บทที่ 72 ตอนจบที่น่าเศร้า![รีไรท์]
ผู้อาวุโสผีดิบเอื้อมมือไปเช็ดคราบเลือดที่มุมปาก ดวงตาของเขาเริ่มพร่ามัว เขาจ้องมองฮวาชิงหวู่และหยุนหนานเฟิงตัวปลอมด้วยความสงสัย
ฮวาชิงหวู่มองผู้อาวุโสผีดิบอย่างเย็นชาและเหยียดหยาม
แต่หยุนหนานเฟิงตัวปลอมกลับรู้สึกตกตะลึงยิ่งกว่าใคร เขาเอื้อมมือไปหยิบหยกออกมา มันสามารถช่วยชีวิตเขาได้จริง ๆ เขานึกย้อนกลับไป เมื่อสองคืนที่แล้ว
เนื่องจากน้องสาวของเขาถูกผีดิบฆ่า เขาจึงคิดจะแก้แค้นอยู่ตลอดเวลาเพื่อไว้ทุกข์และเตือนใจตนเอง เขาจึงตั้งป้ายเคารพให้น้องสาวภายในห้องของตัวเอง
เมื่อสองคืนก่อน ขณะที่เขากำลังโศกเศร้ากับเรื่องน้องสาวที่ตายไป ตามปกติเขาจะระบายเรื่องราวต่าง ๆ ต่อน้องสาวทุกวัน น่าเสียดายที่น้องสาวของเขาไม่สามารถตอบสนองอะไรได้อีกตลอดกาล ในเวลานั้นเขากำลังบอกน้องสาวของเขาเกี่ยวกับแผนการแก้แค้น
“นายอยากจะแก้แค้นสินะ?” จู่ ๆ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นอย่างฉับพลัน ทำให้หยุนหนานเฟิงหัวใจเกือบหยุดเต้น
โชคดีที่ตระกูลหยุนอยากให้เขาเหมือนหยุนหนานเฟิงมากที่สุด จึงได้ฝึกฝนเขาให้มีความสามารถและสติอยู่ตลอดเวลา เขามักเก็บซ่อนความคิดของตัวเองได้ดี แม้ภูเขาจะถล่มต่อหน้า เขาก็ต้องจิตใจนิ่งสงบ!
ตอนที่เขาได้ยินเสียงดังขึ้น เขาก็หันไปเห็นชายหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่งยืนอยู่
ตอนนั้นเขาไม่ได้คิดเลยว่าจะเป็นเทพหรือปีศาจเข้ามาในห้องของเขา
ที่เขากังวลก็คือ เรื่องแผนการของเขาจะถูกเปิดเผย
“คุณเป็นใคร?” เขาจ้องมองชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา แล้วคิดวิธีที่จะปิดปากอีกฝ่ายไปตลอดกาล
“ไม่สำคัญว่าฉันเป็นใคร เรื่องสำคัญคือฉันจะช่วยนายแก้แค้น” เสียงของอีกฝ่ายไม่แยแส แต่เต็มไปด้วยความมั่นใจฟังแล้วน่าเชื่อถือ
“แก้แค้นอะไร? ผมไม่เข้าใจว่าคุณกำลังพูดเรื่องอะไร” เขาไม่รู้ว่าชายคนนี้ได้ยินมากน้อยแค่ไหนและรู้อะไรบ้าง? แต่ตอนนี้เขาห้ามยอมรับเด็ดขาด
เขาคิดว่าอีกฝ่ายจะมาข่มขู่เขา แต่ชายหนุ่มรูปหล่อกลับยิ้มเบา ๆ และพูด “ถ้าอย่างนั้นก็ถือซะว่าฉันไม่เคยมาที่นี่ก็แล้วกัน”
อีกฝ่ายพูดจบก็หันหลังเดินออกไป
“รอเดี๋ยวก่อน!” จิตใต้สำนึกของเขาตื่นตัว ไม่ใช่เพราะเขาเชื่อถืออีกฝ่าย แต่เป็นเพราะเขากลัวว่าชายคนนี้จะนำความลับของเขาไปเปิดเผย
ชายหนุ่มรูปหล่อหันมามองเขาอย่างเงียบ ๆ
“คุณบอกว่า คุณสามารถแก้แค้นให้ผมได้ แล้วทำไมผมถึงต้องเชื่อคุณ?” เขาจะต้องถ่วงเวลาเอาไว้และรีบคิดหาทางปิดปากอีกฝ่ายไปตลอดกาล
หลังจากคิดแล้วมีเพียงแค่ทางเดียวเท่านั้น คือฆ่า! มีแต่คนตายเท่านั้นที่จะเก็บความลับไว้ได้ตลอดกาล เขาประเมินความแข็งแกร่งของตัวเองและชายตรงหน้า ร่างกายของอีกฝ่ายผอมแห้งดูไม่แข็งแรง ไม่น่ามีแม้แต่เรี่ยวแรงจะเชือดไก่ เขาน่าจะลอบโจมตีได้
“นั่งลงก่อนผมจะรินน้ำชาให้คุณ ลองนั่งคุยกันช้าๆ”
แน่นอนว่าอีกฝ่ายไม่ได้ปฏิเสธ ชายรูปหล่อนั่งลงบนโซฟาและหันหลังให้เขาอย่างความมั่นใจ หรือว่าอีกฝ่ายเตรียมตัวอะไรมาก่อนแล้ว?
แต่ไม่ว่ายังไงนี่เป็นโอกาสอันดี เขาหยิบแจกันสำหรับใช้ตกแต่งขึ้นมาและเดินไปข้างหลังอย่างเงียบๆ อีกฝ่ายดูเหมือนจะไม่รู้ตัว
มือของเขาสั่นเทา จริง ๆ แล้วเขาไม่เคยแม้แต่จะฆ่าไก่ แต่เพื่อการแก้แค้น ให้น้องสาวเขาต้องทำ!
“ผมขอโทษ!” เขาตะโกนราวกับว่าจะปลุกความกล้าให้กับตัวเอง จากนั้นก็ปิดตาและทุบแจกันในมือลงไปเต็มแรง
“ปุ้บ!” เสียงแปลก ๆ ดังขึ้น มันไม่เหมือนกับที่เขาคิดไว้หรือว่าตีไม่โดน?
เขาลืมตาขึ้นก็มองเห็นดวงตาที่เย็นชาของอีกฝ่าย พร้อมกับภาพที่เหลือธรรมชาตินั่นคือ แจกันในมือของเขาลอยอยู่กลางอากาศ แถมร่างกายของเขายังขยับไม่ได้ไม่ว่าจะพยายามมากแค่ไหนก็ตาม
แต่ไม่นานแจกันก็ค่อย ๆ ลอยช้า ๆ ไปยังกลางฝ่ามือของชายรูปหล่อผู้นั้น นิ้วมือทั้งห้ากุมอยู่ที่แจกันในมือ
“ตู้ม!” แจกันแตกเป็นชิ้น ๆ ชิ้นส่วนกลับไม่กระเด็นไปไหนมันลอยอยู่ในอากาศ
อะไรกัน? เขาเริ่มหวาดกลัว แข้งขาอ่อนแรง มือของเขาเกาะโซฟาเพื่อไม่ให้ทรุดตัวลงไปที่พื้น
“ถ้าไม่ใช่เพราะคำขอโทษ นายคงตายไปแล้ว” เสียงของอีกฝ่ายช่างไร้ความรู้สึก ชิ้นส่วนแจกันที่อยู่ในอากาศกลายเป็นผุยผงในพริบตา
เขาล้มลงไปกับพื้นอย่างอ่อนแรง
อีกฝ่ายเป็นเทพเจ้างั้นหรือ? จิตใจเขาสับสนวุ่นวาย ใช่อีกฝ่ายต้องเป็นเทพเจ้าแน่ ๆ มีเพียงเทพเท่านั้นที่สามารถทำแบบนั้นได้
“คุณเป็นเทพงั้นเหรอ?” เขาถามโดยไม่รู้ตัว
“ฉันจะให้โอกาสนายอีกครั้ง นายอยากแก้แค้นไหม?” เทพเจ้าไม่ตอบคำถาม แต่ถามคำถามออกมาอีกครั้ง
เขาพยายามลุกขึ้นและคุกเข่าลงไปอย่างแรง
“ผมอยากแก้แค้น ได้โปรดท่านเทพ ยกโทษให้ผมด้วย ตราบใดที่ผมสามารถแก้แค้นได้ ผมยินดีสละชีวิตของผม เพื่อเป็นการไถ่โทษ…”
เขาจำได้เพียงว่าตัวเองคุกเข่าวิงวอนอยู่นาน เขารู้ตัวดีว่ามีโอกาสแก้แค้นสำเร็จน้อยมาก เขาต้องขอความช่วยเหลือจากเทพเจ้า
“ต่อไปฉันจะบอกเองว่านายต้องทำอะไรต่อไป นายแค่ฟังและทำตามที่ฉันบอก ฉันสัญญาว่าฉันจะแก้แค้นให้น้องสาวของนาย”
พอเขารู้ว่าเขาได้รับการให้อภัย ก็รีบกล่าวทันที “ขอบคุณ ขอบคุณท่านเทพ”
ท่านเทพมอบหยกให้กับเขาก่อนจะจากไป ตอนนั้นเขาได้รับของมาสองชิ้น มีกำไรงูเจ็ดสีดูน่ารักกับหยกหนึ่งชิ้น ท่านเทพบอกว่าหยกชิ้นนี้ให้เก็บไว้ติดตัวมันจะช่วยปกป้องชีวิตของเขาได้
สำหรับของอีกสิ่งหนึ่ง กำไรงูน้อยให้เขาเอาไปมอบมันให้กับฮวาชิงหวู่ ตอนนี้เขารู้ว่าพลังของหยกนี้ช่างน่ากลัวยิ่งนัก หลังจากได้สติ เขาก็หันไปมองฮวาชิงหวู่ เขาไม่รู้ว่าฮวาชิงหวู่มีความสัมพันธ์อะไรกับเทพเจ้าหนุ่มหล่อกันแน่?
“คุณฉลาดที่เลือกเชื่อมั่นในตัวเขา มันเป็นทางเลือกที่ฉลาดที่สุดในชีวิตของคุณแน่นอน” ฮวาชิงหวู่เหมือนจะรู้ว่าหยุนหนานเฟิงปลอมกำลังคิดถึงอะไรอยู่
เมื่อผู้อาวุโสผีดิบเห็นว่าหยุนหนานเฟิงตัวปลอมหยิบหยกออกมา ดวงตาของเขาก็แปรเปลี่ยน สมบัติเช่นนี้ควรอยู่ในมือของเขา มันสามารถป้องกัน ตัวเองได้อย่างงั้นเหรอ!
“ไอ้หนุ่ม จงมอบของในมือแกออกมาแล้วฉันจะไว้ชีวิตและให้แกมาเป็นลูกน้องของฉัน!”
หยุนหนานเฟิงตัวปลอมตกใจจากนั้นเขาก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะอีกฝ่าย ผ่านทางสายตา ชายชราคนนี้เสียสติไปแล้ว
“ไอ้หนุ่ม แกมันไร้เดียงสาเกินไป แกคิดว่าแกดูแลสมบัติล้ำค่าแบบนั้นได้งั้นเหรอ? ถ้าแกมาเป็นลูกน้องของฉัน ฉันจะปกป้องชีวิตของแกแล้วให้ในสิ่งที่แกต้องการ ชื่อเสียง เงินทอง ผู้หญิง…”
“ฉันดูแลมันไม่ได้หรอก แต่มันดูแลฉันได้ ฉันว่าแกอย่าคิดอะไรชั่ว ๆ ต่อเลย คิดหาทางหนีออกไปให้ได้ก่อนดีกว่า”
ผู้อาวุโสผีดิบเยาะเย้ย “แม้ว่าฉันไม่สามารถฆ่าแกได้ แต่ถ้าฉันอยากจะหนีใครจะหยุดฉันได้”
“จริงเหรอ?” ฮวาชิงหวู่ถาม
“ทำไม? เธอกล้าต่อสู้กับฉันงั้นเหรอ? ถ้าไม่ใช่เพราะหยกในมือนั่น เพียงแค่ฉันสะบัดมือ ฉันก็สามารถฆ่าเธอได้แล้ว!”
ฮวาชิงหวู่พยักหน้า “ถูกต้องฉันไม่กล้าสู้กับแก แต่เธอกล้า!”
สิ้นเสียงเธอพูดจบ กำไลเจ็ดสีระยิบระยับคล้ายแสงอาทิตย์ก็ขยายตัวขึ้น
“ฝากด้วยล่ะ จิ่วโยว ลำบากเธอแล้ว!”
กำไลที่มีสีสันของฮวาชิงหวู่ กลายร่างเป็นงูตัวเล็กๆ
ทุกคนแปลกใจว่าสร้อยข้อมือทำไมถึงกลายเป็นงูสีสันสวยงามไปได้ จิ่วโยว ผงกหัวขึ้นเล็กน้อย ดวงตาจ้องมองผู้อาวุโสผีดิบด้วยความรังเกียจ
ดวงตาของจิ่วโยวเต็มไปด้วยความรังเกียจและดูถูกเหยียดหยาม มันดูฉลากจนทุกคนแถวนั้นตกใจ
“เธอคงไม่ได้อยากจะหยุดฉันด้วยงูตัวเล็ก ๆ นี่ใช่ไหม?” ผู้อาวุโสผีดิบหัวเราะอย่างอดไม่ได้ เขามีงูตัวเล็ก ๆ แบบนี้มากมาย “มาดูกันว่าราชันย์อสรพิษตัวจริงจะเป็นยังไง”
ทันทีที่เขาพูดจบแขนและเสื้อคลุมของเขาก็สั่นเทา งูตัวใหญ่ตัวหนึ่ง ยื่นหัวออกมาจากจากปลายแขนเสื้อของชายชรา
มันมีขนาดหนาเท่ากับแขนของคน มันโผล่ออกมาจากปลายแขนเสื้อ ผิวหนังของมันสีดำสนิท ยิ่งไปกว่านั้นงูตัวใหญ่สีดำปลอดตัวนี้ มีหงอนสีดำอยู่เหนือหัวของมัน
“ฆ่า พวกมันซะ!” ผู้อาวุโสผีดิบสั่งงูตัวใหญ่
งูตัวใหญ่เลื้อยอย่างช้า ๆ ออกมาจากข้อมือ หัวของมันชูสูงขึ้น หงอนสีดำอยู่บนหัวของมันดูคล้ายกับไก่ตัวผู้
“กรรรรรรรรซ!!”
แต่จู่ ๆ จิ่วโยวก็คำรามราวกับฟ้าร้องจนทำให้ทุกคนรู้สึกวิงเวียนศีรษะ สายตาของผู้คนจ้องมองไปยังงูตัวน้อยและรู้สึกเหมือนลิ้นพันกัน นี่ยังนับว่าเป็นงูอยู่งั้นเหรอ?
ที่น่าตกตะลึงยิ่งกว่านั้นคือ งูดำใหญ่ที่เลื้อยออกมาจากเสื้อชายชรา พอได้ยินเสียงคำรามของจิ่วโยว มันก็ “หลบ” กลับเข้าไปในตัวของผู้อาวุโสผีดิบทันที
“อ๊ากกก…”
ทันใดนั้นผู้อาวุโสผีดิบก็กรีดร้องและเสื้อคลุมก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ก่อนที่งูตัวใหญ่จะถูกโยนออกมา ผู้อาวุโสผีดิบรีบดึงแขนเสื้อขึ้นอย่างรวดเร็ว จนเห็นร่องรอยเขี้ยวเล็ก ๆ สองรอยที่แขนของเขาเห็นได้ชัดว่าเป็นรอยกัดของงูและรอยนั้นก็มีเลือดสีดำไหลออกมา
“ไอ้งูพิษ แกกล้ากัดฉัน ฉันจะฆ่าแก…” ทันใดนั้นเสียงของผู้อาวุโสผีดิบก็หยุดลงอย่างกะทันหัน ใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีดำคล้ำ ดวงตา จมูก หูและรูทวารอื่น ๆ เริ่มมีเลือดซึมออกมา
“ตุ้ม!” ร่างกายของชายชราล้มลงไปกับพื้นขาดใจทันที!
เงียบ ทุกสิ่งเงียบสงัด! ทุกคนกลายเป็นก้อนหิน ตอนนี้ผู้อาวุโสผีดิบผู้ชั่วช้า กลายเป็นหมองูตายเพราะงู ผู้คนในตระกูลหยุนรวมทั้งกุ่ยเซิ่งจื่อและกุ่ยเม่ย ต่างก็ดวงตาเบิกโพลงเหมือนคางคก พร้อมใบหน้าตื่นตกใจ
ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์บ้า ๆ แบบนี้ขึ้น
โดยเฉพาะหยุนไป่ซาน ชายชราคนนี้ใบหน้าสีแดงก่ำ เขารู้สึกอับอายมาก ความรู้สึกเหมือนคนที่กำลังจมน้ำตายและคว้าแขนของผู้ช่วยชีวิตเอาไว้ได้แต่กลายเป็นว่าเขากลับดึงผู้ช่วยชีวิตลงมาตายด้วยอีกคน
“มันเป็นกรรมที่สร้างขึ้น ไม่อาจหนีพ้น” ซูฟานกล่าว และไม่นานคนอื่น ๆ ก็ตื่นจากภวังค์
“หยุนไป่ซานคราวนี้แกจะหนียังไง?” หยุนหนานเฟิงตัวปลอมกล่าวอย่าง บ้าคลั่ง
ร่างกายหยุนไป่ซานโอนเอนไปมาและความนิ่งสงบบนใบหน้าหายไปอย่างสมบูรณ์ ในที่สุดเขาก็รู้สึกหวาดกลัว ผู้อาวุโสผีดิบ ผู้ที่เขาพึ่งพาอาศัยมาโดยตลอด ตายราวกับหมาข้างถนน ตอนจบที่น่าเศร้าแบบนี้ทำให้เขารู้สึกอยากจะด่าแม่ของตัวเองเหลือเกิน
“งูตัวนั้นเลื้อยหนีไปแล้ว” ไม่รู้ว่าเสียงของใครตะโกนขึ้นมา พวกเขาเห็นงูตัวใหญ่ตัวหนึ่งเลื้อยเข้าไปในพงหญ้าอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า
“จิ่วโยวอย่าปล่อยให้มันหนีรอดไปได้” ฮวาชิงหวู่เอ่ยอย่างรีบร้อน งูตัวนี้มีพิษร้ายกาจมาก หากมีคนพบมันโดยบังเอิญ อาจเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นก็ได้
“ฟรึ่บ!”
ผู้คนเห็นเพียงแสงผ่านหน้าพวกเขาไปและจากนั้นพวกเขาก็เห็น จิ่วโยวเลื้อยกลับมาอย่างสบาย ๆ พร้อมชูศีรษะขึ้นสูงอย่างอวดดี
เมื่อผู้คนมองไปที่งูดำใหญ่ พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะเสียวสันหลัง ตอนนี้งูตัวใหญ่ถูกฉีกร่างเป็นชิ้น ๆ แม้มันจะถูกฉีกเป็นชิ้น ๆ มันก็ยังไม่ตายในทันที แต่ละส่วนของมันบิดตัวไปมาในพงหญ้าและดิ้นรนต่อสู้กับความตาย
สายตาของผู้คนที่มีต่อจิ่วโยวนั้นเปลี่ยนไป พวกเขารู้สึกว่าเส้นผมของตัวร่วงลงมาออกจากศีรษะ ขาของหยุนไป่ซานอ่อนยวบ ดวงตาพร่ามัวและทรุดลงอยู่กับพื้น ท่าทางของเขาราวกับเป็นท่อนไม้ เขาได้แต่พึมพำออกมา
“พวกเราจบสิ้นแล้ว…”