บทที่ 117 พรสวรรค์ในการด่า[รีไรท์]
ถางโร้วและหลิวซินตกอยู่ในความผวา ชายคนนี้ฆ่าคนได้อย่างโหดเหี้ยม
ยิ่งไปกว่านั้นร่างที่ไร้วิญญาณนั้นยังต้องถูกลากไปเป็นอาหารเสี่ยวเฮยอีกด้วย แม้ว่าจะไม่รู้ว่าเสี่ยวเฮยเป็นตัวอะไรก็ตามที แต่สิ่งที่ชายโรคจิตคนนี้พูดก็ฟังดูน่าขนลุกมาก เพราะมันน่าจะสามารถกินคนได้
“คุณถาง ผมขอถามอีกครั้ง คุณจะยอมเป็นแฟนผมไหม?” เฉินยวี่ถิงแสยะยิ้ม ตอนที่ยิ้มสิวบนใบหน้าของเขาก็แตก ทำให้มีสารสีขาวบางส่วนไหลออกมา ดูแล้วน่าขยะแขยงมาก
ถางโร้วหันหน้าหนี เธอไม่สามารถทนดูได้ หลิวซินรู้สึกแย่ยิ่งกว่า ลูกกระเดือกของเธอสั่นแล้วถอยหลัง หญิงสาวทั้งสองไม่ได้เคยที่ตัดสินใครจากรูปลักษณ์ภายนอก แต่ใบหน้าของเฉินยวี่ถิงนั้นน่ารังเกียจมากจริง ๆ ใบหน้าของเขาดูเหมือนคนที่ได้รับอุบัติเหตุบนทางด่วนมาหมาด ๆ แต่เขากลับทำตัวเหมือนตัวเองหน้าตาดีซะงั้น
ปฏิกิริยาของทั้งสองคนทำให้เฉินยวี่ถิงยิ้ม เขาเผยให้เห็นฟันสีขาวที่เรียงตัวกัน ดวงตาประกายด้วยความเย็นชา พูดอย่างน่ากลัวว่า “พวกคุณกำลังดูถูกผม?”
ถางโร้วและหลิวซินขยับตัวเข้าหากันและตัวสั่น เมื่อกี้เฉินยวี่ถิงเพิ่งจะฆ่าคนไปหมาด ๆ มีเหรอที่พวกเธอจะไม่กลัว
“พวกเราเปล่าค่ะ!” ถางโร้วพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ และฝืนใจหันไปมองอีกฝ่าย เพื่อแสดงให้เห็นว่าไม่ได้รังเกียจ
เมื่อถางโร้วกำลังหันหน้า กลับมีบางอย่างสัมผัสกับใบหน้าของเธอ มันเป็นต่างหูหยกโบราณที่ฉู่ชวิ๋นให้เธอไว้ ค่ายกล ด้านซ้ายป้องกันและด้านขวาโจมตี
ดวงตาของถางโร้วเป็นประกายขึ้น เธอถอดต่างหูออกแล้วโยนออกไปทันที แล้วพูดตามที่ฉู่ชวิ๋นเคยสอนเธอไว้
วิ้ง!
เมื่อต่างหูตกสู่พื้นก็มีแสงสว่างเจิดจ้า
แสงสว่างเปล่งประกายและครอบคลุมถางโร้วกับหลิวซินไว้ด้านใน เฉิงอวี่ถิงเบิกตาโตอย่างประหลาดใจ ต่างหูข้างเดียวทำไมถึงทำแบบนี้ไปได้? มันเหมือนกระจกขนาดใหญ่โปร่งใสแต่ก็มีพลังไหลเวียนอยู่
เขายื่นมือออกไปและใช้นิ้วแตะไปยังค่ายกลที่โปร่งใสอย่างแรง และผลที่ได้คือมันเกิดเสียงบางอย่าง พลังที่ไหลเวียนอยู่เคลื่อนตัวเร็วขึ้น เขากัดฟันด้วยความเจ็บปวดมันราวกับว่ากำลังสัมผัสเหล็กยังไงอย่างงั้น นิ้วเกือบหักก็ไม่ปาน
แม้จะเสียเปรียบไปหน่อยแต่เฉินยวี่ถิงก็ดีใจมาก ดูเหมือนจะเจอเรื่องน่าสนใจเข้าแล้ว เขามองถางโร้วที่อยู่ด้านในแล้วถามขึ้น “นี่มันอะไรงั้นเหรอ?”
ถางโร้วเงียบ แต่เธอแอบมีความสุขในใจ พี่ฉู่ชวิ๋นช่วยเธอไว้อีกแล้ว เป็นเทพผู้คุ้มครองของเธอจริง ๆ เธอดีใจจนยิ้มออกมาและไม่ได้สนใจเฉินยวี่ถิง
หลิวซินมองไปยังม่านพลังอย่างอยากรู้อยากเห็น เธอเองก็พึ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก แต่เธอยิ้มไม่ออกหรอกนะ มันเหมือนกระจกบาง ๆ สิ่งนี้จะช่วยปกป้องพวกเธอได้จริงเหรอ?
เมื่อเฉินยวี่ถิงเห็นรอยยิ้มของถางโร้ว เขาก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงและดวงตาของเขาก็มืดลงเพราะรอยยิ้มนั้นไม่ได้เบ่งบานให้เขา
“คิดว่าไอ้ของไร้สาระแบบนี้จะปกป้องพวกเธอได้อย่างงั้นเหรอ?” เฉินยวี่ถิงมองมาด้วยสายตาดูถูกและน้ำเสียงเยาะเย้ย
“ใช่!” ครั้งนี้ถางโร้วตอบกลับไปทันที เธอเชื่อมั่นในของที่ฉู่ชวิ๋นมอบให้ จนกว่าที่ฉู่ชวิ๋นจะมาเธอจะยังคงรอยยิ้มนี้เอาไว้ไม่จางหาย
เฉินยวี่ถิงตะโกนอย่างเย็นชาและเขาแสยะยิ้มบ้าคลั่งด้วยความหึงหวง “งั้นฉันก็จะทำให้พวกเธอได้รู้ว่าสิ่งนี้มันอ่อนแอแค่ไหน!”
เขาก้าวถอยหลังไป 2-3 ก้าวก่อนที่จะวิ่งและกระโดดปล่อยหมัดเข้าใส่กำแพงม่านพลัง ปล่อยพลังของขั้นนักสู้พลังชีพจรระดับ3 ออกมาย่างเต็มที่และพุ่งเข้าใส่กำแพงใสอย่างดุเดือด
ตู้ม!
เสียงเหมือนกำแพงถูกทุบก็ดังขึ้น
“อ๊ากกก!…”
เฉินยวี่ถิงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดพร้อมกับกระเด็นออกไปและกระแทกเข้ากับเสาไม้หนา ทำให้บ้านไม้ทั้งหลังสั่นสะเทือน 2-3 ครั้งราวกับว่ามันกำลังจะพังทลาย
ปัง!
เฉินหยู่ถิงล้มลงกับพื้นเหมือนสุนัขที่ตายแล้วและไม่มีการเคลื่อนไหวเป็นเวลานาน ถางโร้วกะพริบตาที่สวยงามของเธอด้วยความสุข และเธอรู้ว่าสิ่งที่พี่ฉู่ชวิ๋นให้มานั้นไม่ใช่ของไร้ค่าอย่างแน่นอน
หลิวซินตะลึง เธอขยี้ตาและมองเฉินยวี่ถิงด้วยความตกตะลึง จากนั้นก็มองไปที่ถางโร้วสลับกับกำแพงใสและพึมพำ “ไอ้ของนี่มันดูไฮเทคจังนะ เจ๋งเกินไปแล้วไว้ฉันจะไปซื้อมาป้องกันตัวบ้าง”
ถางโร้วอารมณ์ดีอย่างมาก เมื่อเห็นว่าเฉินยวี่ถิงเข้ามาไม่ได้ เธอดีดหน้าผากของหลิวซินเบา ๆ แล้วพูดว่า “อย่าคิดจะซื้อเลย นี่เป็นของที่พี่ฉู่ชวิ๋นทำให้น่ะ หาซื้อไม่ได้หรอก”
หลิวซินนิ่งไปสักพัก มองถางโร้วที่จงใจล้อเล่นและก็ได้รู้จากน้ำเสียงของเธอ “พี่ฉู่ชวิ๋น…แหม ๆ ขนลุกเกินไปแล้ว”
“ยัยหลิวซิน กล้าแกล้งฉันเหรอ? ไหนมาดูซิว่าฉันจะจัดการเธอยังไง” ถางโร้วจั๊กจี้หลิวซิน
ทั้งสองเหมือนจะลืมไปแล้วว่าตัวเองถูกลักพาตัวมา และเริ่มพูดจาหยอกล้อกันจนลืมไปเลยว่าเฉินยวี่ถิงอยู่ตรงนั้นด้วย หลังจากที่ทั้งสองแกล้งกันสักพักก็เหนื่อยแล้วหยุด หลิวซินหยิบกล้วยมาแล้วยื่นมันให้ถางโร้ว แต่ถางโร้วส่ายหัว เธอจึงกินเอง
“จะดีกว่านี้นะถ้าเจ้านั้นสามารถขยับไปไหนได้บ้าง” หลิวซินพูดอย่างคลุมเครือ
ถางโร้วมองไปยังเฉินยวี่ถิงที่นิ่งไปแล้ว แล้วกระซิบกับหลิวซิน “เธอคิดว่าเขาเป็นลมจริง ๆ หรือเปล่าน่ะ? ถ้าเอาโทรศัพท์ของเขามาได้เราก็จะรอดด้วย”
แน่นอนว่าทั้งสองนั้นไม่ได้โง่ระหว่างที่สังเกตร่างของชายโรคจิต พวกเธอคิดว่าเขากำลังแกล้งเป็นลม
“ฉันจะลองดู!” หลิวซินโยนเปลือกกล้วยทิ้งและเดินไปสัมผัสกับกำแพง กำแพงนั้นแข็งแรงมาก แต่เธอก็ไม่เกรงกลัวอะไร
“เฮ้! หยุดแกล้งทำเป็นลมได้แล้ว ฉันรู้นะว่านายกำลังวางแผนเพื่อที่จะล่อพวกเราออกไป ฝันไปเถอะ!” หลิวซินตะโกนออกมา
ผ่านไปสักพักร่างของชายคนนั้นก็ยังนิ่งอยู่กับที่
“เหมือนว่าเขากำลังเป็นลมอยู่จริง ๆ นั่นแหละ” หลิวซินหันหน้าไปพูดกับถางโร้ว “เธอปิดกำแพงม่านพลังนั้นลงสิแล้วฉันจะไปหยิบโทรศัพท์มา”
ถางโร้วยังรู้สึกไม่ค่อยดีนักกับท่าทีของชายคนนั้น และเฉินยวี่ถิงยังแต่งตัวแบบนั้นอีก เขาจะมีโทรศัพท์อยู่กับตัวจริง ๆ เหรอ?
“ลองดูอีก”
“ลองยังไง?” หลิวซินถามกลับมา
ถางโร้วคิดอยู่สักพักและดวงตาของเธอก็เปล่งประกายขึ้น เธอนึกถึงสิ่งที่เธอสังเกตก่อนหน้านี้ เธอเห็นว่าเฉินยวี่ถิงนั้นแคร์กับสิ่งที่ตัดสินเกี่ยวกับรูปลักษณ์ของเขามากมันเป็นเรื่องต้องห้ามเลยก็ว่าได้ เธอจึงกระซิบกับหลิวซินเกี่ยวกับสิ่งที่เธอคาดเดาเอาไว้
เมื่อฟังจบหลิวซินก็เห็นด้วย “งั้นมาลองดูอีกที”
เธอเดินเข้าไปใกล้เฉินยวี่ถิงและตะโกนด่าเป็นชุด “เฮ้ ไอ้ผีน่าเกลียด น่ารังเกียจ นายมันหน้าตาน่าเกลียดจริง ๆ บอกมาเลยนะว่านายเป็นปีศาจฟักทองที่กลายร่างมาใช่ไหม ถ้าไม่ใช่ งั้นก็แปลว่าพ่อแม่ของนายมีอะไรกันแบบไม่ได้ตั้งใจสินะ ถึงได้ออกมาแบบนี้ ฉันล่ะรู้สึกไม่ยุติธรรมแทนนายจริง ๆ ประเทศนี้ติดค้างถุงยางอนามัยกับพ่อแม่นาย…”
ก่อนที่หลิวซินจะพูดจบ เฉินยวี่ถิงก็ลุกขึ้นมาทันทีด้วยสีหน้าเคร่งขรึมและดวงตาที่เศร้าหมองจ้องมองมาที่เธอ หลิวซินนิ่งไปเลยทันทีที่เห็นการเคลื่อนไหวของชายคนนั้น เธอเผลอก้าวเท้าถอยไปโดยไม่รู้ตัว
ถางโร้วรีบเข้ามาหาหลิวซินเพื่อให้สติเธอกลับมา
อารมณ์ของหลิวซินค่อย ๆ คงที่ เธอคิดว่าเฉินยวี่ถิงไม่สามารถเข้ามาได้และทันใดนั้นเธอก็มีความกล้าขึ้นอีกครั้งและจ้องมองไปที่เฉินยวี่ถิง
ถางโร้วมองไปที่หลิวซินด้วยสายตาแปลก ๆ
หลิวซินมองไปที่ถางโร้ว เธอรู้สึกถึงอะไรบางอย่างและพูดว่า “มีอะไรเหรอ?”
“ฉันไม่เคยเห็นเธอด่าคนมาก่อน เธอไปเรียนมาจากไหน?” ทันทีที่เธอเห็นหลิวซินสาปแช่งอีกฝ่าย เธอก็ตกใจมาก คำพูดของหลิวซินนั้นราวกับมีดที่ทิ่มแทงหัวใจของเฉินยวี่ถิง อย่าว่าแต่แกล้งเป็นลมเลย ต่อให้ตายจริง ๆ ก็ต้องลุกมาเป็นซอมบี้เพราะความโกรธแน่นอน
“เรื่องแบบนี้ต้องเรียนด้วยเหรอ?” หลิวซินแปลกใจกับคำถามนั้น เธอส่ายหน้าแล้วพูดต่อ “ช่างเถอะ นี่คือพรสวรรค์ เพราะยังไงซะด้วยบุคลิกของเธอชั่วชีวิตก็เรียนรู้มันไม่ได้”
ถางโร้วพูดอะไรไม่ออก เพราะเธอเองก็ไม่น่าจะมีพรสวรรค์ในเรื่องนี้จริง ๆ สีหน้าของเฉินยวี่ถิงนั้นบิดเบี้ยวด้วยความโกรธ นั่นทำให้ชายผู้น่ารังเกียจคนนี้ดูไม่น่าเข้าใกล้มากกว่าเดิมเสียอีก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่แขนขวาของเขามันทรุดลงอย่างอ่อนแรงและแรงดีดกลับของหมัดนั้นทำให้แขนของเขาหัก นี่คือการยิงประตูตัวเองจริง ๆ
ดวงตาของเขามืดมนลงและกัดฟันแน่นจนมีเสียงดังออกมาราวกับว่าเขากำลังจะตะครุบเหยื่อทั้งสอง
“นี่ตั้งใจเลียนแบบหมางั้นเหรอ?” หลิวซินพูดเหน็บแนมทันที
การแสดงออกที่น่าเกลียดของเฉินยวี่ถิงผิดไปเล็กน้อยและเขามองเธอด้วยความสงสัย
“ถ้าไม่ได้เลียนแบบหมาแล้วกัดฟันเสียงดังน่ารำคาญทำไม? ฉันไม่มีกระดูกให้แกหรอกนะ”
แกร๊ก!
เสียงฟันกระทบกันอย่างรุนแรงดังขึ้นมาอีกครั้ง และมันดังกว่าเดิม
“รู้ไหมว่าฉันจะลงโทษพวกเธอยังไง?” เฉินยวี่ถิงจ้องมองหลิวซินอย่างโหดเหี้ยม “ฉันจะให้เธอเป็นเพื่อนเล่นของเสี่ยวเฮยแล้วมีลูกซะ จากนั้นก็ให้มันค่อย ๆ ทรมานเธอจนตาย”
หลิวซินตกใจกลัวกับดวงตาที่น่ากลัวของเฉินยวี่ถิงและใบหน้าของเธอซีดลงเล็กน้อย
“คิก คิก…” เฉินยวี่ถิงไม่แม้แต่จะสนใจแขนที่หักของเขา จ้องมองหลิวซินด้วยรอยยิ้มแปลก ๆ “พวกเธออยากรู้ไหมว่าเสี่ยวเฮยคือใคร?” หลังจากนั้นเขาก็ผิวปาก!
พรึบ
เงาใหญ่ยักษ์ก็เดินเข้ามา ถางโร้วและหลิวซินมองไปยังเสือดำตัวใหญ่และหน้าถอดสีทันที
“เสี่ยวเฮย นั่นคือผู้หญิงของนาย” เฉินยวี่ถิงชี้ไปยังหลิวซินแล้วพูดอย่างโรคจิต
ขนของเสือดำนั้นดำคลับเงา ดวงตาสีเหลืองอำพันมองมายังหลิวซินเป็นตาเดียวโดยมีเขี้ยวสองข้างเผยออกมา และมีคราบเลือดย้อยลงมา หญิงสาวทั้งสองเห็นเลือดสด ๆ ไหลจากปากของมันก็รู้ทันทีเลยว่านั่นคือเลือดของคนที่เฉินยวี่ถิงบีบคอตายไป เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ขาของพวกเธอสั่นทันที
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเสือดำตัวนี้มองไปที่หลิวซิน เธอก็รู้สึกหวิว ๆ ตรงท้องน้อยเพราะความกดดัน
เฉินยวี่ถิงลูบหัวเสือดำแล้วยิ้มกว้างให้กับหลิวซิน “ดูสิ เสี่ยวเฮยของเราสนใจเธอแค่ไหน”
ใบหน้าของหลิวซินซีดลงด้วยความตกใจ เธอรู้สึกขยะแขยงและหวาดกลัว ร่างของเธอสั่นเทามากกว่าเดิมหลายเท่า
“อย่าไปกลัว มันเข้ามาไม่ได้หรอก” ถางโร้วปลอบโยนด้วยเสียงต่ำ
เฉิงอวี่ถิงมีหูที่ดีมาก เขาหัวเราะเมื่อได้ยินคำพูดของถางโร้ว “คุณถาง ผมปฏิบัติต่อคุณด้วยความจริงใจ แต่มองดูผิวเผินคุณเองก็ไม่ได้ต่างอะไรกับผู้หญิงคนอื่นเลย สนใจแค่รูปลักษณ์…ในเมื่อคุณเป็นแบบนี้ก็ทำตัวดี ๆ ซะเถอะ ออกมาให้ผมได้เล่นแก้เบื่อหน่อย ก่อนที่ผมจะเปลี่ยนให้คุณเป็นผู้หญิงที่น่าเกลียดที่สุดในโลก…”
“ทุเรศ ฝันไปเถอะ!” ถางโร้วด่าคนไม่เป็น เธอตัวสั่นด้วยความโกรธ
“ฝันงั้นเหรอ?” เขายิ้มแปลก ๆ “อยากรู้จริง ๆ ว่าผลไม้พวกนั้นจะช่วยให้พวกเธออยู่รอดได้กี่วันเชียว ถ้าไม่มีอาหารก็คอยดูเถอะว่าพวกคุณจะทำยังไง?”
ถางโร้วหน้าถอดสีแล้วมองไปยังถาดผลไม้ทันที มันน่าจะอยู่รอดได้ไม่ถึงวันด้วยซ้ำไป หลิวซินก็จ้องจานผลไม้แล้วหน้าเธอก็ซีด
“เป็นไงล่ะ รู้สึกสิ้นหวังมากเลยใช่ไหม ฮ่า ฮ่า ฮ่า” ชายคนนี้หัวเราะอย่างไม่เป็นจังหวะ ก่อนที่จะพูดต่อ “ฉันให้โอกาสพวกเธออีกครั้ง ถ้าพวกเธอออกมาเอง ฉันจะยอมเบาให้ก็ได้!”
“ฝันไปเถอะ!” ถางโร้วมองกลับไปด้วยความเหยียดหยาม เสียงของเธอสั่นอย่างเห็นได้ชัด
“มั่นใจดี ไม่เสียแรงที่เป็นผู้หญิงที่ฉันชอบ” ชายคนนี้ยังคงยิ้มไม่หยุด “ฉันจะคอยดูว่าพวกเธอจะทนได้นานแค่ไหน”
หลังจากพูดเสร็จเขาก็ตบหัวเสือดำเบา ๆ “ถ้าอยากผสมพันธุ์ก็ดูพวกเธอไว้ให้ดีล่ะ”
โฮก!!!
มันคำรามอย่างดุดันและนอนหมอบลง เฉินยวี่ถิงยิ้มอย่างชั่วร้ายและหัวเราะออกมาไม่หยุดราวคนบ้า