แม้ว่ากู้หยุนหลันจะไม่เข้าใจ แต่ว่าเชื่อใจหลี่โม่ จึงไม่พูดอะไรมาก
เฉิงซืออู่ขมวดคิ้ว รู้สึกแปลกๆ แต่ว่ากิเลสครอบงำสติไปแล้ว ทำให้เฉิงซืออู่คิดว่าหลี่โม่กลัวตนเองจึงถอย
หลี่โม่ยิ้มอย่างลำพองใจใหเฉิงซืออู่ พูดเสียงเรียบ“มีอะไรคุยอีกไหม ถ้าไม่มี พวกเราไปแล้วนะ”
“มีแน่นอน นี่แค่เรื่องแรก เรื่องเข้าหุ้น พวกคุณไม่พิจารณาหน่อยเหรอ ถ้าไม่ให้ผมเข้าหุ้น อีกหน่อยพวกคุณจะเสียดาย”
เฉิงซืออู่คืนสติ จึงพูดหัวข้อเมื่อครู่ต่อ การได้หุ้นหยุนจงหลันกรุ๊ปถึงสำคัญสุด
หลี่โม่ส่ายหน้า“เรื่องนี้ไม่ต้องคุย”
“ฮ่าๆๆๆ คุณนี่ไว้หน้าผมจริง ดูท่าคุยแบบสุภาพคงไม่รู้เรื่องสินะ ต้องบู๊กันหน่อย ข่าวว่ากังฟูคุณดีมาก ผมอยากเห็นกับตา”
ผู้ช่วยสวยเก๋ยิ้มพราย ในหัวนึกภาพหลี่โม่ที่เละเทะไม่เป็นท่า
โอหังนัก บังคับกูให้คุกเข่า เดี๋ยวกูจะขี่หัวมึง!
กู้หยุนหลันตกใจ จ้องเฉิงซืออู่เขม็งพูด“นี่คุณจะทำอะไร!จะแย่งชิงงั้นหรือไง?”
“ฮิๆ คุณกู้คนสวย คุณพูดถูกแล้วล่ะ สิ่งที่ผมชอบที่สุดก็คือแย่งชิง ธุรกิจยาที่อยู่ในมือผม ก็แย่งมาทั้งนั้นแหละ ฮ่าๆๆๆๆๆ”
เฉิงซืออู่หัวเราะอย่างลำพองใจ ลามะที่สวมชุดคลุมสีแดงเดินเข้ามา
“เถ้าแก่”
ลามะเดินมาหยุดตรงหน้าเฉิงซืออู่แล้วพูด
“ว่างจี๋ มา มานี่”
เฉิงซืออู่หรี่ตายิ้มพูด
ผู้มีสีผิวค่อนข้างคล้ำ ร่างกายกำยำอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ เดินก้าวหน้ามาหาเฉิงซืออู่ ทุกก้าวที่ว่างจี๋
เดิน พื้นก็จะมีเสียงตึกๆ ราวกับห้องทั้งห้องสะท้านไหวด้วยการย่างก้าวของเขา
ว่างจี๋เป็นลามะที่วัดจาหลุนบนที่ราบสูง เขาได้ฝึกวิชาฟันแทงไม่เข้า ได้ยินว่าเป็นลามะต้านคุณไสยที่วัดจาหลุน นับได้ว่าเป็นลามะบู๊ในตำนาน
เฉิงซืออู่เชื่อมี่จง จึงมักจะไปไหว้พระที่วัดจาหลุนเสมอ เนื่องจากฟุ่มเฟือยจึงได้เป็นนายทุนรายใหญ่ของวัดจาหลุน
หลังจากที่ทั้งคู่สนิทกัน วัดจาหลุนจึงเสนอลามะให้มาเป็นบอดี้การ์ดของเฉิงซืออู่ แค่ต้องจ่ายค่าคุ้มครองรายปีเท่านั้น
เฉิงซืออู่ติดใจ ตอนนี้พวกเศรษฐีใช้ยามธรรมดาเป็นบอดี้การ์ด อย่างเก่งก็เชิญยอดฝีมือไทเก๊ก หรือไม่ก็พวกยอดฝีมือแปดทิศ
คนที่ใช้ลามะเป็นบอดี้การ์ดได้ ย่อมไม่มีใครอื่น!
ไม่ว่าวิทยายุทธ์ของลามะจะสูงหรือต่ำ ขอแค่ได้ลามะมาเป็นบอดี้การ์ด แค่นี้ก็ได้บอดี้การ์ดที่สูงส่งกว่าชาวบ้านแล้ว ดังนั้นเฉิงซืออู่จึงเซ็นสัญญากับวัดจาหลุนอย่างไม่ลังเล จ้างลามะสี่คนมาเป็นบอดี้การ์ด ว่างจี๋เป็นหนึ่งในนั้น เดิมทีเฉิงซืออู่ก็ไม่ได้คิดว่าทั้งสี่คนจะมีวิทยายุทธ์สูงส่งสักแค่ไหน อย่างไรเสียยุคนี้แค่ปืนนัดเดียวก็ยิงทะลุแล้ว
แต่พอพวกว่างจี๋สี่คนมาอยู่กับเฉิงซืออู่ เฉิงซืออู่จึงรู้ว่าตัวเองคิดผิด ตอนนี้มีวิทยายุทธ์จริงๆหลงเหลืออยู่!
พูดถึงว่างจี๋ สามารถต้านกระสุนคู่ต่อสู้ได้ในระยะใกล้ นอกจากว่ากระสุนจะโดนจุดสำคัญ ไม่งั้นก็จะทำอันตรายอะไรว่างจี๋ไม่ได้เลย
ทำให้เฉิงซืออู่รู้สึกเหมือนได้มหาสมบัติ ปฏิบัติกับพวกว่างจี๋ทั้งสี่คนราวกับอาคันตุกะ
ว่างจี๋เดินไปข้างเฉิงซืออู่ จ้องถมึงทึงไปที่หลี่โม่กับกู้หยุนหลัน
เพียงแค่ดูหลี่โม่ทีหนึ่ง ว่างจี๋ก็ต้องเบนสายตาออก คิดว่าหลี่โม่คงไม่ขู่เข็ญตัวเอง
ในตอนที่มองไปที่กู้หยุนหลัน ว่างจี๋รู้สึกใจเต้นรุนแรง แววตาเกิดความโลภโมโทสัน
“สวย สวยเหลือเกิน สาวสวยแบบนี้ไม่ไปรับใช้ท่านทะไลลามะช่างน่าเสียดาย คนสวย เธอยินดีออกบวชมั้ย ขอแค่เธอยินดีไปสู่แดนสุขาวดีกับท่านทะไลลามะ ท่านทะไลลามะยินดีช่วยให้เธอตื่นรู้ เป็นโพธิสัตว์”
คำพูดล่อลวงคน ว่างจี๋เพียงแค่อ้าปากพูด คิดแค่ล่อลวงกู้หยุนหลันกลับไปได้ คงจะเป็นบุญกุศลครั้งใหญ่
เฉิงซืออู่กระพริบตาไม่สบอารมณ์ เมื่อครู่เฉิงซืออู่ต้องใจกู้หยุนหลัน
แต่พอถึงสถานภาพปรมาจารย์ที่ว่างจี๋กล่าว เฉิงซืออู่จึงได้แต่อดกลั้น
สาวสวยที่ไหนก็มี แต่ถ้าล่วงเกินปรมาจารย์ไป ตามสถานภาพตัวเอง คงจะน่าดูทีเดียว
กู้หยุนหลันมองว่างจี๋อย่างอารมณ์เสีย ตะคอก“นี่คือคำพูดที่นักบวชควรพูดเหรอ!ท่านศึกษาพระธรรมประสาอะไร!”
“หึหึ พวกเราเป็นพุทธตันตระ การผสานปราณชายหญิงต้องผสาน คนสวยอย่าโมโหไป ขอแค่คนสวยปรนนิบัติท่านทะไลลามะของพวกเรา ที่คนสวยได้ไม่เพียงมีแค่ชื่อเสียงเกียรติยศ”
ว่างจี๋ตัดสินใจแล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องพากู้หยุนหลันไปให้ได้
หลี่โม่หยิบถ้วยชาบนโต๊ะ สะบัดมือทีหนึ่ง สาดน้ำชาไปที่ว่างจี๋
ว่างจี๋เบ้ปากยิ้ม ไม่หลบไม่หลีก ยืนตัวตรงที่เดิม “คิดว่าแค่นี้จะทำให้ท่านทะไลลามะตกใจงั้นหรือ ท่านทะไลลามะไม่ได้ตกใจแม้แต่น้อย ให้เธอดูวิชาท่านทะไลลามะเสียหน่อย!”
สำหรับว่างจี๋แล้ว วิชาพลังนอกของตนรีรันฟันแทงไม่เข้า แค่น้ำแก้วเดียวที่หลี่โม่สาดมา ไม่ได้ทำให้สะดุ้งสะท้านได้เลย
แต่พอแก้วน้ำดนหน้าผากว่างจี๋ ว่างจี๋ถึงได้รู้ว่าตนเองคิดผิด แล้วผิดมหันต์ด้วย!
แรงที่หลี่โม่โยนแก้วน้ำมานั้นมหาศาล ยามที่กระทบโดนหน้าผากว่างจี๋ การระเบิดจากแรงมหาศาล ทำให้หน้าผากว่างจี๋เลือดซิบ
ถึงขนาดว่างจี๋รู้สึกว่าตัวเองได้ยินเสียงกระดูกของหน้าผากดังกร๊วบๆ ราวกับจะระเบิดแตกออกเป็นเสี่ยงๆได้ตลอดเวลา
“โฮก!”
ว่างจี๋คำรามก้อง เส้นเอ็นตามหน้าผากเต้นตุ๊บๆ รวบรวมกำลังต่อต้านสิ่งที่โจมตีหน้าผาก
ในตอนที่ว่างจี๋ออกแรงสุดกำลัง เขาก็ปัดแก้วน้ำกลับไปที่โต๊ะสุดแรงเกิด แก้วนั้นไม่เพียงไม่ได้แตก
แม้แต่น้ำหยดเดียวก็ยังไม่กระเด็นออกมา
ทั้งหมดเป็นเพราะหลี่โม่กำหนดแรงได้ แม้ว่ากระบวนท่าเมื่อกี้จะดูเรียบง่าย แต่ตอนที่หลี่โม่กระตุกข้อมือ เขาได้เปลี่ยนระดับแรงสามระดับ ถึงได้เกิดผลลัพธ์ที่น่าตกใจแบบนี้
กู้หยุนหลันกับเฉิงซืออู่แม้จะมองไม่เห็นช่องทางข้างใน แต่ก็รู้ว่ากระบวนการนี้ของหลี่โม่ช่างร้ายกาจนัก จะร้ายกาจยังไง พวกเขาก็บอกไม่ถูก
เฉิงซืออู่มองแก้วน้ำราวกับเห็นผี พยายามกลืนน้ำลายลงคอ เฉิงซืออู่พูดอย่างหวาดกลัว“ว่างจี๋ คุณ คุณไม่เป็นอะไรใช่มั้ย”
เดิมทีอยากจะให้ว่างจี๋จัดการหลี่โม่สักหน่อย แต่หลี่โม่กลับชิงลงมือเสียก่อน จนทำให้หน้าผากว่างจี๋เลือดซิบ ช่างเหนือความคาดหมายของเฉิงซืออู่