หลังจากฟางรั่วเสว่ได้ยิน เธอพยักหน้าเหมือนจะเข้าใจ แต่ไม่เข้าใจ
เมื่อเห็นท่าทางมึนงงของฟางรั่วเสว่ หลี่โม่หัวเราะและตบบ่าของเธอ
“เดี๋ยวเธอดูผลก็รู้ ตั้งตารอได้เลย!”
ภายในพริบตา ก็เริ่มการประมูลราคาของสินค้าชิ้นที่สาม
ราคาของกำไลไม้หอมกฤษณาปรากฏบนหน้าจอ ราคาของมันคือหนึ่งแสน
เมื่อเห็นราคาต่ำขนาดนี้ คนข้างล่างถึงกับอึ้งไป
ชุยเซิ่งจุนได้เห็นก็ถึงกับขมวดคิ้ว ในใจคิดว่าฝ่ายจัดงานใจดีขนาดนั้นเลยเหรอ
การประมูลราคาเป็นไปตามที่หลี่โม่เดาไว้ ราคาเริ่มต้นของมันต่ำมาก คนประมูลเยอะมาก เลยทำให้ราคาขึ้นสูงอย่างรวดเร็ว
ไม่นานราคาก็กระโดดจากแสนเป็นสามแสนห้า
สามแสนห้าเหมาะสมหรือไม่ ในความเป็นจริงก็เกือบจะใช่ ถึงกำไลไม้หอมกฤษณาจะเป็นของที่ไม่แท้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ภายในนั้นมีส่วนประกอบที่เป็นของแท้
จากการคาดเดาของหลี่โม่ ไม้หอมกฤษณาราคารวมๆ กันแล้ว น่าจะอยู่ระหว่างสามถึงสี่แสน
ราคาตอนนี้กำลังเหมาะสม อีกอย่างคนที่ประมูลในงานก็มีคนมีฝีมือไม่น้อย แน่นอนว่าต้องมีคนเห็นพิรุธเหมือนหลี่โม่
ขณะที่กำลังคิดว่ากำไลไม้หอมกฤษณาจะตกลงกันในราคาสามแสนห้า จู่ๆ ก็มีคนเพิ่มราคาขึ้น ตัวเลขบนหน้าจอกลายเป็นสามแสนเก้า
คนที่พูดราคานี้ออกมาคือชุยเซิ่งจุนที่ทำท่าทีสนใจคู่ต่อสู้ตั้งแต่ตอนแรก
ตอนนี้ชุยเซิ่งจุนขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาขบริมฝีปากเบาๆ สีหน้าของเขาเคร่งขรึม ดูออกเลยว่าเขาไม่มั่นใจกับการประมูล
แต่ราคาสามแสนเก้า เป็นราคาที่เขารับได้ ยังเป็นราคาที่อยู่ในขอบเขต
คิดไม่ถึงว่าจะมีคนเพิ่มราคาอีก แถมยังให้ราคาถึงห้าแสน
คนรวยบนโลกนี้ช่างเยอะจริงๆ…… หลี่โม่คิดในใจ
เมื่อเห็นปฏิกิริยาของชุยเซิ่งจุน เขาสูดหายใจลึก เขาเอาเครื่องประมูลในมือโยนลงบนโต๊ะ ทำสีหน้าเท่และสุขุมเหมือนปกติ
สุดท้ายกำไลไม้หอมกฤษณาสิ้นสุดในราคาห้าแสน
ภายในพริบตา ก็ถึงสินค้าที่นำมาประมูลชิ้นสุดท้าย
การที่เป็นของล้ำค่าชิ้นสุดท้าย เซียวเลี่ยจึงประกาศว่าต้องใช้เวลาในการเตรียม จึงให้พักเป็นเวลายี่สิบนาที เพื่อเรียกความสนใจของทุกคน
หลี่โม่ใช้โอกาสนี้ เรียกชุยเซิ่งจุนออกไปข้างนอกด้วยกัน
ทั้งสองเดินออกมาตรงทางเดินชั้นสอง นอกงานประมูล
ชุยเซิ่งจุนชิงถามขึ้นก่อน
“อะไร เรียกฉันออกมาทำไม”
หลี่โม่จุดบุหรี่สูบ จากนั้นจึงพ่นควันออกมาและพูดว่า
“ผมอยากถามความเห็นของนายน้อยชุย เกี่ยวกับสิ่งของที่นำมาประมูลเมื่อกี้”
“อ๋อ ที่แท้นายจะพูดเรื่องนี้เหรอ งั้นฉันคุยกับนายก็ได้ อีกอย่างฉันก็ไม่มีอะไรทำด้วย”
เหมือนชุยเซิ่งจุนจะไม่สังเกตว่าหลี่โม่กำลังลองเชิง เขากลับตอบตกลงอย่างสบายใจ
“อืม งั้นเริ่มจากภาพวาดพู่กันจีนก่อนดีกว่า ผมว่าคุณน่าจะเห็นอะไรในภาพ”
“อ้อ ภาพนั้นเหรอ จริงๆ มันก็ไม่เลวนะ ฝีมือกับทักษะของนักวาดก็คู่ควร ส่วนสิ่งที่ขาดหายไปก็คือยังเก่าไม่พอ……แต่ราคามันกลับเพิ่มเป็นเท่า”
“จริงๆ แล้ว เมื่อดูจากราคาสุดท้ายที่ประมูล มันดูสูงเกินไป แต่เมื่อเวลาผ่านไป มันก็มีสิทธิ์ที่ราคาจะสูงขึ้น ไม่ถือว่าคนประมูลขาดทุน”
หลี่โม่หันขวับ เขามองชุยเซิ่งจุนด้วยสายตาแปลกประหลาด จากนั้นจึงพูดขึ้นว่า
“แต่เมื่อเปรียบเทียบภาพนั้น สิ่งที่ทำให้ผมสนใจก็คือ คุณทำยังไงถึงใช้แค่ตามอง ก็รู้ข้อมูลเยอะขนาดนั้น”
ที่แท้นายก็สงสัยเรื่องนี้เหรอ ชุยเซิ่งจุนคิด และย้อนถาม
“ว่าก็ว่าเถอะ ฉันจำได้ว่าตอนที่นายขึ้นไปบนเวที นายก็ไม่ได้ใช้แว่นขยายนิ”
ทั้งสองมองหน้ากัน และหัวเราะออกมาพร้อมกัน
“อ้อ มีสิ่งหนึ่งที่ผมอยากให้นายน้อยชุยช่วยสอน ม้าสีทองบรอนซ์ที่คุณประมูลเมื่อกี้ คุณคิดว่าถึงห้าแสนไหม”
หลี่โม่ถามอย่างเด็ดขาด
“ถึงสิ! ของชิ้นนี้เป็นของแท้!”
“อย่างนั้นเหรอ แต่ผมเคยเห็นม้าศึกที่เป็นของปลอมเยอะมาก คุณรู้ได้ไงว่ามันคือของแท้”
“ฮ่าๆ เห็นนายอยากรู้ขนาดนี้ งั้นฉันจะบอกให้ จริงๆ ม้าสีทองบรอนซ์มีของปลอมเยอะมาก แต่ม้าที่นำมาประมูลวันนี้ไม่เหมือนกัน งั้นฉันถามนายก่อน นายคิดว่าม้าสีทองบรอนซ์ชิ้นนี้ มองจากมุมไหนดูดีที่สุด”
หลี่โม่ครุ่นคิด
“จากที่ผมสังเกต มองจากมุมเสย ดูดีที่สุด”
ชุยเซิ่งจุนดีดนิ้ว เขาชี้นิ้วและพูดกับหลี่โม่
“ถูกต้อง! ตอนนี้พวกคนที่ทำของปลอม มักจะผลิตของปลอมที่มีประสิทธิภาพสามมิติที่ยอดเยี่ยมในทุกด้าน เพื่อสนองความต้องการของผู้ซื้อ แต่การที่ทำเช่นนี้ มันก็เผยให้เห็นความแตกต่างระหว่างของแท้กับของปลอม เรียกได้ว่าม้าศึกสีทองบรอนซ์ โดยทั่วไปแล้วจะต้องมีแม่ทัพที่มีผลงานมากมาย การแกะสลักม้าสีทองบรอนซ์ ต้องเน้นการมองมุมเสย เพื่อเผยให้เห็นความน่าเกรงขามของแม่ทัพ โดยไม่สามารถละเมิดได้ จะเห็นได้จากคำอธิบายที่อยู่ในบันทึกหนังสือโบราณ มันมีความสำคัญที่แตกต่างกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ฉันว่ามันเหมาะสมกับราคาแล้ว”
ชุยเซิ่งจุนพูดจบก็กางนิ้วออกมาทั้งห้านิ้ว และเอามือมาเทียบกัน
คิดไม่ถึงว่านายน้อยชุยอายุยังน้อย แต่กลับมีความรู้เยอะขนาดนี้ หลี่โม่แอบชื่นชมเขาในใจ
“ที่แท้เป็นแบบนี้นี่เอง นายน้อยชุยความรู้สูงยิ่งนัก”
ชุยเซิ่งจุนโบกมือไปมา สีหน้าของเขาดูจองหองเล็กน้อย
“ก็พูดไป ยังมีอะไรจะถามอีกไหม”
ตอนนี้หลี่โม่นึกถึงกำไลไม้หอมกฤษณา จึงเอ่ยถาม
“งั้นเรามาคุยเรื่องกำไลไม้หอมกฤษณากันเถอะ เมื่อกี้ผมเห็นนายน้อยชุยสนใจมันมาก ทำไมสุดท้ายถึงยอมแพ้ล่ะครับ”
“อืม……เรื่องนี้เหรอ……”
นายน้อยชุยขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาคิดอยู่ครู่หนึ่ง
“ตอนแรกฉันสนใจกำไลไม้หอมกฤษณามาก แต่เมื่อเห็นราคาต่ำสุด ฉันก็รู้สึกว่าไม่เหมาะสม แถมประมูลถึงสามแสนกว่าก็หยุดแล้ว มันน่าประหลาดมาก ถึงฉันจะบอกไม่ถูกว่ากำไลไม้หอมกฤษณามีอะไรผิดปกติ แต่เมื่อเจอแบบนี้ ฉันว่ายอมแพ้ดีกว่า”
ชุยเซิ่งจุนพูดจบ หลี่โม่คิดในใจว่า ครั้งนี้ถึงคราวที่ฉันต้องสอนนายแล้ว
“อันที่จริงคุณตัดสินใจถูก ถ้าถามว่าเพราะอะไร ผมตอบได้ว่า ‘ไม่ได้แท้ร้อยเปอร์เซ็นต์’”
ชุยเซิ่งจุนได้ยินก็เบิกตาโต เขาปรบมืออย่างตื่นเต้น
“ว้าว! ที่แท้เป็นแบบนี้นี่เอง! ฉันว่าแล้ว ยังไงกำไลไม้หอมกฤษณาก็ไม่ธรรมดา สามสี่แสนเลยนะ หลี่โม่นายนี่ก็เก่งนะ มองออกด้วย”
หลี่โม่หัวเราะ จะไม่ใช่ได้ยังไง จะให้เด็กน้อยอย่างนาย มาสบประมาทได้อย่างไร
“คุณก็ไม่เลวนี่ ผมพูดแค่ไม่กี่คำ คุณก็สามารถมองออก แต่คนที่ประมูลห้าแสน คนนั้นขาดทุนมาก”
“ฮ่าๆๆ นั่นไม่สำคัญ ใครจะไปรู้ บางทีเขาอาจจะเป็นหน้าม้าของผู้จัดงานก็ได้”