ถ้าหากว่าเพียงแค่ครั้งเดียว คุณชายเหออาจจะคิดว่าแค่บังเอิญ แต่ว่าเกิดเรื่องนี้ไม่ต่ำกว่าสามครั้งแล้ว เพียงแค่ไม่ใช่คนโง่จนไม่มียาช่วย ต่างก็สามารถดูออกได้ว่านี่เป็นการจงใจหาเรื่อง!
หลายวันมานี้เถ้าแก่เหอเองก็งานยุ่งจนหัวหมุน เมื่อได้ยินคำพูดของลูกชาย เขาถอนหายใจคำหนึ่ง และพูดว่า “ก็เพราะเรื่องการประเมินค่าในครั้งนั้น เรื่องที่หลี่โม่ก่อขึ้น ตอนนี้ไม่รู้ว่ามีกี่ตระกูลกำลังเล็งพวกเราอยู่ เพียงแค่พวกเราเกิดข้อผิดพลาด ก็จะใช้โอกาสนี้ลากตระกูลเหอของเราลงไป”
“ตอนนี้พวกเราทำได้แค่เพียงจัดการเรื่องอย่างถ่อมตน”
ว่าไปแล้วก็เป็นเพราะว่าตัวเองใจดีในตอนแรก ถ้าหากไม่ใช่เพราะว่าอยากร้องขอหลี่โม่ แต่เป็นการจัดการอย่างเด็ดขาด เหตุการณ์ในวันนี้ก็คงจะไม่มีทางเกิดขึ้น
คุณชายเหอได้ยินอย่างนั้นก็ยิ่งโมโหหนักว่าเดิม แต่กลับทำอะไรไม่ได้เลย
เพราะยังไงซะพ่อของตัวเอง ก็ยุ่งจนหัวหมุนอยู่แล้ว เขาจึงทำได้เพียงจดจำหลี่โม่ไว้ในใจอย่างชัดเจน ในใจคิดไว้ว่าอนาคตถ้าหากมีโอกาสจะต้องเอาคืนแน่นอน!
ความคิดของคนพวกนี้ หลี่โม่ไม่รับรู้อยู่แล้ว เขาในตอนนี้อยู่ที่บ้านตระกูลฟาง กำลังพูดคุยอยู่กับฟางฉี
ตระกูลฟางเป็นโรงเจียหยู้ถังที่เป็นบริษัทวัตถุโบราณที่ค่อนข้างมีอำนาจมาก
คุณท่านฟางของตระกูลฟางหลังจากได้ยินข่าวเรื่องที่หลี่โม่หักหน้าเถ้าแก่เหอในวันนั้น ก็ใช้ความสัมพันธ์ในด้านต่างๆเพื่อหาตัวหลี่โม่
“หลานชายหลี่โม่ ฉันได้ข่าวมา การแข่งขันแกะสลักหยกเริ่มรับสมัครแล้ว ถ้าเข้าร่วมในลักษณะของตระกูล ก็จะได้รับความสะดวกสักหน่อย!”
เขาวางแก้วชาลง แล้วมองหลี่โม่ที่นั่งอยู่ตรงข้ามตัวเอง พูดว่า “ถ้าหากว่านายไม่รังเกียจ ก็เข้าร่วมด้วยกันกับรั่วเสว่ลูกสาวของฉันมั้ย เข้าร่วมในนามของตระกูลฟาง”
เขาพูดอย่างตรงไปตรงมา ในสายตาเต็มไปด้วยความจริงใจ
ถึงแม้ว่าในนี้จะมีความหมายที่อยากให้ตระกูลฟางได้รับหน้าสักหน่อยก็จริง แต่ด้วยความจริงใจ เนื่องจากนี้หลังจากที่หลี่โม่ทำการไตร่ตรองสักหน่อย ก็พยักหน้าตกลง
“ก็ดีครับ งั้นก็รบกวนด้วยครับ”
ยังไงซะเป้าหมายของเขาก็เพียงแค่ได้รับชัยชนะจากงานการแข่งขันแกะสลักเท่านั้น ส่วนเรื่องไปกับใครนั้น จริงๆแล้วก็ไม่มีอะไรแตกต่างเท่าไหร่ ยิ่งไปกว่านั้น ก่อนหน้านี้ภายใต้การที่ตระกูลฟางถูกตระกูลเหอแจ้งเตือน ฟางรั่วเสว่ยังมาบอกข่าวบางอย่างกับตัวเขา เรื่องพวกนี้ ถึงแม้หลี่โม่จะไม่ได้พูด แต่ในใจก็ยังจำไว้
ได้ยินเขาตอบรับอย่างง่ายดาย ฟางฉีก็หน้าตายิ้มแย้มในทันที “งั้นฉันก็รอข่าวดีจากหลานชายอย่างนายที่บ้านละนะ”
เดิมทีเขาคิดว่า ตามนิสัยของหลี่โม่แล้ว จะต้องพูดโน้มน้าวสักพัก ใครจะไปรู้ว่าจะเซอร์ไพรส์แบบนี้
“สถานที่สมัครอยู่ที่อาคารยิมเนเซียมในใจกลางเมือง ตอนบ่ายก็จะเริ่มแล้ว พวกนายสามารถไปลองดูก่อนได้”
ฟางฉีพูดเตือน
เรื่องการสมัคร ยิ่งเร็วยิ่งดีอยู่แล้ว เพราะว่าสมัครเสร็จแล้วก็สามารถอยู่สังเกตสถานที่ได้ สะดวกที่จะรับรู้ถึงคู่แข่งที่มีความสามารถเก่งกาจ
สำหรับเรื่องนี้ ทั้งหลี่โม่และฟางรั่วเสว่ต่างก็ไม่มีปัญหาอะไร เพียงแค่พยักหน้าแสดงออกว่าตกลง
เนื่องจากคอยกังวลเรื่องการสมัคร หลี่โม่และฟางรั่วเสว่รีบกินข้าวกลางวันอย่างไว แล้วก็ไปยังสถานที่สมัครด้วยกัน
ไม่เสียแรงที่การแข่งขันแกะสลักหยกเป็นงานใหญ่ที่จัดขึ้นเพียงหนึ่งครั้งในรอบหลายปี เริ่มตั้งแต่ที่ก้าวเข้าในอาคารยิมเนเซียม ถึงแม้ทั้งสองจะมีการเตรียมพร้อมมาแต่แรก แต่ก็ยังถูกสภาพผู้คนมากมายตรงหน้าทำเอาตกใจ
เป็นเพราะว่าอาคารยิมเนเซียมที่มีขนาดใหญ่ ถูกเบียดเสียดเต็มไปด้วยผู้คนมองไปแล้วเห็นเพียงหัวผู้คนที่อัดแน่นกันเต็มไปหมด มองไม่เห็นเลยว่าเส้นทางเดินอยู่ตรงไหน
แต่ที่ทำให้แปลกใจคือ ผู้คนไม่มีใครขยับเลยสักนิดเดียว
ใช้ความสามารถในการเห็นสถานการณ์ หลี่โม่ปกป้องฟางรั่วเสว่ไว้ ก้าวไปข้างหน้าอย่างยากลำบาก ในที่สุดก็มาถึงหน้าประตูใหญ่ ถึงได้รับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
เพราะว่าผู้รับผิดชอบงานการแข่งขันแกะสลักหยก ตอนนี้กำลังตั้งตารอคอยอยู่ที่หน้าประตู
“น่าแปลก เวลานานขนาดนี้แล้ว ทำไมขบวนพวกนี้ถึงยังไม่ขยับไปข้างหน้าเลยสักนิด?”
หลี่โม่และฟางรั่วเสว่รอคอยเป็นเวลานานในกลุ่มผู้คน แต่ทั้งสองคนกลับไม่รู้สึกว่าขบวนขยับไปข้างหน้าเลยสักนิด ทั้งสองยังอยู่ที่เดิม วันนี้อากาศร้อนมาก หลี่โม่นั้นไม่เป็นอะไร แต่ว่าฟางรั่วเสว่ คุณหนูท่านนี้จะทนไหวได้ยังไงกันละ?
ต่อมา หลี่โม่เอียงหัวไปเล็กน้อย แกล้งทำเป็นไม่สนใจและถามว่า “คุณหนูฟาง คุณไม่เป็นไรใช่มั้ย?”
ฟางรั่วเสว่พูดออกจากปากไม่กี่คำช้าๆและน้ำเสียงนิ่งเฉยมาก “ไม่เป็นอะไร ฉันจะเป็นอะไรได้?”
หลี่โม่พยักหน้าเบาๆ จากนั้นเขาก็ตอบว่า “ไม่เป็นอะไรก็ดี ผมกำลังคิดว่าแดดร้อนมากขนาดนี้ ร่างกายอันมีค่าของคุณหนูเย็นชา ผมกลัวว่าคุณจะรับไม่ไหวจริงๆ”
แต่ว่าเมื่อฟางรั่วเสว่ได้ยินคำพูดนี้ของหลี่โม่ มุมปากก็ยกขึ้น จากนั้นเธอก็เอียงหัวไปตอบอย่างดูถูกว่า “เรื่องนี้ก็ไม่รบกวนคุณละ ถึงแม้ว่าฉันจะถูกเลี้ยงดูมาอย่างดีตั้งแต่เด็ก แต่ว่าหลังจากที่คุณพ่อส่งมอบเรื่องของบริษัทให้ฉันจัดการ ฉันก็ชินกับพวกนี้แล้ว เรื่องแค่นี้นับว่าอะไรเอง?”
“ดูแล้วผมคงจะกังวลเกินไปจริงๆ”
“แต่ว่าคำถามเมื่อกี้ที่นายถามฉันเองก็สงสัยมาก เวลานานขนาดนี้แล้ว ขบวนนี้ไม่มีการขยับอะไรเลยสักนิด? ดูแล้วปีนี้ที่พวกเราคิดจะโดดเด่นในงานการแข่งขันแกะสลักหยก คงจะต้องแบกรับแรงกดดันไม่น้อยเลย”
พูดจบ ฟางรั่วเสว่ก็หันหน้าไปกวาดมองดูผู้คนรอบตัวของเธอ ตอนนี้เธอถูกเธอถูกผู้คนล้อมจนอัดแน่นไปหมดแล้ว ในพื้นที่สามารถพูดได้เลยว่ามีผู้คนมากมายแออัด
แต่ว่าหลังจากที่หลี่โม่ได้ยินคำพูดนี่ของฟางรั่วเสว่แล้ว กลับยิ้มเยาะเย็นชาออกมาเสียงหนึ่งอย่างอดไม่ได้ “คุณหนูฟาง ถึงแม้ว่าคนที่ร่วมการแข่งขันแกะสลักหยกในปีนี้จะมากขึ้นอีก แล้วยังไง? ยอดฝีมือก็แค่ไม่กี่คนนั้นอยู่ดี ดังนั้นพวกเราไม่จำเป็นต้องกังวลด้วยซ้ำ ความสามารถของพวกเราวางอยู่ตรงนั้น แล้วจะกลัวอะไรกัน?”
“หลี่โม่ ความสามารถของนายฉันเคยเห็น ตระกูลฟางของพวกเราก็เชื่อในตัวนายแน่นอน ไม่อย่างนั้นพ่อของฉันก็คงไม่ให้นายมากับฉัน เป็นตัวแทนตระกูลฟางในการเข้าร่วมการแข่งกันแกะสลักหยกหรอก”
“ฉันจะพิสูจน์ให้เห็นที่คุณลุงเลือกให้หลี่โม่คนนี้เข้าร่วมการแข่งขันแกะสลักหยก เป็นการเลือกที่ถูกต้อง ฉันจะใช้ความสามารถอย่างเต็มที่แน่นอน ไม่มีทางทำให้พวกเธอผิดหวัง คุณหนูฟางวางใจเถอะครับ”
หลี่โม่มั่นใจในตัวเองมาก เขาคิดว่าการที่ตัวเขาจะโดดเด่นในการแข่งขันแกะสลักหยก เป็นเรื่องที่ง่ายดายมาก ยังไงซะเขาก็มีความสามารถที่ผู้คนไม่รู้จัก แล้วใครจะสามารถเป็นคู่แข่งของเขาได้ละ?
ในขณะที่หลี่โม่กำลังตกอยู่ในความหลงตัวเอง ทันใดนั้น เขาได้ยินเพียงแต่เสียงที่ดังมากผ่านมาข้างหู
“ทุกคนกรุณาเงียบสักครู่”
ผู้คนรอบด้านที่เมื่อกี้ยังส่งเสียงวุ่นวายต่างก็เงียบกริบในทันที
“ทุกท่าน การแข่งขันแกะสลักหยกเป็นงานใหญ่ในทุกปีของที่พวกเรา ปีนี้ไม่เหมือนกับที่ผ่านมา ผู้คนที่เข้าร่วมการแข่งขันแกะสลักหยกมากเกินกว่าที่พวกเราคาดเดาไว้เป็นอย่างมาก แต่ว่า ทุกท่านวางใจได้ พวกเราได้จัดการเรียบร้อยหมดแล้ว จะทำการสมัครของทุกท่านให้เรียบร้อยแน่นอน นอกจากนี้ ปีนี้ยังมีแขกพิเศษท่านหนึ่งที่จะมาเข้าร่วมการแข่งขันแกะสลักหยกของพวกเราด้วย”
เมื่อได้ยินคำพูดพวกนี้ของผู้รับผิดชอบ ผู้คนด้านล่างต่างก็แสดงความคิดเห็นกัน
“คนใหญ่คนโตอะไร? ไม่ทราบว่าคนใหญ่คนโตท่านนี้เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาจากที่ใด ถึงได้ให้พวกเราผู้คนมากมายรอเขาอยู่ที่นี่? ผมสงสัยมากว่าคนใหญ่คนโตท่านนี้เป็นใครกันแน่”
คนๆหนึ่งที่ในมือถือป้ายแบนเนอร์รออย่างยากลำบากภายใต้แสงแดดอันร้อนแรงมีความสงสัยเล็กน้อย