บทที่ 147 ทรยศประเทศชาติ[รีไรท์]
ฉู่ชวิ๋นรู้ดีอยู่แล้วว่าไม่ว่าการที่หลิวเจี่ยเฟยร่วมมือกับกลุ่มหมาป่าทองคำจะเป็นเพราะความคิดของเขาเองหรือมีตระกูลหลิวบงการอยู่เบื้องหลัง มันก็ไม่แตกต่างกัน สิ่งที่สำคัญก็คือตระกูลหลิวรู้เห็นเป็นใจกับเรื่องนี้
อันที่จริง ผ่านไปไม่ถึงครึ่งชั่วโมงด้วยซ้ำ โทรศัพท์มือถือของฉู่ชวิ๋นก็ดังขึ้น เฉินฮั่นหลงทำงานได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพเสมอ
หลังจากดูคลิปวิดีโอแล้ว ฉู่ชวิ๋นก็เลิกคิ้วขึ้นสูงเล็กน้อย ริมฝีปากของเขาบิดตัวเป็นรอยยิ้ม
หลังจากนั้น ฉู่ชวิ๋นก็ไม่สนใจคนตระกูลหลิวที่แกล้งทำเป็นเยือกเย็นไม่รู้ร้อนรู้หนาว ฉู่ชวิ๋นส่งคลิปวิดีโอไปให้กับกระต่ายหยก และขอให้เธอส่งต่อไปให้หัวหน้าหมายเลขหนึ่งอีกที
“มีใครอยากดูไหม?” ฉู่ชวิ๋นยื่นโทรศัพท์มือถือไปให้กับคนตระกูลหลิว
บางคนมีสีหน้าอยากรู้อยากเห็น บางคนมีสีหน้าเป็นกังวล บางคนมีสีหน้าเฉยชา
“ฉู่ชวิ๋น อย่ามาเล่นลวดลายที่นี่ ถ้าแกบังคับให้หลิวเจี่ยเฟยพูดใส่ความตระกูลหลิว รอให้พวกเราออกมาตอบโต้ก่อนเถอะ สื่อมวลชนจะต้องช่วยเหลือตระกูลหลิว และแกนั่นแหละที่จะต้องเสียใจกับเรื่องนี้” หลิวไป๋เฟิงพยายามจะเหยียดยิ้มเย้ยหยัน แต่ด้วยความที่ใบหน้าของเขาเสียโฉมไปครึ่งหนึ่ง สีหน้าของเขาจึงดูน่าหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง
“อย่าคิดว่าคนอื่นเป็นตัวโง่งมสิ ตระกูลหลิวของพวกคุณกินบุญเก่าของบรรพบุรุษมาหลายปี พวกคุณเจ้าเล่ห์ ร้ายกาจและไร้ความเมตตา ไม่ว่าจะเป็นประเทศชาติหรือประชาชน มันก็เป็นเรื่องของสกุลหลิวเมื่อครั้งโบราณ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับพวกคุณอีกแล้ว” ฉู่ชวิ๋นหัวเราะเยาะ
“หึ ต่อให้แกพลิกแผ่นฟ้าลงมาได้ ตระกูลหลิวของเราก็ยังเป็นเสาหลักค้ำประเทศอยู่ดีจะไม่มีใครเชื่อเรื่องเล่าของแกสักคน” หลิวจื้อไจ้พูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
ฉู่ชวิ๋นหันกลับไปมองชายชราเล็กน้อย สีหน้าของชายหนุ่มไม่เกิดความเปลี่ยนแปลง ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “แค่มีจดหมายของหัวหน้าหมายเลขหนึ่งก็คงพอแล้วมั้ง”
เมื่อฉู่ชวิ๋นพูดออกมา สีหน้าของสมาชิกตระกูลหลิวก็เปลี่ยนแปลงไปแล้ว
“พวกคุณคิดว่าหัวหน้าหมายเลขหนึ่งจะเชื่อมันไหมล่ะ?” ฉู่ชวิ๋นถามเบาๆ
พูดจบ บังเกิดเสียงฝีเท้าดังใกล้เข้ามา แล้วหลังจากนั้น นายทหารจำนวนนับไม่ถ้วนก็กรูเข้ามาในห้องโถง
สมาชิกตระกูลหลิวกับบอดี้การ์ดทุกคน ได้แต่ยืนนิ่งทำตัวไม่ถูก นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
หัวหน้าทหารมีนามว่าซูเว่ย ซึ่งเคยพบกับฉู่ชวิ๋นมาก่อนตอนอยู่ในภูเขาเฟิงหลิน
“ท่านนายพลฉู่ พวกเรามาเพื่อปกป้องคุณ” ซูเว่ยเดินออกมาข้างหน้าและยกมือขึ้นทำความเคารพ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยประกายมุ่งมั่น
ฉู่ชวิ๋นพยักหน้าและยกมือตอบรับการทำความเคารพแบบทหารกลับไป
ฉู่ชวิ๋นมีความเยือกเย็นมาก อันที่จริงถ้านับตามยศทหารแล้ว ฉู่ชวิ๋นจะต้องเป็นฝ่ายทำความเคารพซูเว่ย ไม่ใช่ซูเว่ยที่ต้องทำความเคารพฉู่ชวิ๋น แต่ดูเหมือนมันจะอยู่นอกเหนือกฎเกณฑ์เมื่ออยู่ต่อหน้าฉู่ชวิ๋นไปเสียแล้ว
“คุณมาทำอะไรที่นี่ ผมพลโทหลิวไป๋เสือ คุณกล้ามากนะที่พาคนมาบุกที่นี่ อยากถูกจับข้อหาทำตัวเป็นกบฏหรือไง?” ชายหนุ่มร่างกายสูงใหญ่ในสมาชิกตระกูลหลิวตะโกนขึ้นด้วยน้ำเสียงโกรธแค้น
ฉู่ชวิ๋นขมวดคิ้ว คนตระกูลหลิวเคยชินกับการวางท่าใหญ่ จึงไม่รู้จักการไว้หน้าคนอื่น
“คุณต่างหากที่เป็นกบฏ? มีอะไรจะพูดก็ว่ามา” พลโทซูเว่ยขยับเท้าเดินออกไปข้างหน้า
หลิวไป๋เสือเดินเข้ามายกมือทำความเคารพ และระงับโทสะเอาไว้ ก่อนพูดว่า “ท่านนายพลซู คุณเอาทหารมากมายมาที่คฤหาสน์ตระกูลหลิวแบบนี้ทำไม?”
หลิวไป๋เสือไม่ใช่ฉู่ชวิ๋น ซูเว่ยจึงไม่ต้องทำตัวสุภาพ เขาพูดหลังจากที่ยิ้มกว้าง “ตระกูลหลิวทรยศต่อประเทศชาติ เราได้รับคำสั่งให้มาควบคุมตัวพวกคุณ ท่านนายพลฉู่จะสืบสวนเรื่องนี้เอง ทุกคนโปรดให้ความร่วมมือแต่โดยดี”
หลิวไป๋เสือถึงกับตกตะลึงที่ได้รู้ว่าฉู่ชวิ๋นจะเป็นคนสืบสวนด้วยตัวเอง แบบนี้พวกเขาก็กลายเป็นลูกไก่ในกำมือของมันน่ะสิ แล้วทุกคนจะรอดไปได้อย่างไร?
“คุณรับคำสั่งมาจากใคร” หลิวจื้อไจ้ขยับเท้าก้าวมาข้างหน้าและถามด้วยน้ำเสียงดุดัน
ซูเว่ยเหยียดแผ่นหลังยืนตรง และพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ผมได้รับคำสั่งจากหัวหน้าหมายเลขหนึ่งให้คอยช่วยอำนวยความสะดวกท่านนายพลฉู่ สืบสวนเรื่องการก่อกบฏของตระกูลหลิว”
หลิวจื้อไจ้มีสีหน้าที่ซีดขาวไปถนัดตา เขาเคยนึกเอาไว้บ้างแต่ก็ไม่คิดจริงๆ ว่าหัวหน้าหมายเลขหนึ่งจะกล้าเล่นงานตระกูลหลิวแบบนี้
ความจริงแล้ว หลิวจื้อไจ้เคยคำนวณเหตุการณ์นี้เอาไว้ล่วงหน้า ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ตระกูลหลิวทำเรื่องใหญ่โตเอาไว้ไม่ใช่น้อย และเขาก็ได้รับรู้ความน่ากลัวของหัวหน้าหมายเลขหนึ่งที่ได้เข้าไปอยู่ในสภาการเมืองและสามารถออกกฎหมายได้ตามใจชอบ หลิวจื้อไจ้จึงพยายามเตือนพวกของบุตรชายแล้ว แต่ไม่มีใครรับฟังอย่างจริงจังเลย
“ฉันไม่เชื่อ เดี๋ยวฉันจะถามเขาด้วยตัวเอง” หลิวไป๋เฟิงพูดด้วยความเดือดดาล เขารู้จักหัวหน้าหมายเลขหนึ่งดี และรู้ด้วยว่านี่เป็นปัญหาใหญ่แล้ว
“ท่านไม่ว่างมาคุยกับคุณหรอกครับ” ซูเว่ยหันมามองด้วยสายตาเย้ยหยัน และพูดว่า ”แต่ท่านก็มีเมตตามากพอที่จะเปิดโอกาสให้คุณได้อธิบาย
ถ้าคุณสามารถอธิบายคลิปวิดีโอนี้ได้เราก็จะมอบความยุติธรรมให้กับคุณ”
เมื่อซูเว่ยโบกมือ นายทหารคนหนึ่งก็หยิบแท็บเล็ตออกมาและกดเล่นคลิปวิดีโอบนหน้าจอ จากนั้นเขาจึงได้นำแท็บเล็ตเดินไปส่งให้คนตระกูลหลิวได้รับชมคลิปวิดีโอ
บนหน้าจอ หลิวเจี่ยเฟยปรากฏตัวขึ้น
แม้แต่ฉู่ชวิ๋นก็ถึงกับตกตะลึง ในคลิปวิดีโอ หลิวเจี่ยเฟยนั่งอยู่ภายในห้องที่กว้างขวาง เขาสวมใส่ชุดสูทสีขาว สวมแว่นตากรอบทองคำ และทรงผมก็ถูกหวีเรียบแปล้
“ด้วยความเคารพท่านผู้นำสาธารณรัฐประชาชนจีน ผมมีนามว่าหลิวเจี่ยเฟย ผมมาจากสกุลหลิวแห่งเมืองหลวง พ่อของผมชื่อหลิวไป๋เทียน ปู่ของผมชื่อหลิวจื้อไจ้ และลุงของผมชื่อหลิวไป๋เฟิง…” หลิวเจี่ยเฟยแนะนำสมาชิกคนสำคัญของตระกูลหลิวทีละคน
หลังจากหยุดไปเล็กน้อย เขาก็พูดต่อ “ผมอยากจะรายงานว่า ผมทนครอบครัวของผมไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว ผมจะขอแจ้งจับตระกูลหลิว พวกเขาประพฤติตัวทำผิดหลักศีลธรรม พวกเขาเข่นฆ่าชีวิตเพื่อนมนุษย์ โดยอาศัยชื่อเสียงของบรรพบุรุษในอดีตเป็นเกราะคุ้มกัน และทำเหมือนบ้านเมืองไม่มีกฎหมาย แต่ที่เลวร้ายที่สุดก็คือพวกเขาร่วมมือกับศัตรูและทรยศประเทศชาติ ด้วยการขายข้อมูลลับ ทำให้ประเทศชาติและประชาชนได้รับความเสียหายอย่างใหญ่หลวง นับได้ว่าพวกเขาก่อกรรมเอาไว้มากมายจริง ๆ”
หลิวเจี่ยเฟยมีสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด แต่เขาก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
ฉู่ชวิ๋นอ้าปากเล็กน้อยด้วยความตกตะลึง เฉินฮั่นหลงถ่ายทำออกมาได้เหมือนจริงสุด ๆ
แต่ตอนที่ทุกคนคิดว่าหลิวเจี่ยเฟยพูดจบแล้ว ชายหนุ่มก็พูดต่อ “พวกคุณจำเหตุการณ์ปล้นเครื่องบินเมื่อไม่กี่เดือนก่อนได้ไหมครับ ท่านนายพลฉู่ชวิ๋นลุยเดี่ยวเข้าไปในเขตของศัตรูและเผชิญหน้ากับพวกมันด้วยความกล้าหาญ เขาคือความภาคภูมิใจของกองทัพ และทำให้โลกทั้งใบต้องตกตะลึง ถึงผมจะไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์นี้ด้วยตัวเอง แต่ผมก็ติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด ผมหวังว่าตัวเองจะได้มีโอกาสฆ่าศัตรูของประเทศจีนเหมือนอย่างท่านนายพลฉู่ชวิ๋นบ้างจริง ๆ”
“ท่านนายพลฉู่เป็นวีรบุรุษของพวกเรา เขาเข้มแข็ง กล้าหาญ มีเมตตาและรักประชาชน แต่ตระกูลหลิวกลับเกลียดชังวีรบุรุษคนนี้ ลูกชายของหลิวไป๋เฟิง หลิวเซียงหรูซึ่งเป็นขยะสังคม เขารู้จักเพียงแต่สุรานารีกีฬาบัตร ในตอนที่ท่านนายพลฉู่เข้ารับตำแหน่งภายในกองทัพ หลิวไป๋เฟิงอยากจะให้ลูกชายของตัวเองได้มีตำแหน่งใหญ่โตบ้าง แต่เขาไม่คิดเลยว่ารัฐบาลกลางจะตัดสินใจมอบตำแหน่งนี้ให้กับฉู่ชวิ๋น นี่คือสาเหตุที่ทำให้ตระกูลหลิวไม่พอใจ พวกเขาเป็นคนจิตใจคับแคบ มีจิตริษยาอาฆาต จึงตัดสินใจว่าต้องฆ่าท่านนายพลฉู่ให้ได้”
“คนตระกูลหลิวมีใจคอโหดร้ายอำมหิต คิดแต่จะฉุดดึงผมให้ต่ำตมลงไปด้วย พวกเขาบังคับให้ผมติดต่อกับกลุ่มหมาป่าทองคำ ซึ่งตระกูลหลิวเคยร่วมมือมาแล้วหลายครั้ง และวางแผนปล้นเครื่องบินลำนั้น เพราะว่ามีคนรู้จักของท่านนายพลฉู่อยู่บนเที่ยวบินนั้น ตระกูลหลิววางแผนที่จะกำจัดท่านนายพลฉู่ แต่น่าสงสารที่พวกเขามองทุกอย่างผิดไป ตระกูลหลิวไม่รู้เลยว่ากำลังพบเจออยู่กับใคร แผนการร้ายล้มเหลว และท่านนายพลฉู่ก็สามารถช่วยทุกคนออกมาได้อย่างปลอดภัย”
“ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเป็นครอบครัวของผม แต่ผมก็รักแผ่นดินเกิด ผมรักแผ่นดินที่ผมยืนอยู่ รักอากาศที่ผมใช้หายใจ ผมรักทุกอย่างของเมืองจีน ผมเคารพวีรบุรุษที่ยินดีเสียสละชีวิตตัวเองเพื่อส่วนรวมอย่างท่านนายพลฉู่ และผมจะไม่ยอมร่วมมือกับพวกใจดำอำมหิตเด็ดขาด ถึงแม้ว่าผมจะต้องถูกจับกุมในฐานะผู้สมรู้ร่วมคิดวางแผนลอบสังหารท่านนายพลฉู่ ผมก็ยินดีเข้ารับโทษทัณฑ์ตามกฎหมาย ถ้าผมตาย ผมก็จะตายบนแผ่นดินจีน คนตระกูลหลิวที่ฟังผมอยู่ตอนนี้ จงลุกขึ้นสู้ อย่าได้หวาดกลัว และเข้าร่วมกับผม ต่อสู้กับหัวหน้าตระกูลผู้ชั่วร้าย เราจะยอมให้คนชั่วมีอำนาจอีกต่อไปไม่ได้แล้ว…”
หลิวเจี่ยเฟยพูดอย่างใส่อารมณ์เต็มที่ สุดท้ายเขาก็ลุกขึ้นยืนและชูกำปั้นขึ้น ส่งเสียงคำรามสาปแช่งการกระทำอันร้ายกาจของตระกูลหลิว
ฉู่ชวิ๋นได้แต่ตกตะลึง ถ้าเขาไม่รู้ที่มาที่ไปของคลิปวิดีโอนี้มาก่อน เขาก็คงถูกหลิวเจี่ยเฟยพูดปลุกใจจนเคลิ้มตามไปแล้ว
ซูเว่ยและกลุ่มทหารผู้ติดตามจ้องมองไปที่คนของตระกูลหลิว ทุกคนไม่รู้ว่าหลิวเจี่ยเฟยในคลิปวิดีโอต้องพูดเพราะถูกบังคับ ในตอนนี้ ทุกคนจึงมองแกนนำตระกูลหลิวด้วยความโกรธแค้น พวกเขาคือทหาร ไม่มีสิ่งใดที่ทหารจะเกลียดชังมากกว่าคนทรยศอีกแล้ว
“จบแล้ว มันจบแล้ว…” หลิวจื้อไจ้ทรุดนั่งลงกับพื้น ส่งเสียงกระซิบออกมา
สมาชิกตระกูลหลิวหลายคน มีสีหน้าที่แสดงถึงความหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง!
“ท่านนายพลซู ฝากคุณด้วยแล้วกันนะก่อนที่ผมจะกลับมา ผมอยากให้พวกคุณคอยคุ้มกันที่นี่ แม้แต่แมลงวันสักตัวก็ห้ามบินออกไปถ้ามีใครทำตัวขัดขืน ให้ฆ่าทิ้งได้ทันที คนที่ทรยศต่อประเทศชาติจะต้องถูกลงโทษ!” ฉู่ชวิ๋นพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
“ไม่ต้องห่วงครับ ผมจะดูแลที่นี่เอง” ซูเว่ยกวาดตามองรอบตัวและพูดเสียงดังว่า “คนที่ทรยศต่อประเทศชาติจะต้องถูกลงโทษ!”
“คนที่ทรยศต่อประเทศชาติจะต้องถูกลงโทษ!”
เสียงของทหารหลายพันคนพร้อมใจกันตะโกนดังกึกก้อง