บทที่ 61 หนึ่งกระบี่สิ้นชีพ![รีไรท์]
ฉู่ชวิ๋นหรี่ตาลงเพ่งมองไปยังปีศาจทารกที่กู่ร้อง ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ ! เดิมทีปีศาจทารกไม่ได้เป็นปีศาจแต่แรก แต่เมื่อเด็กคนนี้เกิดมาได้ไม่นานตอนที่เป็นทารกเด็กคนนี้ก็ถูกผนึกวิญญาณด้วยวิชาเฉพาะ จากนั้นป้อนโลหิตและพลังหยินที่ชั่วร้ายลงไป เมื่อเติบโตขึ้นกระดูกจะแข็งแกร่งดั่งเหล็กกล้า
นอกจากนี้ดวงวิญญาณจะถูกจองจำไม่ได้ไปผุดไปเกิด เหลือเพียงความคับแค้นใจอย่างแสนสาหัส เป็นเพียงสัตว์ร้ายและทาสของผู้ใช้วิชา มันไม่มีสติปัญญาหรือความคิดใด ๆ เป็นเพียงปีศาจกระหายเลือดเท่านั้น
“ฟิ้ว!”
ปีศาจทารกดีดตัวขึ้นมาด้วยพลังและความรวดเร็วที่น่าทึ่ง กรงเล็บของมันเหมือนตีนตุ๊กแก กระโดดไปอยู่บนเพดาน ดวงตาจ้องเขม็งไปยังฉู่ชวิ๋น และผู้อาวุโสด้วยแววตากระหายเลือด
“แซ่ด ๆ!”
เพดานที่นี่ทำจากหิน แต่เมื่อสัมผัสกับกรงเล็บของปีศาจทารกกลับนุ่มเหมือนก้อนเต้าหู้ไม่มีผิด ผู้อาวุโสรู้สึกขนลุกกลัวจะถูกถลกหนังหัวแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว ถ้ากรงเล็บนี้จับไปที่ผู้ใดก็ตาม ร่างกายคงหลุดเป็นชิ้น ๆ
“ฟิ้ว!” ปีศาจทารกกระโจนลงมายังด้านหน้าของฉู่ชวิ๋น เพดานหลุดเป็นแผ่น ๆ กรงเล็บสีดำมะเมื่อมจับไปที่ศีรษะของฉู่ชวิ๋น
“ช่างเป็นชีวิตที่น่าสงสารนัก ฉันจะส่งแกไปสู่สุคติ ถือว่าแกโชคดีที่เจอฉัน!” ฉู่ชวิ๋นอย่างเย็นชา
“ฟิ้ว!” รัศมีกระบี่ปรากฏขึ้นจากอากาศบาง ๆ ผ่านร่างของปีศาจทารกและหายไปในพริบตา ผู้อาวุโสเผลอหลับตาโดยไม่รู้ตัว ทำให้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
นักพรตเต๋าผู้ชั่วร้ายที่วิ่งออกไปหยุดชะงัก เขาเริ่มหวาดกลัวสุดหัวใจ
“ตู้ม!”
ปีศาจทารกแยกเป็นสองส่วนกลางอากาศ มันถูกฟันขาดในกระบี่เดียว ศพปีศาจทารกเต็มไปด้วยโลหิตสีดำไหลนอง อากาศเต็มไปด้วยไอดำทมิฬ พื้นดินถูกกัดเซาะโดยโลหิตสีดำเป็นหลุมลึกหลายแห่ง
ชายอัปลักษณ์หยุดนิ่ง ตาแทบจะถลนออกมา เขาไม่รู้ว่ากระบี่ไม้อยู่ในมือของฉู่ชวิ๋นตั้งแต่เมื่อไหร่ มันเป็นเพียงกระบี่ไม้ธรรมดา แต่ทำไมสามารถฆ่าปีศาจทารกที่ร่างกายเหมือนเหล็กกล้าได้ล่ะ
ผู้อาวุโสเองก็ตกตะลึง ดูเหมือนว่า การตัดสินใจติดตามฉู่ชวิ๋นจะเป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาดที่สุดในชีวิตของเขาแล้ว
เต๋าผู้ชั่วร้ายเพ่งมองไปยังกระบี่ไม้ที่อยู่ในมือของฉู่ชวิ๋น ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความละโมบ แต่ก็รู้ตัวว่าตอนนี้ต้องหนีก่อน เขารีบวิ่งไปทางประตูหินที่ฉู่เหินทำลายเอาไว้อย่างรวดเดียว
ฉู่ชวิ๋นมองด้วยสายตาเย็นชา
“ฟิ้ว!”
ทันใดนั้นเอง รัศมีกระบี่ก็ปรากฏ นักพรตเต๋าผู้ชั่วร้ายที่วิ่งออกไปนอกประตูเหลือเพียงร่างกายส่วนบน ก่อนที่เขาจะตายลงไปเขามองเห็นครึ่งล่างของตนถูกทิ้งอยู่ที่ประตู เขาถูกฟันร่างขาดเป็นสองท่อนภายในกระบี่เดียว!
ผู้อาวุโสกัดฟันดังกึก ๆ แผ่นหลังเย็นยะเยือก เขามองฉู่ชวิ๋นด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเคารพ จากนั้นกระบี่ไม้ก็หายไป ผู้อาวุโสหนังตากระตุก ยิ่งติดตามฉู่ชวิ๋นนานเท่าไรก็ยิ่งพบว่าฉู่ชวิ๋นช่างลึกลับเหลือเกิน
ฉู่ชวิ๋นเดินเข้าไปหาเด็กสาวแล้วแตะนิ้วลงบนหว่างคิ้วของเธอ
“แฮก แฮก!”
เด็กสาวเหมือนถูกช่วยจากการจมน้ำ เธอรีบสูดลมหายใจเข้าออกจากนั้นเริ่มร้องไห้เสียงดัง เธอรู้สึกหวาดกลัวจริง ๆ
“ไม่เป็นไรแล้ว กลับบ้านเถอะ!”
ฉู่ชวิ๋น ไม่เคยปลอบใจใครมาก่อน ทำให้น้ำเสียงของเขาค่อนข้างเย็นชามาก
เด็กสาวร้องไห้ไม่สนใจใครนานกว่า 10 นาที ก่อนจะสะอึกสะอื้น ก่อนที่เธอจะค่อย ๆ เดินมาหาฉู่ชวิ๋น ฉู่ชวิ๋นรู้สึกโล่งใจที่เห็นเด็กสาวเริ่มเป็นปกติ
“ขอบคุณมากค่ะ พี่ชาย!” เด็กสาวพูดกับฉู่ชวิ๋นก่อนจะรีบวิ่งออกไป นั่นทำให้ฉู่ชวิ๋นตกตะลึงอยู่พักหนึ่ง ฉู่ชวิ๋นได้แต่ส่ายหัวและมองจิ่วโยวที่ข้อมือ
“จิ่วโยว ถึงตาเธอแล้ว” จิ่วโยวเคลื่อนตัวลงจากข้อมือฉู่ชวิ๋นไปที่พื้น และเลื้อยไปยังห้องใต้ดินที่ลึกลงไป ก่อนจะหยุดอยู่ที่หน้ากำแพง
ฉู่ชวิ๋นค่อย ๆ เดินไปทำลายออกทิ้ง พอกำแพงหินพังทลายลงมาก็ปรากฏบางอย่างที่ซ่อนอยู่ข้างหลัง
ฉู่ชวิ๋นก้าวนำผู้อาวุโส แต่ไม่นานก็หยุดฝีเท้าลง ข้างในเป็นพื้นที่ว่างประมาณ 100 ตารางวา เต็มไปด้วยซากศพต่าง ๆ จากระดับความสูงและกระดูก ศพพวกนี้เป็นของเด็กสาวแรกรุ่นทั้งหมด!
“ไอ้เดรัจฉานบัดซบ” ผู้อาวุโสตะโกนออกมาดังลั่น
พิจารณาจากท่าทางของศพ พวกเธอถูกทรมานอย่างโหดเหี้ยมก่อนถูกฆ่ามีสองศพอยู่ที่ตรงมุมของกำแพง พวกเธอเปลือยเปล่า ผิวหนังมีสีหม่นอมเทา ร่างกายเริ่มส่งกลิ่นเหม็น น่าจะพึ่งตายได้ไม่กี่วันมานี้
สายตาของฉู่ชวิ๋นเต็มไปด้วยความเยือกเย็น ถ้าหากว่าเขาเจอที่นี่ไวกว่านี้ เขาคงไม่ปล่อยให้มันตายสบายขนาดนั้น
“หยกที่ให้ไว้คราวก่อนล่ะ ?” ฉู่ชวิ๋นมองผู้อาวุโสและถามขึ้นมา
ผู้อาวุโสกล่าวด้วยความอึกอัก “ผมให้คุณหนูไปแล้วครับ”
ฉู่ชวิ๋นสะบัดมือ บนมือของเขามีหยกปรากฏแล้วเขาก็โยนมันให้ผู้อาวุโส เมื่อผู้อาวุโสนั้นสัมผัสหยก เงาสีขาวหลาย ๆ เงาที่รายล้อมรอบตัวผู้อาวุโสก็สลายหายไป
เงาสีขาว ๆ เหล่านี้คือวิญญาณของเหล่าคนตาย เนื่องจากพวกเธอตายแบบผิดธรรมชาติ วิญญาณจึงเต็มไปด้วยความแค้น พวกเธอไม่สามารถอยู่ได้ด้วยตัวเองจึงต้องดูดพลังของสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ผู้อาวุโสมองไม่เห็นพวกเธอแต่ ฉู่ชวิ๋นเป็นผู้ฝึกฝนเป็นเซียน จึงมองเห็นได้อย่างชัดเจน หยกพวกนี้ทำมาจากหยกอุ่น วิญญาณไม่ถูกกับหยกแบบนี้
“ดินสู่ดิน เถ้าธุลีสู่เถ้าธุลี ผู้ที่ทำร้ายพวกเจ้าได้ตายลงไปแล้ว พวกเจ้าสามารถตามล้างแค้นมันได้เลย ข้าฉู่ชวิ๋นยินดีที่จะส่งพวกเจ้าไปสู่ปรภพ”
นิ้วมือของเขาประสานอินและบีบหยดเลือดจากนิ้วมือ ก่อนที่หยดเลือดจะอยู่ในอากาศ
“ขอให้โชคดี” สิ้นเสียงพูด อากาศก็ปั่นป่วนเกิดกระแสลมสีขาวลอยวนเวียนไปมา
“ขอให้เหล่าวิญญาณเหล่านี้ หลุดพ้นจากความมืดด้วยเถิด”
วิชานี้เป็นเพียงวิชาพื้นฐาน แต่สามารถทำให้วิญญาณได้เวียนว่ายตายเกิด อีกครั้ง ซึ่งวิชานี้มีผลต่อวิญญาณเท่านั้นและไม่มีพลังทำลายล้าง มีคุณค่าเพียงเล็กน้อยในสายตาผู้ฝึกตนเป็นเซียน เพราะเซียนอยากจะทำอะไรก็ทำตามแต่ใจจะปรารถนา ทุก ๆ วัน เขาอยากจะออกไปต่อสู้กับสวรรค์ ต่อสู้กับทุกสรรพสิ่ง และฆ่าใครก็ตามที่ขวางทาง มันไม่ใช่เรื่องแปลกเลย ที่สมัยอยู่ดินแดนเซียน เขาอยากฆ่าใครก็ฆ่า
ฉู่ชวิ๋นฝึกวิชานี้ยามว่างตอนไม่มีอะไรทำ ซึ่งครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เขาใช้มัน
…..ฮือ…ฮือ…..
เสียงร้องไห้ คร่ำครวญดังก้องไปทั่วทั้งห้อง และมีลมโชยพัดเข้ามาจากภายนอก เงาสีขาวนับไม่ถ้วนล่องลอยอยู่ในอากาศ และทำความเคารพฉู่ชวิ๋นก่อนจะจางหายไป
ผู้อาวุโสร่างกายเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ ผมชี้ฟูฟ่อง จนกระทั่งเงาสีขาวกำลังจะจางหายไป ฉู่ชวิ๋นจึงโบกมือขึ้นและกล่าวว่า “ลาก่อน” กระแสลมหมุนวนสีขาวจึงจางหายไป
ในขณะนี้ จิ่วโยวเลื้อยเข้าไปข้างใน หยุดลงที่ด้านล่างของกำแพงและพุ่งเข้าไปในกำแพงโดยตรง ทิ้งไว้แต่หลุมเล็ก ๆ เท่าขนาดลำตัวจิ่วโยว
ผู้อาวุโสอ้าปากค้างและรู้สึกดีใจที่ตนไม่ได้เป็นโรคหัวใจ ไม่อย่างนั้นอาการน่าจะกำเริบจนตายนับครั้งไม่ถ้วน
เมื่อฉู่ชวิ๋นขยับเท้าไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วและทำลายกำแพงทิ้ง หลังจากฝุ่นสลายไป ดวงตาของฉู่ชวิ๋นก็เบิกกว้าง
นอกจากตรงหน้าเขายังมีพื้นที่อื่นๆ อีกราว ๆ ร้อยตารางวา ประดับประดาไปด้วยเครื่องใช้ที่ประณีต ที่นี่คงเป็นที่ที่เต๋าผู้ชั่วร้ายอาศัยอยู่
ทันใดนั้น ฉู่ชวิ๋นก็ปรากฏตัวข้าง ๆ จิ่วโยว เขาจับไปที่หางของมันอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาด ปากของจิ่วโยวคาบหญ้าที่เปล่งแสงออร่าสีเขียวและเต็มไปด้วยจิตวิญญาณ ในแท่นบูชาหยก เหลือหญ้าเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น
หญ้าน้ำแข็ง! ฉู่ชวิ๋นเหลือบมองดูจิ่วโยวกินหญ้าน้ำแข็งอย่างตะกละตะกลาม ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด
“หญ้าแห่งความมืด”
ในแท่นบูชาหยกอีกอันหนึ่ง มีหญ้าเหลืออยู่ครึ่งหนึ่งและมีรอยกัดเล็ก ๆ อยู่ หญ้าสีแดงที่ร่วงหล่นอยู่ข้าง ๆ แต่มันก็เหี่ยวเฉาไปอย่างรวดเร็ว
“จิ่วโยว นี่เธอบ้าไปแล้วเหรอ!”
หัวใจของฉู่ชวิ๋นปวดร้าว หญ้าน้ำแข็งเป็นหญ้าที่ไม่ด้อยไปกว่าหญ้าจิตวิญญาณ มันมีประโยชน์มากสำหรับเขาในตอนนี้ โดยเฉพาะหญ้าแห่งความมืดซึ่งเป็นวัสดุยาที่สำคัญที่สุดในการกลั่นยาหลอมรวมลมปราณ
แต่ตอนนี้มันถูกกินโดย จิ่วโยวตัวร้ายที่สวาปามราวกับหมูดูแล้ว มันเป็นอสูรกายที่น่ากลัวมาก!
“เจ้าตัวน้อย ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมกระตือรือร้นเหลือเกิน เธอรู้อยู่แล้วว่าที่นี่มีของดีอยู่สินะ?”
จิ่วโยวโดนฉู่ชวิ๋นกวัดแกว่งไปมาคล้ายไฟหมุนงานวัด ทันใดนั้นมันก็ไปพันรอบนิ้วมือของฉู่ชวิ๋นแล้วถูไถส่วนหัวเล็ก ๆ ไปที่ฝ่ามือของฉู่ชวิ๋น
พอฉู่ชวิ๋นใจอ่อน จิ่วโยวก็โค้งตัวขึ้นและเลื้อยออกไปราวกับสายฟ้าฉู่ชวิ๋นมองดูสถานที่ซึ่งจิ่วโยวกำลังเลื้อยไป เขาก็เห็นก้อนหินสีดำวางอยู่บนโต๊ะตรงข้ามกำแพง
“หินซวนหมิง!” พูดจบ ฉู่ชวิ๋นก็รีบวิ่งไปด้วยความรวดเร็ว เขาคว้าหินซวนหมิงเอาไว้ในมือก่อนแล้วเก็บเข้าไปในแหวนมิติทันที!
“กริ๊ก!”
หินซวนหมิงถูกฉู่ชวิ๋นเก็บไปก่อนโดยที่จิ่วโยวยังไม่ทันได้สัมผัส มันจึงกัดโต๊ะเข้าไปเต็มแรง
ฝ่อ ฝ่อ ฝ่อ! จิ่วโยวแผดเสียงไม่พอใจใส่ฉู่ชวิ๋น
ฉู่ชวิ๋นคว้าจิ่วโยวแล้วขว้างมันออกไปอย่างแรง “กล้ามากนะที่มาขู่ฉัน”
จิ่วโยวผู้น่าสงสารถูกโยนร่างไปชนเข้ากับกำแพง ร่างถูกฝังไว้ในซากกำแพงหิน จิ่วโยวเป็นสัตว์อสูรที่ร่างกายแข็งยิ่งกว่าเหล็กกล้า แรงกระแทกนี้ทำให้มันรู้สึกจั๊กจี้เบา ๆ เมื่อร่างกายของมันตกลงมาที่พื้น ก้อนหินแข็ง ๆ ก็ทิ้งร่องรอยเลื้อยของงูเอาไว้
ภาพทั้งหมดนี้อยู่ในสายตาของผู้อาวุโสผู้ซึ่งยืนอยู่ข้างหลังฉู่ชวิ๋น
“ฟิ้ว!”
จิ่วโยวกระโดดไปเกาะบนบ่าของผู้อาวุโส มันเห็นผู้อาวุโสยืนนิ่ง ๆไม่มีปฏิกิริยาอะไร มันจึงเหนี่ยวรั้งผู้อาวุโสด้วยหางของมัน จนหน้าคว่ำ!
ผู้อาวุโสมึนงง ในใจเหมือนดั่งมีม้าหมื่นตัวควบผ่าน เขาอยู่ดี ๆ ก็ถูกงูกลั่นแกล้ง โดนนายท่านโยนเล่นแล้วมันเกี่ยวอะไรกับเขาด้วย?
จิ่วโยวชูหัวขึ้นสูงส่งอย่างภาคภูมิใจ ราวกับพูดว่า ใครใช้ให้เจ้าเห็นเรื่องที่ไม่สมควรเห็น
จิตใจของฉู่ชวิ๋นอยู่ที่หินซวนหมิง กระบี่ไม้ที่เขาได้รับมามีเพียงรูปร่างเท่านั้นที่เหมือนอาวุธเซียน ด้วยหินซวนหมิงเขาสามารถทำให้กระบี่ไม้เป็นอาวุธเซียนที่แท้จริงได้
หินซวนหมิงถูกวางทิ้งไว้บนโต๊ะ ดูเหมือนนักพรตเต๋าผู้ชั่วร้ายนั้นจะมีตาหามีแววไม่ มันไม่รู้จักคุณค่าของหินซวนหมิง ฉู่ชวิ๋นมองไปรอบ ๆ ก็ไม่พบสิ่งมีค่าอื่น ๆ อีกน่าเสียดายที่จิ่วโยวกลืนหญ้าน้ำแข็งและหญ้าแห่งความมืดเข้าไปแล้ว ทำให้ไม่เหลืออะไรให้เขาเลย
ไม่รู้ว่าเต๋าผู้ชั่วร้ายนั้นได้หญ้าน้ำแข็งแห่งความมืดมาจากที่ไหน หรือจะเป็นสำนักผีที่อยู่เบื้องหลัง? ถ้ามีโอกาสเขาลองไปที่นั่นดูสักครั้งดีกว่า ยังไงหญ้าพวกนี้มันก็มีค่ามากแล้วเขาก็ต้องการมันพอดี
หากนักพรตเต๋าผู้ชั่วร้ายคนนั้นรู้ว่าตัวมันได้สร้างหายนะให้กับนิกาย มันจะทำหน้ายังไงนะ? จิ่วโยวเลื้อยไปหาฉู่ชวิ๋นและอ้อนฉู่ชวิ๋นสุดตัว ก่อนจะเลื้อยไปข้างหน้า และหยุดอยู่หน้ากำแพง
ผู้อาวุโสในใจรู้สึกรังเกียจงูตัวนี้มาก มันช่างประจบสอพลอได้แข็งขันยิ่งนัก ฉู่ชวิ๋นรู้ดีว่ามีห้องลับอยู่เต็มไปหมดและดูเหมือนจะมีบางอย่างอยู่ข้างหน้า
“ตู้ม!”
กำแพงหินที่ซ่อนอยู่ระเบิดออก ตามมาด้วยความเหน็บหนาวไปถึงกระดูก
เมื่อฝุ่นละอองจางไป มุมปากของฉู่ชวิ๋นก็ยกขึ้น ดูเหมือนว่าจะเจอของที่ตามหาแล้ว เมื่อก้าวเข้ามาในห้องศิลาก็พบกับความหนาวเย็นอยู่ในนั้น!
ตรงกลางของห้องเป็นพื้นที่โล่ง ๆ มีแท่นบูชาหินสูงตั้งอยู่พร้อมมีกล่องคริสตัลขนาด 50 เซนติเมตร พอที่จะให้เด็กตัวเล็ก ๆ ลงไปอยู่ในนั้นได้
ภายในกล่องมีสัตว์ขนาดเท่าฝ่ามือเด็ก รูปร่างเหมือนกบ ดวงตาเหมือนอัญมณีโปร่งแสงเหมือนแก้ว กำลังสูดอากาศเย็น ๆ เข้าไปในปากที่เปิดกว้างของมัน มันก็คือคางคกน้ำแข็งตัวผู้!