บทที่ 56 การโต้ตอบได้เริ่มขึ้น[รีไรท์]
ขั้นปรมาจารย์ มันเหมือนกับสิ่งลึกลับของโลกใบนี้ ลองคิดถึงคนที่สามารถหยิบใบไม้ปาออกไปก็สามารถฆ่าคนได้ หรือแค่สะบัดมือก็สามารถฆ่าคน ก้าวขาออกไปก้าวเดียวสามารถเคลื่อนที่ได้ไกลร้อยก้าว แล้วแบบนี้ยังเรียกว่ามนุษย์อยู่อีกอย่างงั้นเหรอ
ในประเทศจีน ขั้นปรมาจารย์เป็นที่เคารพนับถือกันเป็นอย่างมาก เมื่อเข้าสู่ขั้นปรมาจารย์ก็จะสามารถสร้างชื่อเสียงและสร้างสำนักของตนเองได้
“ลูกพี่เป็นขั้นปรมาจารย์จริง ๆ เหรอ?” ซูฟานถึงกับกลืนน้ำลายลงคอ เขาเป็นที่รู้จักกันในฐานะอัจฉริยะน้อยของตระกูล พรสวรรค์ด้านการต่อสู้ยอดเยี่ยมเป็นที่หนึ่ง ตอนนี้อยู่ขั้นนักสู้พลังชีพจรระดับ 7 แต่ลูกพี่ของเขาที่อายุไม่รู้แน่ชัด ดูแล้วเด็กกว่าเขาแน่ ๆ กลับมีพลังที่น่ากลัวขนาดนี้
ฉู่ชวิ๋นคิดแล้วคิดอีกจากที่ชายชราพูดมาทั้งหมดนี้ แน่นอนแล้วว่าฝีมือการต่อสู้ของเขาตอนนี้นั้นเทียบเท่ากับขั้นปรมาจารย์
“ฉันว่านะ จากพลังของเธอคิดว่าน่าจะแข็งแกร่งกว่าขั้นปรมาจารย์ทั่วไปแน่ ๆ” ชายชรามองฉู่ชวิ๋นด้วยสายตาที่ซับซ้อน ขั้นปรมาจารย์ที่ยังมีชีวิตอยู่นั้นบนโลกนี้ยากที่จะพบเห็น มีบางคนทนฝึกตลอดชีวิตยังยากที่จะเข้าถึงขั้นปรมาจารย์ได้แน่นอนรวมไปถึงตัวชายชราเองก็ด้วยเช่นกัน
“โอ้พระเจ้า ลูกพี่ คุณคงไม่ใช่ปีศาจแก่ ๆ หรอกใช่ไหม? แบบเพราะมีพลังที่แข็งแกร่งและดูแลตัวเองอย่างดี เลยดูเป็นเด็กหนุ่มอย่างนี้”
ซูฟานร้องตะโกนออกมา ภายในใจของเขาลึก ๆ หวังว่า ฉู่ชวิ๋นจะพูดว่าตนเองนั้นเป็นขั้นปรมาจารย์ที่แก่แล้ว เพราะนั่นจะทำให้เขารู้สึกดีขึ้นมานิดหน่อย ไม่อย่างนั้นแล้วมันจะน่าตกใจเกินไป
“ซูฟาน ระวังคำพูดด้วย” เฉินฮั่นหลงสีหน้าเคร่งขรึม ซูฟานเลยไม่กล้าพูดอะไรอีก
ฉู่ชวิ๋นโบกมือบอกว่าไม่เป็นไร ซูฟานก็ไม่ได้พูดผิดอะไร ถ้าหากบวกเพิ่มที่เขาไปอยู่ในโลกอื่นมาอีกสามพันกว่าปีก็นับได้ว่าเขาคือปีศาจพันปีตนหนึ่ง แต่ไปอยู่ที่นั่นมากว่าสามพันปี พอมาอยู่บนโลกนี้ก็รู้สึกอึดอัดเหมือนกัน
ซูฟานสีหน้าภาคภูมิใจก่อนมองไปทางเฉินฮั่นหลงแล้วหยักคิ้วใส่ก่อนพูดว่า “ลูกพี่ ที่นี่ไม่มีอะไรน่าสนใจแล้ว ฉันว่าพวกเราเอาเงินไปดื่มกันเถอะ”
พูดจบซูฟานก็บอกกับหงหลิง “ไปเอาเงินมาเร็วเข้า”
หงหลิงสีหน้าอึดอัดใจ 10000กว่าล้าน เธอจะเอาที่ไหนมาให้? เธอร่วมมือกับไป๋เหรินฉง และชายหน้าบากร่วมสร้างที่นี่ขึ้นมา เธอรับผิดชอบเรื่องการหาแขก ไป๋เหรินฉงและชายหน้าบาก รับผิดชอบบริหารจัดการ กำไรคือแบ่งกันวันต่อวัน ตอนนี้ในบ่อนพนันอย่าว่าสองพันล้านเลยแค่สองล้านยังไม่มีให้เลยด้วยซ้ำ
“บ่อนพนันนี้ของพวกเธอ อย่าบอกว่าไม่มีนะ? แบบนี้เท่ากับคิดแผนชั่วหลอกเงินผู้อื่นเฉย ๆ ไม่ใช่เหรอ?” ซูฟานพูดโวยวาย
หงหลิงพยักหัวอย่างลำบากใจ ซูฟานพูดถูก อย่าได้มองที่บ่อนเปิดให้แทงร้อยล้านพันล้านนั้นเลย พวกนั้นมันแค่คำพูดลอย ๆ ไม่มีค่าอะไรเลย ที่นี่บ่อนคิดอยากจะมีหนึ่งร้อยล้านก็มีร้อยล้าน เพราะสนามพนันแห่งนี้มีผู้คุมเหลยและชายชราดูแลอยู่
อีกทั้งอุปกรณ์ในการเล่นก็มีการดัดแปลง และส่วนใหญ่แขกที่มาเล่น ต่อให้ชนะและได้เงินกลับไป ก็จะชนะได้ไม่เกินหนึ่งล้านเท่านั้น เกินกว่านี้จะเปิดโกงเพื่อให้ได้เงินกลับคืนมา สำหรับฉู่ชวิ๋น คือ เหตุสุดวิสัยจริง ๆ ราวกับ พายุคลั่งที่มาโดยไม่มีใครรู้ตัว
“นั่นไง เพราะอย่างนั้น นักพนันร้อยก็แพ้กลับไปร้อยคน เหอะ ๆ งั้นพวกเราขอเงินทุนคือก็ยังดีของฉันแลกไป 200 ล้าน” ซูฟานร้อนใจจนรีบพูดขึ้นมา
“เงินทุนที่แลกเงินไปเป็นของพวกเราแล้วนะ?” หงหลิงพูดขึ้นมา
“อะไรนะ? นี่ขนาดเงินทุนของพวกเราก็ไม่คิดจะคืนงั้นเหรอ” ซูฟานตะโกนออกมาอย่างโกรธเคือง
“ขออภัยจริง ๆ เงินทุนตอนแลกชิปทุกครั้งจะโอนไปยัง 4 บัญชีโดยอัตโนมัติ นอกจากฉันและผู้คุมเหลย ก็มีไป๋เหรินฉงและชายหน้าบาก ฉันสามารถคืนให้คุณได้แค่ส่วนของฉันเท่านั้น” หงหลิงพูด
“ส่วนของเธอคือเท่าไหร่?” ซูฟานถาม
“ฉันถือหุ้น 20 เปอร์เซ็นต์ เพราะงั้นฉันคืนให้คุณได้เพียง 60 ล้าน”
“แล้วแกละ?” ซูฟานถามผู้คุมเหลย
“ฉันถือหุ้น 10 เปอร์เซ็นต์ก็ประมาณ 30 ล้าน” ผู้คุมเหลยพูด
“แม่ง ความหมายก็คือเงินของฉันส่วนอื่นก็จะสูญเปล่าไปงั้นเหรอ?” สีหน้าของซูฟานเต็มไปด้วยความโกรธแค้น ทันใดนั้นเขาเหมือนคิดอะไรได้ขึ้นมา? ก่อนหันหน้าไปมองฉู่ชวิ๋น
“ลูกพี่คุณแลกเงินไปเท่าไร” ตามที่เขาคำนวณไว้ฉู่ชวิ๋นอย่างน้อยต้องแลกไปคือ 100-200 ล้านอย่างแน่นอน
เมื่อเห็นท่าทางตลก ๆ ของซูฟาน ฉู่ชวิ๋นก็พูดขึ้น “500”
“ลูกพี่ ลูกพี่เก่งเกินไปแล้ว? 50 ล้านชนะจนได้ 20000 ล้านเลยเหรอ”
“ไอ้โง่ นายมีหูอยู่ไหม? เขาพูดว่า 500 ไม่ใช่ 50 ล้าน” นักพนันหญิงพูด
“500…” ซูฟานสำลักน้ำลายคอยืนอ้าปากค้างสีหน้าเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ
หงหลิง ชายชราและผู้คุมเหลยตอนแรกกลัวจนขาสั่น เงินคนอื่นก็แล้วไปแต่เงินของฉู่ชวิ๋นใครกล้าโกง? พวกเขาคิดจะเอาเงินในกระเป๋าตัวเองออกมาชดใช้ แต่….พวกเขาไม่รู้ว่าควรจะพูดยังไงดีตอนนี้? ซูฟานก้มหัวลง อย่างโศกเศร้า เขาช่างโชคร้ายจริง ๆ
แม้แต่เฉินฮั่นหลงที่เป็นผู้มีอิทธิพลในเมืองกู่เจียง แต่ถ้าเสียเงินขนาดนี้ก็คงรู้สึกเป็นเดือดเป็นร้อนเหมือนกัน แต่ซูฟานเพียงร้อนใจอยู่แค่ครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มออกมาราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น แสดงให้เห็นว่าฐานะทางบ้านดีไม่น้อย
“ใครบอกได้ไหมว่า รู้จักชายหน้าบากขนาดไหน” ฉู่ชวิ๋นถามขึ้น
หงหลิงและชายชรามองตากัน หลังจากนั้นหงหลิงก็เปิดปากพูด
“เขาคนนี้มีนิสัยลึกลับ เยือกเย็นและเหี้ยมโหด ปกติแล้วไม่ค่อยชอบพูดบวกกับหน้าตาที่น่ากลัว ทุกคนเลยไม่ค่อยยุ่งกับเขา พวกเราก็ไม่รู้เรื่องของเขามากนัก ถ้าหากนายท่านอยากรู้ละก็สามารถถามจากไป๋เหรินฉงได้เลย เพราะเดิมทีก่อนจะสร้างบ่อนพนันนี้ขึ้น พวกเขาเป็นคนมาชวนฉันก่อน”
“ฉันเคยได้ยินเขาพูดขึ้นมาว่าเขามาจากเมืองจิง ฉันเคยเห็นความสามารถของเขามาบ้าง บางครั้งก็จะค่อยจับผิดอยู่ห่าง ๆ ส่วนเรื่องอื่น ๆ ฉันก็ไม่ค่อยรู้อะไร” ชายชรายิ้มแล้วพูดขึ้น
ฉู่ชวิ๋นเคร่งขรึมและไม่พูดอะไรจนหงหลิงรู้สึกอึดอัด เธอรู้ดีว่าสิ่งที่พวกเขาพูดไปไม่มีประโยชน์อะไรเลย ทันใดนั้นเธอก็คิดออกเรื่องหนึ่ง ดวงตาอันงดงามลุกวาวพร้อมพูดเสียงต่ำ
“ทุกครั้งในการแบ่งเบี้ยกำไรของชายหน้าบาก เขาจะโอนเงินไปที่บัญชีของคนที่ชื่อหลิวเจี่ยเฟย”
“หลิวเจี่ยเฟย งั้นเหรอ?” ฉู่ชวิ๋นได้ยินก็แปลกใจขึ้นมา
หงหลิงพยักหน้า “ฮั่นหลง ประกาศกับทุกคนให้คนไปสืบเรื่องราวของหลิวเจี่ยเฟยมาให้ฉัน พลิกแผ่นดินหาก็ต้องหาให้เจอ” ฉู่ชวิ๋นพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
“นายท่านไม่ต้องเป็นห่วง ผมจะไปจัดการเดี๋ยวนี้” เฉินฮั่นหลงเดินไปด้านข้างแล้วเริ่มโทรศัพท์
“ลูกพี่ ลูกพี่กำลังตามหาตัวพ่อแม่อยู่เหรอ? งั้นลูกพี่บอกชื่อกับลักษณะของพวกท่านมา ที่บ้านฉันก็กว้างขวางไม่น้อย บางทีอาจจะพอช่วยอะไรได้บ้าง คนเยอะกำลังก็จะเยอะขึ้นด้วยเช่นกัน” ซูฟานพูด
ฉู่ชวิ๋นพอได้ยินก็ทำให้เขาได้สติขึ้นมาว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาใจแคบแอบสืบหาแบบเงียบ ๆ เพราะกลัวคนร้ายจะลงมือกับพ่อแม่ของเขา แต่เมื่อมาย้อนคิดดูแล้วก็ช่างน่าตลก ถ้าถอยยิ่งทำให้ฝ่ายตรงข้ามกำเริบเสิบสานมากขึ้น
ตอนนี้เขาไม่สนใจว่าพลังที่แท้จริงจะถูกเปิดเผยแล้ว ทางที่ดีที่สุดคือทำให้ผู้อยู่เบื้องหลังเผยตัวออกมา หลังจากที่คิดได้แล้ว ฉู่ชวิ๋นก็พูดอย่างจริงใจกับซูฟาน
“ขอบใจมากนะ”
“เฉินฮั่นหลง” ฉู่ชวิ๋นตะโกนเรียก เฉินฮั่นหลงวางสายเสร็จพอดีก็รีบวิ่งมา
“นายท่านมีเรื่องอะไรให้รับใช้?” เฉินฮั่นหลงถามออกมา
“จากนี้ไปใช้ทุกอย่างที่มี ไม่ต้องเสียดายว่าจะใช้เงินมากขนาดไหน ออกตามหาพ่อแม่ของฉัน บอกทุกคนที่มีเบาะแสให้มารับรางวัลตั้งแต่ 10 ล้านไปจนถึง 100 ล้าน ถ้าหากมีข้อมูลพ่อแม่ของฉันรับทุกข้อเสนอ” ฉู่ชวิ๋นพูดจบก็บอกข้อมูลเกี่ยวกับพ่อแม่ของเขาออกมา
ฉู่ชวิ๋นแววตาเย็นชา การโต้ตอบเริ่มขึ้นแล้ว เฉินฮั่นหลงเริ่มโทรศัพท์ไปแต่ละสายทันทีเชื่อว่าพรุ่งนี้ ทั่วทั้งเมืองกู่เจียงจะต้องฮือฮากันไม่น้อย เพราะรางวัลการตามหาตัวคนขนาดนี้ไม่ธรรมดา ไม่ว่าใครก็คงอยากได้เป็นแน่
“พวกเรากลับกันเถอะ” ฉู่ชวิ๋นเรียกเฉินฮั่นหลงเตรียมเดินออกไป
“นายตามมาทำไม?” พอเห็นซูฟานตามมาด้วยเฉินฮั่นหลงก็ถามแบบไม่สบอารมณ์ หลายครั้งที่ซูฟานพูดกับฉู่ชวิ๋นอย่างไม่สุภาพ ทำให้เขาโกรธมาก
“อย่าเอาทองมาติดไว้บนหน้า ระวังติดไม่ตรงแล้วมันจะทำให้หน้าเสีย มองให้ดีที่ฉันตามคือลูกพี่อย่าหลงตัวเองนักเลย” การปะทะคารมเริ่มขึ้น ซูฟานไม่เคยกลัวใครมาก่อนเขาไม่กลัวเฉินฮั่นหลงเลยแม้แต่น้อย
เฉินฮั่นหลงโกรธจนปากกระตุก ดวงตาเบิกกว้างและพูดขึ้น “ถ้าไม่เห็นว่าแกยังเด็กอยู่ ฉันคนนี้จะตบให้แกมุดกลับไปในครรภ์มารดาเลยทีเดียว”
“เฮอะ นายเนี่ยนะ สู้ฉันได้เหรอ?” ซูฟานเงยหน้ามองด้วยใบหน้าหยิ่งยโส
“คนที่อายุ 40 กว่าปีแล้วผิวยังดูเรียบเนียนแบบนี้แถมผมงอกเส้นหนึ่งก็ไม่มี ไม่ใช่ว่าวัน ๆ เอาแต่อยู่ในบ้านและแอบใช้มาส์คหน้าของภรรยาหรอกนะ? แก่แล้วไม่รู้จักแก่อีกทำตัวเหมือนกับแม่สามียังไงยังงั้น”
เฉินฮั่นหลงหน้ามืดกัดฟันพูด “แกจะไปรู้อะไร นี่มันหยดน้ำพลังเทพเซียนจากนายท่าน ไม่เพียงแต่รักษาโรคยังทำให้อายุยืนอีกด้วย ฉันว่าแกคงอิจฉาละสิ ยังหนุ่มยังแน่นแต่มีรอยย่นบนหน้าผากถึงขนาดที่ใช้ตบแมลงวันตายได้เลย ช่างแก่ก่อนวัยอันควรจริงๆ แบบนี้เขาเรียกว่าป่วยแล้ว ควรรีบไปรักษาซะนะ”
ซูฟานดวงตาโตเหมือนกับปลาทองและจ้องมองเฉินฮั่นหลง เขามีริ้วรอยย่นที่หน้าผากก็จริงมันมีมาตั้งแต่เด็ก ซึ่งเป็นเหมือนปมด้วยของเขาตอนนี้มาโดนเฉินฮั่นหลงเยาะเย้ยดูถูกซะแล้ว
แต่เขาพอได้ยินถึงฤทธิ์หยดน้ำพลังเทพเซียนแล้วดวงตาก็ส่อแววประกาย “หยดน้ำพลังเทพเซียน? น่าอัศจรรย์อย่างที่นายพูดจริง ๆ เหรอ?”
“ไม่เชื่อก็ไม่ต้องเชื่อ” เฉินฮั่นหลงพูดอย่างไม่อารมณ์
ซูฟานเดินออกมาข้างหน้าอย่างสนิทสนมไปอยู่ด้านข้างเฉินฮั่นหลง แล้วยิ้มเล็กยิ้มน้อยก่อนจะพูด “ลูกพี่เฉิน ฉันเชื่อพี่ พี่เอาหยดน้ำพลังเทพเซียนมาแบ่งให้ฉันสักนิดได้ไหมถ้าใช้แล้วได้ผลดี ฉันจะช่วยพี่โฆษณา”
เฉินฮั่นหลงถอยห่างจากซูฟานแล้วยิ้มอย่างเย็นชา “แกนี้ช่างพูดโอ้อวดซะจริง หยดหนึ่งฉันก็ไม่มีให้แก แกอย่าแม้แต่จะคิด หยดน้ำพลังเทพเซียนคือยาของเทพ จะต้องการให้แกมาโฆษณาได้ยังไง?”
ซูฟานมึนงง สักพักหน้าตายิ้มแบบมีเล่ห์กลเขาไปเกาะแขนของเฉินฮั่นหลง “ลูกพี่เฉินอย่าขี้เหนียวไปหน่อยเลย พวกเรามาปรึกษาหารือกันหน่อย”
ครั้งนี้ซูฟานจับอย่างแน่น เฉินฮั่นหลงสะบัดกี่รอบก็ไม่ยอมหลุดได้แต่เพียงหันกลับไปเหลือกตามอง
“ลูกพี่เฉิน ฉันว่าเรายังสามารถปรึกษาหารือกันได้อยู่ใช่ไหม?” ซูฟานขอร้องและสั่นแขนเขาไปมาอีกครั้งแล้วยิ้มถามขึ้น เฉินฮั่นหลงอ้าปากค้างและมองบนใส่ มือที่ขยับอยู่ก็ยังจับแน่นไม่ยอมปล่อย
ฉู่ชวิ๋นส่ายหน้าและหัวเราะเบา ๆ การมีคนที่มีชีวิตชีวาสองคนนี้อยู่ข้าง ๆ คาดว่าหลังจากนี้ตนเองคงจะไม่เหงาอีกต่อไปแล้ว ชายชราจ้องมองฉู่ชวิ๋นที่เดินห่างออกไปดวงตาสั่นระริกโดยไม่พูดใด ๆ แต่ในที่สุดก็ตัดสินใจแน่วแน่แล้ววิ่งไปหาฉู่ชวิ๋น
“มีธุระอะไร?” ฉู่ชวิ๋นมองชายชราที่มาขว้างอยู่ด้านหน้าแล้วพูดขึ้น
ชายชราครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและคุกเข่าลงข้างหนึ่ง “นี่คือลุงกำลังขอลูกพี่แต่งงานอยู่เหรอ?” ซูฟานดวงตาเบิกกว้างแล้วกระซิบ
ชายชราหน้าแดง ก่อนมองซูฟานอย่างโกรธเคืองหลังจากนั้นมองไปที่ฉู่ชวิ๋นแล้วก้มหัวพูด “ถ้าหากนายท่านไม่รังเกียจ ฉันอยากจะติดตามนายท่านไปด้วย”
“ทำไมล่ะ?” ฉู่ชวิ๋นถามอย่างสงสัย
“เพราะว่าติดตามนายท่านไป จะทำให้ฉันได้รับในสิ่งที่ฉันต้องการ” ชายชราพูดอย่างจริงจัง
“งั้นเหรอ? แล้วคุณต้องการอะไร?” ฉู่ชวิ๋นสงสัยว่ามันคืออะไรกันแน่
“ฉันอยากเฝ้าติดตามปรมาจารย์ผู้แข็งแกร่ง” ชายชราดวงตาแน่วแน่เขามีเขาอยากแข็งแกร่งกว่านี้ มันเป็นโอกาสที่ดีสำหรับเขาถ้าหากพลาดไปแล้ว คงเสียดายไปตลอดชีวิต
“งั้นฉันจะได้รับอะไรบ้าง?” ฉู่ชวิ๋นถามนิ่ง ๆ
“ได้ลูกน้องคนหนึ่งถึงจะมีความสามารถไม่ได้เก่งกาจอะไร แต่สามารถเป็นที่กำบังให้กับนายท่านจากพวกเสี้ยนหนามเล็ก ๆ ได้ ขอให้นายท่านโปรดวางใจ แม้ตอนนี้จะพึ่งเริ่มติดตามนายท่าน แต่ก็ยอมถวายทั้งชีวิตเพื่อรับใช้ โดยไม่คิดที่จะทรยศหักหลังอย่างแน่นอน ถ้าหากนายท่านไม่เชื่อ ฉันยอมทำสัญญาทางเลือดทันที”
“สุดยอด” ซูฟานได้แต่อุทานเพราะตกใจกับความแน่วแน่ของชายชรา
“ไม่จำเป็น” ฉู่ชวิ๋นโบกมือ ชายชรารีบร้อนที่จะพูดก็ถูก ฉู่ชวิ๋นขัดขึ้นซะก่อน
“คุณคือจอมยุทธ์ที่แท้จริง ผมต้องเคารพคุณสิ” ฉู่ชวิ๋นดวงตาเต็มไปด้วยความจริงใจ ตอนนี้เขาก็กำลังต้องการผู้ติดตามฝีมือดีอย่างชายชราอยู่พอดี ยามเมื่อเขาเผยอำนาจตอบโต้กับศัตรู คนรอบข้างของเขาอาจได้รับความเดือดร้อนไปด้วย เขาจึงต้องการคนมาคุ้มครองคนรอบข้างของเขา
เขาไม่กังวลว่าชายชราคิดจะหักหลังเลยแม้แต่น้อย เขามองก็รู้ว่าชายชราคนนี้พูดจริงทำจริง ไม่ใช่พวกหน้าไหว้หลังหลอกอย่างแน่นอน