บทที่ 83 ค้นพบความจริง
ซู๋ไห่เทียนเห็นโอกาสแสดงตัวขึ้นมา “หยุนหลัน ก็ต้องเป็นผมที่ให้คุณอยู่แล้วสิ ผมยังมีเซอร์ไพรส์ด้วย ไม่คิดเลยว่าผู้จัดการหลินจะมาด้วยตนเอง”
เขาเอ่ย พลันหันไปขอบคุณหลินชิงหาน “ผู้จัดการหลิน คุณไม่ต้องเกรงใจขนาดนี้ก็ได้”
หลินชิงหานสีหน้าเรียบเฉย จับจ้องไปที่ซู๋ไห่เทียน พร้อมเอ่ยถามกลับ “การ์ดนี่คุณเป็นคนให้งั้นหรือ?”
ซู๋ไห่เทียนนิ่งไป ก่อนเอ่ยถาม “หรือว่าไม่ใช่ผมหรือไง? ผู้จัดการหลิน อย่าล้อเล่นไปหน่อยเลย ผมจ่ายไปตั้งสองเท่าตัว!”
หลินชิงหานหัวเราะออกมา
ในเวลาเดียวกัน เสียงถอนหายใจดังขึ้น แล่นผ่านมาจากทางด้านหลังของทุกคน “ผู้จัดการหลิน วันนั้นการ์ดเชิญของซู๋ไห่เทียนไปได้ถูกส่งไป ที่อยู่ไม่ถูกต้อง” ชายหนุ่มที่อยู่ในแบบฟอร์มวิ่งเข้ามา พร้อมกับการ์ดสีขาวในมือ
ซู๋ไห่เทียนโกรธจนแทบระเบิด “แกว่าไงนะ? การ์ดนี่เป็นของผมงั้นเหรอ?”
พนักงานหนุ่มคนนั้นเห็นว่าซู๋ไห่เทียนก็อยู่ด้วย จึงรีบขอโทษ “คุณชายซู๋ ต้องขออภัยด้วย ที่อยู่ที่คุณให้เอาไว้ไม่ถูกต้อง การ์ดนี่จึงไม่ถูกส่งออกไป”
นิ่งเงียบ
ตายเรียบ
สายตาของหลายคนตกไปอยู่ที่ซู๋ไห่เทียนโดยไม่ได้นัดหมาย ทำให้ซู๋ไห่เทียนรู้เหมือนเหมือนถูกเข็มพันเล่มทิ่มแทง ช่างเจ็บปวดใจ
“แกพูดบ้าอะไร! การ์ดนี่จะเป็นของฉันได้ยังไง การ์ดของฉันถูกส่งไปแล้วแท้ๆ!” ซู๋ไห่เทียนไม่อยากจะเชื่อ คำรามเสียงดังลั่น พลันแย่งการ์ดจากมือเจ้าหน้าที่ฉีกออกเป็นเสี่ยงๆ แล้วโยนลงกับพื้น
ก่อนที่เขาจะหันไปส่งยิ้มให้กับกู้หยุนหลัน “หยุนหลัน อย่าไปฟังที่มันพูด การ์ดในมือเธอต่างหากที่เป็นของผม…..”
ไม่ทันจบคำ ซู๋ไห่เทียนพลันยืนแข็งทื่อ!
เพราะเขาเห็นการ์ดในมือของกู้หยุนหลัน คือสีทอง!
นี่มัน นี่มันเป็นไปได้ยังไง?!
ซู๋ไห่เทียนไม่โง่ เขารู้อยู่แล้วว่าสีทองหมายความว่ายังไง
ทั้งเมืองฮ่านมีเพียงแค่10ใบเท่านั้น
เมื่อเห็นว่าซู๋ไห่เทียนเงียบไป หลินชิงหานจึงหัวเราะเยาะ พร้อมเอ่ยถาม “คุณชายซู๋ การ์ดนี่เป็นของคุณงั้นเหรอ?”
“นี่…..” ซู๋ไห่เทียนหน้าถอดสี คิดที่จะเล่นลิ้นต่อไป แต่หลินชิงหานได้พากู้หยุนหลันไปเสียก่อน
แผ่นหลังที่ค่อยๆ ห่างไกลออกไปของกู้หยุนหลัน ซู๋ไห่เทียนกำหมัดด้วยความโกรธแค้น พร้อมสายตาที่เยือกเย็น!
“แม่งเอ๊ย! ใครกันวะที่ส่งการ์ดเชิญให้กับกู้หยุนหลัน? แถมยังเป็นสีทอง!”
ซู๋ไห่เทียนบ่นอุบกับตัวเอง ด้วยความประหลาดใจอย่างมาก
อีกด้าน กู้หยุนหลันเข้ามาที่ห้องพักสุดหรูห้องหนึ่งกับหลินชิงหาน เมื่อผลักประตูเข้าไป ก็ได้พบกับคุณจิ่วสืออีร่างที่ยืนรออยู่ก่อนแล้ว
ชั่วพริบตา กู้หยุนหลันไม่อยากจะเชื่อ!
“จิ่ว…..จิ่วสืออีร่าง…..” กู้หยุนหลันยกมือขึ้นปิดปาก ดวงตาเบิกกว้าง
ตื่นเต้นจนแทบเสียสติ!
นี่เป็นไอดอลของเธอเชียวนะ
“สวัสดีครับ คุณกู้” จิ่วสืออีร่างเผยรอยยิ้มหวาน ยื่นมือออกจับมือกู้หยุนหลันเป็นการทักทาย
กู้หยุนหลันจับมือทักทายด้วยความตื่นเต้น หัวใจดวงน้อยเต้นโครมคราม ราวกับฝันไป
หลินชิงหานเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “คุณกู้ นี่เป็นการเซอร์ไพรส์ จากชายสูงศักดิ์ที่ไม่ประสงค์ออกนาม”
หลังจากนั้น จิ่วสืออีร่างถ่ายภาพกับกู้หยุนหลัน คุยกันอยู่นาน
และแน่นอน ว่ากู้หยุนหลันเหมือนกับนักเรียนที่ว่าง่ายคนหนึ่ง
ก่อนจากกัน จิ่วสืออีร่างยิ้มให้กับเธอ “คุณกู้สนใจที่จะเป็นนักเรียนของผมไหม?”
ประโยคนี้ ทำให้กู้หยุนหลันนิ่งอยู่นานกว่าจะได้สติกลับคืนมา “ฉัน…..ฉันได้หรือคะ?”
“แน่นอน คุณกู้เป็นคนฉลาดตั้งแต่เด็ก แถมยังมีความรักใครในเปียโน ผมอยากจะรับคุณกู้เป็นศิษย์ของผม” จิ่วสืออีร่างเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
ในตอนนี้กู้หยุนหลันมีความสุขจนแทบจะเป็นลมล้มไป
จิ่วสืออีร่างจะรับเธอเป็นลูกศิษย์แล้ว!
กระทั่งออกจากห้อง กู้หยุนหลันยังคงรู้สึกว่าเหมือนฝัน พลันกล่าวกับจินซ่านน่าไม่หยุด “น่าน่า ฉันไม่ได้ฝันไปใช่ไหม? ตอนนี้ฉันเป็นนักเรียนของจิ่วสืออีร่างแล้ว”
จินซ่านน่าตอบกลับด้วยความอิจฉา “ไม่ได้ฝันไป เป็นเรื่องจริง แต่ว่า แกไม่รู้สึกประหลาดใจหรือไง จิ่วสืออีร่างไม่ได้รับลูกศิษย์มาห้าปีแล้วนะ ทำไมถึงได้รับเธอเป็นศิษย์กะทันหัน? แล้วไหนจะการ์ดเชิญนั่นอีก แกจะอธิบายว่ายังไง?”
กู้หยุนหลันถึงได้นึกขึ้นมาได้ สีหน้าหนักอึ้งขึ้นมาทันที ด้วยความสงสัย พลันส่ายหน้า “ไม่ใช่ของซู๋ไห่เทียน แล้วจะเป็นของใครกัน?”
“เอ๋ กู้หยุนหลัน บอกมานะ แกแอบไปดีกับลูกเศรษฐีที่ไหนลับหลังฉันใช่ไหม?” จินซ่านน่ากล่าวอย่างหยอกล้อ
ทำให้กู้หยุนหลันอับอาย จนใบหน้าแดงก่ำ “อย่าพูดมั่วๆ สิ ฉันเป็นคนแบบนั้นเหรอ?”
ทั้งคู่ตกอยู่ในความเงียบ
กู้หยุนหลันหยุดฝีเท้าลง ไตร่ตรองสักครู่ ก่อนที่จะเอ่ยอย่างมุ่งมั่น “ไม่ได้ ฉันจะต้องถามให้แน่ชัด แกรอฉันอยู่ตรงนี้ก่อน”
“ฉันจะไปกับแกด้วย” จินซ่านน่าเอ่ยถาม
ทั้งคู่หมุนตัว มุ่งไปที่ห้องพัก
ในเวลาเดียวกัน ภายในห้องพัก หลี่โม่ยืนอยู่ที่หน้าต่างบานใหญ่ หันหลังให้กับเหล่าคนในห้อง
ด้านหลังของเขา จิ่วสืออีร่างและหลินชิงหานยืนอยู่อย่างนอบน้อม พร้อมกับเฉียวเจิ้งหลง
จิ่วสืออีร่างเป็นนักเปียโนที่มีชื่อเสียงโด่งดังไม่กี่คนของประเทศ ไม่ว่าใครที่เจอเขาก็ต้องให้ความเคารพ
หรือแม้แต่ ไม่ว่าเขาจะไปประเทศไหน ก็ได้รับการต้อนรับอย่างสูงส่ง แต่ตอนนี้ เขากลับนอบน้อม ต่อชายหนุ่มอายุน้อยตรงหน้า
เขาเอ่ย “คุณหลี่ เรื่องของนายหญิง ผมได้ทำตามที่สั่งแล้ว หวังว่าคุณหลี่จะทำตามคำสัญญาที่เคยให้ไว้ก่อนหน้า จะเปิดสถาบันสอนเปียโนสิบแห่งให้กับผม”
หลี่โม่ตอบกลับว่า“เรื่องนี้ไม่มีปัญหา”
จบคำ เขาหันกลับไป จ้องมองที่จิ่วสืออีร่าง “ครั้งนี้รบกวนคุณแล้ว ครางหน้าผมจะไปกราบไหว้คุณที่บ้าน”
เมื่อได้ยืนอย่างนั้น จิ่วสืออีร่างเอ่ยด้วยความยำเกรง “คุณหลี่ เกรงใจกันเกินไปแล้ว คุณมีสถานะที่สูงศักดิ์ ต้องเป็นผมที่ไปเยี่ยมเยือนคุณถึงจะถูก”
หลี่โม่หัวเราะออกมา พลันเข้าไปประคองชายชรา “ท่านเป็นผู้อาวุโส ผมยังเด็ก นี่เป็นเรื่องที่ผมสมควรที่จะทำ”
จิ่วสืออีร่างหันมองหลี่โม่ ก่อนพยักหน้า เด็กคนนี้นิสัยดี ไม่หยิ่งทนงตน
จบคำ หลี่โม่หันไปทางหลินชิงหานและเฉียวเจิ้งหลง “พวกคุณเองก็ทำได้ดีมาก”
เมื่อได้รับคำชื่นชมจากหลี่โม่ เฉียวเจิ้งหลงมีทีท่าตื่นเต้นอย่างชัดเจน พลันโค้งคำนับ “ขอบคุณครับคุณหลี่สำหรับคำชื่นชม นี่เป็นสิ่งที่เฉียวเจิ้งหลงสมควรที่จะกระทำ หากมีความจำเป็นอะไร คุณหลี่สั่งมาได้เลย เฉียวเจิ้งหลงจะพยายามสุดความสามารถ!”
เฉียวเจิ้งหลง เป็นหนึ่งในราชาทั้งสี่ใต้ดินของเมืองฮ่าน ตอนนี้เขากลับเผยสีหน้าทั้งตื่นเต้นและดีใจออกมา
พบได้ไม่บ่อยนัก หากคนนอกเห็นเข้า ต้องตกใจมากเป็นแน่!
หลินชิงหานเองก็เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ได้แบ่งเบาภาระของคุณหลี่ เป็นเกียรติของพวกเรา”
ในเวลานี้เอง!
เสียงโหวกเหวกดังขึ้นจากด้านนอก
“ทั้งสองท่าน ข้างในนั้นมีแขกอยู่ ตอนนี้ยังไม่สามารถเข้าไปได้ ขอให้พวกคุณยืนรออยู่ตรงนี้ก่อน” เป็นเสียงของผู้รักษาประตูด้านนอก
“ฉันมาพบผู้จัดการหลอน” น้ำเสียงของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้น
หลี่โม่นิ่งไป!
แย่แล้ว!
เป็นเสียงของกู้หยุนหลัน เธอไปแล้วไม่ใช่หรือ? ทำไมถึงได้กลับมาอีก!
ทันใดนั้น ประตูห้องถูกผลักออกจากด้านนอก ในสายตาของทุกคน กู้หยุนหลันลากจินซ่านน่าเข้ามาด้านใน ยืนอยู่ที่ประตู ด้วยสีหน้าร้อนใจ
สายตาของเขา เห็นใครบางคนที่อยู่ในห้องชัดเจน…..