กู้หยุนหลันเห็นว่าสถานการณ์ไม่ดี จึงรีบพูดอย่างร้อนรนว่า “กงซุนจุน นายอย่าถือสาหลี่โม่เลยนะ หลี่โม่ นายพูดจาดีๆได้มั้ย พวกเรามาขอร้องให้คนเขาช่วยเหลือนะ”
หลี่โม่มองกู้หยุนหลันด้วยสายตาเบื่อหน่ายเล็กน้อย ร่างกายส่วนบนพิงพนักเก้าอี้ เชิดหน้าพูดว่า “ก็คือว่านายจะเป็นสุภาพบุรุษสูงส่ง สุดท้ายแล้วล้อเล่นด้วยก็ไม่ได้ เห็นนายโมโหขนาดนี้ อยากจะให้ฉันขอโทษนายใช่มั้ย? ถ้าหากว่านายอยากให้ฉันขอโทษจริงๆ งั้นฉันก็จำใจขอโทษนายก็แล้วกัน”
กู้หยุนหลันร้อนรนจนอยากกระทืบเท้า อยากจะหยิกหูของหลี่โม่ให้เขาพูดจาดีๆจริงๆเลย
กงซุนจุนยิ้มเยาะสองที จู่ๆก็รู้สึกตัวว่าตัวเองเป็นแบบนี้ดูไม่ดีเท่าไหร่ ในภาพลักษณ์สถานะของบุคคลสูงส่งผู้เก็บตัว ควรจะดูเรียบง่ายสักหน่อยถึงจะถูก
นี่แม่งนับว่าถูกทำให้โมโหจนเสียภาพลักษณ์มั้ย?
กงซุนจุนทบทวนสักพัก ค่อยๆนั่งลงด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย “เหอะๆ ผมเพียงแค่ล้อเล่นกับน้องหลี่ก็เท่านั้น ไม่คิดเลยว่าจะทำให้หยุนหลันคิดจริงจัง ขอโทษหยุนหลันด้วยจริงๆนะ”
เมื่อเห็นว่ากงซุนจุนนั่งลง ในที่สุดกู้หยุนหลันก็สบายใจไปเปลาะหนึ่ง ขอเพียงแค่ทั้งสองคนไม่ตีกันก็พอแล้ว
ในวินาทีนี้กู้หยุนหลันรู้สึกว่าตัวเองเหนื่อยใจมาก ขยับเข้าไปพูดข้างหูหลี่โม่เสียงเบาว่า “พูดจาระวังหน่อยได้มั้ย พวกเรามาขอให้คนเขาช่วยเหลือนะ!”
“อ้อ งั้นฉันไม่พูดดีกว่า”
หลี่โม่ไม่มีกะจิตกะใจที่จะต่อกรกับกงซุนจุนเลยสักนิด การที่ไม่พูดจาถือเป็นขีดจำกัดสูงสุดที่หลี่โม่จะทำได้แล้ว
ถ้าต้องเอาใจกงซุนจุน สำหรับหลี่โม่แล้วถือเป็นเรื่องน่าอับอาย
มีเสียงฝีเท้าดังขึ้น เถ้าแก่ของโรงเตี๊ยมกับเชฟและคนอื่นๆเรียงคิวเดินมาอย่างเป็นระเบียบ และวางจานอาหารต่างๆไว้บนโต๊ะอย่างเรียบร้อย
อาหารไม่ได้มีอะไรพิเศษ ล้วนเป็นพวกผักเขียวและเนื้อสัตว์ต่างๆ
แต่การจัดอาหารทำได้สวยงามมาก ความหอมของอาหารเองก็โชยเข้าจมูก ทำให้ผู้คนที่เห็นแล้วมีความอยากอาหารอย่างมาก
“หยุนหลันเธอลองชิมดู นี่เป็นสิ่งที่ฉันเอามาจากบนเขา ล้วนเป็นผักสดที่หากินในเมืองไม่ได้ทั้งนั้น”
“ดูแล้วก็ไม่เลว คิดดูแล้วรสชาติต้องดีมากแน่ๆ”
กู้หยุนหลันหยิบตะเกียบขึ้นมาคีบผักกวางตุ้งใบหนึ่งเข้าปาก เคี้ยวไปไม่กี่คำก็รู้สึกได้ถึงรสชาติที่ไม่เคยได้รับมาก่อนนั้นกระจายไปทั่วปาก
นั่นเป็นรสชาติที่ไม่สามารถบรรยายออกมาได้ แต่ว่าเมื่อกินเข้าไปแล้วรู้สึกว่าทำให้คนรู้สึกอารมณ์ดีขึ้น น่าอัศจรรย์เป็นอย่างมาก
“นี่คือผักอะไรหรอ ดูแล้วเหมือนจะเป็นผักกวางตุ้งธรรมดา แต่รสชาติกลับดีกว่าผักกวางตุ้งทั่วไปหลายเท่าเลย”
กงซุนจุนพูดด้วยรอยยิ้มว่า “นี่ก็คือผักกวางตุ้ง เพียงแต่ว่าใช้เมล็ดกวางตุ้งแบบดั้งเดิมปลูก ในตอนที่เพาะปลูกก็ไม่ได้ใช้พวกปุ๋ย ดังนั้นรสชาติจึงดีกว่าผักกวางตุ้งทั่วไปอย่างมาก”
เมื่อพูดจบแล้วกงซุนจุนก็มองหลี่โม่อย่างดูถูก “คุณหลี่เองก็ลองชิมดูเถอะครับ ระวังอย่ารู้สึกอร่อยจนกัดโดนลิ้นของตัวเองละ”
“ฉันไม่หิว ตอนเที่ยงกินเยอะไปหน่อย ตอนนี้ไม่มีความอยากอาหาร”
หลี่โม่พูดอย่างเฉยๆ
กงซุนจุนเองก็ไม่ได้ยุยง หลี่โม่ไม่อยากกินก็แล้วแต่ ไม่กินก็ยิ่งดี
หยิบตะเกียบกินกับข้าวไปไม่กี่คำ กงซุนจุนก็มองไปที่กู้หยุนหลันด้วยรอยยิ้ม “เป็นยังไงบ้าง อาหารทุกจานมีความเป็นเอกลักษณ์อยู่ใช่มั้ยละ”
“อื้อๆ มีเอกลักษณ์มากจริงๆ กงซุนจุนวันเวลาที่นายอยู่บนเขาคงจะอยู่เหมือนกับพวกเทพเจ้าเลยละมั้ง”
“ฮ่าๆๆ”
หลังจากที่กงซุนจุนหัวเราะแล้วก็ส่ายหัวเบาๆ “เทพเจ้าก็ใช่ แต่ก็ขาดคู่ครองไปคนหนึ่งนะสิ ถ้าหากว่าได้มีคู่ครองนั่นถึงจะเรียกได้ว่าเป็นเทพเจ้าจริงๆ”
“เหอะๆ”
หลี่โม่หัวเราะเบาๆ ในเสียงหัวเราะเต็มไปด้วยความดูถูก
กงซุนจุนเหลือบมองหลี่โม่ สมุดบันทึกในใจ จดชื่อหลี่โม่ไว้อย่างดี มีความคิดที่อยากจะฆ่าหลี่โม่ทิ้งและแย่งกู้หยุนหลันมา
กู้หยุนหลันรู้สึกว่าในคำพูดของกงซุนจุนมีเลศนัย จึงได้พูดว่า “กงซุนจุนจะต้องหาคู่ครองที่ดีได้แน่นอน งานเลี้ยงขึ้นบ้านใหม่ของที่บ้านในวันหน้า ไว้ฉันใช้ชาแทนเหล้าในการเคารพนายนะ”
“เกรงใจไปแล้ว”
กงซุนจุนยกแก้วชาขึ้น ชนแก้วกับกู้หยุนหลัน
ในขณะที่ชนแก้ว นิ้วของกงซุนจุนยื่นออกมาจับกับหลังมือของกู้หยุนหลัน
เป็นสัมผัสที่นุ่มนวลมาก ทำเอากงซุนจุนที่โสดมาโดยตลอดมีความรู้สึกเหมือนวิญญาณจะล่องลอย
จินตนาการว่าถ้าหากสามารถได้กอดกู้หยุนหลันทั้งวัน วันเวลานั้นมันจะสวยงามสักแค่ไหน
กงซุนจุนที่เลือดสูบฉีดมองหลี่โม่ด้วยหางตาและยิ่งมั่นใจความคิดที่มีอยู่ในใจมากยิ่งขึ้น
กู้หยุนหลันควรจะเป็นของฉัน!
เธอในตอนนั้นช่วยฉันไว้ ฉันก็เคยสาบานไว้แล้วว่าจะทดแทนด้วยชีวิต คนที่ได้เป็นเขยแต่งเข้าบ้านตระกูลกู้ควรจะเป็นกงซุนจุนอย่างเขา!
ดวงตาประกายขึ้นแล้วกงซุนจุนก็หลับตาลงเล็กน้อย เพื่อปิดบังความรู้สึกอยากฆ่าที่โผล่มาในดวงตา
หลี่โม่รู้สึกได้ถึงความอยากฆ่าที่แผ่ออกมาจากตัวของกงซุนจุนแล้ว คิ้วกระตุกเล็กน้อย จากนั้นก็ก้มหัวอย่างไม่สะทกสะท้านอะไรเหมือนเดิม
วินาทีที่มือของกู้หยุนหลันถูกกงซุนจุนแตะ ในใจก็มีความรู้สึกไม่ดีพุ่งขึ้นมาในทันที และรู้สึกผิดที่มาขอร้องให้กงซุนจุนช่วยเหลือ
การกระทำในตอนนี้ของกงซุนจุนทำให้กู้หยุนหลันรู้สึกกลัวเล็กน้อย รู้สึกนึกคิดว่ากงซุนจุนมีความไม่ปกติสักเท่าไหร่
นี่ไม่ใช่การกระทำของสุภาพบุรุษแน่นอน!
กงซุนจุนคนนี้จะต้องเป็นคนที่มีความคิดไม่ดีแน่นอน!
แล้วทีนี้จะทำยังไง?
คำพูดที่ขอให้เขาช่วยเหลือก็ได้พูดออกไปแล้ว แต่ถ้าไม่ให้กงซุนจุนช่วยเหลือ ก็พูดออกไปได้ยากแล้วด้วย
ในขณะที่กู้หยุนหลันกำลังรู้สึกเสียใจอยู่ หลี่โม่ยื่นมือออกไปจับมือซ้ายของกู้หยุนหลันไว้ กำไว้ในฝ่ามือเบาๆ
“หยุนหลัน กินเสร็จหรือยัง? บริษัทยังมีเรื่องต้องจัดการอีกนะ”
“กินเสร็จแล้ว วันนี้ขอบคุณการต้อนรับของกงซุนจุนเป็นอย่างมากเลย ที่บริษัทยังมีธุระ ฉันจะกลับกับหลี่โม่ก่อนแล้วนะ”
กู้หยุนหลันรีบใช้โอกาสนี้ คิดไว้ว่าอยากจะรีบจากไปจากที่นี่ ออกห่างจากกงซุนจุนให้ไกล และต่อไปก็จะไม่เจอกับกงซุนจุนคนนี้อีก
สายตาของกงซุนจุนจ้องไปที่มือของหลี่โม่เขม็ง ดวงตาเริ่มแดงก่ำขึ้นมา
กงซุนจุนรู้สึกว่าคนที่ได้จับมือนุ่มนวลของกู้หยุนหลันนั้นควรจะเป็นตัวเขาเอง ไม่ใช่หลี่โม่ที่หยาบคาย
“รีบอะไรกัน เธอเพิ่งกินไปแค่สองคำเท่านั้นเอง ฉันไตร่ตรองเรื่องงานเลี้ยงขึ้นบ้านใหม่ของเธอก็ไม่มีอะไรที่จะมอบให้ ให้เงินก็ธรรมดาเกินไป ให้ของก็ไม่รู้ว่าเธอชอบอะไร ถ้าหากว่าเธอรู้สึกว่าอาหารพวกนี้ล้วนรสชาติดี ฉันสั่งให้คนส่งพวกผักและสัตว์ต่างๆบนเขาไปให้ ได้ใช้ในงานเลี้ยงขึ้นบ้านใหม่พอดีด้วย คิดว่าเพื่อนญาติพี่น้องพวกนั้นของเธอ ได้กินอาหารที่รสชาติดีแล้ว จะต้องลืมงานเลี้ยงขึ้นบ้านใหม่ของบ้านเธอไม่ลงแน่นอน”
กงซุนจุนไม่ได้กะไว้ว่าจะเจอกับกู้หยุนหลันเพียงแค่ครั้งนี้เท่านั้น ดังนั้นจึงเสนอว่าจะมอบผักและสัตว์ต่างๆให้เป็นของขวัญ
แบบนี้ก็สามารถใช้เป็นข้ออ้างได้ ได้เจอกับกู้หยุนหลันและคนในครอบครัวของเธอ กงซุนจุนคิดว่าเพียงแค่ตัวเขาได้เจอกับพ่อแม่ของกู้หยุนหลัน ก็จะต้องมีวิธีทำห้พวกเขาหวั่นไหวแน่นอน
กู้หยุนหันอยากจะปฏิเสธกงซุนจุนเป็นอย่างมาก แต่ข้ออ้างที่กงซุนจุนเสนอออกมา ก็ทำเอากู้หยุนหลันปฏิเสธได้ยากมาก