ใบหน้าของหานซื่อเจี๋ยชะงักงัน อยากจะพูดออกไปดังๆว่าเถียนจินหมิงไม่ใช่ลูกศิษย์ของตนเอง แต่ทว่านึกถึงจุดอ่อนของตนเองที่โดนเถียนจินหมิงกุมเอาไว้ จึงทำได้เพียงกัดฟันแล้วฝืนใจยอมรับ
“แหะๆ น้องชายพูดเล่นแล้ว บางทีเรื่องราวในนั้นอาจจะมีการเข้าใจผิดเล็กน้อย เรามานั่งคุยกันอย่างละเอียดดีกว่าไหม? เข้าใจผิดกันเมื่อพูดให้เข้าใจก็ไม่มีอะไรแล้ว ใช่ไหมล่ะ”
หานซื่อเจี๋ยยิ้มแย้ม ท่าทีเหมือนเป็นทูตสันติภาพ
“ไม่ได้”
หลี่โม่ส่ายหน้าพูดขึ้น: “เรื่องนี้ไม่ได้เข้าใจผิดกัน แค่ลูกศิษย์ของคุณชดใช้เงินมาก็พอ ของชิ้นนี้ผมควักเงินไปสิบล้าน ให้เขาชดใช้หนึ่งร้อยล้านก็ถือว่าจบกันด้วยดี”
รอยยิ้มบนใบหน้าของหานซื่อเจี๋ยหายไป ขมวดคิ้วแน่น คนที่สามารถควักเงินสิบล้านออกมาจ่ายได้ในทันที ต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่ๆ
สายตาตำหนิมองไปที่เถียนจินหมิง หานซื่อเจี๋ยพูดขึ้นอย่างไม่ค่อยพอใจ: “จินหมิง นี่เกิดอะไรขึ้นกันแน่? ขายของปลอมในใจแกก็รู้ดีอยู่แล้ว! กล้าโกงเงินสิบล้าน แกไม่คิดๆดูให้ดี คนที่จ่ายเงินสิบล้านจะเป็นคนธรรมดาไหม?”
เถียนจินหมิงเบ้ปาก ในใจคิดว่าผมจะไม่รู้เรื่องพวกนี้ได้เหรอ ก็แค่เห็นว่าพวกเขาเป็นลูกคนรวยที่ไม่มีความรู้ไม่มีประสบการณ์ถึงได้โกงน่ะสิ ใครจะไปรู้ว่าลูกคนรวยที่ดูปัญญาอ่อนขนาดนี้ จะกล้าย้อนกลับมาเล่นงานตนเอง
“อาจารย์ อาจารย์รู้จักผมดีที่สุด ผมไม่เคยขายของปลอมนะ!”
เถียนจินหมิงมองหานซื่อเจี๋ยด้วยใบหน้าใสซื่อบริสุทธิ์
หานซื่อเจี๋ยโมโหจนแทบจะตกเลือด นวดๆหัวพูดขึ้น: “คุณผู้ชายยังไม่รู้เลยว่าคุณชื่ออะไร?”
“เรียกผมว่าคุณหลี่ก็ได้”
“คุณหลี่ คุณลองดูว่าอย่างนี้ได้ไหม เรายังไม่ต้องวิเคราะห์ว่าเป็นของจริงหรือปลอม หากคุณไม่ชอบ ผมจะให้ลูกศิษย์ของผมคืนเงินให้คุณ อย่างนี้ได้ไหม?”
หานซื่อเจี๋ยยังคิดจะไกล่เกลี่ย พยายามไกล่เกลี่ยให้พอใจกันทุกฝ่าย
“ไม่ได้ ก่อนหน้านี้เขาขายของปลอมที่เหมือนกันเป๊ะให้เพื่อนผม หลอกเอาเงินเพื่อนผมไปห้าล้าน เรื่องนี้ผมรวบยอดคิดบัญชีทั้งหนี้ใหม่หนี้เก่ากับเขา ถ้าไม่ยอมชดใช้ด้วยเงิน งั้นก็ต้องชดใช้ด้วยชีวิต”
“นี่พวกนาย! แม่งตั้งใจมาหาเรื่องสินะ! คิดว่าคนอย่างฉันเถียนจินหมิงรังแกง่ายใช่ไหมล่ะ! อาจารย์ เห็นแล้วใช่ไหม นี่ผมไม่ได้เป็นคนหาเรื่องพวกเขานะ พวกเขานั่นแหละมาหาเรื่องเอาชีวิตผมถึงที่นี่!”
เถียนจินหมิงสติแตกทันที หวังว่าหานซื่อเจี๋ยจะรีบออกหน้าช่วยเหลือ รับนิทานเรื่องนี้ไปเล่าต่อ
เพียงแค่วันนี้ลากพวกหลี่โม่ออกไปได้ก่อน เถียนจินหมิงก็ตัดสินใจไม่สนใจอะไรอีก รีบหนีไปก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกที
สีหน้าของหานซื่อเจี๋ยก็ค่อนข้างแย่ ทั้งโมโหเถียนจินหมิงที่หาเรื่องมาให้ตนเอง แล้วก็โมโหหลี่โม่ที่ไม่ไว้หน้าตนเองเลยแม้แต่นิดเดียว
“ที่บอกว่าถ้าเป็นของปลอมจะชดใช้ให้สิบเท่าก็มากเกินไปจริงๆ ชดใช้แค่สามเท่าได้ไหม? ผมจะให้เขาชดใช้ให้คุณสามสิบล้าน!”
หานซื่อเจี๋ยกัดฟันพูด
“อาจารย์ ไม่ต้องกังวลไปหรอก! มีเหตุผลอะไรที่ผมต้องชดใช้ให้เขาสามสิบล้าน? แค่สามพันผมก็ไม่ให้เขา!”
เถียนจินหมิงพูดอย่างไม่ยอมแพ้
อย่าพูดถึงใช้เงินเลย ต่อให้คืนเงินก็เพียงพอที่จะทำให้เถียนจินหมิงเจ็บปวดใจแล้ว
อย่างอื่นไม่ต้องพูดถึง ค่าธรรมเนียมของครั้งนี้เป็นของเถียนจินหมิงทั้งหมด ค่าธรรมเนียมการโอนเงินสิบล้านไปๆมาๆตั้งแสนสองหมื่น! คนมากมายที่ต้องหาเงินทั้งปีด้วยความยากลำบากแต่ก็อาจจะหาได้ไม่ถึงแสนสองหมื่นด้วยซ้ำ
“จินหมิง ทำผิดแล้วก็ยอมรับเถอะ ควรชดใช้ก็ต้องชดใช้!”
“ไม่ได้ ผมไม่ชดใช้ให้เด็ดขาด อาจารย์ก็จัดการไปตามสมควรเถอะ ถ้าไม่ช่วยผมยุติเรื่องนี้ งั้นก็ดูผมตายตรงนี้แล้วกัน”
ในแววตาของเถียนจินหมิงปรากฏสายตาข่มขู่ออกมา หานซื่อเจี๋ยได้แต่ถอนหายใจอย่างกลัดกลุ้มอยู่เงียบๆ รู้ว่าเรื่องนี้ตนเองก็ต้องช่วยเหลืออย่างเลี่ยงไม่ได้
“แกมันลูกศิษย์เลว! น่าโมโหจริงๆ!”
หานซื่อเจี๋ยถูๆหน้าอก ท่าทางค่อยๆเคร่งขรึมขึ้นมา มองไปที่หลี่โม่พูดขึ้น: “คุณหลี่ เรื่องนี้ ถ้าคุณไม่มีหนทางที่จะผ่อนผันให้กันได้ งั้นผมก็ทำได้เพียงขอโทษคุณแล้ว”
“อะไรกัน คุณเตรียมจะลงมือแล้วเหรอ?”
หลี่โม่พูดหยอกล้อ
“ตามนั้น!”
หานซื่อเจี๋ยถอยหลังไปสองก้าวตั้งท่า: “ผมหานซื่อเจี๋ยเจ้าสำนักหมัดทงเป้รุ่นสิบแปด แต่ไหนแต่ไรไม่เคยคิดจะเอาความแข็งแกร่งมาทำร้ายคนอ่อนแอ แต่ถ้าคุณหลี่ไม่ยอมถอยขนาดนี้ งั้นผมคงทำได้เพียงลงมือแล้วล่ะ!”
“ความหมายของคุณคือช่วยลูกศิษย์ของคุณด้วยการรับเรื่องนี้ไปเองสินะ? ถ้าคุณแพ้ ลูกศิษย์ของคุณที่ควรจะชดใช้ให้ผมหนึ่งร้อยล้าน ทั้งหมดนี้คุณจะเป็นคนชดใช้แทนใช่ไหม?”
หลี่โม่ไม่อยากลงมือเรื่อยเปื่อย ก่อนลงมือจึงมักจะพูดให้ชัดเจน ลงมือเสร็จแล้วจะได้ง่ายต่อการจัดการต่อไป
“บังอาจ! พูดกับอาจารย์ของฉันอย่างนี้! อาจารย์ของฉันจะแพ้ให้นายได้ยังไง? ฉันจะต่อยนายให้ฟันร่วงจนต้องไปควานหาที่พื้นเลยคอยดูเถอะ”
“อาจารย์ครับ ให้ศิษย์ไปจัดการคนเสียสติคนนี้ดีกว่า ให้เขาเข้าใจความร้ายกาจของหมัดทงเป้ของพวกเราสักหน่อย!”
ลูกศิษย์ที่มากับหานซื่อเจี๋ยพวกนั้นพากันขออาสาไปต่อสู้ อยากจะโชว์ฝีมือต่อหน้าของหานซื่อเจี๋ยอย่างเต็มที่
หานซื่อเจี๋ยค่อยๆพยักหน้า ยิ้มพูดขึ้น: “ได้ ต้าเหว่ย นายไปสู้กับเขาแล้วกัน”
ต้าเหว่ยที่ร่างกายกำยำบึกบึนราวกับบานประตูเดินออกมา ตั้งท่าโบกฝ่ามือที่มีขนาดใหญ่ราวกับใบพัด กระดิกนิ้วใส่หลี่โม่: “มา ให้ฉันสอนปฏิบัติตัวหน่อย!”
หลี่โม่ยิ้มพูดขึ้น: “หรือว่าพวกนายเข้ามาพร้อมกันเลยก็ได้ ฉันจะนั่งตรงนี้ พวกนายใครที่ทำให้ฉันย้ายที่ได้ ก็ถือว่าให้พวกนายชนะไปเลย”
“ยโส! คิดว่าพวกเราเป็นดินน้ำมันสินะ! รอดูฉันฟาดนายให้ตายด้วยฝ่ามือเดียวแล้วกัน!”
ต้าเหว่ยที่เดือดดาลคำรามออกมาด้วยความโมโห สาวเท้าพุ่งเข้าไปต่อหน้าหลี่โม่ ตอนที่ฝ่ามือใหญ่ราวกับพัดโบกสะบัดจนเกิดเสียงลม ตามองฝ่ามือที่กำลังจะตบลงไปบนหัวของหลี่โม่
มุมปากของเถียนจินหมิงอมยิ้มเล็กน้อย รู้สึกว่าครั้งนี้แน่นอนแล้ว ตนเองเอาเปรียบรุ่นน้องก็เพื่อจัดการหลี่โม่
หานซื่อเจี๋ยพยักหน้าเล็กน้อย แววตาปรากฏความชื่นชมออกมา
พละกำลังกับความว่องไวของต้าเหว่ยทำให้หานซื่อเจี๋ยพึงพอใจ หานซื่อเจี๋ยคิดว่าหลี่โม่คงจะล่าถอยไปเองเมื่อตกที่นั่งลำบาก
หลี่โม่ส่ายหน้า อ้าปากพ่นน้ำชาที่เพิ่งเข้าปากเมื่อครู่ออกไป
น้ำชาสีเหลืองทองประกอบร่างเป็นลูกธนูน้ำกลางอากาศ พุ่งตรงแทงเข้าไปที่คอของต้าเหว่ย
ไม่ทันรอให้ฝ่ามือของต้าเหว่ยตกลงมา น้ำชาที่พุ่งออกมาของหลี่โม่ ก็โจมตีเข้าไปบนคอของต้าเหว่ยแล้ว
น้ำชาร้อนๆ บวกกับแรงโจมตีที่แข็งแกร่งทรงพลัง ทำให้ต้าเหว่ยรู้สึกเจ็บปวดร้อนผ่าวที่คอ ตามมาด้วยความรู้สึกอึดอัดอย่างรุนแรง ราวกับโดนฝ่ามือใหญ่ๆที่ไร้รูปร่างบีบคอเอาไว้แน่น
“อื้อ!”
ต้าเหว่ยร้องออกมาด้วยความอึดอัด ร่างกายกำยำลอยขึ้นแล้วร่วงลงมาบนพื้น เกิดเสียงดัง
ปั๊ก!
เสียงของต้าเหว่ยที่ร่วงลงมาบนพื้น ทำให้ทุกคนตื่นตกใจ
หานซื่อเจี๋ยขมวดคิ้วแน่น จ้องเขม็งไปที่คราบน้ำบนพื้น
แค่น้ำชาที่พ่นออกมาคำเดียว ก็จัดการต้าเหว่ยที่ว่องไวและมีพละกำลังยอดเยี่ยมได้แล้วเหรอ? งั้นน้ำชาที่พ่นออกมานี้จะมีพละกำลังมากขนาดไหนกัน?
ความรู้สึกหวาดกลัวปะทุออกมาจากในใจของหานซื่อเจี๋ยทันที สายตาที่แปลกไปของหานซื่อเจี๋ยมองไปที่หลี่โม่
นี่คือยอดฝีมือ เป็นผู้เชี่ยวชาญช่ำชองมือหนึ่งเลย!
“ที่แท้ก็เป็นยอดฝีมือนี่เอง เมื่อครู่ผมเสียมารยาทแล้ว ยังต้องขอคำแนะนำด้วยไม่ทราบว่าคุณหลี่มาจากสำนักไหนถ่ายทอดความรู้มาจากกลุ่มไหนจากปรมาจารย์ท่านไหนครับ!”
หานซื่อเจี๋ยพูดอย่างนอบน้อม