บทที่ 121 ไม่คิดว่าจะกลายเป็นสงคราม[รีไรท์]
ฉินจื้อและคนอื่น ๆ รู้สึกอัปยศในใจจนอยากจะร้องไห้ออกมา เหล่าผู้อาวุโสแห่งสำนักราชาปีศาจถูกบีบคั้นจนถึงขั้นนี้ หากเรื่องนี้ถึงหูผู้คนในยุทธภพพวกนั้นจะต้องตะลึงจนลูกกะตาถลนออกมาเต็มพื้นเป็นเเน่แท้
“ต้องขอโทษด้วยนะ พอจะมีลักษณะอื่น ๆ ที่จะชี้ตัวคนร้ายได้ไหม?” ฉินจื้อถาม ด้วยเสียงอดทดต่อการกดขี่ถ้าแค่นี้เขาไม่สามารถหาตัวปัญหาได้อย่างแน่นอน หลักฐานนี้ถ้าเอาไปจับใครก็จะดูเหมือนเป็นการใส่ร้ายอยู่ดี เขาแอบบ่นในใจ
ฉู่ชวิ๋นพึมพำกับตัวเอง เขากำลังคิดทบทวนอย่างหนักก่อนที่จะพูดออกมาช้า ๆ ว่า “ไม่มี”
ฉินจื้อและคนอื่น ๆ ยื่นคอรอฟังตั้งนานแต่เมื่อได้ยินคำตอบนั้น แต่ละคนต่างก็อยากจะสำลักน้ำลายตายตรงนี้เลย ทุกคนต่างโกรธแค้น ถ้าไม่รู้แล้วจะทำท่าคิดคร่ำครวญไปทำไมกัน?
“งั้นนายไปมั่นใจมาจากไหนล่ะว่าไอ้หมอนั่นเป็นคนของสำนักเรา?” ฉินจื้อข่มความโกรธเอาไว้ในใจก่อนที่จะถามออกมา แม้วิทยายุทธของเขาจะเป็นปรมาจารย์ระดับ3 แล้ว แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าฉู่ชวิ๋นเขาก็ทำได้แค่ยิ้มและก้มหัวเขาราวกับสาวนั่งดริ๊ง
มุมปากของฉู่ชวิ๋นยกขึ้นเล็กน้อยพร้อมกับเลิกคิ้วสูง “นายคลางเเคลงใจว่าฉันใส่ร้ายลูกกระจ๊อกอย่างพวกนายเหรอ?”
“….” ฉินจื้อเกือบจะวิ่งหนีแล้ว
สีหน้าของคนอื่น ๆ ซีดจนเหมือนข้าวต้มและตัวชุ่มไปด้วยเหงื่อ
“เข้าใจผิดแล้ว พวกเราไม่ได้หมายความแบบนั้น แต่คุณให้เบาะแสน้อยเกินไปเราหาไม่พบหรอก” ฉินจื้อแทบจะอาละวาด
“ไม่เป็นไร!” ฉู่ชวิ๋นส่ายหน้า พร้อมมองไปยังกลุ่มคนพวกนั้นและเพ่งสายตา ตัวของเขาสั่นก่อนที่จะตะโกนออกมา! “ฉันจะฆ่าทุกคนที่หนีพ้นเอง!”
ฉินจื้อหัวใจหยุดเต้นไปชั่วขณะทันที ร่างกายของเขาแข็งเกร็งราวกับเผชิญหน้ากับศัตรูที่ยิ่งใหญ่ หลายคนได้หยิบอาวุธที่ไม่ได้ใช้หลายปีออกมาด้วยซ้ำ
ฉู่ชวิ๋นยกมือขึ้นอย่างเร็ว!
ฉินจื้อและคนอื่น ๆ รู้สึกว่าชายคนนี้โหดร้ายเกินไป เขาจะฆ่าทุกคนที่ขวางหูขวางตาเขาเลยงั้นเหรอ? ฐานพลังของเขาก็ไม่อาจรู้ได้ พวกเขาหวาดกลัวทั้งที่ยังไม่ได้สู้และรีบรวบรวมลมปราณเพื่อเตรียมรับมือทันที
“เดี๋ยวก่อน!” ฉู่ชวิ๋นยกมือขึ้นมันไม่ใช่การโจมตี เขาแค่โบกมือเบา ๆ เท่านั้น
ตอนนี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่? ทุกคนขวัญผวาเมื่อเห็นการยกมือของเขา พวกเขาเกือบจะขาดอากาศหายใจจนได้รับบาดเจ็บภายในมันเหมือนลูกโป่งที่เพิ่งถูกระเบิดแล้วจู่ ๆ ก็มีคนเจาะรูเล็ก ๆ ด้วยเข็มทำให้มันระเบิดขึ้น
ฉู่ชวิ๋นมองไปยังพวกเขาด้วยสีหน้าสงสัย “หมายความว่ายังไง? จะให้ฉันเริ่มลงมือตอนนี้เลยเหรอ?”
ฉินจื้อมองกลับไปด้วยความสงสัย หรือว่าทุกอย่างเป็นเพราะพวกเขาวิตกกังวลกันมากเกินไปจนไม่เข้าใจอีกฝ่ายกันแน่? แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น เมื่อกี้ชายคนนี้พึ่งจะบอกเองว่าจะฆ่าทุกคนนี่? แต่ไม่เป็นไรดีที่สุดแล้วแหละที่ไม่ทำ
“ไม่ ไม่ ไม่ อย่าเข้าใจผิดไป อยู่ ๆ อากาศมันก็หนาวขึ้นมาน่ะ พวกเราแค่ใช้พลังปัดเป่าความหนาวออกไปเท่านั้นเอง ต้องขอโทษจริง ๆ ที่ทำให้ตกใจ!” ฉินจื้อกล่าวอย่างกังวล
คนอื่น ๆ ก็ตะลึงไม่แพ้กัน อากาศที่นี่อบอุ่นจะตายไป หนาวเนี่ยนะ? พวกเขาได้แต่มองไปที่ฉินจื้อด้วยสถานการณ์ที่จะเป็นตายร้ายดีอย่างนี้ ฉินจื้อยังสามารถรับมือต่อได้ไหวเป็นอะไรที่ใครเห็นก็รู้สึกนับถือกันทั้งนั้น
ฉู่ชวิ๋นพยักหน้าเข้าใจสิ่งที่อีกฝ่ายตอบกลับมา
ฉินจื้อและคนของเขาต่างรู้สึกตื่นเต้นและขอบคุณที่ชายหนุ่มผู้โหดเหี้ยมคนนี้ยังสามารถพูดคุยกันด้วยเหตุผลได้
“มันลักพาตัวน้องสาวฉันไป” ฉู่ชวิ๋นพูดขึ้นมา
หืม?
ทุกคนต่างก็มองหน้ากันและพยายามจับต้นชนปลายอย่างสุดความสามารถจึงใช้ระยะเวลาอยู่พอสมควร ตอนนี้พวกเขาไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมไอ้หนุ่มคนนี้ถึงบุกเข้ามาแล้วฆ่าล้างผลาญแบบนี้
ใครกล้าทำเรื่องบ้า ๆ แบบนี้กัน? ถ้าพวกเขาหาตัวคนร้ายมาได้นะ จะกระทืบให้จมดินเพื่อระบายความโกรธซะให้หนำใจ!
“ผมได้ยินมาว่านายน้อยจับผู้หญิงมาได้คนหนึ่งวันนี้ คงไม่ใช่…” มีใครสักคนพูดขึ้นมาเสียงต่ำ
ฉินจื้อและคนอื่น ๆ สะดุ้งเฮือกทันที เมื่อนึกถึงนายน้อยที่เก่งกาจของพวกเขา ในใจของพวกเขาเต้นระรัวและไม่อาจสงบลงได้อีก
“แน่ใจนะ?” ฉินจื้อถามด้วยสีหน้าเศร้าหมอง
ชายคนนั้นก็พยักหน้า “ผู้หญิงคนนั้นเป็นดาราด้วยนะครับ ชื่อถางโร้ว”
ฉินจื้อบอกให้ทุกคนสงบสติอารมณ์ บางทีมันอาจจะเป็นความผิดพลาดก็ได้ เขาแสร้งทำเป็นยิ้มมองไปที่ฉู่ชวิ๋นแล้วพูดว่า “ขอโทษอีกครั้งนะ น้องสาวของท่านชื่ออะไรเหรอ?”
“ถางโร้ว!”
คำตอบสั้น ๆ นั้นทำให้ความเพ้อฝันเพียงชั่วครู่ของชายแก่หมดไปในทันที
พวกเขากัดฟันด้วยความเกลียดชัง ความรู้สึกโกรธของทุกคนเปลี่ยนเป้าหมายจากฉู่ชวิ๋นไปยังนายน้อยของตัวเองทันที แม้ว่าเฉินยวี่ถิงจะเป็นขั้นปรมาจารย์ได้ตั้งแต่อายุน้อย เขาก็เป็นพวกชอบใช้ความรุนแรงแต่ก็ไม่คิดว่าจะเป็นขนาดนี้ ทั้งยังเป็นคนที่หยิ่งและทะนงตน แต่การไปแหย่ราชาปีศาจตัวจริงออกมาทำลายทุกอย่างที่พ่อของตัวเองสร้างเอาไว้แบบนี้ก็เป็นอะไรที่แย่อย่างถึงที่สุด! ยิ่งไปกว่านั้นดีไม่ดีปู่อาจโผล่มาด้วยก็ได้
“งั้นรอสักครู่ ฉันจะให้คนตรวจสอบถ้าน้องสาวของคุณอยู่ในสำนักของเราจริง ๆ เราจะให้คำอธิบายที่น่าพอใจแก่คุณ” ฉินจื้อพูด
“ไม่จำเป็นหรอก ถ้าฉันได้เห็นเธอกับตาจะสบายใจกว่านั้นเยอะ” หลังจากที่ฉู่ชวิ๋นพูดจบ เขาก็เดินเข้าไปข้างใน
ฉินจื้อเป็นกังวล ถ้าฉู่ชวิ๋นเข้าไปแล้วดันรู้เรื่องความลับของสำนักขึ้นมาต้องไม่ดีแน่ ๆ เขาจึงรีบเข้าไปห้าม “ท่านครับรอก่อน ผม…”
ก่อนที่จะได้พูดจบรูม่านตาของเขาก็ขยายออก เสียงของเขาหยุดลงทันที พื้นใต้เท้าของเขาถูกทำลายสีหน้าของใครหลาย ๆ คนก็เปลี่ยนไปอย่างมากและพวกเขาก็ถอยกลับโดยไม่รู้ตัว
ตู้ม!
ภาพพิมพ์ฝ่ามือขนาดใหญ่ตกลงมาจากกลางอากาศดังสนั่น พื้นดินพังทลายลง แผ่นดินมีฝุ่นละอองคละคลุ้งและต้นไม้เก่าแก่ที่อยู่รอบ ๆ ก็แตกกระจาย เศษไม้และหินก็บินว่อนไปทั่ว
คนที่เคลื่อนไหวไม่ทันถูกลูกหลงของรอยฝ่ามือและไอเป็นเลือด คนที่หลบหนีไปได้โดยบังเอิญดูหวาดกลัวและพวกเขารู้ว่าชายผู้โหดเหี้ยมคนนี้น่ากลัวเพียงใด มันง่ายและหยาบคายมาก มันโหดร้ายจริง ๆ ถ้าไม่เห็นด้วยก็ฆ่ากันแล้ว
ท่าทีของฉู่ชวิ๋นเปลี่ยนไปในทันที เขามองอย่างไม่แยแสที่ขั้นปรมาจารย์และสังหารคนที่ยืนเกะกะ
“ผู้อาวุโสฉิน ชะ…ช่วย…ด้วย!”
ชายคนดังกล่าวสั่นด้วยความกลัว เขาร้องโหยหวนขึ้นมาเพราะตัวเองได้รับบาดเจ็บและไม่สามารถหนีไปจากตรงนั้นได้
ฉินจื้อเองก็นิ่งไป ความโกรธกำลังกัดกินหัวใจของเขา เขาหันไปเพื่อที่จะเข้าไปช่วยสหายทันที
ตู้ม!
เลือดกระเด็นออกไปในทุกทิศทันที เท้าของฉินจื้อหยุดนิ่ง แรงที่เท้าของเขาหายไปจนหมด
ความเร็วของฉู่ชวิ๋นมันเร็วเกินไป หมัดนั้นต่อยทะลุหน้าอกของชายคนนั้นทั้งด้านหน้าและด้านหลัง หมัดนั้นเหมือนกับหอกขนาดยักษ์ที่แทงไปยังหัวใจแหลกเป็นชิ้น ๆ
“จะมากไปแล้ว!” ฉินจื้อตะโกน
“ก็ไม่คิดว่าจะกลายเป็นสงครามแบบนี้หรอก!” ฉู่ชวิ๋นตอบแบบไม่สนใจ หลังจากที่สังหารปรมาจารย์ไป 1 คน
ชายคนนั้นกลัวเกินกว่าที่จะต่อสู้กับฉู่ชวิ๋น
“ตายซะ!”
นิ้วหนึ่งนิ้วชี้ขึ้นไปบนฟ้า อากาศรอบ ๆ ตัวก็ส่งเสียงร้องอย่างน่าพิศวง กำปั้นเหล็กกว่า 10 เมตรร่วงหล่นมาจากฟ้าโดยที่ไม่มีใครทันตั้งตัว
ตู้ม!
หุบเขาทั้งลูกสั่นสะเทือน กลุ่มคนที่กำลังพยายามหนีต่างก็ล้มตายไปหลายคน ระเบิดออกเป็นก้อนเลือดโดยไม่เหลือกระดูก ฝ่ามือของฉู่ชวิ๋นตกลงมาสู่พื้นอย่างต่อเนื่อง คนที่เหลือรอดต่างก็วิ่งหลบกันอย่างอุตลุด
ฉินจื้อที่กำลังโกรธเมื่อเห็นฉากตรงหน้าก็ตกใจและอ้วกออกมาเป็นเลือด สามในแปดขั้นปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ของสำนักราชาปีศาจเสียชีวิตในการต่อสู้ ผู้คนมักบอกว่าการตายเช่นนี้เป็นเรื่องดี แต่ถ้าพูดอย่างตรงไปตรงมาคือพวกเขาถูกสังหารเพียงฝ่ายเดียว ปรมาจารย์ทุกคนเป็นรากฐานอันสำคัญของสำนักราชาปีศาจ ตอนนี้ตายไปแล้ว 3 คน เขาจะไปอธิบายเจ้าสำนักยังไง?
ทันใดนั้นฉู่ชวิ๋นก็ชี้นิ้วออกมา
วิชาดัชนีสังหาร—-กระบวนท่าสองดัชนีทลายภูผาสยบธารา!
พื้นดินสั่นสะเทือนอย่างหนัก นิ้วที่สูงกว่า 10 เมตร ปรากฏขึ้นมันตระหง่านขึ้นดั่งเสาหิน ลงมากระแทกกับพื้นอย่างแรงใส่กลุ่มคนที่กำลังหนีตาย
“หลบไป เร็ว!” ฉินจื้อรู้ตัวว่าตัวเองกำลังจะเป็นบ้า สำนักราชาปีศาจไม่สามารถสูญเสียขั้นปรมาจารย์ไปมากกว่านี้ได้แล้ว
วิญญาณที่กำลังหวาดกลัวของเขาหลุดออกไปจากร่างทิ้งไว้แค่ร่างเปล่า ๆ ที่กำลังสั่นกลัว เขาได้รับบาดเจ็บทางจิตใจตั้งแต่ที่ฉู่ชวิ๋นชี้นิ้วขึ้นไปบนฟ้า ราวกับลมหายใจของคนตายกระซิบบอกกับเขา เขาไม่เคยนึกเลยว่าชีวิตต้องมาพบอะไรแบบนี้ ทั้งความเร็วและกำลังที่เหนือกว่าของอีกฝ่ายมันมากมายเกินไป
“เอาเธอคืนมา!” ฉู่ชวิ๋นพูดอย่างเย็นชา
ตู้ม!
ขั้นปรมาจารย์ที่แขนหักกรีดร้องออกมา เขาเกือบจะหนีออกไปได้แล้ว แต่นิ้วยักษ์ที่ล้มลงมาก็ทำให้เสียงของเขาหายไปจากโลกใบนี้
ตู้ม!
พื้นทรุดตัวลงพร้อมกับฝุ่นควัน
แต่เพียงครู่เดียวควันก็หายไปจนหมด คนที่ยังเหลือรอดมองกลับไปทางเดิมและหัวใจของพวกเขาก็ต้องเผชิญกับฉากที่สยดสยองอีกครั้ง
ขั้นปรมาจารย์อีก 2 คนที่วิ่งรั้งท้ายกลายเป็นกองเลือดไปเสียแล้ว และมองไม่เห็นแม้แต่ศพ!!