ราชินีของสำนักหลงเหมินอยู่ในชุดสบายๆ เธอเข้ามานั่งในรถยนต์โรลส์-รอยซ์แฟนทอมกันกระสุน
เธอพิงหลังบนเบาะหนังแท้ หลับตาลงและพูดว่า “เรื่องเป็นยังไงบ้าง”
“เมื่อคืน ไอ้โจรหลิวขโมยหยกมังกรมาได้แล้ว นอกจากนี้ ผมยังเตรียมอะไรไว้เล็กน้อย”
จางเต๋ออู่ก้มหน้าพูด
“หืม?”
ราชินีของสำนักหลงเหมินส่งเสียงขึ้นจมูก
“คุณอย่าโมโห ผมเตรียมพระเอาไว้ที่วัดหลิงซาน และหลอกภรรยาของหลี่โม่ไปที่วัดหลิงซาน อีกเดี๋ยวถ้าคุณอยากเจอสะใภ้จนๆ คนนี้ก็ได้ครับ”
“ถ้าคุณไม่อยากเจอเธอ ผมจะให้คนจับเธอไว้ หรือถ้าคุณไม่อยากทำอะไรเธอ ผมจะปล่อยตัวเธอไป”
จางเต๋ออู่อยากให้จับกู้หยุนหลันเอาไว้ แต่ยังไงก็ต้องฟังราชินีของสำนักหลงเหมิน
ราชินีของสำนักหลงเหมินแบะปากอย่างไม่พอใจ เธอพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “นายคิดว่าจับตัวกู้หยุนหลัน จะขู่หลี่โม่ได้อย่างนั้นเหรอ เพื่ออำนาจจะมีผู้ชายสักกี่คนมาสนใจผู้หญิง”
“ดูจักรพรรดิฮั่นเกาอะไรนั่นสิ เตะลูกชายกับเมียลงจากรถ เพื่อเอาชีวิตรอด อีกทั้งเล่าปี่ที่พูดว่าพี่น้องเหมือนแขนขา ลูกเมียเหมือนเสื้อผ้า นายลองดูประวัติศาสตร์ ก็จะเห็นนิสัยของคน”
จางเต๋ออู่ก้มหน้าลง และพูดอย่างจนปัญญา “เพราะผมความสามารถอ่อนด้อย เอาแต่ความคิดของตัวเอง ในใจของผม ราชินีของสำนักหลงเหมินเหมือนกับผู้สูงส่ง ถ้าเกิดอันตรายกับคุณ ผมยอมสละชีวิตเพื่อคุณ”
“เหอะๆ”
ราชินีของสำนักหลงเหมินหัวเราะ แต่ทว่าในเสียงหัวเราะของเธอ แฝงไปด้วยความไม่พอใจ
ราชินีของสำนักหลงเหมิน ไม่เชื่อคำประจบประแจงของจางเต๋ออู่
“ผมพูดจากใจจริง ไม่มีอะไรจริงใจไปกว่านี้แล้ว ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากจะควักหัวใจออกมาให้คุณดูด้วยซ้ำ”
“พอแล้ว ไม่ต้องพูดสวยหรู ฉันไม่ได้อยากฟังคำพูดสวยหรู ในเมื่อได้หยกมังกรมาแล้ว ไม่แน่อาจเป็นสัญญาณดีก็ได้”
ในใจราชินีของสำนักหลงเหมินเต็มไปด้วยความหวัง หวังว่าการที่ได้หยกมังกร จะทำให้แผนจัดการหลี่โม่ในการครอบครองสำนักหลงเหมินราบรื่นขึ้นด้วย
การที่จัดการหลี่โม่ได้เป็นเรื่องดี ถ้าเป็นเช่นนั้นราชินีของสำนักหลงเหมินจะได้ควบคุมอยู่หลังม่านได้ ถ้าต่อไปมีโอกาสเหมาะสม เขี่ยหลี่โม่ทิ้งและควบคุมสำนักด้วยตัวเธอเอง
แต่การฆ่าหลี่โม่เป็นแผนที่ไม่ฉลาดนัก ก่อนหน้านี้ราชินีของสำนักหลงเหมินเจออุปสรรคติดต่อกัน ถึงคิดที่จะฆ่าหลี่โม่
แต่ตอนนี้เธอเริ่มเห็นแสงแห่งความหวังอีกครั้ง เธอเริ่มกลับมามีความเชื่อมั่นอีกครั้ง
เธอหลับตาครุ่นคิด จากนั้นจึงพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “เจอกู้หยุนหลันสักครั้งก็ไม่เห็นเป็นไร แต่ไม่ต้องทำให้ใหญ่โต อย่าทำให้เธอตกใจ และอย่าให้เธอรู้ตัวตนของฉัน”
“ได้ครับ ผมจะจัดการให้เรียบร้อย”
“อืม หลี่โม่ไม่ได้มากับเธอใช่ไหม”
ราชินีของสำนักหลงเหมินถามต่อ
ถ้าขืนหลี่โม่มากับกู้หยุนหลัน ราชินีของสำนักหลงเหมินไม่ไปเจอกู้หยุนหลันอย่างแน่นอน ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะเจอหลี่โม่
“หลี่โม่ไม่มาครับ มีแค่ยัยเด็กเฉินเสี่ยวถงที่มากับกู้หยุนหลัน” จางเต๋ออู่รีบเอ่ยขึ้น
ราชินีของสำนักหลงเหมินพยักหน้าอย่างพอใจ “งั้นก็ดี”
จางเต๋ออู่ไม่เห็นว่าราชินีของสำนักหลงเหมินพูดอะไรอีก เขาจึงไม่พูดอะไรและส่งสัญญาณให้คนขับรถ ขับอย่างนิ่มๆ อย่าให้รบกวนราชินีของสำนักหลงเหมิน
……
รถเบนซ์ของคางเหวินซิง ค่อยๆ จอดลงตรงหน้าหลี่โม่
หลี่โม่เปิดประตูข้างคนขับและเข้าไปนั่ง
เขามองคางเหวินซิงที่เหมือนจะพูดอะไร หลี่โม่ถามอย่างสงสัย “นายมีอะไรก็พูดออกมาตรงๆ อย่ามาอึกอัก”
“คือผม คือผมไม่รู้จะพูดยังไง”
คางเหวินซิงเกาหัว สีหน้าของเขาดูลำบากใจ
“มีอะไรที่พูดไม่ได้ มีอะไรก็พูดออกมา”
“งั้นผมพูดเลยละกัน เป็นเรื่องของอาเล็ก โอหยางจื้อโดนจัดการจนเละ เขาเพิ่งออกจากห้องไอซียูเมื่อสองวันที่ผ่านมา พวกลูกน้องของโอหยางจื้อ มาจากทั่วสารทิศ และพูดว่าจะแก้แค้นให้โอหยางจื้อ”
คางเหวินซิงเล่าออกมาอย่างเบื่อหน่าย
“แล้วอาเล็กล่ะ เขาคงบอกเรื่องนี้กับนายสินะ เขาคิดจะหักหลังเหรอ”
หลี่โม่ยิ้มแล้วถามขึ้น
“คงจะเป็นแบบนั้นครับ เขาไม่ได้พูดตรงๆ ว่าจะหักหลัง แต่ผมเดาว่าไม่ใช่ก็ใกล้เคียง เขาบอกว่าพวกลูกน้องของโอหยางจื้อบีบคั้นเขา ถึงขนาดที่โยนความรับผิดชอบมาให้เขา อาเล็กของผมเลยรับไม่ค่อยไหวครับ”
คางเหวินซิงมองหลี่โม่ เมื่อเห็นว่าสีหน้าของหลี่โม่ไม่ได้แสดงอะไรออกมา เขารู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา
“อาจารย์ ผมยังไม่ได้รับปากอาเล็ก ผมเลยมาถามความเห็นจากคุณ”
คางเหวินซิงพูดเสริม
“ไม่เป็นไร อาเล็กต้องการเจอฉันสินะ”
“ครับ เมื่อกี้อาเล็กบอกว่าอยากเจอคุณ ผมบอกว่าคุณจะออกไปข้างนอก เขาบอกว่าไปรอที่คุณจะไปก็ได้”
หลี่โม่จับคางครุ่นคิด เขาคิดว่าน่าจะเจอคางหย่งเฉียนสักหน่อย อย่างน้อยก็ได้รู้แผนการของพวกโอหยางจื้อ จะได้ลดความวุ่นวายไปด้วย
“ฉันจะไปวัดหลิงซาน ให้อาเล็กรอที่ตีนเขาวัดหลิงซานก็ได้ ให้เวลาคุยสิบนาที”
“โอเคครับ ผมจะบอกเขา ขอบคุณครับอาจารย์”
คางเหวินซิงรีบหยิบมือถือออกมาโทรบอกคางหย่งเฉียน
ถึงแม้ก่อนหน้านี้จะมีเรื่องบาดหมางกันไม่น้อย แต่ยังไงคางเหวินซิงกับคางหย่งเฉียนก็มีสายเลือดเดียวกัน อีกอย่างระหว่างทั้งสองคนก็ไม่ได้กระทบกระเทือนเรื่องผลประโยชน์ ดังนั้นเมื่อคางหย่งเฉียนขอร้อง คางเหวินซิงจะไม่ช่วยก็กระไรอยู่
หลังจากที่บอกสถานที่กับคางหย่งเฉียน คางเหวินซิงวางมือถือแล้วถามด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “อาจารย์ ทำไมถึงอยากไปวัดหลิงซานล่ะครับ หรือว่าจะไปไหว้พระ”
“เหอะๆ พระรู้จักฉัน แต่ฉันไม่รู้จักพระ”
หลี่โม่พูดอย่างเฉยชา
คางเหวินซิงตกใจ เขารู้สึกว่าหลี่โม่พูดเกินไปหน่อย นั่นเป็นพระเป็นเจ้าเชียวนะ เชื่อมั่นในสิ่งที่ทำ อย่ากลัวแม้ตอนนี้มันยังไม่เป็นจริง
“เอ่อ อาจารย์คุณนี่……คุณนี่จริงๆ เลย”
“คิดว่าฉันไม่เลื่อมใสพระเหรอ พวกเขาไม่เห็นมีอะไรน่าเคารพ กินธูปที่คนจุดไปตั้งเยอะแยะ แล้วพวกเขาให้อะไรกับมนุษย์บ้างล่ะ”
“เอ่อ คำถามของอาจารย์มันยากที่จะตอบ คนอย่างผมไม่เข้าใจหรอก ผมมีแค่ทักษะการขับรถสุดเจ๋งก็พอแล้ว”
เมื่อพูดถึงการขับรถ แววตาของคางเหวินซิงเป็นประกาย คิดถึงเรื่องใหญ่ในแวดวงรถยนต์
“อาจารย์ การแข่งรถใต้ดินระดับโลกจะเริ่มเร็วๆ นี้ เทวดาแห่งรถใต้ดินจากทั่วทุกสารทิศมารวมตัวกัน เพื่อการแข่งรถใต้ดินระดับโลก ไม่รู้อาจารย์สนใจเข้าร่วมการแข่งขันหรือเปล่า”
หลี่โม่เงียบไป เขาไม่เคยได้ยินชื่อการแข่งรถใต้ดินระดับโลกมาก่อน
“การแข่งรถใต้ดินระดับโลกงั้นเหรอ ทำไมชื่อฟังดูประหลาดจัง แถมยังมีเทวดาแห่งรถอีก คนที่สามารถเป็นเทวดาแห่งการแข่งรถได้ ควรจะมีคนเดียวเท่านั้น”