บทที่ 153 มังกรกำราบมาร[รีไรท์]
สำนักกระบี่ทองคำโกรธแค้นจนเลือดขึ้นหน้ากันถ้วนหน้า
แต่ฉู่ชวิ๋นกลับมาท่าทีเรียบเฉยและแววตาเฉยเมย
“ค่ายกลกระบี่ทองคำ!”
กลุ่มคนพร้อมใจกันประสานเสียงดังอื้ออึง
ผู้อาวุโสหลายสิบคนของสำนักกระบี่ทองคำเคลื่อนไหวด้วยความรวดเร็ว และห้อมล้อมฉู่ชวิ๋นเอาไว้อยู่ตรงกลางค่ายกล
ฉู่ชวิ๋นเลิกคิ้วขึ้นสูงเล็กน้อย รู้สึกสนใจลูกเล่นของฝ่ายตรงข้ามขึ้นมาทันที
ขวับ!
กระบี่ทองคำหลายสิบเล่มเปล่งประกายขึ้นมาพร้อมกัน คมกระบี่หยอกล้อกับแสงสว่างของดวงอาทิตย์ระยิบระยับ ทำให้ฉู่ชวิ๋นต้องหยีตาลงเล็กน้อย
“ค่ายกลกากบาททองคำ” กลุ่มคนร้องตะโกนขึ้นพร้อมกันอีกครั้ง
กระบี่ทองคำหลายสิบเล่มขยับวูบไหว ดอกไม้จำนวนนับไม่ถ้วนถูกปลิดปลิวร่วงลงมา ประกายกระบี่ทองคำให้แสงสว่างเหมือนกับแสงตะเกียง ยิ่งคมกระบี่เข้ามาใกล้มากเท่าไหร่ ขนาดฉู่ชวิ๋นยังต้องตกใจไม่น้อย
ขวับ!
ผู้อาวุโสคนหนึ่งกระโดดเข้ามา สะบัดกระบี่ในมือ คมกระบี่เป็นประกายสว่างจ้า พุ่งตรงเข้ามาหาฉู่ชวิ๋น
ฉู่ชวิ๋นปิดปากหลับตาแน่น จิตใจของเขาครอบคลุมถึงทุกสิ่ง และเขารู้จักกระบวนท่าพวกนี้เป็นอย่างดี
ฉู่ชวิ๋นยกเท้าขึ้นกระทืบลงไปบนพื้นดินอย่างแรง
โครม!
พื้นดินแตกแยกออกจากกัน เศษดินปลิวกระจาย
เศษดินเหล่านั้นปลิวกระเด็นเข้าไปในดวงตาของผู้อาวุโส ผู้อาวุโสจึงต้องตวัดกระบี่เพื่อขับไล่เศษดินออกไป
แต่เมื่อผู้อาวุโสคนนั้นลืมตาขึ้นมาอีกครั้งเขาก็ต้องเบิกตาโตเมื่อพบว่า
ฉู่ชวิ๋นที่อยู่ตรงหน้าได้หายตัวไปแล้ว ผู้อาวุโสเสียวสันหลังวาบและก่อนที่จะทันได้ตั้งตัว พลังฝ่ามืออันแข็งแกร่งก็กระแทกเข้ากับด้านหลังศีรษะของเขาอย่างรุนแรง
พลั่ก!
ร่างของผู้อาวุโสหมุนคว้างลงไปกระแทกพื้นดินในลักษณะกลับหัว ร่างกายช่วงบนจมหายลงไปใต้พื้นดิน เหลือแต่เพียงสองขาที่ชี้ฟ้ากระดิกไปมาอยู่หลายครั้ง ก่อนที่จะนิ่งสนิทไปในที่สุด
กระบี่ทองคำลอยมาตกอยู่ข้างกายผู้อาวุโส ปลายกระบี่ปักลงไปบนพื้นดิน เหมือนกับเป็นการไว้อาลัยให้แก่เจ้านายของมัน
เมื่อเห็นดังนี้ ดวงตาของผู้อาวุโสที่เหลืออยู่ก็ปรากฏความหวาดกลัวขึ้นมาแล้ว การเคลื่อนไหวของกระบี่ในมือพวกเขาเชื่องช้าลงโดยไม่รู้ตัว
“ค่ายกลสำเนียงกระบี่!”
กลุ่มคนร้องตะโกนประสานเสียงขึ้นอีกครั้ง
เสียงดังกังวานกึกก้อง!
ผู้อาวุโสของสำนักกระบี่ทองคำโอบล้อมเข้ามาโจมตีอีกครั้ง เกิดสำเนียงประหลาดดังกังวานออกมาจากตัวกระบี่ สำเนียงประหลาดเหล่านี้กัดกินลงไปถึงจิตวิญญาณ ซึ่งทำให้ผู้คนรู้สึกทุกข์ทนทรมาน
แม้แต่ฉู่ชวิ๋นก็ถึงกับชะงักไปเล็กน้อย แต่เมื่อเขาโคจรพลังลมปราณ ความรู้สึกมึนงงนั้นก็จางหายไป
ทันใดนั้นเอง ฉู่ชวิ๋นดีดตัวขึ้น
ครืน!
ตรงจุดที่เขาเคยยืนอยู่ก่อนหน้านี้ พื้นดินทรุดตัวถล่มลงไปพร้อมกับก้อนหินจำนวนมาก ปรากฏร่องรอยกระบี่เป็นทางยาวหลายเมตรอยู่บนพื้น
น่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง
ก่อนหน้านี้ ฉู่ชวิ๋นคิดว่าการต่อสู้กับสำนักกระบี่ทองคำเป็นเรื่องน่าเบื่อ แต่ตอนนี้เขาเริ่มรู้สึกสนใจขึ้นมาแล้ว
เขานึกว่ามันเป็นแค่พลังเสียงสะกดจิตเท่านั้น ที่ไหนได้ มันกลับแฝงไว้ด้วยพลังทำลายล้างอีกต่างหาก
การโจมตีในรูปแบบนี้มีความแม่นยำยิ่ง ในขณะที่คลื่นเสียงโจมตีทางหนึ่ง พลังทำลายล้างก็จะแฝงตัวเข้ามาโจมตีอีกทางหนึ่ง
ในขณะนี้ ฉู่ชวิ๋นเลิกคิ้วขึ้นสูงเล็กน้อย และดีดตัวหลบไปอีกทาง
โครม!
เป็นอีกครั้งที่มีคมกระบี่ฝังตัวลงไปยังตำแหน่งที่เขาเคยยืนอยู่ พื้นดินแยกออกจากกันอย่างน่าหวาดกลัวเป็นที่สุด
คมกระบี่ฟาดฟันเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ฉู่ชวิ๋นลอยตัวในอากาศเหมือนผีเสื้อตอมดอกไม้ พื้นดินที่อยู่เบื้องล่างแยกตัวออกครั้งแล้วครั้งเล่า บนพื้นมีแต่ร่องรอยของคมกระบี่เต็มไปหมด
ฉู่ชวิ๋นไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีเคล็ดวิชาเหล่านี้อยู่บนโลกด้วย ถือได้ว่าน่ามหัศจรรย์จริงๆ
เขาเคยคิดมาตลอดว่าบนโลกใบนี้ บางทีโลกนี้เองก็เคยรุ่งเรืองเกินจะเปรียบต่อให้เทียบกับดินแดนแห่งเซียนก็ไม่น้อยหน้ากว่ากันนักไม่งั้นจะมีวิชาหรือค่ายกลมากมายแบบนี้ได้ยังไง แต่ตอนนี้มันได้ตกต่ำลงด้วยสาเหตุบางอย่าง
โครม!
ก้อนหินแตกตัวออกและพื้นดินก็แยกตัวออกจากกันอีกครั้ง
ฉู่ชวิ๋นเริ่มรู้สึกเบื่อหน่ายขึ้นมาแล้ว ดูเหมือนว่าคนของสำนักกระบี่ทองคำจะทำตามตำราไปหมดทุกอย่าง ในขณะที่คลื่นเสียงสามารถแปรเปลี่ยนไปได้หลายรูปแบบ แต่สำนักกระบี่ทองคำกลับสามารถเปลี่ยนคลื่นเสียงให้กลายเป็นคมกระบี่ได้อย่างเดียวเท่านั้น ฉู่ชวิ๋นคิดแล้วก็รู้สึกเสียดายขึ้นมาจริงๆ
“เจ้าพวกนี้มันโง่งมไม่รู้จักพลิกแพลงซะจริง มีวิชาดีขนาดนี้ดันใช่ไม่เป็น”
“ฉู่ชวิ๋น รับกระบี่นี้ไปซะ” เกิดเสียงคำรามดังขึ้นพร้อมกัน เนื่องจากทุกคนเห็นว่าฉู่ชวิ๋นได้แต่กระโดดหลบหลีกไปมา นั่นหมายความว่าชายหนุ่มไม่สามารถหาวิธีสลายค่ายกลสำเนียงกระบี่ได้นั่นเอง
“ฉู่ชวิ๋น แกฆ่าคนของสำนักกระบี่ทองคำไปมากมาย วันนี้อย่าได้หวังจะกลับออกไปเลย แกต้องทิ้งหัวไว้ที่นี่แหละ” ผู้อาวุโสอีกคนหนึ่งพูดด้วยน้ำเสียงดุดัน
“พวกเรารีบฆ่ามันกันเลยดีกว่า”
“หลังจากวันนี้ไป จะไม่มีฉู่ชวิ๋นจอมมารอยู่ในโลกนี้ต่อไปแล้ว”
“ฉู่ชวิ๋น ถ้าแกส่งมอบคัมภีร์ความลับฟ้ามาโดยดี เราจะเก็บศพของแกไว้ และสัญญาว่าจะไม่ทำร้ายครอบครัวแกด้วย”
……
……
ดวงตาที่เย็นชาของฉู่ชวิ๋นไม่ปรากฏความเปลี่ยนแปลงใด ๆ ทั้งสิ้น ชายหนุ่มสะบัดฝ่ามือออกไปด้วยความเกรี้ยวกราด
เกิดเสียงมังกรคำรน วิหคเพลิงคำรามดังขึ้นทันที
ในวินาทีนั้นเอง มวลอากาศก็สั่นไหว เศษฝุ่นเศษหินเศษทรายที่อยู่บนพื้นดินถูกดูดขึ้นไปกลายเป็นพายุหมุน เสียงมังกรคำรนทำให้หัวใจของคนที่รับฟังหวาดหวั่นไปถึงจิตวิญญาณ ในขณะที่เสียงคำรามของวิหคเพลิง ทำให้จิตวิญญาณของพวกเขาต้องมนต์สะกด
ค่ายกลสำเนียงกระบี่ของสำนักกระบี่ทองคำ จางหายไปในพริบตา
“เจ็บแล้วไม่เคยจำกันเลยจริง ๆ นะ” ฉู่ชวิ๋นพูดออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
ผู้อาวุโสของสำนักกระบี่ทองคำถึงกับตกตะลึงไปแล้ว ค่ายกลสำเนียงกระบี่ใช้ไม่ได้ผลกับฉู่ชวิ๋น เลือดลมในร่างกายของพวกเขาสูบฉีดจากเสียงคำรามของมังกรและวิหคเพลิง บางคนถึงกับกระอักเลือดออกมาจากริมฝีปากแล้วด้วยซ้ำ
“สังหาร!”
ฉู่ชวิ๋นคำรามด้วยความเดือดดาล คนพวกนี้ไม่กลัวตายจริงๆ คิดอยากจะแย่งสมบัติและข่มเหงครอบครัวของเขานักใช่ไหม
เมื่อเขาสะบัดฝ่ามือ วิหคเพลิงก็พ่นไฟออกมาแล้ว
วิหคเพลิงสยายเปลวไฟครอบคลุมท้องนภา ตัวมันเองบินอยู่กลางอากาศด้วยท่วงท่าสง่างาม ดวงตาของมันจ้องมองกลุ่มคนที่ยืนอยู่เบื้องล่าง เพียงพริบตาเดียว เปลวไฟที่ลามเลียอยู่บนท้องฟ้าก็พุ่งตรงลงมาบนพื้นดิน
เปลวไฟเหล่านั้นพุ่งตรงเข้าไปหาผู้อาวุโสของสำนักกระบี่ทองคำที่อยู่ต่อหน้าฉู่ชวิ๋น แล้วแสงสว่างก็แผดจ้าจนมองอะไรไม่เห็นอีกต่อไป
พรึบ!
เปลวไฟจากท้องฟ้าเผาผลาญทุกสิ่งทุกอย่างในพริบตาเดียว ในอากาศ เต็มไปด้วยเสียงประกายไฟปะทุดัง “เปรี๊ยะปร๊ะ” ตลอดเวลา
เปลวไฟแผ่กระจายในวงกว้าง ทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางหน้าหายวับไปกับตา
ผู้อาวุโสของสำนักกระบี่ทองคำ 5 คนก็หนีไม่รอด พวกเขาถูกกลืนหายเข้าไปในเปลวไฟและกลายเป็นเถ้าถ่านไปทันที
ทุกคนต่างก็หวาดกลัว เสียวสันหลังวาบทันทีที่เห็นภาพนี้
ฉู่ชวิ๋นปล่อยหมัดออกไปสังหารผู้อาวุโสที่อยู่ทางซ้ายมือ
“ทุกคนถอยไปเดี๋ยวนี้!” ดวงตาของหยานซงแทบจะหลั่งเลือดออกมาแล้ว ผู้อาวุโสทั้ง 22 คนของสำนักกระบี่ทองคำ ต้องผ่านการลงทุนทางด้านเงินทอง ทรัพยากรมนุษย์และเสียเวลาฝึกฝนมาหลายสิบปี
ทุกคนคือสมบัติล้ำค่าของสำนัก ณ ยอดเขาเฉียนหลง ฉู่ชวิ๋นสังหารผู้อาวุโสของสำนักกระบี่ทองคำไป 3 คน และในนั้นก็มีขั้นปรมาจารย์ระดับ 3 ด้วย
แล้วตอนนี้ ฉู่ชวิ๋นก็สังหารผู้อาวุโสของสำนักเพิ่มไปอีก 8 คน
สำนักกระบี่ทองคำเหลือผู้อาวุโสอยู่อีกเพียงแค่ 11 คนเท่านั้นเอง
หยานซงกระอักเลือดอยู่ในอก
คนของเขาถูกฆ่าตายเหมือนผักปลา
ย้ำเตือนให้หยานซงคิดว่าสำนักของตนเองช่างไร้ประโยชน์จริง ๆ
ขวับ!
ศีรษะของผู้อาวุโสถูกคลื่นพลังจากกำปั้นของฉู่ชวิ๋น กระแทกเข้าเต็มแรงอีกครั้ง
หมัดถูกปล่อยออกมาด้วยความดุดัน
พลั่ก!
ผู้อาวุโสอีกคนหนึ่งร่างกายขาดครึ่งท่อน เลือดสาดกระจายในอากาศ ส่งเสียงกรีดร้องโหยหวน
ขวับ!
และแล้ว ลำแสงสีขาวเหมือนประกายดาบก็ตวัดวาบ เสียงกรีดร้องของ
ผู้อาวุโสเงียบหายไปทันที เมื่อศีรษะของเขากลิ้งไปจมอยู่ในกองเลือดบนพื้นดิน
“ฆ่ามัน!”
หยานซงตะโกน กระบี่ทองคำกำแน่นอยู่ในมือ เงื้อกระบี่ขึ้นฟาดฟันด้วยความรุนแรง
ฉู่ชวิ๋นหันขวับกลับมาตอบโต้ด้วยกำปั้น
วูบ!
คมกระบี่ฟันไม่โดนฉู่ชวิ๋น
พลั่ก!
ฉู่ชวิ๋นรัวหมัดใส่ฝ่ายตรงข้ามราวกับพายุ
เขาต่อยรวดเดียวสิบกว่าหมัด เจ้าสำนักกระบี่ทองคำไม่สามารถตอบโต้เขาได้เลย
แต่ละหมัดที่ต่อยออกไป หยานซงก็จะถอยหลังไปหนึ่งก้าว พื้นหินใต้เท้าเขาแตกออก กลายเป็นรอยเท้าของเขาเอง
หลังจาก 10 หมัดผ่านไป หยานซงก็ถอยหลังไป 10 ก้าว
ฉู่ชวิ๋นรัวกำปั้นต่อไปด้วยความเย็นชา
พลั่ก!
พายุหมัดของเขากระแทกเข้ากับกระบี่อย่างรุนแรง
2 เท้าของหยานซงจมหายลงไปในพื้นหินมากยิ่งขึ้น
ฉู่ชวิ๋นไม่ได้โจมตีต่อไป หลังจากที่รั้งมือกลับมา ชายหนุ่มก็มองหน้าหยานซงด้วยความเฉยเมย
ดวงตาของหยานซงเต็มไปด้วยความตื่นกลัว แขนของเขาสั่นเทา ริมฝีปากของเขาแตกจนเลือดออก เห็นได้ชัดว่าพลังของฉู่ชวิ๋นสามารถเอาชนะพลังกระบี่ทองคำของเขาได้ทุกกระบวนท่าจริง ๆ
เชียนเหลยและคนอื่น ๆ ล่าถอยมายืนอยู่ข้างกายหยานซง
ทุกคนหวาดกลัวสุดขีด ได้แต่ยืนล้อมวงกันไว้ และจ้องมองฉู่ชวิ๋นด้วยความพรั่นพรึง
เนื่องจากกระบี่ทองคำในมือของหยานซงได้เกิดรอยร้าวขึ้นมาแล้ว
กระบี่ทองคำเล่มนี้ถูกส่งต่อกันมานับร้อยปี มันกินเลือดคนมามากมาย แต่บนตัวกระบี่ไม่มีรอยเลือดเปื้อนอยู่เลย ความคมของมันสามารถตัดก้อนหินและทองคำได้อย่างง่ายดาย สามารถต้านทานได้แม้แต่กระสุนปืนของกองทัพสมัยใหม่ มันไม่ได้เป็นแค่ดาบเท่านั้น แต่ยังเป็นโล่กำบังได้อีกด้วย สามารถใช้ได้ทั้งการโจมตีและป้องกัน ถือว่าเป็นของสำคัญสำหรับเจ้าสำนักกระบี่ทองคำทุกคน
แต่ตอนนี้ กระบี่ทองคำกลับแตกร้าวด้วยน้ำมือของฉู่ชวิ๋น นั่นหมายความว่าฉู่ชวิ๋นต้องมีความแข็งแกร่งมากมายขนาดไหนกัน?
นอกจากนี้ คนของสำนักกระบี่ทองคำยังไม่อาจหยุดยั้งฉู่ชวิ๋นได้เลย เพียงแค่คิดขึ้นมา ร่างกายของพวกเขาก็สั่นเทาแล้ว
พวกเขาได้เห็นฉู่ชวิ๋นสังหารผู้อาวุโสของสำนักไปต่อหน้าต่อตา
ทุกคนหวาดกลัวจนตัวสั่น และเริ่มสำนึกเสียใจแล้วว่า ไม่น่าไปเป็นศัตรูกับฉู่ชวิ๋นเลยจริง ๆ