บทที่ 155 ฆ่าทั้งสำนัก![รีไรท์]
ฉู่ชวิ๋นเดินทางออกมาจากภูเขาลั่วหยิง
เป้าหมายต่อไปของเขาก็คือสำนักความหวังใหม่
ชายหนุ่มตั้งใจที่จะเดินทางไล่ไปทีละสำนัก
กระต่ายหยกมอบแผนที่มาให้เขาเรียบร้อยแล้ว
เมืองที่อยู่ใกล้สำนักความหวังใหม่ที่สุดก็คือเมืองเซี่ยเฟย
เมืองเซี่ยเฟยตั้งอยู่บนภูเขาสูง รายล้อมไปด้วยเทือกเขาและต้นไม้นานาชนิด
ภูเขาใหญ่เรียงรายสุดลูกหูลูกตา ไม่ว่ามองไปทางไหนก็จะพบเจอแต่ป่าลึก สำนักความหวังใหม่ไว้ตั้งอยู่บนภูเขาเฟยหยุนที่อยู่ท่ามกลางเทือกเขาแห่งนี้
ฉู่ชวิ๋นรีบออกเดินทางไปที่เมืองเซี่ยเฟยทันที
……
……
ในขณะที่ฉู่ชวิ๋นออกเดินทางไปยังสำนักความหวังใหม่ ได้มีกลุ่มคนเดินทางมารวมตัวกันที่เมืองกู่เจียง
“ท่านผู้อาวุโสฮู่ เราได้ข้อมูลมาว่าลูกน้องของฉู่ชวิ๋น ตอนนี้ไปอาศัยอยู่ที่ภัตตาคารป่าไผ่สีม่วงกันหมดแล้วครับ” ชายหนุ่มใบหน้าซีดขาวรายงานแก่ชายชราผู้สวมใส่ชุดสีดำ ที่นั่งอยู่บนโซฟาตัวยาวด้วยน้ำเสียงแสดงความเคารพเป็นอย่างสูง
“ผมอยากจะฆ่าพวกมันให้หมด ฉู่ชวิ๋นจะได้รู้ว่าไม่ได้มีแต่เขาคนเดียวเท่านั้นที่ฆ่าคนอื่นได้”
ชายชราที่ไว้เครายาวซึ่งนั่งอยู่บนโซฟาด้านตรงข้ามลุกขึ้นพูดด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว
“เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง” ผู้เข้าร่วมประชุมคนอื่น ๆ ส่งเสียงสนับสนุน
ในห้องประชุมขณะนี้มีคนอยู่ด้วยกันทั้งหมด 9 คน นอกจากชายชราผู้สวมใส่ชุดดำและชายหนุ่มที่สวมใส่ชุดสีเดียวกันแล้ว ผู้เข้าร่วมวงประชุมคนอื่นๆ ก็มีลักษณะเดียวกับชายชราที่ไว้เครายาว ซึ่งมีเจตนาจะฆ่าทุกคนที่เกี่ยวข้องกับฉู่ชวิ๋นให้หมดสิ้นไป
“ผู้อาวุโสฮู่ ขอแค่คุณพยักหน้ามาครั้งเดียว ผมจะไปฆ่าทุกคนที่อยู่ในภัตตาคารป่าไผ่สีม่วงเดี๋ยวนี้แหละ” ชายชราเครายาวพูดอย่างอดใจรอต่อไปไม่ไหวแล้ว
“ผู้อาวุโสเครายาว นานทีปีหนถึงจะเห็นคุณคึกคักแบบนี้นะเนี่ย” ใครคนหนึ่งในวงประชุมส่งเสียงหยอกเย้าขึ้นมา “หรือจะเป็นเพราะว่าคุณได้ข่าวมาว่าผู้หญิงของฉู่ชวิ๋น จัดเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งของแผ่นดินกันแน่?”
ชายชราเครายาวหน้าแดงก่ำ แต่ก็ยังตอบกลับไปว่า “นายพูดอะไรของนาย? ฉันแค่ทนความกำแหงของฉู่ชวิ๋นไม่ไหวแล้ว ถ้ามันหาเรื่องกับคนอื่นฉันก็คงไม่สนใจ แต่ถ้ามันมาหาเรื่องฉันแบบนี้ มันต้องตายสถานเดียว”
“พูดจริงสิ? แล้วทำไมต้องพูดเสียงสูงด้วย” สมาชิกในวงประชุมยังคงหยอกเย้าเขาต่อไป
เมื่อชายชราเครายาวเห็นว่าตนเองถูกปั่นหัวเป็นตัวตลก จึงได้พ่นลมออกมาทางจมูกอย่างไม่พอใจ
“ไม่เอาน่า พวกเรามันคนกันเองทั้งนั้น รู้เห็นนิสัยใจคอกันมาขนาดไหนแล้ว ไม่ต้องพูดอะไรกันมากหรอก” ใครบางคนพูดขึ้น
ทุกคนต่างก็ทราบดีว่าชายชราเครายาวหมกมุ่นอยู่ในตัณหาราคะเป็นที่สุด
“เหอะ ฉู่ชวิ๋นสังหารผู้อาวุโสฉีและคนอื่นๆ อย่างโหดเหี้ยมแบบนั้น แล้วมันจะเป็นอะไรถ้าฉันจะขอเล่นสนุกกับผู้หญิงของมันบ้าง” ชายชราเครายาวไม่ปิดบังความต้องการอีกต่อไป สีหน้าของเขาฉายแววลามกชัดเจน
เขาได้ยินมาว่าผู้หญิงของฉู่ชวิ๋น ฮวาชิงหวู่มีความสวยงามไม่เหมือนใคร
“คุณกล้าพูดแบบนั้นต่อหน้าฉู่ชวิ๋นหรือเปล่าล่ะ?” ชายหนุ่มชุดดำว่า
“ทำไมจะไม่กล้า? ฉู่ชวิ๋นเป็นใครกัน น่าเสียดายที่มันไม่ได้อยู่ในเมืองกู่เจียง ถ้ามันอยู่ที่นี่นะ ฉันจะจับมันมานั่งดูฉันขย่มเมียมันต่อหน้าต่อตาเลยทีเดียว” ชายชราเครายาวพูดด้วยความยโสโอหัง
“แหม ทำเป็นพูดดี ถ้าฉู่ชวิ๋นอยู่ในกู่เจียงตอนนี้ คุณนั่นแหละที่จะเปิดตูดหนีไปเป็นคนแรก” ใครคนหนึ่งว่า
ชายชราเครายาวไม่ตอบโต้อะไร ทุกคนต่างก็ทราบดีว่าแม้แต่จอมยุทธ์ปรมาจารย์ระดับ 3 ก็ยังไม่อาจรอดพ้นเงื้อมมือของฉู่ชวิ๋นไปได้เลย
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะยังไม่เคยเจอฉู่ชวิ๋นด้วยตัวเอง แต่ชื่อเสียงความน่ากลัวของชายหนุ่มผู้นี้ ดูท่าจะไม่ใช่เรื่องล้อเล่นจริงๆ
“เอาละ” ชายชราในชุดดำพูดขึ้น ทำให้ทุกคนเงียบเสียงลงทันที
“ไปซะ! กลับไปพักผ่อนกันให้หมด เราจะมาประชุมกันใหม่วันพรุ่งนี้” ชายชราในชุดดำออกคำสั่ง
พวกเขาแค่ดินทางผ่านเมืองกู่เจียงหลังจากที่เสร็จธุระเท่านั้น และได้ข่าวว่าฉู่ชวิ๋นสังหารเจ้าสำนักสวรรค์ฟ้าฉีจินพอดี และทุกคนยังรู้มาอีกด้วยว่า ฉู่ชวิ๋นไม่ได้อยู่ในกู่เจียงในขณะนี้
“รับทราบครับ” ทุกคนรับคำอย่างมีความสุข
ชายชราเครายาวกำลังจะเดินออกไป แต่ชายหนุ่มในชุดดำก็ร้องบอกให้หยุดก่อน
ชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา เมื่อเปิดดูข้อความ ตัวของเขาก็สั่นเทิ้ม
“มีเรื่องอะไร?” ชายชราในชุดดำถาม
ชายหนุ่มสูดหายใจลึก ก่อนที่จะหันไปตอบว่า
“มีรายงานข่าวแจ้งว่า เจ้าสำนักกระบี่ทองคำคนใหม่ หยานซง รองเจ้าสำนัก เชียนเหลย และผู้อาวุโสภายในสำนักคนอื่น ๆ ถูกสังหารหมดสิ้น สำนักกระบี่ทองคำถูกลบออกไปจากสารระบบของยุทธภพเรียบร้อยแล้วครับ”
เมื่อทุกคนได้ยินข่าวนี้ ต่างก็ตกตะลึงไปทันที
แม้แต่ใบหน้าที่สงบเยือกเย็นของชายชราในชุดดำ ก็ปรากฏความตื่นตกใจขึ้นมาแล้ว
“เป็นไปได้ยังไง? หยานซงเป็นถึงเจ้าสำนักกระบี่ทองคำ เป็นจอมยุทธ์ที่มีฝีมือไม่ธรรมดาเชียวนะ” ใครคนหนึ่งพูดออกมาอย่างไม่อยากเชื่อ
“กระบี่ทองคำของเขาไร้เทียมทานขนาดไหน แถมระดับฝีมือของเขาก็สูงส่งขนาดนั้น ใครกันนะที่เป็นคนฆ่าเขาได้?”
“หรือว่ากองทัพยกคนไปโจมตีสำนักกระบี่ทองคำ?”
เมื่อได้ยินดังนั้น หลายคนก็พยักหน้าหงึกหงัก พวกเขาคิดว่ามันมีเหตุผลเป็นไปได้มากที่สุด นอกจากจะถูกยกกองทัพมาถล่มแล้ว จะมีใครสามารถสังหารหยานซงและผู้อาวุโสในสำนักกระบี่ทองคำได้อีกเล่า?
“คนที่โค่นล้มสำนักกระบี่ทองคำมีแค่คนเดียวเท่านั้น!” ชายหนุ่มในชุดดำพูดด้วยความโกรธแค้น
“มีแค่คนเดียวงั้นเหรอ?” ใครบางคนอุทานออกมา
“ใคร? ไอ้จอมมารนั่นมันเป็นใครกัน?” เมื่อคำว่า ‘จอมมาร’ ถูกพูดออกมา คนพูดก็ยืนตัวแข็งทื่อไปแล้ว
ภายในห้องประชุมเงียบสนิท
ต้องใช้เวลาอีกเนิ่นนาน กว่าจะมีใครบางคนกล้าพูดออกมาว่า “หรือจะเป็นฉู่ชวิ๋น?”
ในที่สุดชายหนุ่มในชุดดำก็พยักหน้า
ทุกคนตกตะลึงเกินกว่าจะพูดอะไรออกมาได้อีกแล้ว
มือของชายชราเครายาวที่จับอยู่บนลูกบิดประตู ปล่อยมือออกโดยไม่รู้ตัว สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
ทุกคนนิ่งเงียบ บรรยากาศในห้องประชุมดูหมองเศร้า
บัดนี้ ทุกคนได้รู้ซึ้งถึงฝีมือของฉู่ชวิ๋นกันแล้วจริงๆ
ข่าวที่ว่าคนเพียงคนเดียวสามารถกวาดล้างสำนักกระบี่ทองคำได้ ทำให้พวกเขาพูดอะไรไม่ออกอยู่ครึ่งค่อนวัน
บัดนี้ ทุกคนได้ทราบแล้วว่าฉายา “ฉู่ชวิ๋น มือสังหารจอมโหด” ไม่ได้เป็นเพียงแค่คำพูดเลื่อนลอยอีกแล้ว
“ตามข่าวที่ผมได้รับมา หลังจากที่กวาดล้างสำนักกระบี่ทองคำเสร็จ ฉู่ชวิ๋นก็เดินทางต่อไปที่เมืองเซี่ยเฟย”
ชายหนุ่มในชุดดำรายงานต่อ
เมืองเซี่ยเฟย?
ไม่มีใครรู้ว่าฉู่ชวิ๋นไปทำไม
ชายหนุ่มในชุดดำกวาดตามองรอบตัว ก่อนที่จะยิ้มออกมาด้วยความขมขื่น
“ผมได้ยินมาว่าสำนักความหวังใหม่ ตั้งอยู่บนภูเขาใกล้ ๆ กับเมืองเซี่ยเฟย”
“อย่าบอกนะว่ามันจะไปกวาดล้างสำนักความหวังใหม่ด้วย?” ชายชราเครายาวพูดด้วยน้ำเสียงตื่นกลัว
หลายคนหันมาจ้องมองเขาด้วยความขบขัน มันก็แน่นอนอยู่แล้วไม่ใช่หรือ? ฉู่ชวิ๋นคงไม่เดินทางไปที่สำนักความหวังใหม่เพื่อไปจิบน้ำชาแน่ ๆ
ใครบางคนเดินไปเปิดหน้าต่าง ปล่อยให้อากาศจากภายนอกไหลเวียนถ่ายเทเข้ามา ขับไล่บรรยากาศอันหมองมัวในห้องให้หมดไป
“ไอ้เจ้าฉู่ชวิ๋น มันชักจะกำแหงมากเกินไปแล้ว” ชายชราในชุดดำคำราม
ทุกคนหันไปมองเขาเป็นตาเดียวกัน
“พวกนายกลัวมันหรือไง?” ชายชราในชุดดำจ้องมองตอบกลับไป
ผู้ร่วมประชุมทั้ง 8 คนเงียบไปทันที เป็นคำตอบว่าพวกเขาหวาดกลัวฉู่ชวิ๋นจริง ๆ
แต่ถึงจะหวาดกลัวสักเท่าไหร่ ก็จะเสียหน้าไม่ได้เด็ดขาด
“จะกลัวไปทำไม? ฉู่ชวิ๋นมีฝีมือไม่ใช่เล่นก็จริง แต่อย่าลืมสิว่าพวกเรายังมีผู้อาวุโสอยู่อีกตั้งเท่าไหร่” ชายชราในชุดดำตวาด
ทุกคนตกตะลึง
ในไม่ช้า พวกเขาก็รู้สึกจิตใจฮึกเหิมขึ้นมาแล้ว
ใช่ ฉู่ชวิ๋นมีฝีมือก็จริง แต่ไอ้หมอนั่นไม่ใช่เทพเจ้าสักหน่อย
ในหัวใจของพวกเขา บรรดาผู้อาวุโสภายในสำนักต่างหาก ที่เป็นเทพเจ้าตัวจริง
ชายชราในชุดดำลุกขึ้นยืนและพูดด้วยน้ำเสียงฉุนเฉียว “เจ้าฉู่ชวิ๋นมันบอกว่าจะมาจัดการสำนักสวรรค์ฟ้าใช่ไหม ให้ตายเถอะ ในฐานะที่ฉันเป็นผู้อาวุโสของสำนักสวรรค์ฟ้า ฉันจะปล่อยให้มันทำแบบนั้นได้ยังไง”
“ท่านผู้อาวุโสฮู่ตั้งใจจะทำอะไรหรือครับ?” ใครคนหนึ่งถามขึ้น
“ถ้ามันสร้างชื่อจากการฆ่าล้างบางพวกเรา เราก็จะทำแบบเดียวกับมันบ้าง” ชายชราในชุดดำพูดด้วยสีหน้าและน้ำเสียงอำมหิต
“ผู้อาวุโสฮู่หมายถึงการฆ่าทุกคนที่เกี่ยวข้องกับฉู่ชวิ๋น และทำให้มันออกอาละวาดในโลกยุทธภพใช่ไหมครับ?” ใครอีกคนหนึ่งพูด
ชายชราในชุดดำยิ้ม และพยักหน้าอย่างช้าๆ
หลังจากนั้น ทุกคนก็รู้สึกคึกคักขึ้นมาแล้ว
ก่อนหน้านี้ สำนักกระบี่ทองคำและสำนักความหวังใหม่ขึ้นไปปิดล้อมภูเขาเฉียนหลงและคุกคามคนสนิทของฉู่ชวิ๋น ส่งผลให้ฉู่ชวิ๋นตามมาล้างแค้นจนเกิดการนองเลือดขึ้นแบบนี้
นั่นเป็นการประกาศให้คนทั้งโลกรับรู้ว่า ถ้าใครไปยุ่งกับคนของเขา มันผู้นั้นจะต้องตาย
ในเวลาเดียวกัน ฉู่ชวิ๋นก็ประกาศคำเตือนถึงสำนักสวรรค์ฟ้าว่า ถ้าสำนักสวรรค์ฟ้าไม่ยอมทำตามที่เขาสั่ง เขาก็จะมาโค่นล้มสำนักสวรรค์ฟ้าด้วยตัวเอง
แต่ครั้งนี้ ถ้าสำนักสวรรค์ฟ้าสามารถฆ่าคนสนิทของฉู่ชวิ๋นได้ ภาพลักษณ์ที่น่าหวาดกลัวของฉู่ชวิ๋นก็จะกลายเป็นแค่เรื่องตลกไปทันที และมันยังเป็นการประกาศอีกด้วยว่า คำขู่ของเขาไม่สามารถใช้ได้ผลกับสำนักสวรรค์ฟ้า
กลุ่มคนที่อยู่ในวงประชุมต่างก็เห็นด้วยกับแผนการนี้ และยินดีเข้าร่วมเพื่อดำเนินแผนการให้สำเร็จ
โชคร้ายที่ไม่มีใครรู้เลยว่า ฉู่ชวิ๋นไม่ได้อยากจะสร้างภาพลักษณ์ของผู้ยิ่งใหญ่อะไรทั้งนั้น เขาแค่อยากจะหาพ่อแม่ให้เจอและมีชีวิตที่สงบสุขเท่านั้นเอง!