รถสปอร์ตสีแดงที่ดูเจ้าชู้ จอดอยู่นอกอาคารสำนักงานของหยุนจงหลันกรุ๊ป
หนุ่มหล่อที่มีผมสีน้ำตาลแดง ดวงตาสีฟ้า จมูกสูงโด่ง และลักษณะเหมือนลูกครึ่งที่เด่นชัดลงจากรถสปอร์ต
ลำตัวยืดตรง ไหล่ที่กว้าง รูปร่างเหมือนกับเป็นนายแบบ และใบหน้าที่หล่อเหลาและแข็งแกร่งของลูกครึ่ง ดึงดูดสายตาผู้หญิงและเสียงกรีดร้องที่ผ่านไปมานับไม่ถ้วน
“หล่อมาก น้องชายคนนี้คือน้องใหม่ของบริษัทเราเหรอ?”
“ไม่ไหวแล้ว ฉันรู้สึกเหมือนกำลังตกหลุมแล้ว ลูกศรของคิวปิดพุ่งเข้าใส่หัวใจของฉันแล้ว”
“ถ้าสามารถมีความรักความสัมพันธ์กับน้องชายแบบนี้ได้ ชีวิตฉันก็สมบูรณ์แบบแล้ว”
เมื่อเฉินเสี่ยวถงเห็นหนุ่มหล่อที่ลงจากรถ เขามุ่ยปากแล้วพูด“ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงมองเป็นคนเจ้าชู้อย่างนั้นล่ะ ยังไงหลี่โม่ก็ดูหล่อกว่า”
โอบแขนของหลี่โม่ขึ้น เฉินเสี่ยวถงทิ้งร่างกายส่วนใหญ่ของเขาไปในอ้อมแขนของหลี่โม่ บนใบหน้าของเขานั้นแสดงออกที่อ่อนหวานจากหัวใจ
เจินจาหนานเดินไปที่อาคารสำนักงานอย่างยิ่งใหญ่และทรงพลัง แล้วเห็นหลี่โม่กับเฉินเสี่ยวถงพอดี(เจินจาหนาน ชื่อนี้ออกเสียงคล้ายกับผู้ชายกากๆในภาษาจีน )
หลังจากที่ตกตะลึงกับความงามของเฉินเสี่ยวถงแล้ว เจินจาหนานมองไปที่หลี่โม่ และกับรูปถ่ายที่เอาให้ตัวเองดูเมื่อกี้แล้ว ตัดสินใจได้ทันทีว่าเขาคือหลี่โม่
และคนที่ซ่อนอยู่รถรถสปอร์ตคือจูเจียนเฉียง ขนาดนี้กำลังเอาโทรศัพท์ของเขาถ่ายรูปให้หลี่โม่กับเฉินเสี่ยวถงไม่หยุด
“หึมๆ หลี่โม่ ไอ้ผู้ชายเจ้าชู้ กล้าจับปลาสองมือ เดี๋ยวข้าก็จะมีหลักฐานมาเปิดเผยเจ้าแล้ว!”
จูเจียนเฉียงขณะนี้สะใจยิ่งกว่าใครเสียอีก เขาวานให้เพื่อนสนิทตัวเองเอาตั๋วจริงไปเพื่อให้หลี่โม่ขายหน้า แล้วเอารูปภาพเหล่านี้ไปให้กู้หยุนหลันดู ถึงตอนนั้นสาวสวยสองคนที่อยู่ข้างหลี่โม่ คงจะหนีไปจากหลี่โม่!
เมื่อคืนจูเจียนเฉียงคิดทั้งคืน สุดท้ายก็ตัดสินใจให้เพื่อนสนิทเจินจาหนานมาช่วยเหลือ หนึ่งเพราะเจินจาหนานเป็นลูกคนรวยมีรถหรูหรา ซึ่งเพียงพอที่จะแสดงถึงความไม่ธรรมดาเป็นพิเศษ
สองเพราะเจินจาหนานเป็นผู้ชายเจ้าชู้อยู่แล้ว ระดับของเรื่องมั่วผู้หญิงของจูเจียนเฉียงนั้นให้ผู้คนตกตะลึงได้ จูเจียนเฉียงจะให้เจินจาหนานใช้ความสามารถในการมั่วผู้หญิง เพื่อไปมั่วกู้หยุนหลันให้ได้
ถ้าเป็นอย่างนั้นละก็ จูเจียนเฉียงจะได้ลิ้มลองรสชาติของกู้หยุนหลันไปกับเจินจาหนานไปด้วย เมื่อก่อนจูเจียนเฉียงได้ลองผู้หญิงที่เจินจาหนานเล่นจนเบื่อไปไม่น้อย
“หมาที่ดีคือหมาที่ไม่ขวางทาง”
หลี่โม่มองเจินจาหนานที่ยืนขวางทางอยู่ด้วยสายตาที่เย็นชา
ตอนแรกที่มีใบหน้าที่ยิ้มแย้ม เจินจาหนานเตรียมที่จะตีสนิทกับเฉินเสี่ยวถง ร้อยยิ้มบนใบหน้าเหมือนโดนแช่แข็ง แข็งขึ้นมาทันที
กล้าบอกว่าฉันเจินจาหนานเป็นหมาหรอ หลายปีมานี้นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนกล้ามาว่าเขาแบบนี้
ใจเย็นๆ นึกถึงจุดประสงค์ที่มาในวันนี้ ห้ามลืมความตั้งใจเดิมแล้วทำมันให้สำเร็จซะ!
ในเมื่อถ้าตอนนี้กล้าด่าฉันว่าเป็นหมา เดี๋ยวเขาจะทำเขาอับอายขายหน้าเหมือนหมาเช่นกัน
ปลอบใจตัวเองอยู่ในใจไปสักครู่ เจินจาหนานพยายามที่จะยิ้มออกมา แต่กล้ามเนื้อบนใบหน้ากับโสตประสาทกลับไม่ทำงาน ยิ่งทำให้ใบหน้าของเจินจาหนานกระตุกเล็กน้อย
“คุณเป็นคุณหนูกู้ใช่ไหมครับ ผมเจินจาหนานครับ ผมมีเรื่องอยากจะคุยกับคุณเล็กน้อยครับ” เจินจาหนานไม่เคยเจอหรือรู้จักกู้หยุนหลันมาก่อน เพียงแค่ได้ฟังจูเจียนเฉียงแนะนำเรื่องของหลี่โม่กับกู้หยุนหลันผ่านๆ เลยทำให้ตอนนี้เข้าใจผิด คิดว่าเฉินเสี่ยวถงเป็นกู้หยุนหลันไปแล้ว
เฉินเสี่ยวถงมองเจินจาหนานด้วยสายตาแปลกๆ แล้วพูดด้วยใบหน้านิ่งๆ ว่า: “ คุณจะคุยเรื่องอะไรกับฉัน รีบพูดซะ พูดจบก็รีบไสหัวไปจากตรงหน้าฉันซะที”
ขณะนี้เฉินเสี่ยวถงแกล้งทำเหมือนว่าตัวเองเป็นกู้หยุนหลัน อยากล่อให้เจินจาหนานพูดออกมา
เจินจาหนานโมโหกับคำพูดของเฉินเสี่ยวถงมาก โมโหจนตากระตุกไม่หยุด ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องที่จูเจียนเฉียงวานให้ช่วยให้สำเร็จ เจินจาหนานคงจะเดินออกไปทันที
หน้าตาดูดีตั้งแต่เด็กอย่างเจินจาหนาน มีแต่ผู้หญิงวิ่งตามเขา เพราะฉะนั้นผู้หญิงในสายตาของเจินจาหนานเปรียบกับเสื้อผ้าไม่ได้
เพียงแค่เขาต้องการ แค่กระดิกนิ้ว มีแต่ผู้หญิงพร้อมที่จะถวายตัวให้
ต่อให้เฉินเสี่ยวถงจะมีหน้าตาที่คมสวย แต่ในสายตาของเจินจาหนานก็แค่สวยในระดับหนึ่งเท่านั้น ซึ่งปกติชอบมีผู้หญิงที่สวยมาตามประจบเจินจาหนาน เขาจึงมักจะหยาบกระด้างต่อผู้หญิงทั่วไป ตามหลักของเจินจาหนานนั้น ผู้หญิงพวกนั้นหน่ะร่าน ถ้ายิ่งตามใจพวกมัน พวกมันจะยิ่งได้ใจ ทำเหมือนคุณเป็นทาส แต่ถ้าหากใช้ความรุนแรงจะทำให้พวกมันเชื่อฟังได้ พวกมันก็จะเหมือนของเล่นชิ้นหนึ่งที่คุณจะทำอะไรก็ได้
“ผมแค่มาพูดเรื่องของตั๋วเข้างานคอนเสิร์ต ได้ข่าวว่าในมือคุณมีตั๋วVIP roomของนักร้องชื่อดังอย่างหานเสว่?”
เจินจาหนานรีบเปลี่ยนเรื่องไปที่ตั๋วทันที อย่างไรก็ตามยังมีจูเจียนเฉียงคอยช่วยเหลือเขาอยู่ ตอนนี้ทำให้หลี่โม่อับอายขายหน้าไปก่อน จัดการหลี่โม่เสร็จ ค่อยมาสั่งสอนคนสวยตรงหน้าอีกที ให้เธอรู้จักเจินจาหนานดีๆ ซะหน่อย
เรื่องการรื้อถอนทำลายจากรากฐานนั้นประสบการณ์เขาเยอะ อยากการรื้อถอนทำลายจากรากฐานเขาก็ต้องเริ่มโจมตีที่รูปร่างผู้หญิงที่อยู่ในใจผู้ชายก่อน เมื่อไหร่ที่รูปร่างที่อยู่ในใจผู้ชายร่มสลาย เมื่อนั้นแหละถือว่าการรื้อถอนทำลายจากรากฐานสำเร็จแล้ว
“ใช่ มีคนให้ตั๋ว หรือว่าคุณเป็นพวกตั๋วผีที่รับซื้อตั๋วต่อ?รูปร่างลักษณ์และที่เจ้าชู้แบบนี้ คุณควรไปเป็นแมงดาถึงจะถูก เป็นพวกตั๋วผีรับซื้อนี่มันอึดอัดเกินไปนะ”
หลี่โม่พูดด้วยน้ำเสียงขำๆ
เฉินเสี่ยวถงปิดปากของเธอและหัวเราะ รู้สึกว่าหลี่โม่สวนกลับได้ดีมาก ยิ่งเห็นหน้าของเจินจาหนานโมโหจนหน้าดำหน้าแดง ยิ่งรู้สึกคึกคักขึ้นมาทันที
เจินจาหนานโมโหจนแทบจะระเบิดออกมาเหมือนสายฟ้า กำหมัดแน่นแล้วกัดฟันพูดว่า: “ เป็นเหี้ยอะไรแมงดา! ฉันเจินจาหนานเป็นทายาทของคนรวยตัวจริงเสียงจริง”
“คุณยังบอกว่าตัวเองเป็นผู้ชายเจ้าชู้ ยังจะตะโกนเสียงดังขนาดนี้ กลัวคนอื่นไม่รู้หรอว่าคุณคือผู้ชายเจ้าชู้ถ้าผมเป็นคุณนะ ผมจะรีบกลับบ้านไปให้พ่อแม่เปลี่ยนชื่อให้แล้ว”
เฉินเสี่ยวถงหัวเราะจนขาอ่อนอยู่ตรงอกของหลี่โม่ เอาหัวขยี้ในอกของหลี่โม่ไม่หยุด หัวเราะจนสั่นไปทั้งตัว: “ ผู้ชายเจ้าชู้จริงๆ ฮ่าฮ่าฮ่า พูดแล้วรู้สึกว่าออกเสียงได้เหมือนจริงๆ ”
“อะแห่มๆ ๆ (เสียงไอ)”
เจินจาหนานโมโหจนไอออกมา รู้สึกโมโหจนจะไอออกมาเป็นเลือดแล้ว
ถึงกูจะเป็นผู้ชายที่เจ้าชู้แท้จริง แต่ก็ไม่เคยได้รับชื่อเสียงเป็นผู้ชายเจ้าชู้เลย ตอนที่จะจับปลาหลายมือทีเดียวก็ไม่เคยมีใครจับได้เลย!
กูเจินจาหนานเป็นผู้ชายเจ้าชู้ที่มีความสามารถอย่างแท้จริงแน่นอน ออไม่ใช่ กูแม่งเป็นเซียนแห่งความรักวะ!
“คุณก็แค่ขยะที่เกาะแต่ผู้หญิงกิน ยังมีหน้ามาพูดผมอีกหรอ ไม่คิดว่าที่คุณพูดมานี่มันเกินไปหรอ”
“ผมพูดเกินไปตรงไหน ทั้งๆ ที่จิตใจคุณอ่อนแอเอง พูดความจริงหน่อยคุณก็รับไม่ได้แล้ว คุณต้องไปสร้างจิตใจของคุณใหม่นะ”
หลี่โม่กล่าวอย่างจริงจัง
เมื่อเผชิญกับคำพูดทิ่มแทงที่ร้ายกาจของหลี่โม่แล้ว ทำให้เขาไปต่อไม่เป็นเลยทีเดียว จนอยากจะใช้กำลังสั่งสอนหลี่โม่
แต่พอนึกได้ว่าหยุนจงหลันกรุ๊ปเป็นที่ของหลี่โม่แล้ว เจินจาหนานก็มีสติพอที่ระงับอารมณ์ที่อยากใช้กำลังไว้
สุดท้ายเจินจาหนานตัดสินใจใช้ไพ่ใบสุดท้าย!
ล่วงตั๋วงานคอนเสิร์ตออกมา เจินจาหนานยื่นตั๋วไปด้วยใบหน้าที่มืดมิด แล้วยิ้มด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ : “คุณหนูกู้ ผมอยากเชิญให้คุณดูตั๋วใบนี้ดีๆ นะครับ “
เฉินเสี่ยวถงมองดูตั๋วที่ยื่นมาผ่านๆ แล้วพูดอย่างไม่ใส่ใจ : “ ถ้าคุณจะให้ตั๋วกับฉันเหรอ? ฉันคิดว่ามันคงไม่จำเป็น เพราะพวกเรามีตั๋วแล้ว”