“เมื่อกี้ผมวิ่งเร็วมาก คงจะทำให้ตาแก่นั่นตกใจ คนเฝ้าสุสานต้องมีความกล้าไม่ใช่เหรอ ตาแก่นั่นขี้ขลาดชะมัด” หลี่โม่พูดอย่างเบื่อหน่าย
คนพูดอย่างหลี่โม่ไม่ได้สนใจอะไร แต่ผู้ฟังอย่างกู้หยุนหลันกับเฉินเสี่ยวถงกลับสนใจ การที่สามารถทำให้คนแก่เฝ้าประตูเห็นว่าหลี่โม่เป็นผีได้ งั้นเมื่อกี้หลี่โม่วิ่งเร็วขนาดไหนกันนะ เมื่อคิดเช่นนั้น ในใจของหญิงสาวทั้งสองก็ตื่นตระหนกขึ้นมาทันที
หลี่โม่เปิดประตูหลังรถ และให้กู้หยุนหลันกับเฉินเสี่ยวถงเข้าไปนั่ง จากนั้นเขาจึงเข้าไปนั่งตรงที่นั่งคนขับ และขับรถช้าๆ เข้าไปในเมือง
ระหว่างทางกลับ รถสายตรวจคันหนึ่งวิ่งเข้ามาหารถหลี่โม่ หวอตำรวจดังขึ้น เพื่อให้หลี่โม่จอดรถลงข้างทาง
หลี่โม่จอดรถลงข้างทางอย่างสงสัย เขาลดกระจกรถลง และมองรถสายตรวจที่วิ่งเข้ามา
เมื่อเห็นรถแท็กซี่หยุดลง นายตรวจหวังไม่รอให้รถสายตรวจของตัวเองจอดสนิท เขาเปิดประตูและกระโดดลงจากรถ
เขาเดินอย่างรวดเร็ว ไปที่ประตูข้างคนขับ และมองหลี่โม่อย่างจริงจัง
“นายมาจากสุสานใช่ไหม ดึกขนาดนี้ นายไปสุสานทำไม” นายตรวจหวังซักถามด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
สายตรวจเดินตามนายตรวจหวังเข้ามา และมองหลี่โม่ด้วยสายตาดุร้าย
เมื่อกี้พวกเขาได้รับแจ้งความจากชายแก่เฝ้าประตู จึงรีบมาที่นี่ เพราะอยากรู้ว่าใครที่กล้ามาสร้างความวุ่นวายในสุสานกลางดึกเช่นนี้
เฉินเสี่ยวถงกับกู้หยุนหลันพากันอึ้งเล็กน้อย พวกเธอไม่เข้าใจว่าพวกสายตรวจมาขวางทำไม
หลี่โม่พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “เรามาจากสุสาน ไปทำเรื่องส่วนตัวที่สุสานมานิดหน่อย พวกนายไม่จำเป็นต้องมาซักถามให้เปลืองแรง”
สีหน้าของนายตรวจหวังเปลี่ยนไป คิดว่าคำพูดของหลี่โม่อวดดีเกินไป ขณะที่เขากำลังจะตำหนิหลี่โม่ รถของหัวหน้าจางก็ขับเข้ามาข้างหลัง
หัวหน้าจางลงจากรถ พร้อมสายตรวจอาวุธครบมือ จู่ๆ นายตรวจหวังกับคนอื่นก็ตกใจจนเบิกตาโพลง
ให้ตายเถอะ นี่มันอะไรกัน ทำไมถึงมีทีมที่มาพร้อมปืนพกและปืนยาวอยู่ที่นี่ นักเลงที่ไหนกัน ถึงจะเป็นนักเลง แต่ถ้าเห็นพวกสายตรวจอยู่ที่นี่ ก็ไม่กล้าเหิมเกริมขนาดนี้หรอก!
นายตรวจหวังตกใจจนฉี่แทบราด เขาหยิบปืนพกลำกล้อง 3.7 นิ้ว ออกมาด้วยมืออันสั่นเทา จากนั้นจึงพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “พวกนายเป็นใคร วางอาวุธลงเดี๋ยวนี้ ฉันหวังชางหวา เป็นหัวหน้าสายตรวจเขตชานเมืองตะวันตก ฉันสั่งให้พวกนายวางอาวุธลง!”
เหล่าสายตรวจที่มากับหวังชางหวา หยิบอาวุธออกมา พากันหลบหลังประตูรถและตัวรถ ราวกับเจอศัตรูตัวฉกาจ พวกเขามองพวกหัวหน้าจางเดินเข้ามาอย่างจริงจัง
หลี่โม่มองพวกหัวหน้าจาง จากนั้นจึงยิ้มและพูดว่า “คนกันเองน่า อย่าไปทำให้พวกสายตรวจตกใจสิ”
“หา? ไม่ได้มาดักเพื่อหาค่าปรับหรอ ผมนึกว่าพวกนอกชานเมืองใจกล้า มาขวางทางเพื่อหาค่าปรับ”
คำพูดน่าสงสัยของหัวหน้าจาง ทำให้พวกนายตรวจหวังใกล้จะร้อง ถึงเราจะเรียกค่าปรับ ก็ไม่ต้องมาเยอะขนาดนี้ก็ได้มั้ง
คนที่ขับรถแท็กซี่เป็นเทพจากไหนกัน แค่ขับรถแท็กซี่ก็สามารถมีพรรคพวก พร้อมอาวุธครบมือด้วยเหรอ นี่มันยุติธรรมไหม!
นายตรวจหวังปาดเหงื่อบนหน้าผาก เขาเก็บปืนพก และพูดอย่างกล้าๆ กลัวๆ “พวกนายเป็นหน่วยไหน”
“พวกเขาน่ะเหรอ เป็นสายตรวจทีมใหญ่ในเมืองยังไงล่ะ พวกเขามาช่วยฉันนิดหน่อยน่ะ” หลี่โม่โบกมือไปมา หัวหน้าจางให้ความร่วมมือ โดยการหยิบบัตรตำรวจแกว่งไปมา ตรงหน้านายตรวจหวัง
นายตรวจหวังมอง และดูบัตรตำรวจของหัวหน้าจางอย่างละเอียด เขาถึงกับโล่งอกทันที
“ฮ่าๆ ที่แท้ก็คนกันเองนี่เอง เมื่อกี้ผมผลีผลามไป รีบเก็บปืนซะ เมื่อกี้เราได้รับแจ้งความ คิดไม่ถึงว่าพวกคุณทำภารกิจพิเศษที่นี่ ถ้ารู้ พวกเราไม่มาที่นี่หรอก”
นายตรวจหวังยิ้มประจบสอพลอหลี่โม่ จากนั้นจึงไม่กล้าพูดอะไรอีก เขาพาลูกน้องของตัวเองขึ้นรถ และเลี้ยวหัวรถกลับ
หลังจากขับรถออกมาได้ไม่กี่ร้อยเมตร คนขับรถถามนายตรวจหวังเสียงทุ้ม “นายตรวจ คนขับรถแท็กซี่เป็นใครมาจากไหนกัน ถึงสามารถทำให้หัวหน้าทีมใหญ่ในเมือง จัดการเรื่องให้เขาได้ แถมยังมาพร้อมอาวุธครบมืออีกด้วย”
“ก็ต้องเป็นคนใหญ่คนโตน่ะสิ! นายอย่าถามมาก ขับรถไป” นายตรวจหวังกุมขมับ เขาจำหลี่โม่ได้แม่น และตัดสินใจว่าถ้าได้เจอหลี่โม่อีก เขาจะประจบสอพลออย่างดี
หลังจากนายตรวจหวังออกไป หัวหน้าจางพาคนคุ้มกันรถของหลี่โม่ กลับเข้าไปในเมือง หลังจากจอดรถลงในเขตเมือง
หลี่โม่เอารถแท็กซี่ให้ลูกน้องของหัวหน้าจาง ให้คนของหัวหน้าจางเอารถคืนให้คนขับรถคนนั้น และหลี่โม่ยังให้สายตรวจเอาเงินให้คนขับรถหนึ่งพันหยวน ถือว่าเป็นค่ารถแท็กซี่
เมื่อหัวหน้าจางพาคนออกไป หลี่โม่ยิ้มและพูดว่า “เมื่อกี้พวกเธอตกใจมาก เราไปหาอะไรกินแก้ตกใจดีกว่า พวกเธอน่าจะหิวแล้วใช่ไหม”
พอหลี่โม่พูดเช่นนี้ ท้องของกู้หยุนหลันกับเฉินเสี่ยวถง ก็ร้องขึ้นมาทันที ตอนนี้ทั้งสองคนหิวเป็นอย่างมาก
“เมื่อกี้ตอนที่ตกใจยังไม่รู้สึกหิวเลย จู่ๆ ตอนนี้ก็รู้สึกหิวมาก คงต้องทานอะไรหน่อย เราไปตลาดกลางคืนกันเถอะ”
กู้หยุนหลันดึงแขนของหลี่โม่ ทั้งสองคนเดินไปยังตลาดกลางคืน เฉินเสี่ยวถงเดินตามหลัง เธอพองแก้มป่องเหมือนซาลาเปาที่กำลังโกรธ
“ที่นี่มีปี้เฟิงถางไหม ทานของกินเล่นตอนกลางคืนสักหน่อยก็ดีขึ้นแล้ว” กู้หยุนหลันพูดด้วยใบหน้าอันอ่อนหวาน
“เหมือนจะมีนะ ไปหาดูก็รู้”
ไม่นานทั้งสามคนก็เข้ามานั่งในปี้เฟิงถาง กู้หยุนหลันหยิบเมนูขึ้นมาสั่งของกินเล่นจำนวนมาก
เมื่อสั่งอาหารเสร็จ กู้หยุนหลันมองหลี่โม่ และพูดอย่างสงสัย “เมื่อกี้นายพูดอะไรกับจางเจียต้อง ฉันได้ยินเขาพูดว่าสถาบันวิจัยอะไรสักอย่าง ฟังไม่ชัดน่ะ”
“เขาเข้าไปร่วมการทดลองในมนุษย์ การที่เขากลายเป็นปีศาจแบบนี้ สาเหตุก็เพราะการทดลองนี้”
“ห๊ะ!” เฉินเสี่ยวถงอุทานอย่างตกใจ เธอพูดอย่างกลัวไม่หายว่า “มีการทดลองแบบนั้นอีกเหรอ จะมีคนกลายเป็นปีศาจแบบนั้นอีกเยอะไหม”
“ไม่รู้เหมือนกัน เราไม่ต้องไปพูดถึงเรื่องพวกนั้นแล้ว กินข้าวกันดีกว่า”
สายตาของผู้ชายจำนวนไม่น้อย มองมาที่กู้หยุนหลันกับเฉินเสี่ยวถง หลังจากมองหญิงสาวทั้งสองคน ผู้ชายพวกนั้นก็ใช้สายตาอิจฉาริษยามองหลี่โม่
หญิงสาวทั้งสองคนโดดเด่นมาก จนทำให้หลี่โม่กลายเป็นคนที่คนอื่นริษยา
ของทานเล่นต่างๆ ถูกนำมาเสิร์ฟ กู้หยุนหลันกินพุดดิ้งนมสดไปหนึ่งคำ เธอหลับตาลงช้าๆ และยิ้มอย่างมีความสุข
“รสชาติไม่ได้เป๊ะเท่าไร คุณสามีชิมดูสิ ให้ฉันป้อนไหม”
กู้หยุนหลันพูดพลาง เอาช้อนตักพุดดิ้งนมสดจ่อไปที่ปากของหลี่โม่