หลังจากเก็บใบสั่งยาแล้ว หลี่โม่จึงพาเฉินเสี่ยวถงกับคางเหวินซิงออกไป
หานซื่อเจี๋ยยืนอยู่ที่ทางเข้า มองตามหลี่โม่ที่ห่างออกไป
จนกระทั่งด้านหลังของหลี่โม่หายไป หานซื่อเจี๋ยถึงผ่อนคลายลงได้
“ไอ้สารเลวเถียนจินหมิง หลอกกันเก่งจริงๆ ต่อไปถ้าเจอมันอีก ต้องตีให้ตาย”
“อาจารย์ครับ ต้าเหว่ยยังไม่ได้สติเลย ต้องส่งโรงพยาบาลไหมครับ?”
หานซื่อเจี๋ยมองต้าเหว่ยที่หมดสติ นั่งยองๆลงไปข้างๆแล้วจับชีพจรดู พูดขึ้น: “เอาน้ำเย็นมาสาดก็ตื่นแล้ว เมื่อกี้คุณหลี่ออมมือแล้วนะเนี่ย”
“ก็ไม่รู้ว่าเขาเป็นยอดฝีมือจากที่ไหน วันหน้าถ้าพวกนายได้เจอคุณหลี่ในเมืองฮ่านอีกก็สุภาพนอบน้อมกันหน่อย อย่าให้เกิดความขัดแย้งกับเขาเด็ดขาด”
“ครับอาจารย์ เดี๋ยวผมจะแจ้งให้ทราบโดยทั่วกัน”
……
คางเหวินซิงขับเบนซ์กลับไป
เฉินเสี่ยวถงดึงแขนของหลี่โม่เอาไว้ด้วยความตื่นเต้น พูดเจื้อยแจ้วไม่หยุด เอาแต่พูดชื่นชมศรัทธาในตัวหลี่โม่
“พอแล้วหน่า เธอก็พูดเกินไป นั่งดีๆเถอะ”
หลี่โม่นวดๆคิ้วพูดขึ้น
“เกินไปตรงไหนคะ? ฉากเมื่อกี้ที่พี่พ่นน้ำชาออกไป หล่อสุดๆเลยดูดีกว่าดาราทั้งหมดอีกค่ะ ต่อไปพี่จะเป็นไอดอลคนแรกในใจของฉัน ฉันจะเป็นแฟนคลับพี่หมื่นปีเลย”
เฉินเสี่ยวถงราวกับแปลงร่างกลายเป็นติ่งของหลี่โม่ไปแล้ว
“อุ้ย พวกเราลืมเรื่องสำคัญกันไปหรือเปล่า ไม่ได้ซื้อหยกมังกร!”
หลังจากเฉินเสี่ยวถงตื่นเต้นดีใจเสร็จก็นึกได้ว่าไม่ได้ทำเรื่องสำคัญ
หลี่โม่พูดไม่ออกในทันที ถอนหายใจแล้วพูดขึ้น: “ช่างเถอะ รอพรุ่งนี้มีเวลาว่างค่อยว่ากัน”
“ได้ค่ะ พรุ่งนี้ฉันจะไปกับพี่ด้วย”
เฉินเสี่ยวถงพูดอย่างพึงพอใจ พรุ่งนี้จะได้ออกไปเดินเล่นกับหลี่โม่อีก ความรู้สึกนั้นยังไม่ดีเท่าไหร่หรอก ถ้าได้ชอปปิ้งด้วยกันคงจะดียิ่งกว่า อย่างนั้นจะได้ลองสวมเสื้อผ้าสวยๆเป็นกองให้พี่หลี่โม่ดู
หลี่โม่หยิบมือถือออกมาพูดขึ้น: “เหวินซิง เอาเลขบัญชีของนายมาให้ฉัน ฉันจะโอนเงินที่นายโดนหลอกกลับไปให้”
“ห๊ะ? ถือเป็นของที่ผมมอบให้อาจารย์ก็ได้ครับ ไม่ต้องโอนมาให้ผมหรอก”
คางเหวินซิงพูดอย่างค่อนข้างเกรงใจ
“ได้ยังไง? มันคนละเรื่องกันนะ อ้อ ตอนค่ำฉันจะไปชกมวยที่งานแข่งมวยดำนะ บอกไปว่าจะออกไปสอนนายขับรถแล้วกัน อย่าลืมช่วยปกปิดให้ฉันล่ะ อย่าหลุดปาก”
“ไม่มีปัญหาครับ ไม่หลุดปากแน่นอน ตอนค่ำอาจารย์ต้องระวังตัวหน่อยนะ ผมเห็นคนพวกนั้นแล้วโหดเหี้ยมกันสุดๆเลย”
นึกถึงเรื่องการแข่งขันมวยดำคราวก่อน คางเหวินซิงยังรู้สึกหวาดผวาไม่หาย นักมวยพวกนั้นน่ากลัวเกินไปจริงๆ
แม้ว่านู่หลั่งจะโดนหลี่โม่ชกตาย แต่นั่นเป็นแค่ผู้เล่นของรอบไวด์การ์ดเท่านั้น ในการแข่งขันที่จริงจัง พระเจ้ารู้ดีว่าผู้เล่นเก่งกาจขนาดไหน
เฉินเสี่ยวถงเบ้ปาก ถลึงตาใส่คางเหวินซิงพูดขึ้น: “นายพูดเป็นไหมเนี่ย? ปากเสียถุยๆๆ พูดเรื่องดีๆสิ พี่หลี่โม่ต้องกลับมาพร้อมชัยชนะอยู่แล้ว”
“ใช่ๆๆ ก็ดูสมองของผมสิ อาจารย์ต้องชนะทุกคนอย่างแน่นอนครับ!”
คางเหวินซิงพูดตามขึ้นมา
หลี่โม่ยิ้มบางๆ พิงไปบนเบาะหลับตาพักเหนื่อย
กลับมาถึงห้องทำงานของกู้หยุนหลันแล้ว กู้หยุนหลันยิ้มมองทั้งสามคน: “พวกคุณสามคนพูดคุยเป็นยังไงกันบ้าง? ดูพวกคุณคุยกันนานใช้ได้เลยนะ”
“เมื่อกี้พาพวกเขาออกไปทำธุระนิดหน่อย”
หลี่โม่ตอบคำถามเพื่อตัวรอด แล้วหยิบใบสั่งยามาวางไว้ที่ด้านหน้าของกู้หยุนหลัน
“คุณ นี่เป็นใบสั่งยาที่ผมเพิ่งทำเสร็จ คุณลองดูก่อน ผมพิจารณาดูแล้วถ้าใบสั่งยานี้เชื่อถือได้ จะได้ลองผลิตเป็นยาจีนสำเร็จรูปดู หรืออาจจะทำเป็นอาหารเสริมสุขภาพก็ได้”
“อาหารเสริมสุขภาพ? นี่ใบสั่งยารักษาโรคอะไร? มาตรฐานของการผลิตอาหารเสริมสุขภาพต่ำมาก แต่ถ้าทำเป็นยาจีนสำเร็จรูป เอกสารอนุมัติก็ดำเนินการยากมาก”
กู้หยุนหลันหยิบใบสั่งยาขึ้นมาดูอย่างละเอียด ส่ายหัวเบาๆหลังจากดูเสร็จ: “ยาอื่นๆก็พอได้ แต่โสมป่าร้อยปีตอนนี้จะไปทำจากที่ไหน? ต่อให้ทำออกมาได้ แต่ต้นทุนการผลิตจะสูงขนาดไหน?”
“พวกนี้ผมครุ่นคิดมาแล้ว ลองใช้โสมป่าที่คุณภาพดีๆหน่อย ตามที่พูดกันว่าประสิทธิภาพของโสมป่าร้อยปีบำรุงหยางของไตได้ดีมาก ถ้าใช้โสมป่าถึงประสิทธิภาพจะลดลง แต่ก็ดีกว่าอาหารเสริมที่คนพวกนั้นโบกไปโบกมาอยู่ในตลาดนะ?”
หลี่โม่พูดความคิดในใจออกมา รู้สึกว่าตนเองทำอย่างนี้ก็ถือเป็นจิตสำนึกที่ดีในวงการธุรกิจ
กู้หยุนหลันค้นหาข้อมูลสักครู่ แล้วค่อยๆพยักหน้าพูดขึ้น: “ก็มีเหตุผล งั้นลองทำออกมาทดลองประสิทธิภาพสักจำนวนหนึ่งก่อนไหม? ถ้าประสิทธิภาพพอใช้ได้ ค่อยคิดทำเป็นอาหารเสริมดู”
“แต่ทว่าใบสั่งยานี้เป็นของคุณ ให้บริษัทของฉันผลิต กลัวว่าจะไม่ค่อยเหมาะสม โดยเฉพาะคุณลุงท่าทางของพวกเขา……”
ในใจของกู้หยุนหลันเต็มไปด้วยความกังวล มีกู้เจี้ยนกั๋วพวกเขาคอยขัดขวางอยู่ ก็กลัวว่าหลี่โม่ที่เอาใบสั่งยาออกมาจะเสียแรงฟรีโดยที่ไม่ได้รับอะไรเลย
“แหะๆ งั้นเราสร้างบริษัทผลิตกันเองก็ได้”
หลี่โม่พูดอย่างเบิกบาน
“สร้างบริษัทเองง่ายดายขนาดนั้นที่ไหนล่ะ อย่างอื่นไม่ต้องพูดถึง โรงงานกับอุปกรณ์ก็ใช้เงินก้อนใหญ่แล้ว คุณเก็บใบสั่งยาเอาไว้ให้ดีก่อน วันหน้าถ้าได้โอกาสเราค่อยพูดถึงเรื่องพัฒนาอาหารเสริมสุขภาพกัน”
“ได้ ตามใจคุณเลย”
หลี่โม่เพิ่งพูดจบ กู้เจี้ยนกั๋วก็ผลักประตูห้องทำงานเข้ามา
กู้เจี้ยนกั๋วที่สีหน้าอึมครึม ถลึงตาใส่กู้หยุนหลันอย่างดุดัน: “หยุนหลัน คำพูดที่แกพูดเมื่อกี้ไม่น่าฟังเลยนะ อะไรที่เรียกว่าให้ใบสั่งยาแต่กลับไม่ได้รับผลประโยชน์เลยงั้นเหรอ?”
“หลี่โม่เป็นลูกเขยแต่งเข้า กิจวัตรประจำวันของเขาก็เป็นเงินตระกูลกู้ของพวกเราไม่ใช่เหรอ ของทุกอย่างล้วนแต่เป็นของตระกูลกู้ แล้วใบสั่งยาอะไรที่พวกแกคุยกันเมื่อกี้ เอาออกมาด้วย”
เมื่อครู่กู้เจี้ยนกั๋วอยู่นอกประตูพอดี ฟังบทสนทนาของทั้งสองคนจนเกือบจะหมดแล้ว รอให้ทั้งสองคนคุยกันเสร็จ จึงพุ่งเข้ามาโต้แย้ง
ในใจของกู้หยุนหลันชะงักงัน ไม่คิดว่ากู้เจี้ยนกั๋วจะได้ยินคำพูดเมื่อครู่
“คุณลุง ลูกเขยแต่งเข้าก็ไม่ได้หมายความว่าไม่มีสิทธิในทรัพย์สินส่วนตัวนะคะ? ใบสั่งยานี้หลี่โม่ไม่ต้องเอาออกมาอยู่แล้ว ถ้าคุณลุงรู้สึกไม่พอใจก็ไปฟ้องได้เลยค่ะ”
กู้หยุนหลันพูดอย่างแข็งกร้าว
“ดีนักนะ! ไม่นึกว่าจะเห็นคนอื่นดีกว่าคนในครอบครัว แกลืมไปแล้วใช่ไหมว่าแกสกุลอะไร?”
“หนูสกุลอะไรไม่เกี่ยวกับที่หลี่โม่จะให้ไม่ให้ใบสั่งยา นั่นเป็นทรัพย์สินส่วนตัวที่ต้องมีมารยาท ไม่มีใครสามารถล่วงละเมิดได้”
หัวใจของกู้เจี้ยนกั๋วกระอักเลือดแล้ว ยื่นนิ้วออกมาชี้กู้หยุนหลัน แล้วมองไปที่หลี่โม่อย่างโหดเหี้ยม
“หลี่โม่ แกจะให้ไม่ให้!”
“คุณลุงครับ คุณลุงจะให้ผมให้อะไร ผมไม่มีอะไรเลย” หลี่โม่แสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง
“ได้ นี่พวกแกสองคนจะก่อกบฏสินะ คอยดูเถอะ!”
กู้เจี้ยนกั๋วหมุนตัวออกไปด้วยความโมโห ในใจอยากจะแย่งใบสั่งยาในมือของหลี่โม่ออกมาเหลือเกิน
ไม่ว่าใบสั่งยานั้นจะดีหรือไม่ดี จะพัฒนาออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ได้หรือไม่ กู้เจี้ยนกั๋วแค่ไม่อยากเห็นใบสั่งยาอยู่ในมือของหลี่โม่
แค่ลูกเขยไร้ค่าที่แต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิงเท่านั้น สร้างเรื่องแย่ๆให้ตระกูลกู้ แล้วยังทำให้ลูกชายของตนเองต้องเข้าโรงพยาบาลอีก!
แก้แค้น!
ต้องแก้แค้นให้ได้ถึงจะพอใจ!
แต่ต้องทำยังไงถึงจะได้แก้แค้น?