บทที่ 56 จะต้องมาขอร้องเธอแน่
เมื่อกู้ซิงเว๋ยได้ยินประโยคนี้ของกู้หยุนหลัน ก็โมโหดีดตัวขึ้นแล้วชี้ไปที่เธอ “เธอพูดว่าไงนะ?ให้ฉันขอโทษเธอและขยะอย่างหลี่โม่?เธอบ้าไปแล้วหรอ?!”
และหันหลังไปพูดกับคุณปู่ที่เคร่งขรึม “คุณปู่ ท่านฟังสิ กู้หยุนหลังพูดอะไรออกมา?จะให้ผมขอโทษ?ให้ผมขอโทษก็ว่าไปอย่างแล้ว แต่เธอยังบังอาจให้ท่านขอโทษด้วย เธอต้องการทำอะไรกันแน่?นี่มันใจกล้ามากเกินไป!คุณปู่ ท่านจะปล่อยมันไว้อย่างนี้ไม่ได้นะ”
กู้หยุนหลันที่สมควรตาย นี่ฝันกลางวันชัดๆ
เธอกล้าพูดคำนี้ออกมา นี่มันไม่วางคุณปู่ไว้ในสายตาเลยงั้นหรอ?
เธอคิดว่าคุณปู่คืออะไร?
เป็นคนที่จะขอโทษคนไปทั่วหรอ?
“คุณปู่ หนูคิดว่ากู้ซิงเว๋ยพูดถูก กู้หยุนหลันตอนนี้ยิ่งอยู่ยิ่งเอาใหญ่แล้ว เธอไม่วางท่านไว้ในสายตาสักนิด ยังอยากให้ท่านไปขอโทษขยะอย่างหลี่โม่อีก ที่ถ้าแพร่ออกไป ตระกูลกู้ของพวกเราจะอยู่ในเมืองฮ่านได้ยังไง?”
ตแนนี้กู้ชิงหลินพูดใส่ไฟเข้าอีก หน้าตาไม่พอใจเป็นอย่างมาก
พวกตำแหน่งสูงของบริษัทที่อยู่รอบข้างก็โมโหเช่นกัน อยากจะทำลายกู้หยุนหลันที่ได้ทีเอาใหญ่นี่ซะ!
แน่นอนว่าคุณท่านใหญ่ตระกูลกู้ต้องโมโหอยู่แล้ว มองกู้หยุนหลันด้วยสายตาเย็นชา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงโหดเหี้ยม “พูดคำที่เธอพูดเมื่อกี้อีกรอบสิ!”
กู้หยุนหลันตัวสั่น กำมือไว้แน่น แล้วเชิดหน้าขึ้น “หนู…หนูต้องการให้ทุกคนขอโทษ”
ตึง!
คุณท่านใหญ่ตระกูลกู้ใช้ไม้เท้ากระแทกลงกับพื้นอย่างหนัก สีหน้าแย่มากนัยน์ตามีแต่ความโกรธ “บังอาจ!เธอคิดว่าตัวเองเป็นใคร ถึงได้กล้ามาสั่งฉัน?”
คุณปู่โกรธมาก โกรธจนตัวสั่นไปทั้งตัว
ไม่คิดเลยว่าหลานสาวของตัวเอง วันนี้จะกล้าทำแบบนี้กับเขา
ต้องการให้ตัวเขาขอโทษ?
ตลก!
เขากู้หงไท่ทั้งชีวิตยังไม่เคยต้องขอโทษใครสักครั้ง!
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงขอโทษขยะที่เป็นแมงดาเกาะบ้านตระกูลกู้ของเขา!
“เธอคิดว่าบริษัทวินเซิงตระกูลกู้ของฉันไม่ร่วมธุรกิจกับบริษัทรุงคางแล้วจะอดตายงั้นหรอ?” ใบหน้าของคุณท่านใหญ่ตระกูลกู้เย็นชา แผ่รังสีอำมหิต คนรอบตัวถึงกับหายใจไม่ออก!
ทำให้คนตกใจไม่น้อย
กู้หยุนหลันเองก็รับรู้ถึงรังสีที่แผ่ออกมา การข่มขู่อย่างนั้น ทำให้เธอร้อนรนเช่นกัน
“ถูกต้อง ไม่มีสัญญากับบริษัทรุงคาง บริษัทวินเซิงก็ยังสามารถเซ็นสัญญากับบริษัทอื่นเช่นกัน เพียงแต่ว่ากำไรก็จะน้อยลงเท่านั้นเอง กู้หยุนหลันเธอยังอยากใช้อันนี้มาบังคับฉันกับคุณปู่ ฝันไปเถอะ!”
กู้ซิงเว๋ยก็พูดท้าทายตามมา เพียงแค่คุณปู่หมดความรู้สึกดีๆกับกู้หยุนหลัน เขาก็จะทำอะไรได้ง่ายขึ้น
“กู้หยุนหลัน ฉันแนะนำให้เธอรีบขอโทษคุณปู่ เก็บคำพูดพวกนั้นของเธอกลับไป แล้วเอาสัญญาให้กู้ซิงเว๋ย” กู้ชิงหลินยืนกอดอกอยู่ข้างๆ ยิ้มอย่างเย็นชา นัยน์ตาแสดงออกถึงการเยาะเย้ย
หลังจากนั้น
กู้หยุนหลันกลับพูดว่า “คุณปู่ เรื่องของเมื่อวาน ที่จริงแล้วก็เป็นความผิดของท่านกับกู้ซิงเว๋ย ทำไมพวกท่านถึงขอโทษไม่ได้?”
เพี๊ยะ!
คุณท่านใหญ่ตระกูลกู้ยกมือขึ้นแล้วฟาดไปที่หน้าของกู้หยุนหลัน “พอแล้ว! ถ้าเธอยังกล้าพูดอีกคำ ฉันจะไล่เธอออกจากบ้านตระกูลกู้!”
ตบนี้ทำให้กู้หยุนหลันน้อยใจมาก บนใบหน้าก็มีรอยนิ้วสีแดง
เธอกำมือแน่น มองไปที่คุณปู่อย่างเข้มแข็ง
“หรือว่าคุณปู่ทำเรื่องผิด แล้วไม่จำเป็นต้องขอโทษงั้นหรอคะ?”
คุณท่านใหญ่ตระกูลกู้โกรธจนตัวสั่น ชี้หน้ากู้หยุนหลันแล้วพูดว่า “ตายแล้วๆ เธอยังกล้าเถียง?ฉันจะตีเธอให้ตาย!”
พูดจบคุณท่านใหญ่ตระกูลกู้ก็ยกไม้เท้าขึ้นจะฟาดไปที่กู้หยุนหลัน
แต่ว่า พอคิดไปสักพัก คุณปู่ก็วางมือ ขมวดคิ้วแล้วพูดอย่างเย็นชา “สัญญาของบริษัทรุงคาง ในเมื่อเธอจะเก็บไว้เอง เธอก็เก็บไว้เถอะ ฉันเองก็ไม่เชื่อว่าบริษัทวินเซิงของฉันไม่มีบริษัทรุงคางแล้วจะอยู่ไม่รอด?!”
พูดจบประโยคนี้ คุณท่านใหญ่ตระกูลกู้ก็พาคนของเขาออกไปจากห้องประชุม
กู้ซิงเว๋ยกับกู้ชิงหลินและหนุ่มสาวตระกูลกู้รอให้ทุกคนออกไป แล้วก็พูดประชดประชัน “กู้หยุนหลัน เธอนี่ใจกล้ามากจริงๆ ยังกล้าที่จะให้คุณขอโทษ นี่คือสิ่งที่คนไร้ประโยชน์อย่างหลี่โม่สอนเธองั้นหรอ?เหอะๆ ปัญญาอ่อนสิ้นดี!”
“ใช่แล้ว กู้หยุนหลัน อย่าคิดว่าสัญญาของบริษัทรุงคางนั้นมีแค่เธอเท่านั้นที่รับผิดชอบได้ แล้วจะเอามาขู่บริษัทวินเซิงของพวกเรา คำพูดของคุณปู่เธอก็ได้ยินแล้วนี่ ไม่มีสัญญากับบริษัทรุงคางในครั้งนี้ บริษัทวินเซิงของพวกเราก็ไม่ล้มละลายหรอก”
พูดแล้วทุกคนก็หัวเราะพร้อมกับจากไป
ห้องประชุมที่กว้างขวาง เหลือเพียงกู้หยุนหลันคนเดียว เธอเช็ดน้ำตา แล้วสูดหายใจเข้าลึกๆ ออกจากห้องประชุมไปใต้ตึก
เพิ่งถึงใต้ตึก กู้หยุนหลันก็เห็นหลี่โม่ที่เฝ้าอยู่หน้าตึกตลอด
หลี่โม่ยิ้มให้เธอ โดนมาข้างหน้า ถามว่า “เป็นยังไงบ้าง ราบรื่นดีมั้ย?”
เพี๊ยะ!
ไม่พูดอะไรสักคำ กู้หยุนหลันก็ฟาดมือตบเข้าไปที่หน้าของหลี่โม่ ความน้อยใจที่เก็บกดไว้ ตอนนี้ระเบิดออกมาจนหมด “เป็นเพราะนาย!ทำไมต้องส่งข้อความนั้นให้ฉัน?ตอนนี้ พวกคุณปู่ไม่ได้สนใจสัญญากับบริษัทรุงคางแล้ว ตอนนี้ พวกนี้มันก็แค่ขยะ ทุกคนหัวเราะเยาะฉัน สายตาของพวกเขาก็เหมือนกับมีดที่ทิ่มแทงตัวฉัน!”
มองดูสภาพที่ไม่สามารถบังคับตัวเองได้ของกู้หยุนหลัน หลี่โม่นั้นทุกข์ใจมาก
เขาก็สังเกตเห็นรอยนิ้วมือบนหน้าของกู้หยุนหลัน ยื่นมือไปจับเบาๆ แล้วพูดอย่างอ่อนโยน “คุณปู่ทำหรอ?”
กู้หยุนหลันดึงมือหลี่โม่ออกแล้วจากไปอย่างโมโห
หลี่โม่รีบขับมอเตอร์ไซค์ตามไป ตะโกนไปว่า “ฉันส่งเธอกลับบ้าน ที่นี่ห่างจากบ้านหลายกิโลนะ”
กู้หยุนหลันที่เล่นตัวเดินโมโหอยู่ข้างหน้า ยังหันกลับมาว่า “นายไม่ต้องมาสนใจฉัน!”
มองดูท่าทางของเธอที่เล่นตัวนี้ หลี่โมทำได้เพียงถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ ทำได้เพียงแค่ค่อยๆตามอยู่ด้านหลัง
ภาพที่ดึงดูดความสนใจของคนบนถนนมาก
น่าจะเป็นเพราะว่าทนสายตาของผู้คนไม่ไหว หรืออาจจะเพราะเดินจนเหนื่อยแล้ว กู้หยุนหลันหยุดเดินแล้วหันหลังกลับไปนั่งที่เบาะหลังหน้านิ่งๆ แล้วพูดอย่างโมโห “รีบไป!”
หลี่โม่ยิ้มอ่อนๆ ขับมอเตอร์ไซค์ซ้อนกู้หยุนหลันกลับบ้าน
เมื่อกลับถึงบ้าน หวังฟางนั้นอารมณ์เสียจนแทบบ้าแล้ว เรื่องในห้องประชุม เธอรู้มาจากกู้เจี้ยนหมินแล้ว
“กู้หยุนหลัน เธอบ้าไปแล้วใช่มั้ย เธอกล้าบอกให้คุณปู่ขอโทษเธอต่อหน้าคนเยอะขนาดนั้น?ถ้าคุณปู่โกรธแล้วไล่เธอออกจากบ้านตระกูลกู้ ต่อไปพวกเราจะทำยังไง?”
กู้หยุนหลันพูดอย่างไม่แยแส “นี่เป็นเรื่องของหนูเอง”
หวังฟางได้ยินคำนี้ ก็โกรธจนหน้าเขียว “เรื่องของแกเอง?นี่มันเรื่องของเราทั้งบ้าน!ฉันไม่สน แกต้องไปบ้านใหญ่เดี๋ยวนี้ ไปขอโทษคุณปู่ซะ ไม่อย่างนั้น ฉันไม่มีลูกสาวอย่างแก!”
ตอนนี้ในใจกู้หยุนหลันเองก็ยุ่งเหยิง เธอเชื่อคำพูดของหลี่โม่ แต่ผลกลับพังพินาศขนาดนี้
ทันใดนั้นเธอก็หันไปมองหลี่โม่ที่กำลังยุ่งอยู่กับการทำความสะอาดบ้าน ถามด้วยดวงตาแดงก่ำ “นายเคยพูด ว่าคุณปู่กับกู้ซิงเว๋ยพวกเขาจะต้องมาขอร้องฉัน จริงใช่มั้ย?”