“เหอะๆ เอาสิ พวกแกเลื่อยฉันเป็นชิ้นๆ เลยสิ!”