“ใครว่าฉันทำเรื่องบ้า ๆ ล่ะ ฉันก็แค่เบื่อแทบตายแล้ว เลยอยากมาคุยเล่นกับคุณแค่นั้นเอง ยังไงคุณก็แค่เล่นเกมอยู่ในออฟฟิศแค่นั้นเองไม่ใช่รึไงเล่า!” เฉินเสี่ยวถงพูดพลางทำปากยู่
หลี่โม่ลูบหน้าผากพลางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ค่อยพูดขึ้นว่า “ฉันจะต้องไปตรวจสอบเรื่องหนึ่ง เธอขับรถมาที่นี่หน่อย อีกเดี๋ยวช่วยร่วมมือกับฉันหน่อยนะ”
เฉินเสี่ยวถงเกิดความกระตือรือร้นขึ้นมาทันที พูดด้วยน้ำเสียงร่าเริงยินดีว่า “โอ้วเย! พี่หลี่โม่รอฉันแป๊บนึงนะ ฉันจะรีบขับรถไปเดี๋ยวนี้แหล่ะ รับรองเลยว่าแค่แป๊บเดียวไปถึงแน่นอน!”
“ไม่ต้องรีบหรอก ขับช้า ๆ ก็ได้ อย่าขับรถจนกลายเป็นนักฆ่าบนท้องถนนไปซะล่ะ”
หลี่โม่วางสาย แล้วโทรหาหัวหน้าจางอีกครั้ง สั่งให้หัวหน้าจางเตรียมเอกสารปลอมสองฉบับสำหรับตัวเองและเฉินเสี่ยวถง
หลังจากโทรหาหัวหน้าจาง หลี่โม่ก็เขย่า ๆ กระดาษใบที่นำออกมาจากระเบิดอีกครั้ง กระดาษใบนั้นส่งเสียงที่คมชัดออกมา พร้อม ๆ กับจังหวะแรงสั่นจากการเขย่า
“เสียงที่ใสไพเราะติดหูแบบนี้ เหมือนกับเสียงสั่นของธนบัตรใหม่ เต็มไปด้วยกลิ่นของธนบัตรจริง ๆ”
หลี่โม่บ่นพึมพำกับตัวเองไปประโยคหนึ่ง ในใจเกิดความรู้สึกมั่นใจอย่างหนักแน่นเลยว่า เบาะแสนั้นต้องอยู่ในโรงพิมพ์ธนบัตรอย่างแน่นอน เพราะนอกจากโรงพิมพ์ธนบัตรในเมืองฮ่านแล้ว นับเป็นเรื่องยากยิ่ง ที่จะหากระดาษที่มีลักษณะพิเศษแบบนี้ได้จากที่อื่น
ตามการคาดการณ์ของหลี่โม่ อีกฝ่ายอาจใช้กระดาษพิมพ์ธนบัตรนี้โดยไม่ได้ตั้งใจ ดังนั้น จึงมีความเป็นไปได้ว่าอีกฝ่ายอาจซ่อนตัวอยู่ในโรงพิมพ์ธนบัตร
เพียงไม่นาน หัวหน้าจางก็มาถึงอย่างรีบร้อน หยิบใบอนุญาตทำงานออกมาสองฉบับ แล้วยื่นให้กับหลี่โม่
“คุณหลี่ครับ นี่คือใบอนุญาตทำงานที่คุณต้องการ ใบรับรองนี้ผมไปหาคนที่มีคอนเนคชั่นพิเศษกับฝ่ายตรวจสอบเอกสารโดยตรงช่วยทำให้ ถ้ามีคนพยายามจะตรวจสอบให้ได้ ก็ไม่จำเป็นต้องกลัวการถูกตรวจสอบเลยล่ะครับ”
“ขอบคุณครับ” หลี่โม่พูดอย่างสุภาพขณะรับใบรับรองนั้นมา
หัวหน้าจางพูดอย่างร่าเริงว่า : “คุณจะต้องเกรงใจผมทำไมล่ะครับ ไม่ทราบว่าคุณต้องการตรวจสอบอะไรเหรอครับ? ต้องการให้ผมช่วยมั้ย?”
“ไม่ต้องหรอก ฉันจะตรวจสอบเรื่องนี้เอง แต่การเก็บงานช่วงสุดท้ายคงต้องรบกวนคุณอีกที กลับไปรอโทรศัพท์จากฉันก็แล้วกัน”
“ได้ครับ งั้นผมกลับก่อนนะครับ ” หัวหน้าจางไม่มัวยืดเยื้อ ทุกอย่างล้วนทำตามที่หลี่โม่สั่ง
หลังจากที่หัวหน้าจางไปได้ไม่ถึงสองนาที รถเมอร์เซเดส-เบนซ์ก็มาจอดอยู่ไม่ไกล หน้าต่างฝั่งที่นั่งคนขับถูกลดระดับลง เฉินเสี่ยวถงเอาหน้าวางพาดอยู่บนหน้าต่างรถ พลางผิวปากหวือไปให้หลี่โม่
“สุดหล่อ อยากให้พี่สาวคนนี้พาไปขับรถเล่นไหมจ๊ะ?” เฉินเสี่ยวถงพูดจบ ก็อดยกมือกุมท้องแล้วระเบิดหัวเราะออกมาไม่ได้ เธอชื่นชอบช่วงเวลาที่ได้เล่นมุกเสี่ยว ๆ เพื่อเต๊าะจีบหลี่โม่แบบนี้ที่สุดแล้ว
หลี่โม่กลอกตามองบนด้วยสีหน้าจนใจ เดินไปเปิดประตูฝั่งข้างคนขับแล้วเข้าไปนั่งในรถ
เมื่อดีดเข้าที่กลางหน้าผากของเฉินเสี่ยวถงไปหนึ่งที หลี่โม่ก็จ้องหน้าเธอแล้วพูดว่า ” ท่าทางของเธอตอนนี้ เหมือนไปเรียนมาจากพวกผู้หญิงหื่น ๆ ลามก ๆ เลยนะ”
“ฮิ ๆ ก็คุณไม่ใจเต้นกับคนอื่นเค้ามั่งเลยนี่นา คนเค้าก็เลยทำได้แค่ต้องเป็นฝ่ายรุกเข้าหาแทนน่ะสิ รู้สึกยังไงบ้างล่ะที่โดนเต๊าะจีบน่ะ? ฮะ ๆ ๆ ” เฉินเสี่ยวถงหัวเราะจนน้ำตาไหลออกมาเลยทีเดียว
“ก็ไม่ยังไง ถ้ายังซนไม่เลิก ฉันจะเอาเธอไปโยนทิ้งที่ใต้ภูเขา”
หลังจากหลี่โม่พูดจบ ก็หยิบใบอนุญาตทำงานออกมา แล้วโยนมันเข้าไปในอ้อมแขนของเฉินเสี่ยวถง: “เก็บไว้ให้ดี รอเดี๋ยวพอถึงเวลาจำเป็นก็แสดงมันเป็นหลักฐานซะ”
“อะไรเหรอ?” เฉินเสี่ยวถงเปิดใบอนุญาตทำงานออกดูอย่างสงสัย จากนั้นจึงพูดด้วยความตกตะลึงว่า: “ไม่จริงน่า! พี่หลี่โม่ นี่พี่ทำใบอนุญาตปลอมงั้นเหรอ?”
“นี่ไม่ใช่ของปลอมหรอก เป็นเอกสารที่ยังไงก็ไม่ต้องกลัวการตรวจสอบเลยล่ะ รีบขับรถไปที่โรงงานพิมพ์ธนบัตรเถอะ” หลี่โม่พูดอย่างเย็นชา
เฉินเสี่ยวถงมองหลี่โม่ด้วยสายตาสับสนงุนงง จู่ ๆ ก็คาดเดาอะไรส่งเดชขึ้นมาว่า หลี่โม่คิดจะไปปล้นโรงงานพิมพ์ธนบัตรหรือเปล่า?
“คุณ… หรือว่าเงินค่าขนมที่พี่หยุนหลันให้มาไม่พอใช้แล้วงั้นเหรอ? ถึงอย่างนั้นคุณก็ไปปล้นโรงพิมพ์ธนบัตรไม่ได้หรอกนะ ฉันพอมีเงินเก็บส่วนตัวอยู่บ้าง ฉันเอาออกมาให้คุณใช้ทั้งหมดเลยก็ได้นะ ดีมั้ย? ”
“พูดเรื่องไร้สาระอะไรของเธอน่ะ ฉันจะไปโรงพิมพ์ธนบัตรเพื่อจับคนร้ายต่างหาก สมองเธอคิดบ้าบออะไรอยู่? ” หลี่โม่กลอกตามองบนอีกรอบ เอนหลังพิงเก้าอี้ เกิดความรู้สึกหมดอาลัยตายอยากขึ้นมาอย่างอธิบายไม่ถูก
“โอ้ โอ้!” เฉินเสี่ยวถงตั้งค่าระบบนำทางพักหนึ่ง เมื่อกำหนดพิกัดได้แล้ว ก็ขับรถตรงไปยังโรงพิมพ์ธนบัตรทันที
“แล้วอีกเดี๋ยวฉันต้องทำอะไรล่ะ? เรื่องจับคนร้ายฉันก็คงช่วยอะไรไม่ได้อยู่แล้ว”
“เธอไม่ต้องทำอะไรหรอก เหตุผลหลักที่พาเธอมาด้วย เพราะตั้งใจว่าจะให้เธอช่วยดึงดูดความสนใจของคนรอบข้างให้หน่อยเท่านั้นแหล่ะ” หลี่โม่พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
เฉินเสี่ยวถงเบ้ปาก ไม่พอใจที่ตัวเองถูกจัดความสำคัญเป็นเหมือนแจกันดอกไม้นี้ซักเท่าไหร่
ไม่นานพวกเขาก็มาถึงโรงพิมพ์ธนบัตรของเมืองฮ่าน หลังจากจอดรถ ทั้งสองก็ลงจากรถแล้วเดินไปที่โรงงานพิมพ์ธนบัตร
ประตูโรงพิมพ์ธนบัตรนั้นใหญ่โตมโหฬารมาก มี รปภ. 7-8 คนนั่งอยู่ข้าง ๆ ทั้งหมดกำลังนั่งล้อมวงคุยกัน
เมื่อเห็นหลี่โม่กับเฉินเสี่ยวถงเดินมา รปภ.หนุ่มสองคนก็ออกมาหยุดพวกเขาทั้งสองไว้
“พวกคุณสองคนมาทำอะไรกัน? ที่นี่ห้ามคนนอกเข้านะ”
รอยยิ้มอันอบอุ่นปรากฏบนใบหน้าของหลี่โม่ทันที : “พวกเรามาทำธุระสำคัญ เลยตั้งใจว่าจะมาที่แผนกรักษาความปลอดภัยของคุณ เพื่อสอบถามสถานการณ์ให้เข้าใจตรงกัน”
รปภ.สองคนขมวดคิ้วแล้วหันมองหน้ากัน จากนั้น รปภ. คนหนึ่งก็เดินเข้าไปในห้องรักษาความปลอดภัย
รปภ.อีกคนพูดอย่างหงุดหงิดว่า : “เข้าใจสถานการณ์? พวกคุณมาจากแผนกไหน? ได้นัดกับหัวหน้าของพวกเราไว้รึเปล่า? ถ้าไม่ได้นัดไว้ก็รีบไปซะเถอะ โรงพิมพ์ธนบัตรเป็นที่ที่ต้องมีการรักษาความปลอดภัยที่เข้มข้น ไม่ได้นัดไว้ก็ไม่สามารถเข้าไปได้ทุกกรณี “
“เราไม่ได้นัดล่วงหน้าไว้หรอก แต่เพราะเหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน และเป็นเรื่องที่เร่งด่วนมาก ดังนั้น เราจึงทำได้แค่มาที่นี่โดยตรงเท่านั้น หรือไม่คุณติดต่อกับหัวหน้าของคุณได้มั้ย? ” หลี่โม่พูดอย่างอดทน
ประตูห้องรักษาความปลอดภัยเปิดออก มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยซึ่งดูเหมือนอายุได้ราว ๆ สี่สิบเดินออกมา
“ถ้ามีธุระอะไรก็คุยกับฉันมาเถอะ ฉันเป็นหัวหน้าทีมรักษาความปลอดภัย เข้าใจสถานการณ์ทั่วไปเป็นอย่างดี ถ้าสถานการณ์ของคุณพิเศษจริง ๆ ฉันสามารถช่วยติดต่อหัวหน้าแผนกรักษาความปลอดภัยได้”
หลี่โม่มองดูเจ้าหน้าที่ รปภ. วัยสี่สิบปีผู้นี้อย่างละเอียด อีกฝ่ายมีหน้าตาธรรมดา ดูท่าทางเหมือนคนมีอายุที่ใจดีคนหนึ่ง ให้ความรู้สึกว่าน่าจะเป็นคนพูดด้วยได้ง่ายมาก ๆ
“ขอบคุณล่วงหน้านะครับ ผมยังไม่ได้ถามชื่อของคุณเลย”
“ฉันแซ่หลิว เรียกฉันว่าเหล่าหลิวก็ได้” เหล่าหลิวยิ้มอย่างอ่อนโยน ไม่ได้มีบรรยากาศที่เหมือนเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเลยแม้แต่น้อย
หลี่โม่ล้วงซองจดหมายออกมาแล้วยื่นให้เหล่าหลิว: “ผมเป็นหัวหน้าแผนกรักษาความปลอดภัยของบริษัทหยุนหลันกรุ๊ป นี่เป็นจดหมายข่มขู่ที่ประธานบริษัทของเราได้รับ เชิญคุณดูก่อน”
เหล่าหลิวมองดูหลี่โม่ด้วยสายตาสงสัยแวบหนึ่ง รับจดหมายขู่มาเปิดออกแล้วกวาดสายตาดูหนึ่งรอบ
“ เรื่องแบบนี้คุณต้องไปแจ้งความให้สายตรวจช่วยสิ มาที่โรงพิมพ์ธนบัตรของเราทำไมล่ะ?”
หลี่โม่ชี้ไปที่กระดาษสีขาวในมือของเหล่าหลิว : “ประเด็นหลักที่มาหาพวกคุณ ก็เพราะกระดาษชิ้นนี้นี่แหล่ะ คุณดูให้ละเอียดสิ ว่านี่เป็นกระดาษที่ใช้พิมพ์ธนบัตรรึเปล่า”
เหล่าหลิวได้ยินดังนั้นก็ยกกระดาษในมือขึ้น นำไปส่องดูกับแสงแดด จากนั้นเขาก็ตัวสั่น สีหน้าเปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นมาทันที
“นี่เป็นกระดาษพิมพ์ธนบัตรจริงๆ ด้วย คุณสงสัยว่ามีคนในโรงงานของเราข่มขู่ประธานบริษัทของพวกคุณงั้นเหรอ? ความสงสัยนี้มีบางอย่างที่ไม่ค่อยน่าเชื่อถือนะ”
หลี่โม่พยักหน้า: “นี่เป็นเพียงการตัดสินเบื้องต้นของผม เนื่องจากเวลามีจำกัด ผมเลยอยากจะขอให้แผนกรักษาความปลอดภัยของคุณ ช่วยให้ความร่วมมือสักหน่อย”
เหล่าหลิวแสดงท่าทีลำบากใจ ฝืนยกยิ้มอย่างขมขื่น : “ฉันก็อยากช่วยคุณอยู่หรอก แต่สถานะของคุณไม่เหมาะสม ถ้าคุณเป็นสายตรวจฉันก็ยังพอจะไปรายงานกับเบื้องบนได้ แต่คุณเป็นพนักงานบริษัทคนหนึ่ง ยังไงก็ไม่มีสิทธิ์เข้าไปในโรงพิมพ์ธนบัตรของเรา เพื่อทำการตรวจสอบเรื่องนี้จริง ๆ”
พูดจบเหล่าหลิวก็ยัดจดหมายคืนไปให้หลี่โม่ แสดงท่าทีจริงจังแบบหน้าที่ต้องเป็นหน้าที่ แล้วพูดขึ้นว่า “ฟังคำแนะนำของพี่ชายคนนี้ซักประโยคเถอะนะ รีบไปแจ้งความให้สายตรวจช่วยเถอะ อย่าลงมาลุยในน้ำโคลนอะไรแบบนี้เลย ตอนนั้นเพราะฉันดันยุ่งไม่เข้าเรื่อง เฮ้อ!… ช่างเถอะ อย่าไปพูดถึงเรื่องพวกนี้เลยนะ!”