“พวกเธอสองคนไปไหน? ทำไมไม่อยู่ที่รถ”
น้ำเสียงของหลี่โม่ค่อนข้างเข้มงวด
“คะ? พี่หลี่โม่ออกมาแล้วเหรอคะ? พวกเรากำลังจะถึง อยู่ที่ร้านกาแฟข้างๆค่ะ เรามาดื่มกาแฟกัน”
เฉินเสี่ยวถงแลบลิ้น จากนั้นก็รีบตัดสาย เรียกคางเหวินซิง แล้วรีบวิ่งออกไปจากหอฝึกฝนการต่อสู้
เมื่อครู่ทั้งสองคนก็เข้าไปในหอฝึกฝนการต่อสู้ นั่งอยู่ในตำแหน่งผู้ชมดูการแข่งขันของหลี่โม่
อีกอย่างเมื่อครู่ทั้งสองคนยังวางเดิมพันว่าหลี่โม่ชนะด้วย อัตราต่อรองสูงที่เดิมพันหนึ่งได้ถึงสิบเท่า จึงทำให้ทั้งสองคนได้รับเงินมามากมาย
ก็เป็นเพราะต้องแลกเงินวางเดิมพัน จึงทำให้ทั้งสองคนออกมาช้า
“รีบหน่อยๆ พี่หลี่โม่รอพวกเราอยู่ข้างนอก”
เฉินเสี่ยวถงพูดไปวิ่งไปข้างนอกอย่างรวดเร็ว
คางเหวินซิงตามเฉินเสี่ยวถงไปติดๆ พุ่งถลาออกไปข้างนอก
ตอนที่ทั้งสองคนกลับมาถึงข้างรถเบนซ์ ก็เหนื่อยจนหายใจไม่ทัน หลังจากหยุดฝีเท้าลง ก็
งอตัวหอบแฮ่กกันทั้งคู่
“นี่พวกเธอไปดื่มกาแฟมางั้นเหรอ? ฉันไม่เคยได้ยินว่าในหอฝึกฝนการต่อสู้มีร้านกาแฟนะ” หลี่โม่พูดด้วยสีหน้าอึมครึม
“เอ่อฮ่าๆ พี่หลี่โม่พี่ไม่ต้องใส่ใจรายละเอียดพวกนี้ก็ได้มั้ง พวกเราแค่อดความอยากรู้อยากเห็นไว้ไม่ได้ ก็เลยเข้าไปดูความกล้าหาญของพี่”
คางเหวินซิงพยักหน้าอย่างเต็มที่: “ใช่ๆๆ พวกเราเข้าไปดูความกล้าหาญของอาจารย์ครับ ลูกเตะของอาจารย์เมื่อกี้เท่สุดๆเลย”
“ที่พวกเธอไม่เป็นอะไรนั่นก็โชคดีมาก คนที่ไปดูการแข่งขันมีทั้งดีทั้งเลวปะปนกัน ถ้าเกิดเรื่องจริงๆ พวกเธอจะร้องขอความช่วยเหลือก็คงไม่ทันแล้ว”
เมื่อครู่หลี่โม่เป็นห่วงพวกเขาจริงๆ อันที่จริงคนที่ไปดูงานแข่งมวยดำสากล มักจะไม่ใช่คนที่รับมือได้ง่ายกันทั้งนั้น อีกอย่างเฉินเสี่ยวถงสวยขนาดนี้ ถ้ามีคนสนใจแล้วโดนบังคับขืนใจขึ้นมา คางเหวินซิงก็ปกป้องเฉินเสี่ยวถงไม่ได้อยู่แล้ว
เฉินเสี่ยวถงก้มหน้าพูดด้วยความน้อยใจ: “รู้แล้วค่ะ ต่อไปฉันจะเชื่อฟังยังไม่พออีกเหรอ เมื่อกี้คางเหวินซิงห้ามไม่ให้ฉันไปแล้ว แต่ฉันก็ลากเขาไปด้วยกัน”
คางเหวินซิงจึงรีบพูดขึ้น: “อาจารย์อย่าโทษเฉินเสี่ยวถงเลยครับ ความผิดทั้งหมด เป็นความผิดของผมเอง”
“พวกเธอทั้งคู่ไม่ต้องมาพูดแทนกัน ผิดกันทั้งคู่นั่นแหละ กลับไปครุ่นคิดให้ดี ถ้ายังไม่เชื่อฟังอีก พวกเธอมาจากทางไหนก็กลับไปทางนั้น”
“รู้แล้วค่ะ ต่อไปจะเชื่อฟังค่ะ”
เฉินเสี่ยวถงดึงแขนเสื้อของหลี่โม่เขย่าเบาๆ ท่าทางน่าสงสารน่าเอ็นดูเหลือเกิน
หลี่โม่ถอนหายใจ แสดงท่าทีให้คางเหวินซิงขับรถกลับไป
คางเหวินซิงเปิดประตูรถ ทั้งสามคนขึ้นรถไปด้วยกัน
สตาร์ทรถเบนซ์แล้วค่อยๆขับไป ร่างของคนสองคนเดินออกมาจากราวกั้นประตูของหอฝึกฝนการต่อสู้ กำลังมองไฟท้ายรถที่แล่นออกไปไกล
“ท่านครับ เมื่อครู่ผู้ชายคนนั้นที่มากับหลี่โม่ วางเดินพันสิบล้านว่าหลี่โม่ชนะ สุดท้ายจึงได้เงินไปหนึ่งร้อยล้าน” แคลตี้พูดเบาๆ
“บางทีพวกเราควรจะเข้าทางลูกน้องข้างกายเขา นายไปรวบรวมข้อมูลให้มากหน่อย พวกเราต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้สำเร็จ” ทอมป์สันพูดอย่างไม่สบายใจ
“ครับท่าน ผมจะไปรวบรวมข้อมูลคนสนิทของหลี่โม่มาครับ”
……
หลังจากจางเต๋ออู่ส่งราชินีของสำนักหลงเหมินเข้านอนแล้ว เดิมทีอยากจะคอยรับใช้อยู่ในห้องนอน แต่กลับโดนราชินีของสำนักหลงเหมินที่อารมณ์ไม่ดีถีบลงมาจากเตียง
จางเต๋ออู่รู้ว่าทำไมราชินีของสำนักหลงเหมินถึงหงุดหงิดใจ สาเหตุมาจากหลี่โม่ทั้งนั้น
“คืนนี้ไม่ต้องการนายแล้ว ฉันอยากอยู่เงียบๆคนเดียว”
ราชินีของสำนักหลงเหมินพูดอย่างเย็นชา
“ครับ”
ถ้าเป็นวันอื่น จางเต๋ออู่คงจะเป็นเหมือนหมาน้อยที่ออดอ้อนประจบสอพลอ แต่ทว่าวันนี้จางเต๋ออู่รู้ดีว่าควรทำตัวยังไง รู้ว่าถ้าตนเองพูดมาก กลัวว่าจะโดนราชินีของสำนักหลงเหมินตบบ้องหูเข้าให้
ออกมาจากห้องราชินีของสำนักหลงเหมินแล้ว จางเต๋ออู่ยืนอยู่บนทางเดินหยิบบุหรี่ออกมา
หลังจากสูบบุหรี่ไปเล็กน้อย จางเต๋ออู่ก็หยิบมือถือออกมา ส่งข้อความไปหาเฉินเสี่ยวถง ถามเรื่องตามหากุญแจลับว่าเป็นยังไงบ้าง
เฉินเสี่ยวถงที่กำลังพยายามเล่าเรื่องตลก อยากจะทำให้หลี่โม่อารมณ์ดีขึ้น โดนเสียงข้อความดังขึ้นขัดจังหวะการเล่าเรื่องตลก
หลี่โม่มองเฉินเสี่ยวถง: “มือถือเธอดังแล้ว ไม่ดูหน่อยเหรอ?”
“อ้อ”
เฉินเสี่ยวถงตอบรับด้วยเสียงอ่อยๆ หยิบมือถือออกมาดู แล้วยื่นนิ้วมือไปจิ้มๆหลี่โม่ วางมือถือไว้ด้านหน้าเขา
หลี่โม่ดูเนื้อหาบนหน้าจอ แล้วลูบๆคางครุ่นคิดอยู่สองนาที
“เธอตอบกลับเขาไปอย่างนี้ บอกไปว่าก่อนหน้านี้ได้ยินมาว่าหลี่โม่ให้หยกกลมโบราณชิ้นหนึ่งแก่พ่อตาของเขา แล้วหยกกลมชิ้นนั้นเป็นลายมังกร คาดว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับกุญแจลับ”
เฉินเสี่ยวถงกระพริบตาปิ๊งๆ แล้วหยิบมือถือมาเริ่มเรียบเรียงข้อความตอบกลับจางเต๋ออู่
ขณะที่จางเต๋ออู่กำลังดีดก้นบุหรี่ทิ้งไป มือถือก็สั่นขึ้นมาสองที
เห็นว่าเป็นข้อความที่เฉินเสี่ยวถงตอบกลับมา จางเต๋ออู่จึงอดไม่ได้ที่จะแสยะยิ้ม
“หลี่โม่มอบหยกกลมโบราณลายมังกร ให้กับพ่อตา เหมือนกับจะมีความหมายของกุญแจลับอยู่นิดหน่อยจริงๆ แต่ไม่รู้ว่ากุญแจลับหน้าตาเป็นยังไงกันแน่ ไม่งั้นคงไม่ยุ่งยากอย่างนี้หรอก”
จางเต๋ออู่พึมพำกับตนเอง แล้วกดไปที่หน้าจอมือถือเริ่มตอบกลับ
ชั่วพริบตา มือถือของเฉินเสี่ยวถงก็ส่งเสียงเตือนว่ามีข้อความเข้าขึ้นอีกครั้ง
เฉินเสี่ยวถงไม่ได้ดูมือถือ แต่ยัดมือถือของตนเองเข้าไปในมือของหลี่โม่ทันที
หลี่โม่หัวเราะแล้วทัชที่หน้าจอมือถือ ดูข้อความที่จางเต๋ออู่ตอบกลับมา
“เขาให้เธอถ่ายรูปส่งไปให้เขาพรุ่งนี้ เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าฉันจะติดต่อ ให้คนส่งหยกกลมที่เหมาะสมมาให้สักชิ้น”
“ดีค่ะ พรุ่งนี้ถ้ามีหยกกลมที่เหมาะสมแล้ว ฉันจะถ่ายรูปส่งไปให้จางเต๋ออู่ดู” เฉินเสี่ยวถงพูดขึ้นอย่างว่าง่าย
คางเหวินซิงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ถามขึ้นด้วยเสียงอ่อยๆ: “อาจารย์ครับ จางเต๋ออู่เป็นใครเหรอ? เป็นคนที่อาจารย์รับมือไม่ได้หรือเปล่า? ไม่งั้น ผมจะจ้างคนไปจัดการเขา เมื่อกี้พวกเราชนะรางวัลมาหนึ่งร้อยล้าน ผมไม่สะดวกใจจะเก็บเอาไว้”
“ชนะรางวัลหนึ่งร้อยล้านนั่นเป็นความสามารถของนาย เรื่องจัดการจางเต๋ออู่ ไม่จำเป็นต้องให้นายเข้ามายุ่ง อ้อ ประจวบเหมาะที่จะให้นายเอาเงินหนึ่งร้อยล้านนี้ไปจองรถแข่งดีๆสักคัน อีกไม่กี่วันจะได้ใช้ตอนสอนนายซิ่ง”
คางเหวินซิงตื่นเต้นขึ้นมาทันที พยักหน้าพูดขึ้น: “ครับ รถแข่งที่แพงที่สุดก็สี่สิบกว่าล้าน หนึ่งร้อยล้านจองได้สองคันพอดี ถึงตอนนั้นก็มอบให้อาจารย์หนึ่งคันเพื่อแสดงความเคารพด้วยเลย”
“ฮ่าๆๆ ขอบใจที่นึกถึงกัน”
หลี่โม่พูดอย่างเบิกบาน
“ฮี่ๆ ถ้าไม่ใช่การแข่งขันของอาจารย์ ผมคงไม่ชนะรางวัลหนึ่งร้อยล้านนี้หรอกครับ”
คางเหวินซิงก็ดีอกดีใจ
เฉินเสี่ยวถงเบ้ปาก: “ไม่ใช่ฉันที่ให้นายวางเดิมพันหรอกเหรอ นายก็ควรจะซื้ออะไรให้ฉันหน่อยไหม?”
“บอกมาเลย เสื้อผ้ากระเป๋าเครื่องสำอาง เธอเลือกเอาตามใจ”
คางเหวินซิงพูดอย่างใจกว้าง
“เหอะๆ นายคิดว่านายเป็นใครยะ? ของพวกนี้นายไม่จำเป็นต้องให้ซะหน่อย สามีในอนาคตของฉันต่างหากที่ต้องให้ฉัน”
เฉินเสี่ยวถงพูดจบก็ชำเลืองมองหลี่โม่ ในใจคิดว่าถ้าหลี่โม่บอกว่าจะให้เสื้อผ้ากระเป๋าเครื่องสำอางแก่ตนเองคงจะดีมากๆ
คางเหวินซิงยิ้มอย่างทำตัวไม่ถูก ไม่รู้ว่าควรตอบเฉินเสี่ยวถงยังไงแล้ว