บทที่ 61 นี่คือท่าทางที่มาขอร้องคนอื่น
พูดคำนี้ออกไป กู้หยุนหลันเองก็ใจกระตุก ทำไมตัวเองถึงคิดอย่างนี้นะ?
ถึงหลี่โม่จะมีอำนาจแค่ไหน แต่จะทำให้หลายบริษัทสามารถมายกเลิกสัญญากับบริษัทวินเซิงได้?
นี่มันต้องมีอำนาจที่น่ากลัวขนาดไหน ถึงสามารถทำทั้งหมดนี้ได้
ดังนั้น กู้หยุนหลันเพิ่งพูดจบ ก็รู้สึกว่าตัวเองคิดมากไป
ส่วนหลี่โม่ก็ใจกระตุกไปที หันไปมองสีหน้าของกู้หยุนหลัน อยากจะอธิบาย “หยุนหลัน จริงๆแล้ว…..”
“ช่างเถอะ นายไม่ต้องอธิบาย ฉันคิดมากไปเอง นายจะมีแผนและอำนาจขนาดนั้นได้ยังไง นายก็เป็นเพียงแค่ลูกเขยที่บ้านฉันแต่งเข้ามาก็เท่านั้น”กู้หยุนหลันหัวเราะเยาะตัวเอง
ผู้หญิงที่ไหนจะไม่อยากให้สามีตัวเองมีอนาคตที่ดี มีแต่คนเคารพ
แต่ว่า นั้นก็เป็นเพียงแค่ความคิดเท่านั้นแหละ
หลี่โม่เป็นคนยังไง ฐานะการเงินยังไง กู้หยุนหลันรู้ดี
หลี่โม่มองกู้หยุนหลัน ยิ้มอ่อนๆ ไม่ได้พูดอะไร
ไม่นานก็มีเสียงเคาะประตู หลี่โม่บอกให้กู้หยุนหลันกลับเข้าห้องนอน ไม่ต้องออกมา เพราะเมื่อกี้ก็พูดแล้วว่าเธอออกไปท่องเที่ยวกับจินซ่านน่า จะให้ความแตกไม่ได้
กู้ซิงเว๋ยคนนี้ ยังอวดดีเหมือนเคย เคาะประตูปังๆ “กู้หยุนหลัน ฉันรู้ว่าเธออยู่บ้าน มาเปิดประตูให้ฉันเดี๋ยวนี้!”
หลี่โม่เก็บกวาดสักพัก ก็ไปเปิดประตู
ข้างนอก ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความโมโหของกู้ซิงเว๋ย จ้องมาที่หลี่โม่ “หลี่โม่ เมื่อกี้นายกล้าตัดสายฉันอย่างนั้นหรอ?”
“กดโดนอย่างไม่ได้ตั้งใจ”หลี่โม่พูดยิ้มๆ
กู้ซิงเว๋ยโมโห ง้างหมัดขึ้น เล็งหมัดไปที่ใบหน้าของหลี่โม่
“แม่ง!แกก็เป็นเพียงขยะที่ตระกูลกู้รับเข้ามา ยังกล้าตัดสายฉัน หาเรื่องหรอ!”
ปึง!
หมัดของกู้ซิงเว๋ยนั้นถูกมือเพียงข้างเดียวของหลี่โม่จับไว้อย่างแน่น จากนั้นเขายกขาแล้วถีบไปที่เข่าของกู้ซิงเว๋ย!
กู้ซิงเว๋ยเจ็บปวดมากถึงกับถอยหลังไปไม่กี่ก้าว ใบหน้าก็บิดเบี้ยวเพราะความเจ็บปวด ตามมาด้วยการล้มลงไปนั่งอยู่กับพื้น
“บังอาจ!หลี่โม่ นายกล้าดียังไงถึงได้ทำร้ายซิงเว๋ย ไม่วางลุงอย่างฉันไว้ในสายตาเลยใช่มั้ย!”กู้เจี้ยนกั๋วที่เห็นภาพนี้ก็ทำกับเบิกตากว้างแล้วพุ่งเข้ามา
หลี่โม่ยิ้มเย็นชา จ้องกู้เจี้ยนกั๋วอย่างดุดัน “กู้เจี้ยนกั๋ว ลูกชายคุณลงมือก่อน ถ้าคุณอยากช่วยมัน ก็ลองลงมือกับผมเองดูสิ”
กู้เจี้ยนกั๋วที่เห็นสายตาของหลี่โม่ก็ถึงกับใจสั่น
สายตาของไอ้ขยะนี่ น่ากลัวจริงๆ เหมือนกับตัวเองกำลังเจอกับเสือที่กำลังจะตื่นขึ้นอย่างนั้นแหละ!
สถานการณ์นั้น เป็นสิ่งที่ขยะตัวหนึ่งไม่สามารถทำได้อย่างแน่นอน
มันเป็นไอ้ขี้แพ้มาตลอดไม่ใช่หรอ?ทำไมวันนี้ถึงแสดงออกได้แข็งแกร่งขนาดนี้?
“หลี่โม่ แกช่างกล้าทำร้ายฉัน ฉันจะฆ่าแก!”กู้ซิงเว๋ยที่ลุกขึ้นจากพื้น กัดฟันชี้ไปที่หน้าหลี่โม่
หลี่โม่แค่เพียงพูดนิ่งๆว่า “ถ้าพวกนายมาเพื่อทะเลาะ งั้นก็เชิญกลับเถอะ”
ขณะที่พูดหลี่โม่ก็ปิดประตูไปด้วย
กู้เจี้ยนกั๋วผลักประตู มองหลี่โม่ด้วยใบหน้าเย็นชา “แกหลีกไปเดี๋ยวนี้ พวกฉันมาหากู้หยุนหลัน แกมีสิทธิ์อะไรมาคุยกับพวกฉัน”
หลี่โม่พูดยิ้มๆว่า “หรือว่า ตอนนี้พวกนายยังไม่เข้าใจความสำคัญของเรื่องนี้หรอ?แค่เพียงเสียสัญญาของบริษัทรุงคางไป บริษัทวินเซิงและตระกูลกู้จะเจอกับอะไร ในใจพวกนายรู้ดี เพราะงั้น ถ้าอยากเจอกู้หยุนหลัน ทางที่ดีก็ลดความอวดดีลงหน่อย”
ประโยคนี้ทำให้กู้เจี้ยนกั๋วและกู้ซิงเว๋ยถึงกับตกใจ ใบหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
ไม่มีสัญญาของบริษัทรุงคาง บริษัทวินเซิงก็จะล้มละลาย
แต่ว่า ไอ้ขยะตัวหนึ่งอย่างหลี่โม่ มีสิทธิ์อะไรมาพูดอย่างนี้กับพวกเขา?
“หุบปาก! แกมีสิทธิ์อะไรมาพูดพวกนี้ พวกฉันจะเจอกู้หยุนหลัน!”กู้เจี้ยนกั๋วพูดด้วยเสียงน่ากลัว
“ทำไมจะไม่มีสิทธิ์?หยุนหลันเป็นภรรยาของฉัน เรื่องของเธอก็คือเรื่องของฉัน ตอนนี้เธอไม่อยู่ ในบ้านฉันเป็นคนตัดสินใจ”หลี่โม่พูด
“แกเป็นคนตัดสินใจ?”
ได้ยินคำนี้ หน้าของกู้เจี้ยนกั๋วปละกู้ซิงเว๋ยมีแต่ความเยาะเย้ย
กู้ซิงเว๋ยเดินหน้ามา “หลี่โม่ แกรู้มั้ยตอนนี้ที่แกพูดคำนี้มันเหมือนกับคนโง่?บ้านนี้ ยังมีส่วนให้แกได้ตัดสินใจด้วยหรอ?”
“อีกอย่าง สัญญาของบริษัทรุงคาง กู้หยุนหลันได้มายังไง ในใจทุกคนก็รู้ดี! แกถูกนอกใจแล้วยังมีความสุขขนาดนี้ ช่างน่าตลกสิ้นดี!”กู้ซิงเว๋ยมองหลี่โม่อย่างเยาะเย้ย
สายตาหลี่โม่ดุดัน ง้างหมัดขึ้น
กู้หยุนหลันได้สัญญามายังไง เขารู้ดีที่สุดอยู่แล้ว คำพูดนี้ของกู้หยุนหลัน มันใส่ร้ายกันชัดๆ
เขาก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว สายตาอำมหิต จ้องไปที่กู้ซิงเว๋ย แสดงออกถึงความอยากฆ่า!
“แก แกคิดจะทำอะไร!ฉันขอเตือนแกไว้นะ ถ้าแกกล้าลงมือกับฉัน ตระกูลกู้ก็จะไม่เหลือที่สำหรับกู้หยุนหลัน!”กู้ซิงเว๋ยถูกท่าทางและสายตาของหลี่โม่ทำให้ตกใจ!
“ถ้าแกยังกล้าใส่ร้ายกู้หยุนหลัน ฉันจะทำให้แกเสียใจที่ยังมีชีวิตอยู่!”
หลี่โม่พูดอย่างน่ากลัว ในตัวแผ่รังสีความอำมหิตออกมา!
กู้ซิงเว๋ยกลืนน้ำลายดังอึก ถอยหลังไปไม่กี่ก้าว
“เกิดอะไรขึ้น?”
ในตอนนี้ หวังฟางและกู้เจี้ยนหมินกลับมาจากข้างนอก เห็นหน้าบ้านมีคนยืนอยู่เยอะขนาดนี้
“เจี้ยนหมิน ลูกเขยของแกนั้นเก่งจริงๆ กล้าทำร้ายซิงเว๋ย แล้วยังไม่ให้พวกฉันเข้าบ้านด้วย!”เห็นว่ากู้เจี้ยนหมินกลับมา กู้เจี้ยนกั๋วก็สบายใจไปเปลาะหนึ่ง มือไขว้หลังไว้อย่างมีอำนาจ และพูดเสียงเข้ม
ในบ้านตระกูลกู้ กู้เจี้ยนกั๋วคือลูกชายคนโต กู้เจี้ยนหมินคือลูกชายคนที่สอง และเพราะความสัมพันธ์ของหลี่โม่และกู้หยุนหลัน ทำให้ไม่ถูกคุณปู่ให้ความสำคัญ เพียงแค่หางานข้างนอกให้ทำเท่านั้น
“ลุงสองป้าสอง เมื่อกี้หลี่โม่มันพูดแล้วว่าบ้านนี้มันเป็นใหญ่”กู้ซิงเว๋ยเองตอนนี้ก็กล้าแล้ว เลยจงใจพูดขึ้น
ได้ยินคำนี้ ใบหน้าของหวังฟางก็มืดมน ชี้ไปที่หน้าหลี่โม่ “แกพูดอะไรนะ?บ้านนี้แกเป็นใหญ่?แกบ้าไปแล้วหรอ?หรือว่ากินใจหมีไปถึงได้กล้าขนาดนี้ ยิ่งอยู่ยิ่งไม่รู้จักมารยาทจริงๆ น่าโมโหที่สุด!”
พูดแล้วหวังฟางก็หาของเพื่อที่จะมาฟาดหลี่โม่
กู้เจี้ยนหมินที่อยู่ข้างๆก็ดึงหวังฟางไว้ มองกู้เจี้ยนกั๋วด้วยสีหน้าที่ไม่ดีนัก “พี่ใหญ่มาทำอะไรครับ?พวกพี่ไม่มาประมาณสองปีได้แล้วนะ ทำไมวันนี้ถึงคิดมาถึงบ้านละครับ”
พูดจนจบกู้เจี้ยนหมินก็พยายามบีบรอยยิ้มออกมา
ประโยคนี้ทำให้กู้เจี้ยนกั๋วหน้าแดงก่ำ “พวกเรามีธุระมาหากู้หยุนหลัน”
“มีธุระ?ธุระอะไร?ในที่ประชุมก็พูดอย่างชัดเจนแล้วนี่ว่าลูกสาวของพวกเราถูกยึดตำแหน่งผู้อำนวยการ พวกพี่ยังมีธุระอะไรที่ต้องหาเธอ?”
กู้เจี้ยนกั๋วและกู้ซิงเว๋ยมองหน้ากัน ถึงกับพูดไม่ออก
หรือว่า ยังต้องขอร้องให้กู้เจี้ยนหมินช่วยพูด?
ในตอนนี้หลี่โม่พูดขึ้น “บริษัทและโรงงานที่ร่วมธุรกิจกับบริษัทวินเซิง ยกเลิกสัญญาทั้งหมด ตอนนี้บริษัทวินเซิงกำลังเผชิญหน้ากับการที่จะล้มละลาย และยังต้องชดเชยค่าผิดสัญญาอีกสามพันยี่สิบล้านกว่าหยวน พวกเขามาเพื่อจะมาเอาสัญญาของบริษัทรุงคาง ตอนนี้ มีเพียงบริษัทรุงคางเท่านั้นที่จะช่วยบริษัทวินเซิงได้”
ได้ยินประโยคนี้หวังฟางถึงกับตะลึง กู้เจี้ยนหมินขมวดคิ้ว แล้วก็ยิ้มขึ้นมา
“ในเมื่อมาขอร้องคน แล้วทำไมถึงทะเลาะกันได้ละ?หรือว่า นี่คือท่าทางที่มาขอร้องคนอื่น?”กู้เจี้ยนหมินหัวเราะเหอะๆแล้วมองกู้เจี้ยนกั๋วและคนอื่น
พูดจบ เขาหันหลังแล้วดึงหวังฟางเข้าบ้าน และยังทิ้งท้ายว่า “หลี่โม่ ถ้าหากว่าพวกเขายังกิริยาแบบนี้ละก็ไล่กลับไปเถอะ แม่เธอร่างกายอ่อนแอ รับการทะเลาะไม่ไหว”
“ได้ครับ”หลี่โม่ตอบ