“ผมไม่ได้เป็นยอดฝีมืออะไรหรอก เป็นแค่คนธรรมดาทั่วไปเท่านั้น”
หลี่โม่ยิ้มอย่างเมินเฉย พูดต่อ: “พวกคุณยังจะสู้อีกไหม? ถ้าจะสู้ก็ต่อเลย ถ้าไม่สู้แล้วก็บอกมาว่าจะชดเชยยังไง”
หานซื่อเจี๋ยไม่มีความคิดจะลงมืออีกแล้ว ตั้งแต่การเคลื่อนไหวเมื่อครู่ของหลี่โม่ หานซื่อเจี๋ยก็มองออกแล้วว่าตนเองห่างไกลจากการเป็นคู่ต่อสู้ของหลี่โม่ ถ้าสู้กับหลี่โม่ต่อไปถือได้ว่าเป็นการหาเรื่องตายชัดๆ
“คุณหลี่รอก่อนนะครับ ผมขอไปปรึกษากับลูกศิษย์ที่ไม่ได้เรื่องของผมสักครู่”
หานซื่อเจี๋ยประสานมือคารวะ แล้วรีบเดินไปที่ด้านหน้าของเถียนจินหมิง คว้าหูของเถียนจินหมิงดึงขึ้นมา ลากเถียนจินหมิงเข้าไปในห้องเก็บของ
หลังจากปิดประตูห้องเก็บของ หานซื่อเจี๋ยก็พูดอย่างเย็นชา: “ไอ้เด็กเวร! นี่รู้แล้วสินะว่าไปเตะเหล็กเข้าให้แล้ว? ต่อให้ฉันทุ่มสุดตัวก็จัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อยไม่ได้อยู่ดี!”
เถียนจินหมิงก็ตื่นตกใจกับทักษะเมื่อครู่ของหลี่โม่เช่นกัน พ่นน้ำชาออกมาก็สามารถทำให้คนบาดเจ็บได้ นี่มันไม่ใช่ฉากที่มีแต่ในภาพยนตร์หรอกเหรอ! ทำไมในโลกแห่งความจริงก็ยังมีคนที่เป็นยอดฝีมืออย่างนี้?
“อาจารย์ ผมยอมรับผิด แต่ผมหยุดกลางคันไม่ได้แล้ว หนึ่งร้อยล้านผมจะชดใช้ยังไงไหว? ไม่ต้องพูดถึงหนึ่งร้อยล้านหรอก ยี่สิบล้านผมก็รวบรวมเอามาให้ไม่ได้!”
เถียนจินหมิงพูดด้วยความเศร้าเสียใจ
“ตอนเช้าแกเพิ่งจะเก็บเงินเขาไปห้าล้านไม่ใช่เหรอ ทำไมแม้แต่ยี่สิบล้านถึงรวบรวมออกมาไม่ได้! อย่ามาแกล้งจนกับฉันตรงนี้นะ!”
“ช่วงนี้ไม่มีโชคเลย อีกอย่างธุรกิจก็ยากขึ้นเรื่อยๆ ต้นทุนของผมเกือบจะหมดแล้ว”
หานซื่อเจี๋ยตบหน้าเถียนจินหมิงด้วยความโมโหอย่างแรง: “แกชดใช้ได้เท่าไหร่?”
“ในบัตรผมมีทั้งหมดสิบเก้าล้าน”
เถียนจินหมิงพูดอย่างไร้เรี่ยวแรง
“แกมันไม่ได้เรื่อง! จุดอ่อนทั้งหมดเอาออกมาให้ฉัน แล้วที่เหลือฉันจะช่วยคืนแทนแกเอง”
“อาจารย์ พูดจริงๆเหรอ? ยืนยันว่าผมจะไม่ตาย ไม่ได้รับบาดเจ็บใช่ไหม? จะมาทุบตีให้ผมพิการก็ไม่ได้นะ!”
เถียนจินหมิงมองหานซื่อเจี๋ยด้วยสายตาหวาดระแวง
“นี่! ไม่เชื่อก็ช่างเถอะ ฉันก็ขี้เกียจจะสนใจแกแล้ว แกอยากจะเผยแพร่วิดีโอพวกนั้นยังไงก็ตามใจ ช่วงวัยรุ่นใครบ้างที่ไม่เคยทำเรื่องผิดพลาด”
หานซื่อเจี๋ยหมุนตัวจะเดินออกไปด้วยความโมโห เถียนจินหมิงจึงดึงหานซื่อเจี๋ยเอาไว้ ใบหน้ายิ้มแย้มอวบอิ่มพูดขึ้น: “อาจารย์อย่าโมโหเลย ผมก็พูดไปเรื่อย เชื่อใจอาจารย์อยู่แล้ว เดี๋ยวผมจะเอา USB ออกมาให้อาจารย์เลย”
เถียนจินหมิงเอา USB ออกมาจากช่องลับในตู้ แล้วส่ง USB ให้หานซื่อเจี๋ย
หานซื่อเจี๋ยมองเถียนจินหมิงอย่างแฝงไปด้วยความหมาย: “นี่เป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันจะช่วยแก สถานะอาจารย์กับลูกศิษย์ระหว่างพวกเราสิ้นสุดลงเท่านี้ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปแกอย่าปรากฏตัวอยู่บนพื้นแผ่นดินของเมืองฮ่านอีก แม้แต่ในเมืองฉันก็ไม่อยากเห็นแก เข้าใจแล้วนะ”
“เข้าใจครับ เข้าใจแน่นอน ถึงอาจารย์ไม่บอกผมก็ต้องไปอยู่แล้ว หมดหนทางที่จะอยู่ต่อไปจริงๆ”
เถียนจินหมิงฝืนยิ้มพูดขึ้น
แม้แต่หานซื่อเจี๋ยคนที่ไว้ใจได้ที่สุดก็ล่วงเกินเขาอย่างร้ายแรง แม้จะให้ความกล้าหาญสักสิบความกล้าแก่เถียนจินหมิง เถียนจินหมิงก็คงไม่กล้าอยู่ที่เมืองฮ่านต่อไปอีกแล้ว
“ออกไปแล้วแกก็โอนเงินทั้งหมดให้คุณหลี่เขาไปซะ แล้วรีบๆไสหัวไปเลย เรื่องต่อจากนั้นฉันจะคุยกับคุณหลี่เอง”
“ครับ อาจารย์ว่ายังไงก็ตามนั้นครับ”
หานซื่อเจี๋ยหมุนตัวพาเถียนจินหมิงออกมาจากห้องเก็บของ เดินไปที่ข้างกายหลี่โม่ หานซื่อเจี๋ยโค้งตัวพูด: “คุณหลี่ครับ ลูกศิษย์ที่ไม่ได้เรื่องของผมคนนี้มันเล่นการพนัน ทั้งตัวจึงมีอยู่แค่สิบเก้าล้าน ผมให้เขาชดใช้เงินทั้งหมดกับคุณ ส่วนเงินที่เหลือ ผมจะปรึกษากับคุณอีกที”
“ความหมายคือหนี้ที่เหลือทั้งหมดคุณจะเป็นคนรับช่วงต่องั้นเหรอ?”
หลี่โม่ยิ้มถามขึ้น
“ครับ ความหมายตามนี้เลย”
“มีคนรับผิดชอบก็พอ งั้นให้เขาโอนเงินมาก่อนแล้วกัน”
หลี่โม่พูดจบก็หยิบบัตรธนาคารออกมา
เถียนจินหมิงใบหน้าเศร้าสร้อย ใช้มือถือโอนเงินไปให้หลี่โม่อย่างอาลัยอาวรณ์ ครู่เดียวหลี่โม่ก็ได้รับข้อความเตือนว่าเงินเข้าบัญชีแล้ว
“ได้เงินแล้ว ส่วนที่เหลือคุณจะปรึกษายังไง?”
“เราค่อยๆคุยกันนะครับ เอ่อต้าสง นายคุมตัวเถียนจินหมิงกลับไปเก็บของ จากนั้นส่งเขาออกไปจากเมืองฮ่าน แล้วแจ้งพวกรุ่นพี่รุ่นน้องของสถาบันบู๊ทุกๆที่ เพียงแค่ได้เจอเถียนจินหมิงอีก ก็ตีเขาให้ตายแทนฉันด้วย!”
“ครับอาจารย์!”
ต้าสงถลึงตามองเถียนจินหมิง ฝ่ามือหนักๆตบลงไปบนหลังของเถียนจินหมิง จึงทำให้เถียนจินหมิงโซซัดโซเซกระแทกเข้ากับกำแพง
รุ่นน้องอีกคนหนึ่งเดินเข้ามา เตะเข้าไปที่ต้นขาของเถียนจินหมิง เตะเถียนจินหมิงออกไปจากร้าน
หานซื่อเจี๋ยยิ้มพูดขึ้น: “เรื่องแตกหักระหว่างผมกับเถียนจินหมิงไม่ต้องพูดอะไรมากแล้ว พูดทีไรก็โมโหทุกที ส่วนเรื่องเงินที่เหลือ พูดตามตรงผมเองก็ไม่ได้มีเยอะขนาดนั้น แต่ในมือของผมยังมีใบสั่งยาใบหนึ่งที่พอมีมูลค่าอยู่บ้าง ไม่รู้ว่าคุณหลี่สนใจไหมครับ?”
“ใบสั่งยา?”
หลี่โม่พึมพำ ดวงตาเป็นประกายขึ้นมาทันที ถ้าเป็นใบสั่งยาที่ดีจริงๆ งั้นก็เหมาะกับตระกูลกู้ที่จะทำการค้าในวันข้างหน้าอย่างยิ่ง
“สนใจอยู่บ้าง ลองพูดๆมาว่าเป็นใบสั่งยาอะไร”
“เป็นสูตรยาบำรุงหยางของไต หลังจากใช้แล้วได้ผลชะงัดนัก ทำให้ร่างกายแข็งแรงได้มากกว่ายาเม็ดสีฟ้าอะไรนั่นที่นำเข้ามาเยอะเลย ก็ส่วนประกอบหลักในนั้นค่อนข้างหายากนิดหน่อย”
หานซื่อเจี๋ยมองหลี่โม่ ไม่ได้คิดจะอุบเรื่องสำคัญเอาไว้ พูดต่อ: “ส่วนประกอบสำคัญคือโสมป่าที่มีอายุร้อยปีขึ้นไป ต้องเป็นของจริงเท่านั้น โสมป่าที่โดนเอาไปปลูกในป่าเลียนแบบธรรมชาติใช้ไม่ได้”
ปัจจุบันนี้โสมป่าร้อยปีสูญพันธุ์ไปหมด หลายปีมานี้ไม่สามารถขุดออกมาได้สักเหง้าเลย ที่เจอตามตลาด โดยทั่วไปแล้วล้วนแต่เป็นโสมที่ปลูกกันเองกับโสมป่าทั้งนั้น
ก็เป็นเพราะโสมป่าร้อยปีหายาก ใบสั่งยาในมือของหานซื่อเจี๋ยจึงไม่ได้ทำเป็นยาสำเร็จรูป มิเช่นนั้นคงทำออกมาเป็นยาบำรุงร่างกายอะไรพวกนั้นแล้ว และคงเป็นจังหวะชีวิตที่มั่งคั่งร่ำรวยแน่ๆ
หลี่โม่ก็เข้าใจถึงประเด็นสำคัญในนั้น
โสมป่าร้อยปีสำหรับคนทั่วไปแล้วยากที่จะพบได้ แต่สำหรับหลี่โม่ กลับไม่ใช่ของที่หายากอะไร
โดยเฉพาะเรื่องที่ต้องอาศัยเงินทองและอิทธิพลในมือ ก็เพียงพอที่จะตามหาโสมป่าที่มีอายุมากๆได้แล้ว
อีกอย่างหลี่โม่กำลังครุ่นคิดว่าสามารถลดทอนอายุลงได้ไหม ใช้โสมป่าที่มีอายุห้าหกสิบปี บางทีอาจจะดีกว่าใช้โสมป่าแทนด้วยซ้ำ เพียงแค่ลดประสิทธิภาพลงเล็กน้อยเท่านั้น ยังไงก็ดีกว่าอาหารเสริมที่เป็นแป้งใส่น้ำตาลไร้ประโยชน์พวกนั้นอย่างแน่นอน
“ได้ คุณเอาใบสั่งยามา แล้วเรื่องนี้หายกัน แต่ทว่าผมไม่หวังให้คุณหลอกผมนะ”
หลี่โม่พูดนิ่งๆ
“ผมจะกล้าหลอกคุณได้ยังไง ด้วยฝีมือของคุณ ก็ทำผมขวัญหนีดีฝ่อจะแย่อยู่แล้ว”
หานซื่อเจี๋ยแสร้งแสดงความชื่นชมออกมา
“เหอะๆ ใบสั่งยาจะให้ผมยังไง? ให้ผมไปรับกับคุณ หรือคุณจะให้คนเอามาส่ง?”
“ใบสั่งยาจำอยู่ในใจของผม เดี๋ยวผมจะเขียนออกมาให้คุณ อีกอย่างต่อไปใบสั่งยานี้ผมจะไม่เผยแพร่ให้คนอื่นอีกเด็ดขาด”
หานซื่อเจี๋ยพูดจบก็หากระดาษกับปากกาออกมา เริ่มเขียนใบสั่งยากับวิธีทำออกมาอย่างละเอียด หลังจากเขียนเสร็จหานซื่อเจี๋ยจึงตรวจสอบอีกครั้ง หลังจากแน่ใจว่าไม่ผิดก็ส่งใบสั่งยาไปให้หลี่โม่
“คุณหลี่ลองตรวจทานดูครับ นี่เป็นใบสั่งยากับวิธีกลั่น นอกจากส่วนประกอบหลักที่หายากแล้ว ยาเพิ่มเติมอื่นๆเป็นยาที่หาได้ทั่วๆไป หาซื้อได้ง่ายครับ”