จูเจียนเฉียงรับรู้ได้ว่ามีเงาดำกลุ่มหนึ่งปกคลุมตัวเองอยู่ จึงพยายามเอียงหน้า แล้วมองขึ้นไปอย่างยากลำบาก
หัวหน้าโสงเหลือบมองลงมาที่จูเจียนเฉียง เมื่อเห็นสภาพจูเจียนเฉียงที่เอียงหน้ามา แล้วพยายามจะแหงนขึ้นมอง ก็ยิ้มเย้ยหยันพลางพูดว่า:
“คุณชายจู ได้เวลาไปโรงพยาบาลแล้วล่ะ ผมเรียกรถพยาบาลให้คุณได้อยู่หรอก แต่คุณจำเป็นต้องคลานออกจากป่ายเล่อฮุ่ยไปก่อน ถึงจะขึ้นรถพยาบาลได้นะ”
เมื่อได้ยินคำพูดของหัวหน้าโสง จูเจียนเฉียงก็หลับตาลงด้วยสีหน้าเจ็บปวด ใบหน้าที่พยายามหันมาในตอนแรก ก็รู้สึกเหมือนหมดเรี่ยวแรงไปดื้อ ๆ จนร่วงลงไปกับพื้นหนัก ๆ เลยทีเดียว
คลานออกไป? ขาสองข้างถูกตีจนหักเป็นสิบท่อน แค่ขยับครั้งเดียวก็เจ็บจนแทบทำให้คนตายได้แล้วเนี่ยนะ?
อย่าพูดถึงแค่ว่าคลานออกจากป่ายเล่อฮุ่ยเลย น่ากลัวว่าแค่จูเจียนเฉียงคลานออกไปได้ถึงหน้าประตูห้อง ก็คงเจ็บจนช็อกขาดใจตายไปก่อนแล้ว
จูเจียนเฉียงรู้สึกว่า ตัวเองไม่สามารถทนรับความทรมานที่จะตามมาหลังจากนี้ได้อีกต่อไปแล้ว เขาสูญเสียความหวังในการมีชีวิตรอด ท่าทางก็สงบลงอย่างยอมรับชะตากรรม
ในใจของจูเจียนเฉียงมีความคิดว่า ตอนนี้ยอมตายไปเลยตรง ๆ ยังจะสบายเสียกว่าต้องคลานออกไปด้วยขาสองข้างที่หักเป็นสิบท่อนแบบนี้
จูเจียนเฉียงหลับตาลง พูดด้วยน้ำเสียงที่สงบอย่างยิ่งว่า : “หลี่โม่ คุณปู่หลี่โม่! น่ากลัวว่าผมจะคลานออกไปจากป่ายเล่อฮุ่ยไม่ไหวแล้ว หรือไม่คุณก็ฆ่าผมเลยตรง ๆ เถอะ อย่าเล่นกับชีวิตผมแบบนี้อีกเลย ผมทนรับความเจ็บปวดขนาดนี้อีกไม่ไหวแล้วจริง ๆ ยังไงก็สงเคราะห์ให้ผมไปสบายซักครั้งเถอะ”
“ทำไมล่ะ? ทีนี้รู้สึกว่าตายไปซะยังสบายกว่าแล้วงั้นสิ? ตอนนั้นที่แกเรียกให้เจินจาหนานมาทำให้ฉันอับอายขายหน้า แกรู้สึกว่าในหัวใจแกมันมีความสุข สบายอกสบายใจมากใช่มั้ย ? ในเมื่อตอนนั้นแกมีความสุขแล้ว ตอนนี้ฉันก็แค่อยากได้สิ่งที่แกเคยได้ไปกลับคืนมาบ้าง ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรนะ!”
น้ำเสียงที่หลี่โม่พูด เย็นเยียบเหน็บหนาวราวพายุหิมะกลางฤดูหนาวในเขตแดนเหนือก็ไม่ปาน ทำให้ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นถึงกับอดสั่นสะท้านไม่ได้เมื่อได้ยิน
กู้หยุนหลันหันไปมองหลี่โม่ด้วยความกังวล ดึงมือที่ค่อนข้างเย็นของเขามากุมไว้ คิดในใจว่าหัวใจของหลี่โม่ตอนนี้ น่ากลัวว่าคงจะเย็นเยียบพอ ๆ กันสินะ? ถ้างั้นฉันจะช่วยทำให้หลี่โม่อบอุ่นขึ้นเอง
เมื่อคิดได้ดังนี้ กู้หยุนหลันก็แนบร่างกายของเธอ เข้ากับแผ่นหลังของหลี่โม่จนแน่น สองมือโอบรอบเอวของหลี่โม่ไว้อย่างแน่นหนา กระซิบที่ข้างหูของหลี่โม่ว่า “หัวใจของคุณก็เย็นไปด้วยแล้วเหรอ? งั้นฉันจะช่วยทำให้อุ่นขึ้นนะ”
หลี่โม่หันกลับมามองกู้หยุนหลันที่แนบร่างชิดแผ่นหลังเขาไว้จนแน่น ส่งรอยยิ้มเอ็นดูไปให้เธอ ลูบเส้นผมอันเงางามของเธอแล้วพูดว่า “ทำให้คุณตกใจรึเปล่า? ผมแค่บอกลาอดีตของตัวเองน่ะ มันมีหนี้บางอย่าง ที่ถึงเวลาสมควรทวงกลับคืนมาได้แล้ว”
กู้หยุนหลันมองหลี่โม่อย่างซุกซนแล้วหัวเราะ หลังจากทำหน้าทะเล้นใส่ก็พูดเบา ๆ ว่า: “ฉันไม่ตกใจหรอก ไม่ว่าคุณทำอะไร ฉันก็พร้อมจะสนับสนุนคุณทุกอย่าง ฉันแค่กลัวว่าคุณจะรู้สึกไม่สบายใจเท่านั้นแหล่ะ ไม่ว่าจะเป็นยังไงฉันก็อยากให้คุณมีความสุข”
หลี่โม่ลูบหัวกู้หยุนหลันอย่างแผ่วเบา พลิกมือแล้วโอบตัวกู้หยุนหลันเข้ามาในอ้อมแขนจากนั้นหลี่โม่ก็ไปดึงเฉินเสี่ยวถงที่ยืนอยู่อีกด้านมา แล้วพูดด้วยรอยยิ้มสว่างไสวว่า “วันนี้หมดสนุกซะแล้วสิ พวกเราไปหามื้อค่ำอร่อย ๆ กินกันดีกว่า”
“เจ้าโสง ถ้ามันไม่ยอมคลานออกไปล่ะก็ งั้นก็ปล่อยให้มันนอนรอความตายอยู่ที่นี่ก็แล้วกัน” หลี่โม่พูดไปพลางก็เดินออกไปพลาง
“ครับ ผมสัญญาว่าจะทำภารกิจให้สำเร็จ!” หัวหน้าโสงหันไปขานรับด้วยน้ำเสียงแข็งขันตามเงาหลังหลี่โม่ที่เดินออกไป
หลี่โม่พากู้หยุนหลันกับเฉินเสี่ยวถงออกจากห้อง ท่ามกลางสายตาที่อิจฉาของบรรดา รปภ. สายตาที่หวาดกลัวของผู้จัดการ และสายตาที่ตื่นเต้นของสาว ๆ บาร์เกิร์ลที่กินเผือกอยู่นอกห้อง
หลังจากมองส่งหลี่โม่จากไป หัวหน้าโสงก็เกาหัวแกรก ๆ พลางหันไปมองจูเจียนเฉียงที่แกล้งทำเป็นหมาตายอยู่บนพื้น
ภารกิจที่ได้รับมอบหมายจากคุณหลี่ จำเป็นต้องทำให้สำเร็จซะด้วยสิ แต่ดูจากสภาพแกล้งตายของจูเจียนเฉียงแล้ว ก็แสดงให้เห็นได้ชัดว่าเขาคงจะไม่ให้ความร่วมมือแน่ คงต้องคิดหาวิธีซักทาง ที่จะทำให้เขาคลานออกไปจากป่ายเล่อฮุ่ยให้ได้
หัวหน้าโสงหันหน้าไปมองลูกน้องตัวเอง: “ช่วยกันคิดหาวิธีมา ทำยังไงก็ได้ให้ไอ้หลานเต่านี่คลานออกไปเองให้จงได้ ถ้าเรื่องแค่นี้ยังทำไม่ได้ หลังจากนี้พวกเราจะยังมีหน้าไปพบคุณหลี่ได้ยังไง!”
“ฉันไม่มีทางคลานออกไปเด็ดขาด ให้ตายก็ไม่คลาน!” จูเจียนเฉียงพูดอย่างหนักแน่น
รปภ.ร่างผอมคนหนึ่งพลันกลอกตา จ้องไปทางหัวหน้าโสงแล้วแสดงท่าทางบุ้ยใบ้ ในขณะเดียวกันก็ชี้นิ้วมาที่ตัวเอง แล้วชี้ไปที่จูเจียนเฉียง เหมือนจะสื่อความหมายว่าขอให้เขาลองวิธีของเขาดูหน่อย
หัวหน้าโสงเห็นหน้า รปภ. ร่างผอมคนนี้มีรู้สึกยินดีขึ้นมาโดยพลัน ไอ้หมอนี่เป็นคนที่มีชื่อเสียงฉาวโฉ่ในด้านชั่วร้ายน่ารังเกียจ ด้วยเหตุนี้ เขาจึงบุ้ยปากเป็นสัญญาณไปทางจูเจียนเฉียงที่แกล้งทำเป็นหมาตาย ให้รปภ.ร่างผอมคนนี้ลองดู
รปภ.ร่างผอมหัวเราะฮิ ๆ ในลำคอ เดินไปด้านหลังของจูเจียนเฉียง แล้วยื่นมือออกไปถอดกางเกงของจูเจียนเฉียงออก
แรงที่รปภ.ร่างผอมใช้ถอดกางเกงของจูเจียนเฉียงค่อนข้างหนักมือ จนส่งผลกระทบไปถึงขาทั้งสองข้างให้สั่นไปด้วย
ด้วยแรงสั่นสะเทือน ความเจ็บปวดที่เหมือนถูกเจาะเข้าที่หัวใจก็แล่นปราดขึ้นมา ตามด้วยความรู้สึกหนาวเยือกอย่างประหลาด จูเจียนเฉียงบีบดอกเบญจมาศแน่น พูดด้วยความตื่นตระหนกว่า: “อ้าก! เจ็บ! พวกแกจะทำอะไรวะเนี่ย!”
“ทำอะไร? แน่นอนว่าต้องทำแกอยู่แล้วสิ พวกเราเฝ้าอยู่ที่นี่ทั้งวัน เห็นเนื้อหนังอล่างฉ่างแต่ดันทำอะไรไม่ได้ซักอย่าง ทุกวันต้องอดกลั้นจนแทบจะขาดใจตายแล้ว เห็นแกผิวขาวดี แถมนอนอยู่บนพื้นสะโพกก็งอนเด้งใช้ได้ ไม่สู้ให้พวกเราใช้แกให้เป็นประโยชน์ซักหน่อยดีกว่า”
รปภ.ร่างผอมพูดจบ ก็ทำท่าสูดปากจนเกินจริง แล้วพูดอย่างเจ้าเล่ห์ว่า “คุณชายจู ได้ยินมาว่าได้อึ๊บสาวเจนจัดก็ยังไม่เด็ดเท่าได้ประตูหลังซักครั้ง ไม่รู้ว่าเนื้อหนังบอบบางนุ่มนิ่มของแก ถ้าได้ใช้ขึ้นมาจะรู้สึกดีขนาดไหนนะ?”
ชั่วขณะนั้น เลือดของจูเจียนเฉียงถึงกับเย็นเฉียบไปทั้งตัว หัวใจเต้นรัวบวกกับขาที่เจ็บผสมผสานกับความกลัว ทั้งหมดประเดประดังกันเข้ามาจนเต็มหัวใจ
“พวกแกมันเป็นปีศาจ พวกแกฆ่าฉันซะเลยสิวะ! ฆ่าฉันเลย! ฉันไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว ปล่อยให้ฉันตายไปซะเถอะ! ฉันอยากตาย!” จูเจียนเฉียงตะโกนอย่างรันทดสุดขีด
ถูกตีจนขาหักก็เศร้ารันทดมากพอแล้ว ถ้ายังมาโดน รปภ.พวกนี้ล่วงละเมิดเข้าอีก จูเจียนเฉียงก็รู้สึกว่าสู้ให้ตัวเองตายไปซะก็ยังดีกว่ามีชีวิตอยู่ ตายไปคงจะสบายกว่านี้เป็นร้อย ๆ เท่า
“จุ๊ ๆ วางใจเถอะ เราไม่ปล่อยให้แกตายแน่นอน บางทีเราอาจจะพาตัวแกกลับไปด้วย แล้วรวบรวมเงินกันไปซื้อยามารักษาแก รอจนขาหายเป็นปกติ ก็หักขาแกใหม่อีกรอบ พอเวลาปกติก็ค่อยไปหาแกให้ช่วยดับไฟหนุ่มให้ซะหน่อย เห็นมั้ย ? ฉันจัดการวางแผนชีวิตหลังจากนี้ให้แกสมบูรณ์ครบถ้วนขนาดไหน รับรองเลยว่าจะใช้อย่างคุ้มค่า ไม่ให้เสียเปล่าแน่นอน”
รปภ.ร่างผอมยังคงพูดจาข่มขู่จูเจียนเฉียงให้ตกใจกลัวต่อไป ในสมองของจูเจียนเฉียงคิดตามฉากที่รปภ.ร่างผอมบรรยายไปด้วย จินตนาการถึงชีวิตหลังจากนี้ของตัวเอง
ฉากชีวิตที่เหมือนตกอยู่ในนรกนั่น ทำให้จูเจียนเฉียงสติแตกใจสลายลงไปโดยสิ้นเชิงแล้วจริงๆ
จูเจียนเฉียงผู้ซึ่งสติแตกไปอย่างสมบูรณ์แล้ว ไม่สามารถจินตนาการถึงชีวิตที่น่าอนาถตามที่ รปภ. ร่างผอมบรรยายให้เขาฟังได้อีกต่อไป
ตอนนี้ต้องทำยังไงถึงจะตายได้ ? ดูเหมือนว่าการกัดลิ้นน่าจะฆ่าตัวตายได้ แต่เมื่อกี้พอกัดลิ้นตัวเองไป ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงนั้น ก็ทำให้จูเจียนเฉียงสูญเสียความกล้าที่จะกัดลิ้นตัวเองต่อซะแล้ว
คลานออกไป บางที บางทีอาจเป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้วก็ได้ จูเจียนเฉียงคิดอย่างไร้สติสัมปชัญญะ
รปภ.ร่างผอมขยิบตาให้หัวหน้าโสง จากนั้นก็หันไปมองพวกหานเมิ่งทั้งสี่คนที่เวลานี้นอนตัวสั่นงันงกอยู่บนพื้น ฟื้นจากการแกล้งตายโดยพร้อมเพรียง
หัวหน้าโสงเข้าใจท่าทีนั้นได้ วาดมือเป็นสัญญาณไปทางลูกน้อง รปภ.หลายคนเดินหัวเราะฮิ ๆ เข้าไปลากพวกหานเมิ่งทั้งสี่คน แล้วพาพวกเขาไปไว้ข้าง ๆ จูเจียนเฉียง
รปภ.ร่างผอมถอดกางเกงของจูเจียนเฉียงออก คิดไม่ถึงว่าจูเจียนเฉียงจะใส่กางเกงในชายแบบโปร่งใสสีแดงแปร๊ด
รปภ.ร่างผอมหลุดหัวเราะขึ้นมาเสียงหนึ่ง แล้วตบลงบนต้นขาของจูเจียนเฉียงอย่างแรง
เพี๊ยะ!
หลังสิ้นเสียงดังคมชัด รปภ.ร่างผอมก็หัวเราะอย่างแฝงเจตนาร้าย