หลี่โม่คิดในใจ เขาเจอเรื่องหยกเลือดแบบเหล่ากัวมาแล้วสามครั้ง ครั้งแรกครั้งที่สองพอเรียกว่าบังเอิญได้ แต่เพิ่งไม่กี่วัน เขาเจอเรื่องนี้มาสามครั้งแล้ว เรื่องมันไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน……
ขณะนั้นฟางรั่วเสว่ก็ถามขึ้น
“คุณหลี่ ถึงเหล่ากัวจะไม่รู้จริงๆ เขาแค่ไม่รู้ตัว เพราะโดนอำนาจของหยกเลือด งั้นถ้าพูดกันตามเหตุผล คนคลั่งไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ แต่ทำไมเขาถึงเอาแต่พุ่งเป้าไปที่คุณ ทำไมถึงไม่เป็นฉันหรือคนอื่นล่ะ ฉันไม่เข้าใจจริงๆ ฉันเลยคิดว่าคุณประมาทที่ปล่อยเหล่ากัวไว้กับชุยเซิ่งจุน นี่มันสะเพร่าเกินไปหรือเปล่า”
“ผมคิดเรื่องที่เธอพูดแล้ว ผมคือเป้าหมายของเหล่ากัว มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เพราะอะไรนั้น ผมไม่มีคำตอบที่แน่ชัด แต่เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น ไม่ใช่ความตั้งใจของเขาอย่างแน่นอน ผมเชื่อว่าชุยเซิ่งจุนเชื่อถือได้ จึงให้เขาสืบเรื่องนี้ แน่นอนว่าผมไม่ได้เฉยเมย เพราะมันเกี่ยวกับชีวิตของผมไง ฮ่าๆ ต่อไปคงต้องการความช่วยเหลือจากเธอด้วยนะสหาย!”
พูดไปพูดมา หลี่โม่ก็หัวเราะ และตบไหล่ของฟางรั่วเสว่
ฟางรั่วเสว่คิดไม่ถึงว่าเกิดเรื่องแบบนี้ หลี่โม่ยังมีกะจิตกะใจมาพูดเล่น เธอถึงกับยิ้มแห้ง
“โอเค ฉันเชื่อการตัดสินใจของคุณ ถ้าคุณหลี่ต้องการความช่วยเหลือจากฉัน ฉันจะพยายามอย่างสุดความสามารถ!”
ไม่นานก็มาถึงโรงแรม ทั้งสองต่างแยกย้ายกลับห้องตัวเอง
เมื่อหลี่โม่กลับถึงห้อง ก็นอนแผ่ลงบนเตียง
เขากำลังจัดการเรื่องที่เกิดขึ้นในหัว ทำไมฟางฉีถึงชื่นชมเขาขนาดนี้ หยกเลือดคืออะไรอีก
เกี่ยวข้องกับสำนักหลงเหมินหรือเปล่า
เขาคิดไปคิดมาก็หลับไปโดยไม่รู้ตัว
เมื่อหลี่โม่ตื่นขึ้นมา ก็หนึ่งทุ่มแล้ว
หลี่โม่ลืมตาขึ้นอย่างสะลึมสะลือ เขาเอื้อมมือไปหยิบมือถือตามความเคยชิน
เขากดเปิดหน้าจอดู ถึงกับสะดุ้ง มีสายไม่ได้รับยี่สิบกว่าสาย
หลี่โม่เปิดดู นอกจากเบอร์โทรขายสินค้า ก็มีเบอร์ของชุยเซิ่งจุน
หลี่โม่กดโทรกลับไป
“ฮัลโหล……มีอะไรหรือเปล่า”
“ฮัลโหล หลี่โม่ นี่ฉันเอง เหล่ากัวฟื้นแล้ว เขาคุยบางเรื่องกับฉัน ฉันว่าต้องบอกนาย ตอนนี้นายอยู่ไหน ฉันจะไปหานาย”
“อ้อ…..เอางี้แล้วกัน……ไม่ต้องก็ได้ คุณอยู่ไหน เดี๋ยวผมไปหา”
เหมือนชุยเซิ่งจุนรู้ว่าหลี่โม่กำลังหม่นหมอง เขาหยุดครู่หนึ่ง และพูดว่า
“ตอนนี้ฉันอยู่บ้าน มีอะไรหรือเปล่า ทำไมเสียงนายดูไม่ค่อยดี มีเรื่องอะไรหรือเปล่า”
“ไม่มีอะไร ได้ เดี๋ยวผมจะไปหาคุณ”
พูดจบหลี่โม่ก็วางสาย และถอนหายใจออกมา
เขาคิดในใจว่าในเมื่อที่นี่ไม่มีอะไร ไปหาชุยเซิ่งจุนว่าสืบได้อะไรบ้างจะดีกว่า เรื่องเยอะขนาดนี้ แก้ได้สักเรื่องก็ยังดี
ดังนั้นเขาจึงโทรหาฟางรั่วเสว่ ไม่นานฟางรั่วเสว่ก็ขับรถมา
ตอนแรกหลี่โม่กะว่าจะออกไปด้วยกัน แต่เมื่อฟางรั่วเสว่มาถึง เขาก็เปลี่ยนความคิด
หลี่โม่จึงให้ฟางรั่วเสว่เฝ้าหน้าฉีเป่าจาย ส่วนเขาเรียกรถไปบ้านชุยเซิ่งจุน
เมื่อมาถึงบ้าน ชุยเซิ่งจุนพาหลี่โม่มานั่งที่ห้องรับแขก และชิงพูดก่อนว่า
“หลี่โม่ ถึงเหล่ากัวจะฟื้นแล้ว แต่ตอนนี้ร่างกายเขาอ่อนแอมาก จึงไม่สามารถมาอธิบายให้นายฟังได้ ดังนั้นฉันเลยเป็นฝ่ายมาแจ้ง นายช่วยเข้าใจด้วย……”
หลี่โม่เชื่อใจชุยเซิ่งจุน เขากลับคิดว่า ถึงเหล่ากัวจะอยู่ที่นี่หรือไม่ ก็ไม่สำคัญขนาดนั้น
ขอแค่ข่าวที่ได้รับสามารถไขข้อข้องใจของเขาได้ก็พอ……
ภายในบ้านของชุยเซิ่งจุน
ถึงเหล่ากัวจะฟื้นคืนสติแล้ว แต่ร่างกายของเขาอ่อนแอ ชุยเซิ่งจุนทนไม่ได้ที่จะให้เขามาเผชิญหน้ากับหลี่โม่ เขาจึงตัดสินใจมาเผชิญหน้ากับหลี่โม่เอง
ถึงชุยเซิ่งจุนจะรู้ว่าการที่เหล่ากัวลอบฆ่าหลี่โม่ ไม่ใช่เรื่องที่เหล่ากัวสมัครใจ แต่ยังไงเหล่ากัวก็เป็นคนของเขา การที่มาเจอหน้าหลี่โม่ในตอนนี้ มันค่อนข้างกระอักกระอ่วน
หลี่โม่รู้สึกว่าชุยเซิ่งจุนผิดปกติ เขาจึงพูดติดตลกว่า
“เหล่ากัวฟื้นก็ดีแล้ว ให้เขาพักผ่อนฟื้นฟูร่างกายก่อน ไม่งั้นจะไม่มีใครรับใช้นายน้อยชุย ธุรกิจของโรงรับจำนำจู้ติ่งคงวุ่นวายแน่นอน!”
“เหอะ……นายสบประมาทฉันเกินไปแล้ว ฉันใช้ความสามารถของตัวเอง จนมาอยู่ในตำแหน่งนี้ได้”
“เหรอ ตอนแรกผมยังคิดว่าจะเข้าโรงรับจำนำจู้ติ่งดีไหม ในเมื่อนายน้อยชุยมีความสามารถ งั้นผมคงคิดมากไปเองแล้วสินะ”
“หา? นายพูดจริงเหรอ ถ้าจริงนี่ ไม่มีปัญหาเลยนะ ฉันจะรีบจัดตำแหน่งให้นายเลย!”
หลังจากทั้งสองแซะกันไปมา บรรยากาศเป็นไปด้วยดี มันดูไม่หนักเกินไป กับหัวข้อที่จะพูดต่อไป
คนฉลาดอย่างชุยเซิ่งจุน พูดขึ้นมาก่อน
“ได้ๆๆๆ อย่ามาแซะกัน เข้าเรื่องกันเลย……”
หลี่โม่ให้ความร่วมมืออย่างดี โดยการผายมือให้
ชุยเซิ่งจุนเริ่มพูดเข้าเรื่อง
“ตอนเหล่ากัวฟื้นขึ้นมา ฉันถามเขาว่า ทำไมถึงฆ่านาย แต่เหล่ากัวแปลกมาก เขาย้อนถามฉันว่าพูดอะไร เหมือนเขาจำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น”
เมื่อคืนหลี่โม่ศึกษาเรื่องหยกเลือดอย่างละเอียด ดังนั้นเขาจึงไม่แปลกใจกับเรื่องนี้