หลี่โม่เข้าใจความหมายของเจ้าของร้านดี และเสนอราคาขายสูงเพื่อโกงคนอื่น ถ้าหากเป็นคนที่ไม่เข้าใจวิชาชีพนี้ จะโดนโกงได้ง่ายมากๆ ถึงจะต่อราคาหรืออะไรก็ตาม เจ้าของร้านไม่มีทางยอมลดราคาให้แน่ๆ สุดท้ายก็จะถูกโกง
ถ้าหากเจอเข้ากับคนที่เข้าใจวิชาชีพนี้ ผู้ขายที่เสนอราคาสูงต้องขายในราคาต่ำให้ผู้ซื้อ ทั้งสองฝ่ายเจรจากันอยู่ครู่หนึ่งต่างฝ่ายต่างไม่ยอม สุดท้ายก็ได้ในราคาที่ทั้งสองฝ่ายพอใจ
ตอนนี้เจ้าของร้านรู้แล้วว่าหลี่โม่คือคนที่เข้าใจวิชาชีพนี้ แน่นอนว่าไม่มีความคิดที่จะโกงเงินอะไรอีก
“หยกชิ้นนี้สามารถทำของออกมาได้ก็จริง แต่การแปรรูปก็ใช้เงินไม่น้อยเหมือนกัน ดังนั้นผมให้คุณได้มากสุดหนึ่งร้อยอัน คุณว่าเป็นไง”
หนึ่งร้อยอันคือหนึ่งล้านหยวน ในความหมายของ ในร้านขายของเก่า มีหลายคนที่แสดงราคา จากหลักหมื่นเป็นหนึ่งในราคานั้น
ยังมีบางคนใช้เล็กกลางใหญ่มาระบุช่วงราคา ยกตัวอย่างเช่นเสี่ยวอู่ เสี่ยวคือตัวเลขหนึ่งถึงสาม อู่คือห้าหลัก เสี่ยวอู่จึงหมายถึงช่วงราคาหนึ่งหมื่นถึงสามหมื่นกว่า
แต่เดิมเป็นภาษาลับในการค้าขายในสมัยโบราณ มาวันนี้มันจึงค่อยๆกลายเป็นคำศัพท์ที่ทันสมัยสำหรับการเจรจาต่อรอง
“หนึ่งร้อยอันเองเหรอ นี่เพื่อน ราคาที่นายว่ามาโหดเกินไปรึเปล่า”
เจ้าของร้านดูดฟัน ทำท่าทำทางเหมือนเจ็บปวด
หลี่โม่ส่ายหัวแล้วพูดว่า“ราคานี้ไม่น้อยเลยนะ ของพวกนี้เมื่อทำเป็นของสำเร็จรูป เมื่อทำเสร็จแล้วก็น่าจะขายได้สักสามล้าน ถ้าเกิดอุบัติเหตุแม้แต่น้อยระหว่างแปรรูป งั้นก็อาจขายได้แค่สองล้าน เมื่อลบค่าแปรรูปออกไปแล้ว ค่าธรรมเนียมการตลาด ไม่แน่ผมอาจจะขาดทุนก็ได้”
“นี่ มองโลกในแง่ร้ายเกินไปรึเปล่า หยกของผมเป็นถึงหยกรัสเซียชั้นดี คุณสามารถแปรรูปอะไรออกมาก็ได้ เอาแบบนี้นะ หนึ่งร้อยห้าสิบอัน ของจะเป็นของคุณเลย”
ระหว่างที่เจ้าของร้านพูดถึงราคาอยู่นั้น ก็มีชายวัยกลางคนสวมแว่นกรอบดำเดินเข้ามาดู ส่ายหัวไปมาแล้วพูดว่า“ชิ้นนี้หนึ่งร้อยห้าสิบอันเหรอ?”
หลี่โม่กลอกตาใส่อีกฝ่าย แล้วพูดอย่างเรียบเฉยว่า“เรากำลังคุยเรื่องราคาของหยกชิ้นนี้อยู่ คุณไปดูหยกชิ้นอื่นก่อนเถอะครับ”
“มีสิทธิ์อะไร?”
ชายวัยกลางคนพูดอย่างไม่พอใจ
เฉินเสี่ยวถงทนไม่ไหว จึงพูดด้วยใบหน้าเย็นชาว่า“สิทธิ์ของการมาก่อนหลังไง ไม่เห็นเหรอว่าเรากำลังคุยราคากันอยู่ คุณพูดแทรกทำไม”
“เหอะๆ คุยเรื่องราคางั้นก็แสดงว่าพวกคุณยังไม่ได้ซื้อสินะ งั้นผมเสนอราคาแล้วกัน พวกคุณไม่มีปัญญาควักเงินหนึ่งล้านห้าแสนใช่ไหมล่ะ?ผมมีปัญญาควักจ่าย ชิ้นนี้หนึ่งหกแสน ผมเฉาต้าหว่างขอซื้อเลย”
เจ้าของร้านตกตะลึง หลังจากนั้นก็เผยให้เห็นรอยยิ้ม“คุณเฉียบขาดรวดเร็วจริงๆ หนึ่งล้านหกแสน ผมสามารถ……”
คำพูดด้านหลังของเจ้าของร้านยังพูดไม่ทันจบ ก็ใช้สายตามองไปที่หลี่โม่ ด้วยแววตาถามไถ่ เหมือนกับจะถามหลี่โม่ว่าจะเพิ่มราคาไห่ม
เมื่อพบเจอเหตุการณ์การแย่งสินค้า เป็นเรื่องที่เจ้าของร้านชอบมาก ขอเพียงแค่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ต้องขายได้เงินไม่น้อยแน่ๆ
ไม่รอให้หลี่โม่เสนอราคา กู้หยุนหลันที่อยู่ข้างๆก็พูดขึ้นมาว่า“คุณมีเงินแค่คนเดียวงั้นเหรอ เงินเล็กน้อยแค่นี้ไม่อยู่ในสายตาเราหรอกนะ หนึ่งล้านแปดแสน!”
“หนึ่งล้านแปดแสน”
เฉาต้าหว่างถลึงตาใส่กู้หยุนหลันด้วยใบหน้าเคร่งขรึม หลังจากนั้นก็มองไปที่หลี่โม่พลางพูดขึ้นมาว่า“ดูแลผู้หญิงของคุณให้ดี พูดจาไม่คิดระวังจะมีเรื่องนะ”
“จะเกิดเรื่องอะไรได้ล่ะ?คุณไม่สนใจกฎกติกาก่อน ในเมื่อคุณสามารถเสนอราคาได้ แน่นอนว่าเราก็สามารถเสนอราคาได้เช่นกัน”
หลี่โม่พูดด้วยใบหน้าขรึม
“นี่ ฉันบอกชื่อเสียงเรียงนามแล้วนะ หรือไม่รู้ว่าฉันเฉาต้าหว่างเป็นใคร?คุณไปสืบทั่วทั้งเมืองฮ่านสิ มีใครบ้างไม่รู้จักเฉาต้าหว่าง!”เฉาต้าหว่างยื่นมือชี้ไปที่ปลายจมูกของตัวเองและตะคอก
เมื่อเฉาต้าหว่างพูดจบ ก็มีพนักงานคนหนึ่งวิ่งเข้ามา ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“โอ้โห ปรมาจารย์เฉาทำไมคุณมาแล้วไม่บอกกันก่อนเลย ให้เราไปต้อนรับคุณ”
พนักงานคนหนึ่งหลังจากที่เห็นเฉาต้าหว่าง ก็รีบวิ่งเข้ามาในทันที
“พวกคุณทำอะไรกันน่ะ?ปรมาจารย์เฉาชอบอะไร?รีบเอาคาต้นทุนให้ปรมาจารย์เฉาเดี๋ยวนี้ อย่าทำให้ปรมาจารย์เฉาโมโหนะ”
หลี่โม่พูดอย่างเย้ยหยัน“ปรมาจารย์เฉาอะไรกัน ผมไม่รู้จัก ราคาของของสิ่งนี้ยังคุยกันไม่เสร็จ มีสิทธิ์อะไรเอาราคาต้นทุนให้เขา?หรือเงินของผมมันไม่ใช่เงิน เงินที่เจ้าของร้านหามาได้ไม่ใช่เงินรึไงกัน มีแค่เงินของไอ้ปรมาจารย์เส็งเคร็งนี่ ถึงเป็นเงินรึไง”
“คุณพูดอะไรของคุณน่ะ ปรมาจารย์เฉาเป็นปรมาจารย์แกะสลักของเมืองฮ่านของเรา หยกที่แกะสลักราคาสูงลิบลิ่ว เมื่อหยกอยู่ในมือของปรมาจารย์เฉา ถึงจะสามารถแพร่ออร่าออกมาได้”
พนักงานพูดอย่างมีเหตุมีผลและฉะฉาน.
เฉาต้าหว่างยืดอกขึ้นมา แล้วพูดอย่างมั่นใจ“ไอ้หนุ่ม ตอนนี้คงรู้แล้วสินะว่าฉันเป็นใคร ยังจะกล้าแย่งหยกกับฉันอยู่ไหม?”
“มีอะไรให้ไม่กล้าล่ะ ผมให้ไปเลยหนึ่งล้านเก้าแสน”
หลี่โม่เห็นสีหน้าบิดเบี้ยวของเฉาต้าหว่างที่เปลี่ยนไป จึงพูดต่ออีกว่า“ปรมาจารย์แกะสลักผมรู้จักไม่น้อย ปรมาจารย์หวางที่แกะสลักหยกเมืองหลวง ปรมาจารย์หยูที่แกะสลักหยกเซี่ยงไฮ้ แต่ไม่เคยได้ยินปรมาจารย์เก๊อย่างคุณมาก่อน ไม่รู้ว่าใครเป็นคนมอบตำแหน่งปรมาจารย์นี้ให้คุณ”
“กะกะแก แกดูถูกฉัน!”เฉาต้าหว่างโกรธจนหน้าแดงไปหมด ยื่นมือชี้ไปที่หลี่โม่ไม่หยุด ท่าทีเหมือนจะจิ้มหลี่โม่ให้ตายยังไงอย่างงั้น
สีหน้าของหนักงานเคร่งขรึมลงมา แล้วพูดด้วยใบหน้าตึงๆ“ปรมาจารย์เฉาเป็นปรมาจารย์แท้ คุณรีบไปที่อื่นซะเถอะ อย่าขัดขวางการเลือกหยกของปรมาจารย์เฉา”
เจ้าของร้านพูดอย่างไม่เต็มใจ“น้องชาย การค้าขายเป็นเรื่องอิสรเสรีถูกไหม นายเป็นพนักงานคนหนึ่งไม่ควรมารบกสนการค้าขายของเรานะ ตอนนี้สหายท่านนี้กับปรมาจารย์เฉากำลังเสนอราคากันอยู่ ทั้งสองให้ราคาสูง นายจะเข้ามายุ่งด้วยไม่ได้นะ”
สีหน้าของพนักงานเดี๋ยวซีดเดี๋ยวเขียว เมื่อถูกเจ้าของบูธตอกกลับ เขาไม่มีสิทธิ์มาตัดสินการขายสินค้าของเจ้าของร้านจริงๆนั่นแหละ เมื่อครู่เขาเพียงแค่หลวมตัวเข้ามาเท่านั้น
เฉาต้าหว่างมองไปที่หยกก้อนนั้น แล้วเงยหน้าพูดว่า“ผมให้สองล้าน ทางที่ดีนายอย่าเพิ่มราคาอีกเลย หยกก้อนนี้มีประโยชน์ต่อฉันมาก! ประธานหวงแห่งติ่งเซิ่งกรุ๊ปสั่งให้ผมแกะสลักหยกมอบให้บุคคลสำคัญ ฉันจะเอาหยกชิ้นนี้ไปให้แกะสลักให้ประธานหวง”
พอได้ยินว่าเฉาต้าหว่างเอ่ยชื่อเสียงเรียงนามของประธานหวงออกมา หลี่โม่จึงอดขำออกมาไม่ได้
“ฮ่าๆๆ ผมก็คิดว่าใครซะอีก คุณโทรศัพท์หาประธานหวง บอกชื่อของผมไป เขาต้องให้คุณยอมแพ้อย่างแน่นอน”
สีหน้าของเฉาต้าหว่างเปลี่ยนไปทันที เขาจ้องมองหลี่โม่อยู่ครู่ใหญ่ เมื่อมั่นใจแล้วว่าไม่เคยพบเจอกับหลี่โม่บุคคลนี้มาก่อน
“นายเป็นใคร?ถึงบอกให้ฉันโทรแล้วฉันจะโทรเลยน่ะ ทำไมนายไม่โทร คงจะไม่เบอร์โทรศัพท์ของประธานหวงหรอกใช่ไหม”
“ผมโทรก็ได้ ผลลัพธ์ยังไงก็เหมือนกัน”
หลี่โม่ยิ้มอย่างร่าเริงแล้วล้วงโทรศัพท์มือถือออกมา โทรออกสายของประธานหวง เมื่อทักทายกับประธานหวงครู่หนึ่ง ก็นำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเล่าให้ประธานหวงฟัง
หลังจากฟังจบหลี่โม่ก็ยื่นมือถือไปให้เฉาต้าหว่าง“อ่ะ เหล่าหวงให้คุณรับโทรศัพท์”