เมื่อเห็นว่าเสือผีละลายเป็นเลือด หลี่โม่ก็ทำมือเคารพไปรอบด้าน จากนั้นก็พูดว่า “ฟางฉี พวกนายหลับให้สบายเถอะ”
เมื่อพูดจบหลี่โม่ก็ออกจากคฤหาสน์ตระกูลฟาง แล้วขับรถไปทางเมืองฮ่าน
เมื่อหลี่โม่กลับถึงเมืองฮ่าน ก็เป็นเวลาเที่ยงแล้ว กู้หยุนหลันและคนอื่นๆที่กลับไปพักบ้านเก่าคืนหนึ่งก็กลับมาถึงคฤหาสน์แล้ว
ในตอนที่หลี่โม่กลับเข้าบ้าน แม่บ้านก็ทำกับข้าวเสร็จเรียบร้อยแล้ว กู้หยุนหลันและคนอื่นๆก็นั่งอยู่บนโต๊ะกำลังเตรียมจะทานข้าว
เมื่อเห็นว่าหลี่โม่กลับมา หวังฟางชักสีหน้าพูดว่า “หลี่โม่ นายหายไปทำอะไรมาทั้งคืน? แล้วให้พวกเราลำบากกลับไปพักตั้งคืนหนึ่ง แต่ตัวนายกลับไม่เห็นแม้แต่เงา เก่งขึ้นหน่อยแล้วได้ใจงั้นหรอ ออกไปเหลวไหลข้างนอกละสิ!”
“แม่ พูดอะไรกันนะ หลี่โม่จะไปเหลวไหลข้างนอกได้ยังไงกัน” กู้หยุนหลันช่วยหลี่โม่พูด
เฉินเสี่ยวถงมองหลี่โม่ด้วยสายตาไม่พอใจ ในใจคิดว่าถ้าหากว่าหลี่โม่ออกไปเหลวไหลข้างนอกจริงๆ นั่นก็แสดงว่าเฉินเสี่ยวถงคนนี้ไม่มีเสน่ห์เลยสักนิดนะสิ ถ้าอย่างนั้นชีวิตนี้ก็พ่ายแพ้เกินไปแล้ว
“เมื่อคืนมีธุระจริงๆครับ แต่ว่าตอนนี้จัดการธุระเสร็จหมดแล้ว ต่อไปน่าจะไม่มีปัญหาอะไรอีกแล้วครับ”
หลี่โม่ตอบกลับอย่างคลุมเครือ ถือเป็นการให้คำอธิบายกับครอบครัว
กู้หยุนหลันตบเก้าอี้ข้างกายแล้วพูดว่า “รีบไปล้างมือแล้วมานั่งกินข้าว ยุ่งทั้งคืนคงจะเหนื่อยแล้วละสิ”
“ฉันไปล้างมือก่อน”
หลังจากที่หลี่โม่ล้างมือเสร็จก็มานั่งที่ห้องอาหาร หวังฟางถามอย่างไม่จบไม่สิ้นว่า “ไหนพูดมาสิว่าเมื่อคืนนายไปทำอะไรมา”
“ไปช่วยไว้ทุกข์ที่บ้านเพื่อนมาครับ ก็กลัวว่าจะทำให้โชคร้ายกัน เลยไม่ได้พูดออกมาตรงๆ”
หลี่โม่หาข้ออ้างมาแก้ตัว
“แค่กๆ”
กู้เจี้ยนหมินไอสองที จากนั้นก็พูดว่า “หยุนหลัน ลูกชายของเพื่อนพ่อคนหนึ่งกลับมาจากเรียนปริญญาเอกที่เมืองนอก อยากจะหางานหนึ่งที่เหมาะสม ฉันเนี่ย โม้กับเพื่อนคนนั้นไว้เยอะ บอกว่าเธอเป็นประธานของหยุนจงหลันกรุ๊ป เพื่อนของฉันคนนั้นก็จะให้ฉันแนะนำลูกชายของเขาไปสัมภาษณ์งานที่เธอให้ได้”
หลายวันมานี้กู้เจี้ยนหมินไปเที่ยวหาเพื่อนญาติพี่น้อง ขี้โม้ต่อหน้าพวกเพื่อนเก่าไว้ไม่น้อย ยังไงซะหยุนจงหลันกรุ๊ปก็เป็นธุรกิจใหญ่ กู้เจี้ยนหมินจึงคิดว่าขี้โม้สักหน่อยก็ไม่เป็นไร
แต่ว่าเพื่อนเก่าที่เจอเมื่อวานกลับเกาะแกะกู้เจี้ยนหมินไว้อย่างหน้าด้าน จะให้กู้เจี้ยนหมินช่วยลูกชายหางานให้ทำให้ได้
กู้เจี้ยนหมินเสียหน้าปฏิเสธไม่ได้ แล้วเมื่อวานยังเป็นการขี้โม้หลังจากดื่มเหล้าด้วย จึงได้ขี้โม้เกินจริงไปหน่อย ดังนั้นกู้เจี้ยนหมินจึงปฏิเสธไม่ได้
หลังจากลังเลมาทั้งคืน ตอนนี้กู้เจี้ยนหมินเก็บไว้ไม่อยู่แล้ว ในที่สุดก็พูดเรื่องนี้ออกมา
หลังจากพูดจบกู้เจี้ยนหมินก็พยายามส่งสายตาให้กับหลี่โม่ ส่งสัญญาณว่าให้หลี่โม่รีบช่วยพูด
หลี่โม่หัวเราะพูดว่า “นี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ให้เขามาสัมภาษณ์ก็พอแล้ว ถ้าหากว่าเป็นคนมีพรสวรรค์จริงๆก็จะมีตำแหน่งให้เขาอยู่แล้ว ถ้าหากว่าไม่ใช่คนเก่ง งั้นผมก็จะเป็นคนไล่เขาไปเอง จะไม่มีทางปล่อยให้พ่อตาลำบากใจแน่ครับ”
กู้เจี้ยนหมินดีใจ พยักหน้าพูดว่า “ดี งั้นเรื่องนี้ก็รบกวนนายด้วยนะ อย่าได้หาเรื่องอะไรละ ใช่สิ เหล่าจูบอกว่าเย็นวันนี้ลูกชายของเขาจองที่ไว้ที่กวนเหลินกัง พวกนายไปเจอกับเขาที่กวงเหลินกังก็พอแล้ว ส่วนรายละเอียดพวกเลขห้องเดี๋ยวฉันค่อยส่งให้พวกนาย”
หลังจากที่สั่งไปหมดแล้ว กู้เจี้ยนหมินเหมือนกับว่ายกภูเขาออกจากอก สบายใจขึ้นเยอะ จากนั้นจึงเรียกทุกคนเริ่มทานข้าว
หลังจากที่ทุกคนทานข้าวเที่ยงเสร็จ ก็นั่งคุยด้วยกัน
คุยกันไม่นาน กู้เจี้ยนหมินเห็นว่าใกล้ถึงเวลาที่ลูกชายของเหล่าจูนัดไว้แล้ว จึงได้เร่งหลี่โม่และกู้หยุนหลันออกไป
หลี่โม่และกู้หยุนหลันมองตากัน จากนั้นก็ออกไปพร้อมกัน ขับรถออกไปยังกวนเหลินกัง
………
หลี่โม่และกู้หยุนหลันมาถึงกวนเหลินกัง พนักงานต้อนรับหน้าประตูของกวนเหลินกังเชิญหลี่โม่และกู้หยุนหลันเข้าไปในร้านอย่างเคารพมาก
“ทั้งสองมีนัดไว้มั้ยคะ?”
พนักงานต้อนรับสอบถามอย่างสุภาพ
“มี ที่ห้องลมไพรป่าสน น่าจะมีคนมาถึงก่อนแล้ว”
กู้หยุนหลันดูโทรศัพท์แล้วพูด
“ได้ค่ะ ฉันจะพาทั้งสองท่านไปเดี๋ยวนี้ค่ะ”
พนักงานต้อนรับพาหลี่โม่และกู้หยุนหลันมาถึงด้านนอกห้องลมไพรป่าสน เปิดประตูออกแล้วเชิญทั้งสองคนเข้าไป
หลังจากที่สองคนเข้าไปแล้ว พนักงานต้อนรับก็รีบล้วงเอาเครื่องรับส่งวิทยุสื่อสารออกมา “ผู้จัดการคะ แขกพิเศษคุณหลี่โม่มาถึงแล้วค่ะ อยู่ที่ห้องลมไพรป่าสนค่ะ”
พนักงานทุกคนของกวนเหลินกังล้วนเคยดูรูปของหลี่โม่ ถ้าเพียงแค่เห็นหลี่โม่มา จำเป็นจะต้องแจ้งในทันที
หลี๋โม่และกู้หยุนหลันเข้าไปในห้อง ภายในห้องมีชายหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่งนั่งอยู่
ชายหนุ่มใส่เสื้อผ้าสั่งตัดมาทั้งตัว ที่ข้อมือยังสวมใส่นาฬิกา Patek Philippe ไว้ด้วย
หลังจากที่ได้ยินเสียงฝีเท้า ชายหนุ่มเงยหน้ามองกู้หยุนหลัน
ทันใดนั้น สีหน้าไม่พอใจของชายหนุ่มก็หายไปในทันที แล้วเปลี่ยนเป็นสีหน้าตื่นเต้นมีความสุข
เดิมทีจูเจียนเฉียงไม่ได้อยากเข้าหยุนจงหลันกรุ๊ป เพียงแต่ทนคำขอของคุณพ่อไม่ไหว จึงคิดว่าจะมาเป็นพิธีเท่านั้น
แต่ว่าตอนนี้เห็นกู้หยยุนหันที่หน้าตาสวยงาม จูเจียนเฉียงรู้สึกว่ามีคิวปิดหนุ่มน้อยมาเล็งธนูใส่ในใจของตัวเองในทันที นี่มันแม่งรักแรกพบชัดๆเลยนี่นา!
“เธอก็คือกู้หยุนหลันใช่มั้ย ฉันได้ยินมาว่าเธอเป็นประธานของหยุนจงหลันกรุ๊ป เป็นหญิงสาวคนเก่งที่ไม่ด้อยไปกว่าผู้ชายเลยจริงๆ!”
หลังจากที่ประจบกู้หยุนหลันไปประโยคหนึ่ง จูเจียนเฉียงก็โค้งคำนับเล็กน้อยแล้วทำการแนะนำตัวเอง “ผมชื่อจูเจียนเฉียง เป็นนักศึกษาปริญญาเอกจากโรงเรียนธุรกิจวอร์ตัน เรียนจากวอร์เรนเทส วอร์เรนเทสที่ได้รับรางวัลโนเบลสาขาเศรษฐศาสตร์ ผมเรียนเศรษฐศาสตร์สำนักคลาสสิก ส่วนใหญ่มีส่วนร่วมในการวิจัยเกี่ยวกับทิศทางของวัฏจักรธุรกิจ”
สายตาของจูเจียนเฉียงมองไปที่กู้หยุนหลันตลอด ส่วนหลี่โม่นั้นถูกจูเจียนเฉียงมองข้ามไปแล้ว
จากที่จูเจียนเฉียงดูแล้ว ถึงแม้หลี่โม่จะเป็นผู้ชายของกู้หยุนหลัน หลังจากที่ตัวเขาแสดงออกถึงความเก่งโดดเด่นแล้ว ก็จะทำให้หลี่โม่แหลกละเอียด แล้วกลายเป็นคนที่ไม่มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องอะไรกับกู้หยุนหลันอีก
ลูกศิษย์ผู้ได้รับรางวัลโนเบล นักศึกษาปริญญาเอกในโรงเรียนที่มีชื่อเสียง ประสบการณ์ฝึกงานที่ยอดเยี่ยม อนาคตที่ไม่มีจำกัด อีกอย่างยังมีหน้าตาที่หล่อเหลา จูเจียนเฉียงคิดว่าตัวเองสามารถจับกุมใจของหญิงสาวทั้งหมดได้
ในชีวิตของอีกฟากของมหาสมุทร จูเจียนเฉียงนอนกับสาวสวยไม่น้อย สีผิวหลากหลาย สีผมต่างๆมีมาหมด
แต่ว่าจูเจียนเฉียงคิดว่าหญิงสาวพวกนั้นต่างก็ไม่สวยไปกว่ากู้หยุนหลัน ใจของจูเจียนเฉียงนั้นเต้นแรงให้กับกู้หยุนหลันแล้วจริงๆ
กู้หยุนหลันรังเกียจสายตาโรคจิตของจูเจียนเฉียงที่เต็มไปด้วยความต้องการ จึงขยับเข้านั่งใกล้กับหลี่โม่ มีเพียงอย่างนี้ถึงจะทำให้กู้หยุนหลันรู้สึกสบายใจ
“ฉันไม่เข้าใจอะไรกับเศรษฐศาสตร์เท่าไหร่ ฉันมาเพราะศักดิ์ศรีของพ่อฉัน ถึงได้มาเจอนายแล้วทำการสัมภาษณ์กับนาย แต่ว่าการแสดงออกของนายในตอนนี้เละเทะอย่างมาก” กู้หยุนหลันพูดอย่างตรงไปตรงมา
จูเจียนเฉียงยักไหล่ แสดงรอยยิ้มที่ตัวเองคิดว่าสามารถทำให้หญิงสาวหลงรักออกมา “ทำไมถึงได้คิดว่าผมแสดงออกได้เละเทะละครับ? พวกเราเพิ่งเจอกันครั้งแรกเท่านั้น ผมคิดว่าพวกเรารู้จักกันให้มากขึ้น คุณจะได้มีความรู้จักอย่างลึกซึ้งกับผม รับรู้ว่าจูเจียนเฉียงคนนี้มีความเก่งและน่าสนใจมากแค่ไหน”