“จะบ้าตาย! ฉันว่าแล้วว่าต้องเป็นอย่างนี้!”
แคลตี้พูดด้วยความโมโห
แขนที่ผิดรูปผิดร่างของบรูซ ได้ประกาศให้รู้ถึงความล้มเหลวของเขาโดยทั่วกัน แคลตี้รู้สึกว่าการแข่งขันของหลี่โม่กับบรูซไม่จำเป็นต้องดูแล้ว บรูซที่เหลือแขนเพียงข้างเดียวก็คือคนไร้ค่า ไม่สามารถเป็นคู่ต่อสู้ของหลี่โม่ได้อยู่แล้ว
ทอมป์สันปิดหน้าจอ พิงอยู่บนพนักเก้าอี้เกาหัวอย่างแรง
“เป็นภารกิจที่ยากจะจัดการจริงๆ ฉันคิดว่าพวกเราอาจจะกลับไปไม่ได้อีกแล้ว เจ้าบ้าหลี่โม่! ฉันอยากจะกลับไปเพลิดเพลินกับการใช้ชีวิตนะเว้ย!”
“ท่านครับ พรุ่งนี้ยังมีการแข่งขันอีกรอบ บางทีน่าจะลองคิดหาวิธีดู บุคคลคนๆนั้นของสำนักหลงเหมินก็อยู่ที่ห้องส่วนตัวไม่ใช่เหรอครับ เราน่าจะไปขอยาเสริมความแข็งแกร่งจากเธอสักหน่อย”
แคลตี้รู้สึกว่าแค่ได้ยาเสริมความแข็งแกร่งของสำนักหลงเหมิน ถึงจะมีวิธีช่วยให้นักมวยสามารถรับมือกับหลี่โม่ได้
ทอมป์สันขมวดคิ้ว รู้สึกว่าราชินีของสำนักหลงเหมินอาจจะไม่ให้ยาเสริมความแข็งแกร่ง
แต่ทว่านี่เป็นเพียงวิธีเดียวในตอนนี้ ไปลองดูก็ไม่มีอะไรเสียหาย
“ก็ได้ งั้นนายก็ลองไปพบแล้วคุยกับเธอดู หวังว่าเธอจะใจป้ำอยู่บ้างนะ”
ทอมป์สันพูดอย่างหมดกำลังใจ
แคลตี้ยักไหล่ ลุกขึ้นออกไปจากห้องทำงาน
บนเวทีประลอง บรูซเงยหน้ามองแสงไฟที่เจิดจ้า ในหัวปรากฏร่างของคนในครอบครัวออกมา
วินาทีนี้มีเพียงแค่ตายบนเวทีประลองเท่านั้น ถึงจะสามารถปกป้องครอบครัวของตนเองได้
“ไอ้เลว วันนี้เราสองคนมีแค่คนเดียวเท่านั้นที่จะรอดชีวิตลงจากเวที! แกตายไปซะเถอะ!”
บรูซที่ไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวด แกว่งแขนขวาที่กระดูกแตกร้าววิ่งเข้าใส่อย่างบ้าคลั่งทันที ใช้หมัดซ้ายต่อยไปที่หลี่โม่
แค่สู้จนแกตายฉันอยู่ ถึงจะถือเป็นผลแพ้ชนะที่ชัดเจนในท้ายที่สุด บนเวทีประลองโอกาสสุดท้ายที่จะพลิกกลับมาชนะก็ยังมีอยู่ บรูซจึงหวังว่าตนเองจะเป็นคนโชคดีคนนั้น ที่สามารถพลิกกลับมาชนะได้ในช่วงสุดท้าย
หลี่โม่ส่ายหน้า พูดเหยียดหยาม: “ให้หนทางรอดแกก็ไม่ไป จะเดินมาทางตายให้ได้ งั้นอย่ามาโทษฉันแล้วกัน”
ตอนที่บรูซพุ่งถลันเข้ามา หลี่โม่ก็ถีบไปที่หน้าอกของบรูซ
แรงมหาศาลกระทบไปบนร่างกายของบรูซ ทำให้บรูซลอยออกไปราวกับกระสุนปืน
บรูซที่ลอยอยู่กลางอากาศรู้สึกว่าตับไตไส้พุงกระเพื่อมไปหมด เลือดทะลักออกมาจากปากทันที
ความรู้สึกของความตายพุ่งเข้ามาในหัวของบรูซ บรูซรู้สึกว่าตนเองเหมือนโดนลำแสงที่น่าพิศวงเข้าครอบคลุม นางฟ้านับไม่ถ้วนลอยอยู่รอบๆตนเอง ราวกับพระเจ้าส่งลงมารับตนเองแล้ว
พลั่ก!
บรูซร่วงลงบนพื้นอย่างแรง หลังจากกระอักเลือดออกมาอีกครั้ง ประกายในแววตาของบรูซค่อยๆจางหายไป
ด้านล่างเวทีเงียบสงัด ทุกคนกำลังมองหลี่โม่อย่างตกตะลึง
ไม่เข้าใจเลยว่าหลี่โม่ที่โดนทุกคนเยาะเย้ยเหน็บแนมไปเมื่อครู่ ทำไมจู่ๆถึงเปลี่ยนไปทรงพลังขนาดนี้ เพียงแค่หนึ่งหมัดหนึ่งเท้า ก็จัดการบรูซผู้ยิ่งใหญ่ได้แล้ว
หลี่โม่กวาดสายตาไปที่ผู้ชมด้านล่างเวที ยิ้มแล้วทำท่าทางให้หุบปาก ตอบกลับไปที่ผู้ชมที่ดูถูกตนเองเมื่อครู่
แล้วหลี่โม่ก็หมุนตัวเดินไปที่ทางออก ออกไปจากเวทีประลองอย่างรวดเร็ว
เพล้ง
แก้วน้ำในมือของราชินีสำนักหลงเหมินหล่นแตกละเอียดอย่างแรง: “ช่างเป็นตอบจบที่เกินความคาดหมายจริงๆ ดูแล้วงานแข่งมวยดำสากลก็ชื่อเสียงไม่ตรงกับความเป็นจริงสินะ ไม่มียอดฝีมือที่พอจะเข้าท่าเลย”
“ครับ คุณพูดถูก ผมว่าพวกเขามาตรฐานต่ำ งานแข่งมวยดำสากลที่ไร้สาระอะไรนี่ มีแต่พวกอืดอาดกับไร้ประโยชน์ทั้งนั้น”
จางเต๋ออู่เออออห่อหมกไปด้วย
“กลับกันเถอะ หวังว่ารอบชิงชนะเลิศพรุ่งนี้จะโดดเด่นหน่อยนะ”
สีหน้าของราชินีสำนักหลงเหมินกลับมาสงบเหมือนเดิม แต่ในใจกลับครุ่นคิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า
พละกำลังของหลี่โม่ที่ปรากฏให้เห็น เกินกว่าที่ราชินีของสำนักหลงเหมินคาดการณ์เอาไว้อีกครั้ง ราชินีของสำนักหลงเหมินรู้สึกว่าควรจะคิดหาวิธีอย่างจริงจังเสียที ถ้าปล่อยให้หลี่โม่พัฒนาต่อไป กลัวว่าผลลัพธ์จะจัดการได้ยากแล้ว
จางเต๋ออู่รีบยื่นมือเข้าไปประคองราชินีของสำนักหลงเหมิน ตอนที่กำลังประคองราชินีของสำนักหลงเหมินยืนขึ้น เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นพอดี
ก๊อกๆๆ
“ผมแคลตี้เป็นคณะกรรมการการจัดงานแข่งขันครับ อยากมาเยี่ยมเยียนราชินีของ สำนักหลงเหมินหน่อยครับ”
ราชินีของสำนักหลงเหมินขมวดคิ้วเล็กน้อย นั่งกลับลงไปที่โซฟาอีกครั้ง ใช้สายตาแสดงให้จางเต๋ออู่ไปเปิดประตู
จางเต๋ออู่เปิดประตูห้อง เห็นแคลตี้ที่นอกประตูจึงพูดขึ้น: “ที่คุณมามีเรื่องอะไร?”
“มีบางเรื่องต้องการคุยด้วยหน่อยครับ ไม่สะดวกให้ผมเข้าไปใช่ไหม?”
“เข้ามาเถอะ”
ราชินีของสำนักหลงเหมินพูดอย่างเย็นชา
จางเต๋ออู่ถอยออกมา ให้แคลตี้เข้ามาในห้องส่วนตัว
แคลตี้โค้งตัวเล็กน้อยอย่างนอบน้อม: “ราชินีของสำนักหลงเหมินที่แท้จริง ผมแคลตี้ครับเป็นคณะกรรมการการจัดการงานแข่งมวยดำสากล”
“ไม่ต้องมากความ พูดจุดประสงค์ของคุณมาเลย”
ราชินีของสำนักหลงเหมินพูดอย่างไม่เกรงใจ
“ครับ พละกำลังของหลี่โม่แข็งแกร่งเกินกว่าที่พวกผมคาดการณ์เอาไว้ ดังนั้นเพื่อรับรองว่าการแข่งขันจะดำเนินต่อไปได้ตามปกติ พวกผมจึงต้องการความช่วยเหลือจากราชินีของสำนักหลงเหมินครับ”
“เหอะๆ การแข่งขันของพวกคุณ จะให้ราชินีของสำนักหลงเหมินช่วยเหลือยังไง?”
“พวกผมต้องการยาเสริมความแข็งแกร่งของพวกคุณจำนวนหนึ่ง เอ่อ แค่หนึ่งชุดที่เพียงพอต่อหนึ่งคนก็ได้ครับ พรุ่งนี้จะให้คู่ต่อสู้ของหลี่โม่ใช้” แคลตี้ฝืนยิ้มพูดขึ้น
ราชินีของสำนักหลงเหมินกับจางเต๋ออู่สบตากัน ในสายตาของทั้งสองคนตกใจเล็กน้อย แล้วเปลี่ยนเป็นยินดีในทันที
เดิมทีราชินีของสำนักหลงเหมินก็อยากนำยาเสริมความแข็งแกร่งมาช่วยเหลืออยู่แล้ว เพียงแต่ยังไม่ทันได้ติดต่อกับแคลตี้
ตอนนี้แคลตี้เป็นฝ่ายเข้ามาหาถึงที่ งั้นก็ไม่มีอะไรจะดีไปกว่านี้แล้ว
“เรื่องนี้แสนง่ายดาย พรุ่งนี้ฉันจะให้เต๋ออู่ไปหาพวกคุณ เขาจะเป็นคนฉีดยาให้คนของพวกคุณเอง”
“อ้อ ขอบคุณมากครับ ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือจากใจจริงเลยครับ”
ราชินีของสำนักหลงเหมินหาวเบาๆ ยิ้มเล็กน้อยพูดขึ้น: “ฉันเริ่มง่วงแล้ว ขอตัวกลับไปพักผ่อนก่อนนะ”
“ได้ครับๆ งั้นพรุ่งนี้ผมจะติดต่อกับคุณจางนะครับ”
แคลตี้ส่งจางเต๋ออู่กับราชินีของสำนักหลงเหมินออกไปจากลานฝึกฝนการต่อสู้ เห็นพวกเขาขึ้นรถกลับไป
หลังจากแคลตี้กลับเข้าไปที่ลานฝึกฝนแล้ว หลี่โม่กับฉู่จงเทียนก็เดินออกมาจากมุมเปลี่ยวที่อยู่ไม่ไกล
“สองคนเมื่อกี้ คือคนที่คุณบอกว่าเป็นคนสำคัญเหรอ?” หลี่โม่ถาม
“ใช่ครับ คือสองคนนั้น พวกเขาให้ความสนใจการแข่งขันของคุณอย่างมาก”
แล้วฉู่จงเทียนก็พูดถึงเรื่องของรอบไวด์การ์ด
เน้นย้ำพูดถึงเรื่องที่จางเต๋ออู่ถามหาวิดีโอการต่อสู้ของหลี่โม่กับนู่หลั่ง
หลี่โม่อมยิ้มมุมปากเล็กน้อย: “เฮอะๆ นี่อยากจะดูพละกำลังของฉันให้ชัดเจนงั้นเหรอ? ไร้เดียงสาจริงๆ”
ฉู่จงเทียนก้มหน้าไม่กล้าพูดอะไร แล้วก็ไม่กล้าถามอะไรด้วย ราวกับกลายเป็นรูปปั้นดินเหนียวในวัดไปแล้ว
หลี่โม่ตบไหล่ของฉู่จงเทียนเบาๆ: “เอาล่ะ คุณกลับไปเถอะ ผมก็จะกลับแล้ว”
“คุณต้องระวังตัวนะครับ ผมเห็นพวกเขาสงสัยในตัวคุณ”
“เฮอะๆ คุณวางใจเถอะ พวกเขาคุกคามผมไม่ได้หรอก”
หลี่โม่โบกๆมือ รีบเดินออกไปจากหอฝึกฝนการต่อสู้ เดินไปทางรถเบนซ์ที่อยู่ฝั่งตรงข้าม
เดินมาถึงข้างรถเบนซ์ หลี่โม่กลับพบว่าในรถไม่มีใครอยู่เลย จึงขมวดคิ้วขึ้นมา
“พวกเขาสองคนจะไปไหนกันได้?”
หลี่โม่มองซ้ายมองขวา รอบๆด้านไม่มีร่างของเฉินเสี่ยวถงกับคางเหวินซิงอยู่แล้ว จึงหยิบมือถือออกมาโทรหาเฉินเสี่ยวถง