บทที่ 63 รอคุณปู่มาขอโทษด้วยตัวเอง
“เปลี่ยนอะไรละ เขามีอะไรเปลี่ยนไป มันก็คือขยะ ทำไม แกยังหวังว่ามันจะเป็นลูกคนรวยออกมาลองใช้ชีวิตอย่างนั้นหรอ?อย่าฝันเลยลูกสาวฉัน แกอยู่ในโลกความจริงหน่อย หลี่โม่ให้อะไรแกได้?ให้อะไรฉันกับพ่อแกได้บ้าง?”
หวังฟางพูดอย่างโมโห
กู้หยุนหลันรู้สึกว่าคุยกับแม่ตัวเองต่อไปไม่ไหว ก็นอนลงเหมือนเดิม “ยังไงซะหนูก็ไม่หย่ากับเขาแน่นอน ถ้าแม่ชอบซู๋ไห่เทียน แม่ก็ไปแต่งเองละกัน”
ฮ๊ะ
ได้ยินคำนี้ หวังฟางก็โมโหกว่าเดิม ลงมือตีไปที่ก้นงอนๆของกู้หยุนหลันสองที “แกตั้งใจจะทำให้ฉันโมโหใช่มั้ย?ถ้าฉันยังสาว ก็แต่งให้กับซู๋ไห่เทียนไปนานแล้ว!”
พูดจบ ท่าทางของหวังฟางก็อ่อนลง แล้วพูดกล่อม “หยุนหลัน ไม่ใช่ว่าแม่บังคับแก แต่ว่า แกต้องคิดถึงอนาคตของแกด้วย ไม่อย่างนั้น แกจะเฝ้าอยู่กับหลี่โม่ที่ไม่มีอนาคตอย่างนี้ไปตลอดชีวิต?แม้ว่าแกจะไม่คิดถึงตัวเอง แกก็คิดเพื่อซีซีเถอะ เธอโตแล้ว จะสามารถยอมรับว่าพ่อตัวเองเป็นขยะที่ไม่มีอะไรดีเลย?คนวัยเดียวกันจะมองเธอยังไง?”
กู้หยุนหลันใช้ผ้าห่มคลุมโปง
หวังฟางถลึงตาแล้วพูดอย่างอารมณ์เสีย “แกไปคิดดีๆเถอะ แม่ก็ไม่เร่งแกแล้ว รอแกคิดได้ แกก็เข้าใจที่แม่หวังดีกับแกเอง”
พูดจบ หวังฟางก็หันหลังจะออกไป แต่ว่าสายตากลับไปเจอกลับกล่องสวยงามบนโต๊ะเครื่องแป้ง
เป็นสร้อยที่สวยมาก!
“โอ๊ยตายแล้ว ลูกสาว นี่…..นี่เป็นเพชรแท้ทั้งหมดหรอ?”
หวังฟางรีบพุ่งเข้าไป มองดูเพชรระยิบระยับผ่านตัวกล่องที่สวยงาม ช่างสวยเหลือเกิน!
กู้หยุนหลันรีบลุกขึ้น เห็นว่าหวังฟางจะแกะกล่อง รีบพุ่งเข้าไปแย่งกล่องกลับมา “นี่ไม่ใช่ของหนู น่าน่าเอามาฝากไว้ที่นี่ อย่าจับมั่ว”
หวังฟางกลอกตา “ยังจะโกหกแม่หรอ?แกคิดว่าแม่ไม่รู้หรอ นี่คือสร้อยคอเพชรนางฟ้าดอกไม้ เส้นแรกที่ขายออกในเมืองฮ่าน ตอนนี้พนักงานส่งไปที่บริษัทพวกแก ก็มีข่าวลือแล้ว โอ๊ย ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคุณชายบ้านไหนมาชอบลูกสาวฉัน ดีจริงๆเลย!”
หวังฟางตื่นเต้น ดูแล้วลูกสาวตัวเองก็ไม่โง่ ยังรู้จักมีตัวสำรองไว้
กู้หยุนหลันรีบอธิบาย “แม่ แม่คิดมากแล้ว สร้อยเส้นนี้หนูจะคืนกลับไปอยู่”
ได้ยินว่าจะคืน หวังฟางร้อนรน “คืนทำไม?แกโง่หรอ คนเขามอบให้แก ก็คือมีความรู้สึกกับแก!อีกอย่าง เพียงแค่เพิ่งลงมือก็ส่งสร้อยเส้นนี้มา จะเป็นคนธรรมดาหรอ?เชื่อฟังแม่ คบหากับเขาดีๆ”
พูดจบหวังฟางก็ออกจากห้องนอนไปอย่างยิ้มแย้ม
กู้หยุนหลันโมโหจนนั่งกระทืบเท้าอยู่ปลายเตียง แม่เข้าใจผิดอีกแล้ว
หวังฟางออกจากห้อง แล้วยังยืนหัวเราะอยู่หน้าห้อง แล้วก็เอาโทรศัพท์ออกมา ส่งข้อความให้ซู๋ไห่เทียน : เทียนไห่ สร้อยที่เธอส่งให้หยุนหลันฉันเห็นแล้ว สวยมากจริงๆ หยุนหลันดีใจมากเลย เธอต้องชวนหล่อนออกไปกินข้าวด้วยบ่อยๆนะ”
แล้วหวังฟางก็เดินไปห้องนั่งเล่น
ฝั่งนี้ ซู๋ไห่เทียนกำลังนั่งดื่มเหล้ากับเพื่อนๆอยู่ในคลับเฮาส์ อยู่ๆก็ได้รับข้อความ เห็นเนื้อหา เขาเองก็ถึงกับงง
สร้อยคอ?
สร้อยคออะไร?
ครั้งก่อนที่มอบให้กู้หยุนหลัน เธอไม่รับนี่
หรือว่า หวังฟางจะเข้าใจอะไรผิดอีกแล้ว?
ซู๋ไห่เทียนยิ้ม แล้วก็ตอบไป “คุณน้า หยุนหลันชอบก็ดีแล้วครับ”
ภาพกลับมาที่ด้านหวังฟาง ในห้องนั่งเล่น เธอไม่เห็นกู้เจี้ยนกั๋วและกู้ซิงเว๋ย เห็นเพียงหลี่โม่และกู้เจี้ยนหมิน
“พี่ใหญ่กับซิงเว๋ยละ?ไม่ใช่ว่าจะขอร้องหยุนหลันของเราหรอ?ทำไมถึงกลับไปแล้วละ?”หวังฟางถาม
กู้เจี้ยนหมินมองไปที่หลี่โม่ ในสายตามีความกลัวนิดหน่อย
ภาพที่อยู่หน้าประตูเมื่อกี้ ท่าทางที่ดูมีอำนาจของหลี่โม่ยังทำให้เขารู้สึกกลัวอยู่บ้าง
กู้เจี้ยนหมินไม่เคยเห็นว่าหลี่โม่จะมีด้านที่น่ากลัวขนาดนี้มาก่อน เหมือนกับว่าเปลี่ยนไปเป็นคนละคน
ลูกเขยคนนี้ แต่งเข้าบ้านตระกูลกู้มา 4 ปีแล้ว แสดงออกอย่างอ่อนน้อมมาตลอด ทำไมวันนี้ถึงได้ดูน่ากลัวเช่นนี้ กล้าตีแม้กระทั่งกู้ซิงเว๋ยและกล้าขวางกู้เจี้ยนกั๋วด้วย
อีกอย่าง เรื่องที่คุยกับกู้เจี้ยนกั๋วเมื่อกี้ ยังทำให้กู้เจี้ยนหมินรู้สึกหวาดกลัวอยู่เลย
“ฉันให้พวกเขากลับไปเอง ในเมื่อมาขอร้องหยุนหลัน อย่างนั้นก็ควรมีท่าทางที่จริงใจในการมาขอร้องคนอื่น อีกอย่าง คุณปู่ยังไม่มาด้วยตัวเองเลย เขาถึงจะเป็นคนที่ริเริ่มทุกอย่าง”หลี่โม่พูดนิ่งๆ
ประโยคนี้เหมือนกับสายฟ้าฟาด ทำให้กู้เจี้ยนหมินและหวังฟางล้มทั้งยืน!
หมายความว่าจะให้คุณปู่มาขอร้องหยุนหลันด้วยตัวเอง?
นี่ นี่มันบ้าชัดๆ!
“หลี่โม่ แกอยากตายใช่มั้ยห้ะ!”กู้เจี้ยนหมินเด้งตัวลุกขึ้น ชี้หน้าด่าหลี่โม่ว่า “แกรู้มั้ยว่าแกทำแบบนี้ จะทำให้บ้านเราเป็นยังไง?บ้าบอ!”
หวังฟางเองก็ตกใจทำตัวไม่ถูก แล้วด่าว่า “หลี่โม่ แกมันเป็นขยะที่สมควรตาย แกอยากทำลายบ้านของเราหรอ!บ้านเราให้แกตัดสินใจได้ตั้งแต่เมื่อไหร่?แกไปเดี๋ยวนี้เลยนะ ไปหาคุณลุงและกู้ซิงเว๋ยกลับมา!”
คุณท่านใหญ่ตระกูลกู้เป็นคนยังไง?เป็นคนที่ไม่สนแม้ว่าจะเป็นญาติก็ตาม เขาจะมาขอร้องหยุนหลันด้วยตัวเอง?
นั่นมันความฝันของคนโง่ชัดๆ!
“พ่อ แม่ คุณปู่มาแน่นอน เรื่องนี้ เกี่ยวกับความเป็นความตายของตระกูลกู้ คุณปู่รู้ดีกว่าใครทั้งนั้น”หลี่โม่พูดจบ แล้วก็หันหลังเดินเข้าไปห้องครัวเพื่อทำอาหารเย็น
หวังฟางโมโหจนพูดไม่ออก เธอมีความรู้สึกว่ามองหลี่โม่ไม่ออก
“เจี้ยนหมิน นี่….เกิดอะไรขึ้นกันแน่?มันบ้าไปแล้วหรอ?”หวังฟางถามอย่างโมโห
กู้เจี้ยนหมินส่ายหัว “ไม่รู้เหมือนกัน วันนี้มันไม่ปกติมาก แต่ว่า เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว พวกเราก็ทำได้แค่รอเท่านั้น”
หวังฟางถามอย่างเกรงกลัว “คุณปู่จะมาจริงๆหรอ?”
กู้เจี้ยนหมินยิ้มแล้วส่ายหัวอย่างเอือมระอา “คุณปู่จะทิ้งศักดิ์ศรีมาได้ยังไง คนแก่อย่างเขาเป็นยังไงเธอก็ไม่ใช่ไม่รู้ อย่างมากก็แค่ให้พวกกู้เจี้ยนกั๋วมาอีกครั้ง”
หวังฟางพยักหน้า จ้องไปที่หลี่โม่อย่างโกรธเกลียด
ตอนค่ำ หลังจากที่กินข้าว หลี่โม่เดินเข้าไปในห้องนอน เห็นกู้หยุนหลันที่อาบน้ำแล้วนอนอยู่บนเตียง
เขาเอาอุปกรณ์ของตัวเองออกมาอย่างชำนาญ แล้วก็ใส่น้ำมันที่มือทั้งสองข้าง เทลงบนหลังที่เนียนนุ่มของกู้หยุนหลันเล็กน้อย แล้วก็เริ่มนวด
กู้หยุนหลันดื่มด่ำมากที่หลี่โม่นวดตัวให้เธอทุกๆอาทิตย์
“อ๊ะ ลงอีกหน่อย”กู้หยุนหลันพึมพำมาคำนึง ท่าทางนั้นน่าหลงใหลมาก
หลี่โม่ตั้งใจนวดให้เธอเป็นอย่างดี สายตามองไปที่โทรศัพท์ในมือของกู้หยุนหลัน แล้วก็ถามยิ้มๆว่า “เธอดูคอนเสิร์ตนี้มานานแล้ว อยากไปหรอ?”
กู้หยุนหลันวางโทรศัพท์ในมือลง ถอนหายใจแล้วพูด “อยากไปสิ เทศกาลดนตรีครั้งนี้ มีแต่นักดนตรีและวงดนตรีของต่างประเทศทั้งนั้น แม้แต่คุณจิ่วสืออีร่างยังมา แต่ว่าบัตรเข้านั้นมันแพงมากเกินไป ใบละหมื่นกว่าบาทแหนะ แพงเกินไป…..”
หลี่โม่ยิ้มอ่อนๆ เขารู้ว่ากู้หยุนหลันชอบดนตรีมาตลอด
“เธอชอบคุณจิ่วสืออีร่างมากเลยหรอ?”อยู่ๆหลี่โม่ก็ถาม
กู้หยุนหลันพวกด้วยใบหน้าชื่นชอบ “อื้อ ถ้าได้ถ่ายรูปกับเขาสักใบก็ดีสิ แต่ว่า ราคาที่เจอกับคุณจิ่วสืออีร่างตัวต่อตัวนั้น ในเน็ตนั้นราคาประมูลสูงมากเกินไปแล้ว ได้ยินว่าราคาหลายสิบล้านแหนะ….”
พูดถึงนี่กู้หยุนหลันก็รู้สึกหดหู่
หลี่โม่มองดูโทรศัพท์ของเธอแล้วจำไว้ในใจ
ผ่านไปสิบกว่านาที หลี่โม่เก็บข้าวของเสร็จ ก็ออกมานอกห้อง โทรออกเบอร์ของเฉียนฝู “ช่วยฉันจัดการพบปะกับจิ่วสืออีร่าง ราคาเท่าไหร่ก็ไม่เป็นไร บอกให้เขายกเลิกงานพบปะอันอื่นทิ้ง”
ขอแค่เป็นเพียงสิ่งที่เธออยากได้ ฉันก็จะเติมเต็มให้เธอ