ราชินีของสำนักหลงเหมินเงียบไปครู่หนึ่ง เธอรู้สึกว่าปีนี้เป็นปีที่ไม่ค่อยราบรื่น ไปจุดธูปไหว้พระนับว่าเป็นวิธีที่ดี อย่างน้อยก็ทำให้จิตใจสงบลงได้
“ก็ได้ งั้นนายจัดการแล้วกัน พรุ่งนี้ไปวัดหลิงซานสักวัน จัดการให้เรียบร้อย ฉันไม่อยากให้ใครมารบกวน” ราชินีของสำนักหลงเหมินหลับตาพูด
จางเต๋ออู่เข้าใจสิ่งที่ราชินีของสำนักหลงเหมินต้องการจะสื่อ เธอต้องการปิดวัดหลิงซานทั้งวัด ถ้าราชินีของสำนักหลงเหมินอยู่ในวัดหลิงซาน ใครก็ห้ามเข้าไปข้างในวัด
“โอเคครับ ผมจะรีบไปจัดการ”
จางเต๋ออู่มองเรือนร่างอันงดงามของราชินีสำนักหลงเหมิน ด้วยสายตาโลภมาก จากนั้นเขาจึงโค้งตัวและเดินออกจากห้อง
ตอนนี้จางเต๋ออู่ไม่กล้าคิดอะไร ช่วงนี้อารมณ์ของราชินีสำนักหลงเหมินแปรปรวน ถ้าทำอะไรผลีผลาม จางเต๋ออู่รอรับความโกรธอันไร้จุดสิ้นสุดของราชินีสำนักหลงเหมินได้เลย
บนทางเดินในอาคาร จางเต๋ออู่โทรหาคนที่เกี่ยวข้อง เขาจัดการเรื่องการเดินทางไปวัดหลิงซานในวันพรุ่งนี้ บอกให้ทางวัดปิดในวันพรุ่งนี้ และเตรียมการต้อนรับให้เรียบร้อย
เมื่อจัดการเสร็จเรียบร้อย จางเต๋ออู่กลับมาที่ห้อง เขาโทรหาหลิวเหล่าเจ๋ย
หลิวเหล่าเจ๋ยสวมชุดฝึกกำลังแบบพอดีตัว สีหน้าของเขาไร้อารมณ์และดูเคร่งขรึม
คืนนี้จะต้องไปขโมยของสำคัญ หลิวเหล่าเจ๋ยไม่กล้ามีความสุขหรือยิ้มแย้มแม้แต่น้อย
“พี่จาง ผมพร้อมแล้ว ออกเดินทางได้ทุกเมื่อ”
“ไอ้หลิว เมื่อกี้ฉันคุยโม้ต่อหน้าราชินีของสำนักหลงเหมิน บอกว่าคืนนี้จะไม่มีอะไรเสียหาย นายอย่าทำให้พลาดนะ”
จางเต๋ออู่กำชับอย่างจริงจัง
“พี่จาง วางใจได้เลย เรื่องอื่นไอ้หลิวอาจจะไม่เก่ง แต่เรื่องขโมยของ ไอ้หลิวมีความสามารถมาก แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยพลาด”
“ถ้าไม่ใช่เพราะว่าโลกเปลี่ยนไป ทุกคนล้วนใช้จ่ายผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ ไอ้หลิวคนนี้คงไม่ต้องว่างงาน ที่ว่ากันว่ายุคสมัยสร้างคน ที่แท้เป็นแบบนี้นี่เอง”
หลิวเหล่าเจ๋ยพูดด้วยสีหน้าหดหู่
จางเต๋ออู่ไม่สนใจความหดหู่ของหลิวเหล่าเจ๋ย แต่เขาสนใจว่าคืนนี้จะสำเร็จหรือล้มเหลว
“อย่าไปคิดเรื่องในอดีตเลย เรื่องคืนนี้นายวางแผนให้ดี ฉันจะส่งหน่วยรบไปสนับสนุนนายด้วย ไม่ว่ายังไง ต้องขโมยของมาให้ได้”
หลิวเหล่าเจ๋ยรับรู้ได้ถึงความน่ากลัวจากคำพูดของจางเต๋ออู่ ราวกับว่าถ้าเขาทำพลาด พวกหน่วยรบอะไรนั่น จะฆ่าปิดปากเขาตรงนั้นเลย
เขาใจสั่นครู่หนึ่ง สายตาของหลิวเหล่าเจ๋ยฉายแววหวาดระแวง
“พี่จาง วางใจได้เลย ผมจะทำให้ดีที่สุด ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอไปศึกษาเรื่องพื้นที่ก่อนนะครับ”
“ไปเถอะ อาหู่พาหน่วยรบไปรอนายข้างนอก ครั้งนี้พวกเขาจะฟังคำสั่งของนาย”
“โอเคครับ งั้นผมไปก่อนนะครับ”
หลิวเหล่าเจ๋ยประสานมือไว้ระดับอกเพื่อทำความเคารพจางเต๋ออู่ จากนั้นจึงหันหลังเดินออกมา
เมื่อออกมาจากห้องของจางเต๋ออู่ หลิวเหล่าเจ๋ยวิ่งออกมาที่ห้องโถงที่ไม่มีคนและชะงักฝีเท้าลง
หลิวเหล่าเจ๋ยยืนอยู่ตรงมุมอับ เขาหยิบบุหรี่ขึ้นมาจ่อที่ปาก และจุดไฟแช็กน้ำมันก๊าดสีทอง เขาสูดควันเข้าปอด
ให้ตายเถอะ! หลิวเหล่าเจ๋ยสบถอยู่ในใจ
อาหู่อะไรนั่นเป็นคนสนิทของจางเต๋ออู่ ถ้าไม่มีภารกิจสำคัญ อาหู่ไม่มีทางพาคนออกไปแน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้น อาหู่หยิ่งกับคนอื่นมาก นอกจากคำพูดของจางเต๋ออู่ เขาก็ไม่ฟังคำพูดของใครเลย
ครั้งนี้จางเต๋ออู่ส่งอาหู่มา ยิ่งทำให้หลิวเหล่าเจ๋ยแน่ใจกับสิ่งที่ตัวเองกำลังคาดเดาในใจ
ถ้าครั้งนี้เขาทำพลาด วิญญาณของเขาคงจะต้องกลับสู่สวรรค์!
หลิวเหล่าเจ๋ยยังไม่อยากตาย เขาอยากมีชีวิตอยู่ต่ออีกนาน เขาจะไม่ยอมให้ตำนานของราชาแห่งโจรสูญหายไป เพราะน้ำมือของตัวเองเด็ดขาด!
ไม่แน่ ตำนานของราชาแห่งโจรอาจจะเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ก็เป็นได้ ทำได้เพียงเล่าปากต่อปากเท่านั้น
หลิวเหล่าเจ๋ยคิดจนสับสนไปหมด บุหรี่มวนหนึ่งถูกสูบจนหมด
ตึกๆๆ
เสียงฝีเท้าหนักดังขึ้นมา อาหู่ก้าวเข้ามาในห้องโถง เขามองก้นบุหรี่ที่มอดไปตรงมุมห้อง
“ไอ้หลิว แกทำอะไรน่ะ ทุกคนกำลังรอคำสั่งจากแกอยู่นะ”
อาหู่แสร้งทำเป็นยิ้ม และเอ่ยขึ้น
“เหอะๆ ไม่ได้ทำงานมานาน เลยเครียดนิดหน่อยน่ะ ฉันเลยหาที่สูบบุหรี่ เพื่อแก้เครียดสักหน่อยน่ะ”
หลิวเหล่าเจ๋ยพูดโกหกออกมา
“โอ๊ะ ปกติแกชอบโม้ว่าตัวเองเก่งไม่ใช่หรือไง ทำไมถึงเครียดล่ะ ถ้าแกทำไม่ได้ ให้ฉันพาคนไปเองไหม”
อาหู่แอบพูดแขวะ
หลิวเหล่าเจ๋ยอยากให้อาหู่ไป แต่ถ้าทำแบบนั้น จุดจบของเขาจะน่าเวทนาแน่ๆ
“นายอย่ามาแย่งความดีความชอบจากฉันสิ นี่เป็นงานที่พี่จางมอบหมายให้ฉันเชียวนะ”
หลิวเหล่าเจ๋ยพูดจบก็โยนก้นบุหรี่ลงบนพื้น และใช้เท้าเหยียบสองที
“ไปกันเถอะ พวกเราจะไปที่บ้านของหลี่โม่ ถึงจะอันตรายแค่ไหน ไอ้หลิวคนนี้ก็จะบุกเข้าไป”
หลิวเหล่าเจ๋ยเดินอกผายไหล่ผึ่งเข้าไปหาอาหู่ เขาหัวเราะให้อาหู่ “อาหู่ พวกนายเป็นนักรบ จะทำเรื่องสกปรกได้อย่างไรกัน พวกนายคอยสนับสนุนฉันก็พอ”
อาหู่แสยะยิ้ม เขาโดนหลิวเหล่าเจ๋ยพูดยอจนลอย
“แกนี่ช่างพูดจริงๆ วางใจเถอะ พวกเราไม่แย่งงานของแกหรอก พวกเราไม่เห็นงานเล็กๆ ของแก อยู่ในสายตาหรอก”
“ไม่สนก็ดี ถ้าเรื่องนี้เรียบร้อย ฉันจะเลี้ยงข้าวพวกนาย ไม่เพียงแค่กินข้าว ฉันจะพาพวกนายไปอาบอบนวดกับสาวๆ ด้วย ฉันเจ๋งไหมล่ะ”
หลิวเหล่าเจ๋ยพูดพลาง เดินออกไปข้างนอก
อาหู่หรี่ตาลง เขาตบบ่าของหลิวเหล่าเจ๋ย จนทำให้ร่างกายอันซูบผอมของหลิวเหล่าเจ๋ยโงนเงนไปมา
“ในเมื่อเจ๋งขนาดนี้ งั้นฉันขอแอบบอกอะไรเจ๋งๆ สักหน่อย งานครั้งนี้ แกต้องทำให้เรียบร้อย ลูกพี่จางเขากดดันมาก”
“วางใจเถอะ เมื่อกี้พี่จางบอกฉันแล้ว ฉันจะทำอย่างเรียบร้อย”
“ฮ่าๆๆๆ” อาหู่หัวเราะออกมา เขายื่นมือออกมาโอบไหล่หลิวเหล่าเจ๋ย ทั้งสองเดินออกจากอาคาร ไปที่รถยนต์ MPV ที่จอดอยู่ข้างนอก
รถ MPV ทั้งสองคนสตาร์ทเครื่องขับตามกันออกมาจากคฤหาสน์ท่ามกลางความมืด เพื่อมุ่งหน้าไปยังที่พักของหลี่โม่
แต่ทว่าตอนนี้ เฉินเสี่ยวถงรู้สึกจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
จางเต๋ออู่จะส่งคนมาขโมยของ เรื่องนี้ต้องปรึกษากับหลี่โม่
เธอลังเลครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเดินไปที่ห้องของกู้หยุนหลันและหลี่โม่ เพราะเธอกำลังกังวล จึงลืมเคาะประตู และผลักประตูเข้าไปอย่างนั้น
หลังจากที่เข้ามาในห้อง เธอเห็นหลี่โม่กับกู้หยุนหลันกำลังกอดกันแน่น และกำลังจูบกันอย่างเร่าร้อนอยู่บนเตียง จู่ๆ สมองของเฉินเสี่ยวถงขาวโพลนไปหมด
“เอ่อ คือฉัน ฉันไม่เห็นอะไรทั้งนั้น!”
เฉินเสี่ยวถงพูดจบ ก็ยกมือขึ้นมาปิดหน้า