บทที่ 51 บังอาจ! อย่าไร้มารยาท
เหล้าที่ราคาขวดละสิบล้าน ตัวขวดฝังไปด้วยเพชรพลอย เป็นเหล้าชั้นดี
แต่ตอนนี้กลับมอบให้กับหลี่โม่?
กวนเหลินกังลงทุนกับมันไปมาก เถ้าแก่ที่อยู่เบื้องหลังกำลังพยายามเอาใจหลี่โม่?
“คุณ…..คุณพูดว่าอะไรนะ?”
หวังฟางถึงกับงง ลุกขึ้นยืนมองอู๋เต้าเหวินอย่างไม่เชื่อ “ผู้จัดการอู๋ คุณเข้าใจอะไรผิดรึเปล่า นี่จะเป็นการเตรียมไว้ให้คนไร้ประโยชน์อย่างหลี่โม่ได้ยังไง? ต้องเป็นเทียนไห่สิ เทียนไห่ถึงจะเป็นแขกพิเศษ”
นี่มันเกิดอะไรขึ้น?
หวังฟางยังหันหน้าไปมองหลี่โม่ และเห็นว่าใบหน้าเขาเองก็เต็มไปด้วยความงุนงง
ตอนนี้สีหน้าของหลี่โม่แย่มาก มองไปที่อู๋เต้าเหวิน หรือว่าก่อนหน้านั้นจะไม่เข้าใจที่เขาว่า?
ซู๋ไห่เทียนโมโหจนหน้าแดงก่ำ เขายืนอยู่ตรงนั้น จะหยิบก็ไม่ใช่ จะนั่งก็ไม่ใช่ อึดอัดมากจริงๆ!
ตอนแรกเขากะว่าจะทำเป็นเสแสร้งต่อหน้าคนตระกูลกู้สักหน่อย ตอนนี้เกิดเรื่องนี้ เขากลับกลายเป็นคนที่อับอายที่สุด
หลี่โม่ เป็นเพราะหลี่โม่ทั้งนั้น
และยังมีอู๋เต้าเหวินคนนี้กับเถ้าแก่ที่อยู่เบื้องหลังมัน สมองมีปัญหาอย่างนั้นหรอ?
เหล้าที่แพงขนาดนี้กลับมอบให้กับไอ้หลี่โม่จอมอวดดีนั่น!
บ้าไปแล้ว!
“ผู้จัดการอู๋ คุณมั่นใจนะว่าไม่ได้เข้าใจผิด? หลี่โม่คนนี้เป็นคนที่ไร้ประโยชน์สุดๆเลยนะ คนกว่าครึ่งหนึ่งในเมืองฮ่านก็รู้ เขาเป็นลูกเขยที่แต่งเข้าบ้านตระกูลกู้ หวังแต่พึ่งพาภรรยาอย่างเดียว คุณเอาเหล้านี่มอบให้เขา เขาจะเข้าใจหรอ มันต่างอะไรกับการเทให้หมาดื่มกัน?”
ซู๋ไห่เทียนมีแต่ความโมโห ในเวลานี้เขาไม่พอใจมาก
อู๋เต้าเหวินหันหน้ามา แล้วใช้สายตาเย็นชามองไปที่ซู๋ไห่เทียน
และในตอนนี้ หลี่โม่ก็หัวเราะเบาๆอย่างเย็นชา “อ้อ ฟังอย่างนี้แล้วแสดงว่าคุณชายซู๋เข้าใจเรื่องเหล้ามากเลย?”
“หุบปาก เหล้าที่กูดื่มมาเยอะกว่าน้ำเหล่าที่แกดื่มซะอีก!ขยะอย่างแกเหมาะที่จะดื่มเหล้าแบบนี้?เป็นอะไรที่เสียของที่สุด!”
ซู๋ไห่เทียนเห็นว่าหลี่โม่ยังกล้าพูดแทรกจึงโมโหหนักสุดๆจนหน้าแดงก่ำ
แต่ว่า!
คำพูดที่ด่าออกไปดังก้องทั่วห้อง
“คุณชายซู๋ กรุณาให้เกียรติกันด้วย เหล้านี้เถ้าแก่ของพวกเรามอบให้กับคุณหลี่จริงๆ”ในตอนนี้อู๋เต้าเหวินพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา ในสายตามีแสดงออกว่าไม่พออย่างนิดหน่อย
ซู๋ไห่เทียนตัวสั่น ใบหน้ายิ่งแสดงถึงความสงสัยมากขึ้น
ไม่เพียงแต่เขา หวังฟางและกู้เจี้ยนหมินเองก็ตกใจ
กู้หยุนหลันเองยิ่งมองไปที่หลี่โม่อย่างไม่น่าเชื่อ แล้วถามเสียงเบาว่า “สรุปว่าเกิดอะไรขึ้น?นายรู้จักเถ้าแก่ของที่นี่?”
หลี่โม่รู้สึกอึดอัดนิดหน่อย จะให้อธิบายยังไงดี?
หรือว่ายอมรับไปตรงๆเลย?
ฉันคือนายน้อยของสำนักหลงเหมิน และก็เป็นหลงจวูนในอนาคต!
ร้านนี้เขาสามารถซื้อได้ง่ายๆใช้เวลาเพียงแค่ขยับนิ้ว?
พูดออกไป กู้หยุนหลันและแม่ยายพวกเขาจะเชื่อหรอ?
ในขณะนี้เอง อู๋เต้าเหวินก็หัวเราะแล้วพูดแทรก “คุณหลี่ คนสูงส่งอย่างคงจะลืมแล้ว ครั้งก่อนที่อยู่หน้าโรงพยาบาลประชาชน คุณช่วยเหลือเถ้าแก่พวกเรา เถ้าแก่ของพวกเราเคยรับสั่งไว้ ถ้าหากว่าคุณมาร้านของเรา จะต้องบริการอย่างดีที่สุด ห้องอาหารนี้ก็เห็นแก่คุณถึงได้ให้พวกคุณใช้”
เมื่อพูดคำนี้ออกมา หวังฟางที่เมื่อกี้ยังเอาแต่ประจบซู๋ไห่เทียนก็ถึงกับระเบิด
เธอพูด “อะไรนะ!ผู้จัดการอู๋ ที่ให้ห้องนี้กับพวกเราก็เพราะเห็นแก่หลี่โม่?ไม่ใช่เพราะว่าเทียนไห่?”
นี่ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
ซู๋ไห่เทียนเองก็มึนงง รู้สึกว่าที่ตัวเองเสแสร้งแกล้งทำมาตลอดนั้นได้มาจากคนอื่น?
แม่ง!
เพียงครู่เดียว ซู๋ไห่เทียนก็โกรธหนักแล้วพูด “ผู้จัดการอู๋ คุณอย่าถูกพวกคนต่ำต้อยหลอกล่อสิ คนไร้ประโยชน์อย่างหลี่โม่มันจะมีเกียรติอะไรขนาดนั้น?มันช่วยเถ้าแก่พวกคุณ?ช่วยอะไร?ฉันไม่เชื่อ!”
ซู๋ไห่เทียนนั้นโมโหมากจริงๆ!
วันนี้ตัวเขาแค่อยากจะเสแสร้งต่อหน้าหลี่โม่และกู้หยุนหลันเท่านั้น ทำไมมันยุ่งยากขนาดนี้!
ผมลำบากขื่นขมจริงๆ
กู้หยุนหลันเองก็หันไปจ้องที่หลี่โม่ แล้วสอบถาม “เถ้าแก่อะไร?”
หลี่โม่ยิ้มแห้งแล้วพูด “วันนั้นเธอก็เคยเจอไม่ใช่หรอ?อยู่ที่หน้าโรงพยาบาล ตอนที่เธออยู่กับจินซ่านน่า”
ได้ยินคำอธิบายนี้ กู้หยุนหลันก็นึกขึ้นได้แล้วพูด “อ้อ โรลย์รอยส์คันนั้น…..”
พูดถึงนี่เธอก็ปิดปากเล็กๆของเธอไว้ ที่แม้คนแก่คนนั้นก็เป็นเถ้าแก่ของกวนเหลินกังนี่เอง
เมื่อเห็นภาพนี้ หวังฟางก็ทนไม่ไหว ถามออกไป “หยุนหลัน สรุปแล้วเกิดอะไรขึ้น?เธอรู้?”
กู้หยุนหลันพยักหน้า มองไปที่คนอื่นๆแล้วพูด “ฉันรู้ หลี่โม่ช่วยเหลือคนแก่คนหนึ่งจริงๆ เพียงแต่ไม่รู้ว่าใช่เจ้าของร้านของที่นี่หรือเปล่า”
อู๋เต้าเหวินรีบพูด “ใช่แล้ว ยังดีที่คุณหลี่ช่วยเหลือในวันนั้น ถ้าอย่างนั้นเหล้านี้ ผมวางไว้ที่ตรงนี้ ถ้าต้องการอะไร พวกคุณก็สั่งมาได้เลย”
พูดจบ อู๋เต้าเหวินก็ออกจากห้องไป
ตอนนี้บรรยากาศในห้องนั้นเงียบมาก
ซู๋ไห่เทียนนั่งอยู่กับที่แต่รู้สึกเหมือนนั่งเบาะหนาม
หวังฟางที่เมื่อกี้ยังคอยประจบซู๋ไห่เทียน ตอนนี้กลับยิ้มแห้งใส่เขา ไม่มีความกระตือรือร้นอย่างเมื่อกี้แล้ว แต่ก็ไม่ถึงกับแย่
ซู๋ไห่เทียนนั่งต่อไม่ไหว อ้างว่ามีเรื่องส่วนตัวแล้วขอกลับไปก่อน
แต่ว่า ก่อนจะกลับก็หันมาจ้องด้วยสายตาดุเดือดใส่หลี่โม่ ใช้สายตาเตือนว่าตัวเองไม่ปล่อยเขาไว้แน่!
ในเมื่อซู๋ไห่เทียนก็กลับ ทุกคนจึงได้แยกย้ายกัน
ตอนลงไปจ่ายเงิน หลี่โม่ส่งกู้หยุนหลันและหวังฟางส่งไปที่รถก่อน แล้วค่อยกลับเข้าไปในร้านอาหาร
อู๋เต้าเหวินบอกว่าพนักงานหน้าเคาน์เตอร์ไว้เรียบร้อยแล้วว่าบิลของห้องสวนลอยฟ้านั้นฟรี
หลี่โม่เพิ่งเข้าไปห้องโถง พนักงานคนหนึ่งก็ยืนทำความเคารพอยู่ด้านใน พูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “คุณหลี่คะ ผู้จัดการอู๋และลุงเฉียนรอคุณอยู่ชั้นบนค่ะ”
หลี่โม่พยักหน้า มือสอดไว้ในกระเป๋ากางเกงทั้งสองข้าง กำลังจะเดินขึ้นชั้นบน
แต่ว่า ได้ยินคำพูดประชดประชันเข้าหูมาซะก่อน
“โอ๊ะๆๆ นี่มันหลี่โม่ที่เป็นแมงดาไร้ประโยชน์ของบ้านเราไม่ใช่หรอ นายมาที่นี่ทำไม?”
หลี่โม่เงยหน้าขึ้นมอง ก็เห็นกู้ชิงหลินและพวกลูกคนรวยคนอื่นๆกำลังเดินลงบันไดมา
ขาเรียวยาวทั้งสองข้างนั้นเป็นสิ่งที่ผู้ชายทุกคนชอบจริงๆ
หลี่โม่ขมวดคิ้ว แล้วหลีกทางให้ ตอนนี้เขาไม่อยากมีเรื่องเข้าใจผิดกับกู้ชิงหลิน
แต่ว่ากู้ชิงหลินกับกอดอกไว้แสดงออกถึงร่างกายที่สมบูรณ์ แล้วพูดถากถางว่า “ใช้ได้นี่หลี่โม่ คนจนๆอย่างแกก็มีสิทธิ์มาที่นี่แล้วหรอ?”
หลี่โม่ขมวดคิ้วแล้วพูดนิ่งๆ “เกี่ยวอะไรกับเธอ?”
เมื่อฟังคำนี้ กู้ชิงหลินก็โมโห พูดอย่างดุดัน “นี่มันท่าทางอะไรของแก?แกก็เป็นแค่เพียงลูกเขยที่แต่งเข้าบ้านตระกูลกู้ของฉัน กล้าดียังไงมาพูดจาอย่างนี้กับฉัน!”
“โอ๊ะ ชิงหลิน นี่คือแมงดาหลี่โม่ที่นายพูดถึงขั้นหรอ?”
“ใช้ได้นี่ ได้เจอวันนี้ ไม่ธรรมดาจริงๆด้วย อวดดีพอสมควร”
“เหอะๆ ไอ้หนุ่มนี่ก็อวดดีอยู่นี่ เฮ้ย แกคือหลี่โม่หรอ พูดจากับพี่ชิงหลินแบบนี้ได้ยังไง?ขอโทษซะ!”
ตอนนี้ลูกคนรวยแต่ละคนนั้นดื่มไปพอสมควร หัวเราะตามๆกันแล้วก็ด่า
กู้ชิงหลินนั้นใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มเย็นชา มองใบหน้าที่มืดหมองของหลี่โม่ แล้วใช้มือตบๆที่แก้มของเขา “หลี่โม่ ขยะอย่างแก ยังกล้าทำหน้าแยกเขี้ยวใส่ฉัน?นายมีชีวิตอยู่จนเบื่อแล้วหรอ? คิดว่าพึ่งกู้หยุนหลันแล้วฉันจะไม่กล้าทำอะไรแกจริงๆนั้นหรอ?”
ลี่โม่กำหมัดแน่น
ในตอนนั้นก็มีเสียงดุดันดังมาจากด้านบน “บังอาจ! ใครกล้าทำตัวไร้มารยาทกับคุณหลี่!”