หลงโปเหมือนโดนฟ้าผ่า เขารู้สึกไม่ดีเป็นอย่างมาก
“ทำไมถึงไม่เคยฝึก ถ้ามันไม่เคยฝึก มันจะชนะฉันได้ยังไง! อย่างน้อยก็น่าจะมีนักแข่งมืออาชีพสอนมัน!”
ตงจื่อหัวเราะอย่างเหนื่อยใจ “งั้นนายก็ไปสืบเอาเอง เขาไม่เคยเรียนเกี่ยวกับรถ อีกอย่างประวัติของเขา จะว่ายังไงดีล่ะ นายดูแล้วจะตกใจ”
“ทำไมต้องตกใจด้วย มันมีเบื้องหลังหรือเป็นคนที่ไม่ธรรมดาเหรอ อย่าบอกนะว่าไม่ธรรมดายิ่งกว่าฉัน”
หลงโปยิงคำถามออกมา เขาอยากถามความสงสัยในใจของตัวเอง
ตงจื่อยักไหล่อย่างเหนื่อยใจอีกครั้ง “นายเป็นหลายชายสายเลือดของราชาใหญ่ของสำนักหลงเหมิน เบื้องหลังและตัวตนของเขา เทียบนายไม่ได้หรอก อีกอย่างเขาก็แค่ลูกเขยที่แต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิง สู้นายไม่ได้อยู่แล้ว”
“แล้วทำไมนายต้องพูดว่าต้องตกใจล่ะ”
“เพราะไม่นานมานี้ เขาเป็นไอ้สวะที่รู้จักกันดีในเมืองฮ่าน แต่ตอนนี้กลับไม่ใช่เช่นนั้น เหมือนเขาเปลี่ยนเป็นคนละคน ไม่ได้เป็นไอ้สวะอีกแล้ว แต่กลับเป็นคนที่น่าเกรงขามและมีอำนาจมาก”
“นายรู้จักเฉิงซืออู่ใช่ไหมล่ะ เฉิงซืออู่คุยธุระกับภรรยาของเขา แต่บอดี้การ์ดของเฉิงซืออู่ โดนหลี่โม่ทำร้ายจนพิการ บอดี้การ์ดของเฉิงซืออู่เป็นลามะบนที่ราบสูง ฝึกวิชาการต่อสู้จนโด่งดัง”
ตงจื่อเล่าเรื่องเกี่ยวกับหลี่โม่ ที่สืบได้เมื่อเร็วๆ นี้ พูดจบเขาก็หรี่ตามองหลงโป และยื่นมือไปตบบ่าหลงโป
“สหาย เขาเป็นคนแข็งแกร่ง นายอย่าคิดที่จะแข่งรถชนะเขาเลย เอาชีวิตของเขาให้มันจบๆ ไป”
ตงจื่ออยากประจบสอพลอราชาใหญ่ของสำนักหลงเหมิน แต่เขาไม่มีโอกาส
ในเวลานี้ ตงจื่อคิดว่าเป็นโอกาสดี ถ้าช่วยหลงโปจัดการหลี่โม่ เขาจะสามารถประจบสอพลอราชาใหญ่ของสำนักหลงเหมิน โดยผ่านทางหลงโปได้
แต่ตงจื่อรู้ดี การที่จะเข้าไปประจบสอพลอต้องรอโอกาส ต้องให้หลงโปเป็นฝ่ายขอให้เขาลงมือ
หลงโปยกมือนวดขมับ เขาแทบไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ตัวเองได้ยิน
“ความแตกต่างระหว่างคนมันมากขนาดนี้เลยหรือ มันมีพรสวรรค์ที่หาได้ยากหรือไง ทำไมถึงไม่ได้เรียนการขับรถ ก็สามารถเอาชนะฉันได้”
“อุ๊ย คุณชายหลง ของฉัน นายอย่าไปมัวแต่คิดเรื่องรถเลย ทำให้เขาตายก็จบ นายก็เป็นนักแข่งอันดับหนึ่งในประเทศไม่ใช่เหรอ”
หลงโปส่ายหน้า “ไม่ ฉันแพ้เพราะอะไร ฉันก็จะเอาชนะด้วยสิ่งนั้น นี่คงเป็นสิ่งที่สวรรค์ทดสอบฉัน! ฉันต้องชนะมัน ฉันจะได้ไปยืนอยู่บนจุดสูงสุด!”
ตงจื่อยกสองมือจับข้างแก้ม เขาไม่รู้จะพูดอย่างไร เมื่อเห็นหลงโปเอาแต่ดันทุรัง
“โอเค ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ฉันคงไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ช่วงนี้ท่านแปดอยู่ในเมืองฮ่านพอดี นายจะแวะไปหาเขาไหม ได้ยินว่าราชินีของสำนักหลงเหมินก็มาด้วย”
“ราชินีของสำนักหลงเหมินมาแล้วเหรอ ครั้งนี้ฉันมาเมืองฮ่าน เพื่อแวะมาหาราชินีของสำนักหลงเหมินแทนคุณปู่ ส่วนเรื่องท่านแปด……นายเอามือถือฉัน ไปโทรหาเขา ให้เขามาหาฉัน”
ถ้าช่วงนี้ท่านแปดไม่ได้โดนช่วงชิงอำนาจไปจากมือ หลงโปคงไม่ปฏิบัติกับเขาแบบนี้
ว่ากันว่าภายในสำนักหลงเหมิน ท่านแปดจะไร้ซึ่งอำนาจแล้ว
ตงจื่อสีหน้าเปลี่ยนไปทันที เขาพูดอย่างลังเล “คงจะไม่เหมาะมั้ง ยังไงเขาก็อาวุโสกว่า”
“อาวุโสอะไร คนที่ไร้ซึ่งอำนาจก็ไม่ต่างกับคนธรรมดา ตอนนี้ท่านแปดยิ่งกว่าคนน่าเวทนาเสียอีก”
หลงโปพูดอย่างไม่สบอารมณ์
ตงจื่อจึงไม่พูดอะไรอีก เขาจำใจหยิบมือถือของหลงโปมา จากนั้นจึงเลื่อนหาเบอร์ท่านแปด และกดโทรออก
ไม่นานก็มีคนรับสาย เสียงหัวเราะของท่านแปดดังออกมา “ฮ่าๆๆ เสี่ยวโป คิดไม่ถึงว่าหลานชายคนโตจะโทรหา คิดถึงปู่แปดหรือไง”
“เอ่อ……ท่านแปด ผมตงจื่อครับ เป็นเพื่อนของคุณชายหลง”
“หืม?”
ท่านแปดส่งเสียงแปลกใจออกมา จากนั้นจึงพูดอย่างสงสัย “หลงโปล่ะ ทำไมนายถึงใช้มือถือของเขา”
“หลงโปแข่งรถกับคนที่ชื่อว่าหลี่โม่ สุดท้ายเขาโดนหลี่โม่ทำร้าย จนบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้รักษาตัวอยู่ที่สถานพักฟื้นนอกเมืองครับ เขาอยากเจอท่านแปด ท่านแปดช่วยมาหน่อยนะครับ”
ท่านแปดฟังจบ ก็อึ้งไป เขารู้สึกสับสนเป็นอย่างมาก
นี่มันอะไรกัน
หลงโปไปแข่งรถกับหลี่โม่ได้ยังไง
แถมยังเป็นหลานชายสุดรักราชาใหญ่ของสำนักหลงเหมิน โดนเจ้านายของสำนักหลงเหมินทำร้ายอีกด้วย นี่มันเป็นความขัดแย้งที่ยากจะคาดเดาได้!
จู่ๆ ข้อมูลมากมายผุดขึ้นมาในหัวของท่านแปด เขาคาดเดาว่าหลงโปสั่งให้ตัวเองไป เพื่ออะไรกันแน่
“แค่กๆ หลงโปบาดเจ็บสาหัสหรือเปล่า เขาให้ฉันไป เพื่อช่วยแก้แค้นหรือเปล่า”
“คุณชายหลง มีอะไรอยากพูดกับคุณ เขามาเป็นตัวแทนราชาใหญ่ของสำนักหลงเหมิน ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาจะคุยอะไรกับคุย ส่วนอาการของเขาไม่น่าเป็นห่วงครับ มีอาการบาดเจ็บภายในเล็กน้อย”
ตงจื่อตอบกลับอย่างเป็นเรื่องเป็นราว เพราะเขาอยากพูดหลอกท่านแปด ให้มาที่นี่
จะพูดตรงๆ ว่าหลงโปบอกให้เขามาพบแบบนั้นไม่ได้ ท่านแปดคงไม่มีทางวุ่นวายกับหลงโป และจะโยนทุกอย่างมาให้ตงจื่อ
“ฉันเข้าใจแล้ว เดี๋ยวฉันจะไป”
เรื่องพัวพันกับราชาใหญ่ของสำนักหลงเหมิน ทำให้ท่าทีของท่านแปดเปลี่ยนไปมาก
สำหรับท่านแปด ราชาใหญ่ของสำนักหลงเหมินเป็นผู้ที่มิอาจล่วงเกิน เขาคือคนที่โหดเหี้ยมยิ่งกว่าราชินีของสำนักหลงเหมิน
ตอนนี้ราชินีของสำนักหลงเหมินยังไม่ได้วางแผนน่ากลัวอะไร แทนที่จะพูดว่าความขัดแย้งระหว่างหลี่โม่กับราชินีของสำนักหลงเหมิน เรียกว่าการต่อสู้ที่แบ่งเป็นสามฝ่ายจะดีกว่า
ฝ่ายราชินีของสำนักหลงเหมิน ฝ่ายราชาใหญ่ของสำนักหลงเหมิน และฝ่ายหลี่โม่ ส่วนพวกราชามังกรที่เหลือ ตอนนี้ก็เป็นพวกนกสองหัว เพราะไม่มีใครแสดงออกชัดเจนว่าจะยืนอยู่ฝ่ายไหน
เพราะราชินีของสำนักหลงเหมินกลัวราชาใหญ่ของสำนักหลงเหมิน เธอจึงไม่ฆ่าหลี่โม่ตรงๆ และพยายามใช้มือคนอื่นมาฆ่าหลี่โม่
ส่วนท่าทีของราชาใหญ่ของสำนักหลงเหมินเป็นอย่างไรนั้น จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีใครรู้
เขาสนับสนุนหลี่โม่หรือสนับสนุนราชินีของสำนักหลงเหมิน หรืออยากตั้งตนเป็นหนึ่ง
หลังจากผ่านไปชั่วโมงกว่า ท่านแปดมาถึงสถานพักฟื้น และเข้ามายังห้องพักของหลงโป
หลังจากเข้ามาในห้อง ท่านแปดเดินยิ้มเข้ามาข้างเตียง เขาพูดอย่างเป็นห่วงเป็นใย “เสี่ยวโป นายไปทำอีท่าไหน ทำไมถึงบาดเจ็บได้ ถ้าปู่นายรู้ เขาต้องปวดใจมาก”
“ปู่แปดมาแล้วเหรอ แผลผมไม่เป็นไรหรอก ตงจื่อ รีบเอาเก้าอี้มาให้ปู่แปดเร็ว”
ตงจื่อเอาเก้าอี้มาวางไว้ข้างหลังท่านแปด หลังจากท่านแปดนั่งลง ก็ถามขึ้นว่า “เสี่ยวโป สุขภาพของปู่นายเป็นยังไงบ้าง ฉันไม่ได้เจอปู่นายเกือบครึ่งปีแล้ว”
“คุณปู่แข็งแรงดี ตอนนี้ยังทำอะไรได้ด้วยตัวเอง การที่ผมมาครั้งนี้ เพราะต้องการมาหาราชินีของสำนักหลงเหมินแทนปู่”
สีหน้าของท่านแปดเคร่งขรึมขึ้นทันที “เสี่ยวโป นายต้องทำขนาดนี้เลยเหรอ ตอนนี้ไม่รู้ว่าท่าทีของปู่นาย เป็นอย่างไรบ้าง”