บทที่ 79 คิดทำมิดีมิร้าย[รีไรท์]
เมื่อเห็นทั้งสามคน ขอตัวกลับ ฮวาชิงหวู่ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เธอรู้สึกภูมิใจในตัวเองไม่น้อย แต่เป่ยชงก็หันกลับมามองฮวาชิงหวู่อีกรอบ ทำให้ฮวาชิงหวู่รีบชักสีหน้า แต่มันก็ยังสายเกินไปเพราะเป่ยชงเห็นเข้าแล้ว
“ช่างเป็นเด็กน้อยที่ฉลาดเฉลียว เกือบโดนเธอหลอกเข้าให้แล้ว” เป่ยชงพูดออกมา อีกสองคนก็หยุดเดินโดยไม่รู้ตัวและมองไปที่เป่ยชงอย่างสงสัย
“หมายถึงอะไรผู้อาวุโสสอง?” ถามชายชราผอมแห้ง
“มันเป็นความอัปยศที่พวกเราทุกคนถูกหลอกโดยเด็กผู้หญิงคนนี้!” เป่ยชงยิ้มอย่างขมขื่น
ชายชราผอมแห้งยืนคิดจากนั้นดวงตาของเขาก็เบิกกว้าง “หมายความว่าไม่มีอาจารย์อาวุโสในถ้ำ ยัยหนูนั่นแค่สร้างเรื่องขึ้นมาเพื่อไล่เรางั้นเหรอ?”
เป่ยชงพยักหน้าและพูด “ลองคิดดูสิ จอมยุทธ์ขั้นปรมาจารย์ไม่ใช่ดอกหญ้าทั่วไปที่จะเจอตัวได้ง่าย ๆ จะมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง!”
“พูดมาก็มีเหตุผล ฉันเกรงว่าเราคงจะถูกคำว่า จอมยุทธขั้นปรมาจารย์ หลอกเข้าแล้วละ” ชายชราร่างอ้วนพูด
“ดูสิว่ายัยหนูนั้นจะพูดอะไรได้อีก!” ชายชราผอมแห้งพูดอย่างโกรธแค้น
“แต่ถ้ามันเป็นเรื่องจริงล่ะ?” เป่ยชงลังเล อีกสองคนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกรำคาญเป่ยชง เขาดีทุกอย่าง แต่เขาขี้สงสัยจนเกินไป
“ถ้าจริงแล้วยังไง ตอนนี้เขากำลังมุ่งสมาธิเพื่อทะลวงระดับพลัง ถ้าพวกเราจู่โจมเขาตอนนี้แม้จะฆ่าเขาไม่ได้ แต่ก็ทำให้บาดเจ็บได้!” ชายร่างอ้วนไม่สนใจแล้ว
“พูดมีเหตุผล!” ชายชราผอมแห้งพยักหน้าเห็นด้วย
เป่ยชงคิดอยู่พักหนึ่งแล้วก็ตกลงกับพวกเขา ยังไงผลไม้วิเศษก็มีค่ามากเกินกว่าจะหันหลังกลับ
ทั้งสามคุยกันแล้วเดินกลับมา
“มีอะไรให้ช่วยหรือคะ ผู้อาวุโส?” ฮวาชิงหวู่รู้สึกกังวลแต่ใบหน้าของเธอยังเหมือนเดิม
“สาวน้อย เราต้องการพบอาจารย์ของเธอ” ชายชราผอมแห้งกล่าวอย่างจริงจัง
“ฉันบอกแล้วนะว่าอาจารย์ของฉันกำลังทะลวงระดับพลัง ไม่สามารถเข้าพบได้” ฮวาชิงหวู่เริ่มโกรธ
“ใช่เหรอ?” ชายชราผอมแห้งหัวเราะเบา ๆ
“พวกผู้อาวุโสของสำนักความหวังใหม่มาขอพบ ขอเชิญท่านออกมาพบกับเราด้วย” เสียงของเป่ยชงดังสนั่นหวั่นไหวจนต้นไม้ข้างสั่นสะเทือน
หลังจากนั้น ก็ไม่มีการตอบสนองจากภายในถ้ำ
ใบหน้าของฮวาชิงหวู่เปลี่ยนไปเธอตะโกนออกมา “ท่านผู้เฒ่าทั้งสามไม่เข้าใจมารยาทหรือยังไง? ถ้าเสียงพวกคุณมันดังรบกวนอาจารย์ของฉัน คุณรับผิดชอบไหวเหรอ?”
“ฮ่าฮ่าฮ่า…” ชายชราผอมแห้งเงยหน้าขึ้นและหัวเราะ “สาวน้อย เธอหยุดเสแสร้งได้แล้ว ไม่มีใครอยู่ในถ้ำทั้งนั้น”
ฮวาชิงหวู่แอบด่าอยู่ในใจไอ้พวกสุนัขจิ้งจอกเฒ่า เธอได้แต่พูด “ถ้าพวกคุณไม่เชื่อก็อยู่รอที่นี่ เมื่ออาจารย์ออกมา พวกคุณก็จะเจอเอง”
“จะให้ผู้อาวุโสออกมาเองได้ยังไง พวกเราเข้าไปทำความเคารพเองก็ได้” ชายชราอีกคนอารมณ์ร้อน รีบพูดแล้วรีบไปที่ประตูหินทันที
“คุณกล้าเหรอ?” ฮวาชิงหวู่ใบหน้าเย็นชา เดินไปขวางชายชราในพริบตา
ทั้งสามตกใจ ฮวาชิงหวู่ไม่มีลมปราณแต่มีความรวดเร็วขนาดนั้นได้ยังไง? เป่ยชงอดไม่ได้ที่จะบ่นในใจหรือว่าสาวน้อยคนนี้ไม่ได้โกหก ตัวเขาคาดเดาผิดไปงั้นเหรอ?
“ถ้ากล้าก้าวมาอีกก้าวเดียว อย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจ” เมื่อพูดจบ ฮวาชิงหวู่ก็กระทืบลงไปที่พื้น ลมพัดแรงจนม้วนใบไม้ปลิวกระจาย
ทั้งสามต่างตกใจกับพลังของฮวาชิงหวู่ “ผู้อาวุโสสี่กลับมา” เป่ยชงตะโกนกับชายชราร่างอ้วนที่รีบจะเข้าไปในประตูหิน
“ผู้อาวุโสสอง ความมั่งคั่งยังไงก็ต้องมีความเสี่ยง ถ้าเขาทะลวงพลังสำเร็จจริง ๆ อย่าว่าแต่พวกเราจะไม่ได้ผลไม้วิญญาณเลย จะหนีก็ยังยาก!”
เมื่อเขาพูดจบก็มองฮวาชิงหวู่อย่างโมโห “ยัยหนู อย่ามาทำวางท่าที่นี่!”
วินาทีต่อเขาก็รีบวิ่งเข้ามาและซัดฝ่ามือใส่ฮวาชิงหวู่ อย่างรุนแรง ใบหน้าของฮวาชิงหวู่เปลี่ยนไปแต่เธอก็หลบหลีกได้อย่างสง่างาม
ชายชราตกตะลึง แต่เขาเปลี่ยนฝ่ามือให้กลายเป็นกำปั้นอย่างรวดเร็วและชกหมัดออกมามากกว่าสิบหมัดติดกัน ทรงพลังและน่ากลัว!
ฮวาชิงหวู่ร้องไห้ในใจ เธอพยายามหลบอย่างสุดชีวิต
เธอไม่เคยสู้กับใครเลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการต่อสู้กับผู้ฝึกยุทธ์ มีแค่ครั้งเดียวเท่านั้นคือกับผู้อาวุโส แต่ก็เป็นการหลบเท่านั้น ไม่ได้ตอบโต้อะไร
เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีที่ไม่อาจคาดเดาของชายชรา เธอก็ไม่รู้จะต่อสู้อย่างไรดี
ใบหน้าของชายชรากลายเป็นน่าเกลียด ฮวาชิงหวู่หลบการโจมตีของเขาได้อย่างง่ายดาย เขาเป็นถึงนักสู้พลังชีพจรระดับ 5 เป็นหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญมาหลายปี ใช้เวลานานขนาดนี้แล้วยังไม่สามารถเอาชนะยัยหนูนี่ได้ มันทำให้เขาเสียหน้ามาก
“ยัยหนู กล้าจะต่อสู้กับฉันงั้นเหรอ?” ชายชราร่างอ้วนร้อนรน
“แม้แต่เสื้อของฉัน คุณก็ไม่อาจแตะได้ คุณไม่เหมาะสมจะเป็นคู่ต่อสู้ของฉัน” ฮวาชิงหวู่หลบหลีกพลางเอ่ยถากถางไปด้วย
ชายชราไม่พูดคุยอีกต่อไปแต่เพิ่มความเร็วการโจมตีให้มากขึ้น มีหลายครั้งที่เกือบจะโจมตีโดนตัวเธอ แต่ฮวาชิงหวู่ก็หลบได้ เป่ยชงมองอยู่ครู่หนึ่งดวงตาของเขาหรี่ลง ไม่นานเขาก็เข้าใจทุกอย่าง
“เธอเป็นผู้ฝึกยุทธ์ แต่เธอไม่รู้วิธีใช้พลัง” ชายชราผู้กำลังโจมตีฮวาชิงหวู่ได้ยินเข้าก็ยิ้มกว้าง
ฮวาชิงหวู่ตื่นตระหนก ถูกดูออกแล้วงั้นเหรอ?
ชายชราเหวี่ยงกำปั้นไปกระแทกที่พื้นจนพื้นดินระเบิดออกมา ฮวาชิงหวู่กระเด็นโดนไม่ทันตั้งตัว จากนั้นชายชราก็พุ่งไปเหวี่ยงขาขวาเตะใส่ฮวาชิงหวู่อย่างไม่ลังเล
“ตู้ม!” ฮวาชิงหวู่ถูกเตะกลางท้องอย่างรุนแรง เธอลอยไปกระแทกเข้าที่ประตูหินด้านหลัง จนเกิดเสียงดังกังวานจากนั้นเธอก็ไถลลงมากองกับพื้น
“มาดูว่าเธอจะหลบยังไงอีก” ชายชราเยาะเย้ย ประสบการณ์การต่อสู้ของเธอยังอ่อนด้อยนัก ดังนั้นจึงถูกหลอกได้โดยง่าย
“…แค่ก ๆ” มุมปากของฮวาชิงหวู่มีเลือดไหลออกมา เธอพยายามขยับร่างกาย แต่ทว่าช่องท้องปวดแสบปวดร้อนไม่อาจขยับตัวได้ เธอทำได้แค่ร้องคร่ำครวญ
เธอรู้ดีว่าเธอยังห่างชั้นจากชายชรามาก ประสบการณ์เป็นตัวตัดสินว่าเธอไม่ใช่คู่ต่อสู้ของชายชราคนนี้
“ยัยหนู ขอโทษด้วยนะ” เป่ยชงเดินไปตรงหน้าเธอแล้วพูดพร้อมรอยยิ้ม
“อายุปูนนี้แล้ว ภูมิใจมากสินะที่เอาชนะผู้หญิงอายุน้อยอย่างฉันได้?” ฮวาชิงหวู่เหน็บแนม
ใบหน้าของชายสามคนแข็งทื่อ สีหน้าของพวกเขาเปลี่ยนไปทันที
อายุของทั้งสามคนเมื่อนำมารวมกันก็อายุมากกว่า 200 ปีแล้ว อย่างแรกพวกเขาถูกหลอกโดยสาวน้อยคนนี้ แถมผู้อาวุโสสี่ยังต่อสู้กับเธออยู่นานหากเรื่องนี้แพร่ออกไปพวกเขาจะถูกหัวเราะเยาะโดยผู้อื่นเป็นแน่
“ปากกล้านักนะ” ชายชราผู้ที่ทำร้ายฮวาชิงหวู่ตะคอกอย่างโกรธแค้น
“ไร้ยางอาย” ฮวาชิงหวู่ พยายามพูดออกมา
เธอต้องทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อจะถ่วงเวลาให้ฉู่ชวิ๋น เขากำลังดูดซับพลัง หากเขาถูกรบกวนความพยายามของเขากว่า 1 เดือนจะสูญเปล่า
“อย่าไปเสียเวลากับเธอ เรื่องสำคัญคือต้องไปเอาผลไม้วิเศษ” ชายชรากล่าวแล้วมองไปที่ประตูหินพร้อมดวงตาที่เจิดจ้า
ชายชราผอมแห้งมองฮวาชิงหวู่อย่างหื่นกระหาย เขาพูดกับอีกสองคน
“พวกท่านเข้าไปเอาผลไม้เลย ฉันจะอยู่ป้องกันที่นี่เอง เผื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน”
เป่ยชงรู้ถึงความคิดของชายชราร่างผอมแห้งดี เขาเป็นคนโลภและหื่นกระหาย เขาคงจะเห็นยัยหนูนี่สวยมากจึงเกิดความคิดไม่ดีขึ้น เวลานี้ผมของฮวาชิงหวู่กระจัดกระจาย ใบหน้าที่สวยงามของเธอซีดขาวและปากของเธอเต็มไปด้วยคราบเลือด
ดูเป็นสาวงามที่น่าสงสาร ไม่น่าแปลกใจที่ชายชราร่างผอมแห้งจะมีจิตใจคิดทำมิดีมิร้ายเธอ ฮวาชิงหวู่เห็นสายตาของชายชราร่างผอมแห้งก็รู้สึกหวาดกลัวจนตัวสั่น
ชายชราผู้ทำร้ายฮวาชิงหวู่ยิ้มและพูด “พี่สอง พวกเราไปเอาผลไม้วิเศษกันเถอะ”
“ไปเถอะ ๆ… ” ชายชราผอมแห้งบอกทุกคน ขณะมอง ฮวาชิงหวู่และกลืนน้ำลายลงคอ
ฮวาชิงหวู่รู้สึกขยะแขยง “คุณเก็บความคิดสกปรกไปเลยนะ ไม่งั้นคุณจะต้องเสียใจ”
“เสียใจ? สาวงามเช่นนี้หาได้ยากในโลก ถ้าฉันไม่สนุกวันนี้ฉันคงต้องเสียใจไปตลอดชีวิตแน่” ชายชราผอมแห้งจิตใจเต็มไปด้วยความหื่นกระหายเดินไปหาฮวาชิงหวู่
“อย่าเข้ามา..อย่าเข้ามา” ใบหน้าของฮวาชิงหวู่ซีดเผือด เธอคลานหนีอีกฝ่าย หน้าผากเต็มไปด้วยเหงื่อไหลออกมามากมาย
ชายชราร่างผอมแห้งกลืนน้ำลายลงคอ ดวงตาของเขาราวกับกำลังกลืนกินฮวาชิงหวู่
เป่ยชงถอนหายใจ แต่เขาไม่ทำอะไรทั้งสิ้น เขารู้ดีว่านิสัยของชายชราคนนี้ เป็นยังไง ถ้าใครก็ตามที่กล้าเข้าไปขวางชายชราร่างผอมคนนี้ก็จะเป็นบ้าขึ้นมา
ชายชราที่ทำร้ายฮวาชิงหวู่ เห็นท่าทางที่น่าสงสารของ ฮวาชิงหวู่ ก็เริ่มรู้สึกหื่นกระหายไปด้วยอีกคน
“ผู้อาวุโสสาม โปรดสำรวม” เป่ยชงรีบเตือนชายชราร่างอ้วน
ชายชราร่างผอมแห้งจ้องมองไปที่ชายชราร่างอ้วน ก่อนจะหัวเราะออกมา “แม้แต่ผู้อาวุโสสี่ก็อยากเล่นกับยัยนี้งั้นเหรอ ยัยหนูคนนี้เสน่ห์แรงเกินคาด วางใจเถอะ ฉันจะทำให้ยัยหนูนี่มีความสุขที่สุดเลย รอต่อคิวก่อนนะ ฮ่า ๆ …”
“ใครใช้ให้ผู้หญิงคนนี้สวยเกินไปล่ะ? ของดีแบบนี้ไม่เหมาะเอาไปเล่นคนเดียวนะ” ชายชราร่างอ้วนที่ทำร้ายฮวาชิงหวู่มองเห็นขาขาวเนียน ๆ ก็ต้องกลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว
“ฮ่าฮ่าฮ่า ผู้อาวุโสสองอยากร่วมด้วยไหม?” ชายชราผอมแห้งถามเป่ยชง
เป่ยชงส่ายหน้า เขาไม่สนใจและกำลังเดินเข้าไปในถ้ำ ฮวาชิงหวู่สวยงามจนดูเหมือนเทพธิดาบนโลกมนุษย์แถมตอนนี้ยังบาดเจ็บจนไม่อาจตอบโต้ เขาไม่อยากทำอะไรที่มันเสื่อมเสียแบบนั้น
“อย่าอดทนไปเลย ช่วงล่างของคุณมันทรยศคุณแล้วนะ” ชายชราผอมแห้งมองดูร่างกายท่อนล่างของเป่ยชงแล้วก็มีรอยยิ้มแปลก ๆ ออกมา
“ที่นี่เป็นใต้เหวเมื่อพวกเราเล่นสนุกจนมากพอแล้ว…” ชายชราผอมแห้งไม่พูดต่อแต่เขาทำ ท่าเชือดคอ
“ที่นี่มันเป็นที่รกร้าง ไม่มีใครรู้หรอก ฮ่าฮ่า….” ชายชราร่างอ้วนมองหน้ากันแล้วหัวเราะ
ฮวาชิงหวู่ยังก็เป็นเพียงผู้หญิงคนหนึ่ง เมื่อเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวาดกลัวจนตัวสั่น
ความงดงามของฮวาชิงหวู่ทำให้พวกเขาหลงลืมจุดประสงค์ของการมาที่นี่ ชายชราผอมแห้งต้านทานความงดงามของฮวาชิงหวู่ไม่ไหวเริ่มที่จะ….