บทที่ 204 รวมตัวครอบครัว[รีไรท์] ฉู่ชวิ๋นออกมาจากตรอกซอมซ่อพร้อมกับพ่อแม่และเดินทางด้วยรถยนต์ของมังกรเขียว “ที่รัก ฉันไม่ได้ฝันไปใช่ไหม ? เมื่อกี้นี้ฉันได้พบหัวหน้าหมายเลขหนึ่ง และท่านใจดีกับฉันเหลือเกิน” หลิวหรานยังคงตกตะลึง เมื่อได้พบผู้บัญชาการทหารสูงสุดเมื่อสักครู่นี้ ฉู่เทียนเหอเองก็มีอาการตกตะลึงไม่ต่างไปจากเธอ พวกเขาเป็นแค่คนธรรมดาและเคยเห็นหัวหน้าหมายเลขหนึ่ง ผ่านหน้าจอทีวีเท่านั้น แต่เมื่อสักครู่นี้ หัวหน้าหมายเลขหนึ่ง ได้มาปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขา มันช่างเหลือเชื่อจริง ๆ ฉู่ชวิ๋นพูดอะไรไม่ออกอยู่ครู่ใหญ่ นี่มันอะไรกันเนี่ย? “แม่ครับ ถ้าแม่เป็นแบบนี้ เดี๋ยวพ่อก็หึงเอาหรอก” ฉู่ชวิ๋นหันหน้ากลับไป หัวเราะในขณะที่ขับรถไปด้วย หลิวหรานหันไปมองหน้าฉู่เทียนเหอ แล้วว่า “แก่จนปูนนี้แล้ว ยังจะหึงอีกเหรอ?” ฉู่ชวิ๋นอยากยกมือตบหน้าผากตัวเองจริง ๆ ดูเหมือนเขาจะทำให้พ่องานเข้า โดยไม่ได้ตั้งใจเสียแล้ว ฉู่เทียนเหอถลึงตาจ้องมองฉู่ชวิ๋นด้วยความไม่พอใจ นี่เขาแสดงอาการหึงหวงตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ? “ฉันนึกว่าหัวหน้าหมายเลขหนึ่ง จะเป็นคนซีเรียสจริงจัง ไม่คิดเลยว่าจะใจดีขนาดนี้” หลิวหรานกลายเป็นแฟนคลับของผู้บัญชาการทหารสูงสุดไปเสียแล้ว ฉู่เทียนเหอแสดงความไม่พอใจออกมาจริง ๆ แล้วขณะที่พูดออกมา “เขาก็แค่ทำไปตามมารยาทเท่านั้นแหละ ผมแน่ใจว่าตอนนี้เขาคงลืมชื่อคุณไปแล้วด้วยซ้ำ” หลิวหรานค้อนผู้เป็นสามี ก่อนที่จะทุบหัวไหล่ด้วยความไม่ชอบใจฉู่เทียนเหอระเบิดเสียงหัวเราะอย่างไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ฉู่ชวิ๋นแอบหัวเราะอยู่เงียบ ๆ พ่อนี่นิสัยเหมือนเดิมเลยจริง ๆ “หัวเราะอะไร ไอ้ลูกชาย อยากโดนดีใช่ไหม” ฉู่เทียนเหอ พูดเสียงแข็ง ฉู่ชวิ๋นยิ้มมุมปากออกมาโดยไม่รู้ตัว … พูดคุยกันไป ขับรถกันไป ในที่สุดก็มาถึงคฤหาสน์ตระกูลหลิวแล้ว ครั้งหนึ่งตระกูลหลิวเคยยิ่งใหญ่เกรียงไกร ในขณะนี้ที่หน้าประตูคฤหาสน์กลับเงียบเหงาวังเวงเป็นอย่างยิ่ง ทั้งสามคนลงมาจากรถ หลิวหรานมองประตูหน้าคฤหาสน์ตระกูลหลิว ที่ถูกฉู่ชวิ๋นทำลายเมื่อครั้งที่แล้วพลัน สีหน้าของเธอก็บูดบึ้งขึ้นมา ในอดีต หลิวหรานและแม่เคยมานั่งคุกเข่าอยู่หน้าประตูบานนี้เป็นเวลาถึง สองวัน สองคืน เพื่อขอเข้าไปอาศัยอยู่ในคฤหาสน์ตระกูลหลิว คืนวันที่สอง มีฝนตกหนักมาก และเนื่องจากแม่ของเธอนั่งตากฝนเป็นเวลานานจึงทำให้ล้มป่วยและในไม่ช้าก็เสียชีวิตด้วยโรคปอดบวม ทิ้งให้หลิวหรานอยู่เผชิญโลกนี้ตามลำพัง ฉู่เทียนเหอกุมมือภรรยาแนบแน่น “พ่อครับแม่ครับ เข้าไปข้างในกันเถอะ” ฉู่ชวิ๋นพูด ขณะนี้ มีนายทหารผู้หนึ่งเดินออกมาทำความเคารพเขาที่หน้าประตู “ทำความเคารพท่านนายพลฉู่ครับผม!” ฉู่ชวิ๋นพยักหน้า แล้วผายมือให้อีกฝ่ายเดินนำทาง นายทหารผู้นั้นยกมือทำความเคารพอีกครั้ง และหันหลังเดินนำทาง นี่คือสิ่งที่ทำให้ฉู่เทียนเหอ ตกตะลึงอย่างที่สุด ลูกชายของเขาผู้มีฉายาว่าจอมมารฉู่ในโลกยุทธภพ กลับมีตำแหน่งเป็นถึงท่านนายพลฉู่ในโลกมนุษย์ ไม่มีอะไรน่าภูมิใจมากกว่านี้อีกแล้ว ฉู่เทียนเหอและหลิวหรานเดินตามหลังพวกเขาไป รู้สึกประหม่าเมื่อพบว่าตลอดทางเดิน มีนายทหารยืนเรียงรายอยู่สองฟากฝั่ง “คนตระกูลหลิวเป็นยังไงบ้าง?” ฉู่ชวิ๋นถาม นายทหารผู้นำทางรีบตอบกลับมาโดยเร็วว่า “รายงานท่านนายพลฉู่ พวกเราทำตามคำสั่งอย่างเคร่งครัดครับ ไม่มีใครได้ออกไปจากที่นี่เลยสักคนเดียว แต่ทุกคนก็ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี” ฉู่ชวิ๋นพยักหน้า เขาเป็นคนออกคำสั่งเอาไว้เอง เนื่องจากกลัวว่าคนตระกูลหลิวจะรับความกดดันไม่ไหว จนคิดฆ่าตัวตายก่อนเขาจะกลับมานั่นเอง “ให้พวกเขามารวมตัวกันที่ห้องโถงใหญ่” ฉู่ชวิ๋นออกคำสั่ง “ได้เลยครับ!” นายทหารรับคำและรีบเดินออกไปทันที หลังจากนั้น ฉู่ชวิ๋นและพ่อแม่ก็พากันไปนั่งรอคนของตระกูลหลิวอยู่ที่ห้องโถงใหญ่ … ไม่นานหลังจากนั้น เกิดเสียงฝีเท้าดังใกล้เข้ามา เมื่อประตูห้องโถงใหญ่เปิดออก ก็มีคนกลุ่มใหญ่ยืนอยู่ด้านหน้า “เข้าไป” นายทหารคนหนึ่งคำราม หลิวจื้อไจ้และหลิวไป๋เฟิงเดินนำทุกคนเข้ามา เมื่อชายชราเห็นหน้าฉู่ชวิ๋น สีหน้าของเขาก็แปรเปลี่ยนไป “ฉู่ชวิ๋น แกไม่ได้ตายในภูเขาเซวียนฉีเหรอกรึ ?”หลิวจื้อไจ้ อุทานออกมา ฉู่ชวิ๋นมีดวงตาเป็นประกายเย็นเยียบน่าหวาดกลัว จ้องมองไปยังกลุ่มนายทหารที่ยืนอยู่ด้านนอก “รายงานท่านนายพลฉู่ พวกเราไม่ได้พูดอะไรเลยนะครับ” หัวหน้านายทหารรีบตอบ ฉู่ชวิ๋นหันกลับมามองหน้าหลิวจื้อไจ้และพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “แล้วคุณรู้เรื่องที่ภูเขาเซวียนฉีได้ยังไง ?” กล่าวได้ว่า คนตระกูลหลิวถูกควบคุมตัวอยู่ภายในบ้าน การสื่อสารถูกตัดขาดจากโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิง แถมยังมีนายทหารพกอาวุธคอยควบคุมตัวอยู่รอบคฤหาสน์ แล้วพวกเขาจะสามารถรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นในภูเขาเซวียนฉีได้อย่างไร? หลิวจื้อไจ้ ไม่ตอบคำถามของฉู่ชวิ๋น แต่หันไปมองหน้าหลิวหรานแทน “เธอ…เธอก็คือเสี่ยวหราน” หลิวหรานตัวสั่นเล็กน้อย ชายชราที่อยู่ตรงหน้าเธอคนนี้ ก็คือ พ่อของเธอ พ่อผู้ให้กำเนิด แต่ก็เป็นคนที่คอยทำร้ายเธอมาตลอด คนอื่น ๆ มีสีหน้าที่แปรเปลี่ยนไปแล้ว ทุกคนทราบดีว่าเกิดเรื่องราวอะไรขึ้นในอดีต เนื่องจากตนเองก็มีส่วนร่วมในการขับไล่หลิวหรานให้ออกไปจากตระกูลด้วยนั่นเอง หลิวหรานตั้งสติอยู่ครู่หนึ่ง ก็กลับมามีสีหน้าเรียบเฉยอีกครั้ง เธอไม่เคยติดหนี้บุญคุณอะไรคนตระกูลหลิว จึงไม่จำเป็นที่จะต้องรู้สึกผิดเลยแม้แต่น้อย “นายท่านหลิว ไม่เจอกันนานเลยนะคะ” หลิวหรานมองหลิวไป๋เฟิงด้วยสายตาประหลาดใจ หลิวไป๋เฟิงเป็นคนที่มีจิตใจโหดร้ายอำมหิต ผิดกับรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างยิ่ง และนั่นก็คือเกราะป้องกันตัวที่ดีที่สุดของเขา หลิวหรานไม่ได้พบเจอหลิวไป๋เฟิงแค่สามปีแล้วทำไมหลิวไป๋เฟิงถึงได้กลายเป็นคนที่มีใบหน้าครึ่งผีครึ่งคนแบบนี้ได้เล่า? หลิวไป๋เฟิงยิ้มตอบรับด้วยความเศร้า ใบหน้าแสนน่าเกลียดน่ากลัวของเขา ทำให้ทุกคนขนลุกเกรียว “ไม่เจอกันนานเลยนะ น้องรัก” เขาพูดออกมาพร้อมกับยิ้มอย่างแปลกประหลาด หลิวหรานขมวดคิ้วและตอบกลับไปเสียงเรียบว่า “อย่าเรียกฉันว่าน้องเลยค่ะ ฟังแล้วอยากจะอ้วก” หลิวไป๋เฟิงเดินมานั่งที่เก้าอี้ตัวหนึ่ง ก่อนที่จะพูดว่า “ไม่ว่าเธออยากจะยอมรับหรือไม่ แต่เธอก็มีเลือดของตระกูลหลิวไหลเวียนอยู่ในตัว มันเป็นสิ่งที่เธอปฏิเสธไม่ได้หรอก” ฉู่ชวิ๋นยกมือขึ้นและยิงพลังลมปราณออกมาทันที พลั่ก! เก้าอี้ของหลิวไป๋เฟิงถูกพลังลมปราณยิงเข้าใส่จนกระจัดกระจาย ตัวของหลิวไป๋เฟิงเองก็ลอยกระเด็นไปกระแทกกับผนังโครมใหญ่ ทำให้ห้องโถงใหญ่ถึงกับสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ฟู่! ร่างของหลิวไป๋เฟิงไถลรูดลงมากองอยู่บนพื้น เมื่ออ้าปากก็มีเลือดพุ่งออกมาเป็นจำนวนมาก เขาจ้องมองมาที่ฉู่ชวิ๋นด้วยสายตาตื่นตระหนก “ฉู่ชวิ๋น อย่าอวดดีให้มากเกินไปนัก ฉันยอมรับว่าแกมีฝีมือเก่งกาจ แล้วยังไงล่ะ แกฆ่าเซียงหรู่ลูกชายฉันได้ก็จริง แต่คนรักของแกก็ตายไปแล้ว คนสวยแบบนั้น ช่างโชคร้ายจริง ๆ …” ฉู่ชวิ๋นยกมือขึ้นโคจรพลังลมปราณและปล่อยพลังออกไปอีกครั้ง หลิวไป๋เฟิงถูกพลังลมปราณกระแทกเข้าใส่อย่างจัง อานุภาพของมันรุนแรงเหมือนกับมีภูเขากำลังทับลงมาบนตัวเขาทั้งลูก พื้นห้องที่อยู่ใต้ตัวเขาถึงกับยุบตัวลงไปเลยทีเดียว ฉู่ชวิ๋นยื่นมือออกไปแล้วเส้นไหมสีขาวก็พุ่งออกจากมือของเขาไปรัดพันลำคอของหลิวไป๋เฟิง หลังจากนั้น ก็ยกตัวเขาลอยขึ้นมากลางอากาศ กระดูกหน้าอกของหลิวไป๋เฟิงแตกหัก กระอักเลือดออกมาจากปากอีกคำใหญ่ สภาพน่าเวทนายิ่งนัก “หลิวไป๋เฟิง แกมีอะไรจะสั่งเสียไหม” ฉู่ชวิ๋นมีแววตาอำมหิต ปราศจากความรู้สึกอื่นใด อย่าว่าแต่คนอื่นเลย แม้แต่หลิวหรานก็อดตกตะลึงกับฝีมือของฉู่ชวิ๋นไม่ได้ ตอนที่ฉู่ชวิ๋นจัดการพวกตัววายร้ายในภูเขาเซวียนฉี ในขณะนั้นเธอยังตาบอด แต่นี่เป็นครั้งแรกที่หลิวหรานได้เห็นฝีมือของลูกชายด้วยตาของเธอเอง “ฉันเสียใจที่ไม่ได้ฆ่าแกด้วยมือของฉันเองเมื่อสามปีก่อน ฉันเสียใจที่สุดท้ายแล้ว…” หลิวไป๋เฟิงถูกเส้นไหมสีขาวรัดลำคอจนไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้อีก เลือดสีแดงไหลทะลักออกมาจากปากของเขามากขึ้นเรื่อย ๆ “ไป๋เฟิง แกช่วยอยู่เงียบ ๆ หน่อยไม่ได้หรือไง?” หลิวจื้อไจ้ คำรามใส่หลิวไป๋เฟิง ชายชราหันกลับมามองฉู่ชวิ๋น เมื่อมองเข้าไปในดวงตาที่แสนเยือกเย็นของชายหนุ่ม หลิวจื้อไจ้ก็อดรู้สึกหนาวสั่นไม่ได้ จึงเปลี่ยนจุดหมายหันไปอ้อนวอนกับหลิวหรานแทนว่า “เสี่ยวหราน เรื่องในอดีตทุกอย่างเป็นความผิดของพ่อเอง ลูกโทษพ่อได้เลย แต่ถึงอย่างนั้น ไป๋เฟิงก็เป็นพี่ชายของลูก ลูกจะฆ่าพ่อกับพี่ได้ลงคอเชียวหรอ ?” “ทีอย่างนี้ล่ะมานับญาติเป็นพ่อเป็นพี่” ฉู่ชวิ๋นหรี่ตาลงด้วยความเคียดแค้น “ตอนที่พวกแกจับพ่อแม่ฉันไปขังเอาไว้ ทำไมไม่คิดบ้างว่า แม่ฉันก็เป็นลูกสาวแก ตอนที่พวกแกพยายามฆ่าฉัน เคยคิดจะนับญาติฉันแบบวันนี้บ้างไหม ?”
บทที่ 204 รวมตัวครอบครัว[รีไรท์]
ฉู่ชวิ๋นออกมาจากตรอกซอมซ่อพร้อมกับพ่อแม่และเดินทางด้วยรถยนต์ของมังกรเขียว
“ที่รัก ฉันไม่ได้ฝันไปใช่ไหม ? เมื่อกี้นี้ฉันได้พบหัวหน้าหมายเลขหนึ่ง และท่านใจดีกับฉันเหลือเกิน” หลิวหรานยังคงตกตะลึง เมื่อได้พบผู้บัญชาการทหารสูงสุดเมื่อสักครู่นี้
ฉู่เทียนเหอเองก็มีอาการตกตะลึงไม่ต่างไปจากเธอ พวกเขาเป็นแค่คนธรรมดาและเคยเห็นหัวหน้าหมายเลขหนึ่ง ผ่านหน้าจอทีวีเท่านั้น แต่เมื่อสักครู่นี้ หัวหน้าหมายเลขหนึ่ง ได้มาปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขา มันช่างเหลือเชื่อจริง ๆ
ฉู่ชวิ๋นพูดอะไรไม่ออกอยู่ครู่ใหญ่ นี่มันอะไรกันเนี่ย?
“แม่ครับ ถ้าแม่เป็นแบบนี้ เดี๋ยวพ่อก็หึงเอาหรอก” ฉู่ชวิ๋นหันหน้ากลับไป หัวเราะในขณะที่ขับรถไปด้วย
หลิวหรานหันไปมองหน้าฉู่เทียนเหอ แล้วว่า “แก่จนปูนนี้แล้ว ยังจะหึงอีกเหรอ?” ฉู่ชวิ๋นอยากยกมือตบหน้าผากตัวเองจริง ๆ ดูเหมือนเขาจะทำให้พ่องานเข้า โดยไม่ได้ตั้งใจเสียแล้ว
ฉู่เทียนเหอถลึงตาจ้องมองฉู่ชวิ๋นด้วยความไม่พอใจ นี่เขาแสดงอาการหึงหวงตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ?
“ฉันนึกว่าหัวหน้าหมายเลขหนึ่ง จะเป็นคนซีเรียสจริงจัง ไม่คิดเลยว่าจะใจดีขนาดนี้” หลิวหรานกลายเป็นแฟนคลับของผู้บัญชาการทหารสูงสุดไปเสียแล้ว
ฉู่เทียนเหอแสดงความไม่พอใจออกมาจริง ๆ แล้วขณะที่พูดออกมา “เขาก็แค่ทำไปตามมารยาทเท่านั้นแหละ ผมแน่ใจว่าตอนนี้เขาคงลืมชื่อคุณไปแล้วด้วยซ้ำ”
หลิวหรานค้อนผู้เป็นสามี ก่อนที่จะทุบหัวไหล่ด้วยความไม่ชอบใจฉู่เทียนเหอระเบิดเสียงหัวเราะอย่างไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ฉู่ชวิ๋นแอบหัวเราะอยู่เงียบ ๆ พ่อนี่นิสัยเหมือนเดิมเลยจริง ๆ
“หัวเราะอะไร ไอ้ลูกชาย อยากโดนดีใช่ไหม” ฉู่เทียนเหอ พูดเสียงแข็ง ฉู่ชวิ๋นยิ้มมุมปากออกมาโดยไม่รู้ตัว
…
พูดคุยกันไป ขับรถกันไป ในที่สุดก็มาถึงคฤหาสน์ตระกูลหลิวแล้ว
ครั้งหนึ่งตระกูลหลิวเคยยิ่งใหญ่เกรียงไกร ในขณะนี้ที่หน้าประตูคฤหาสน์กลับเงียบเหงาวังเวงเป็นอย่างยิ่ง
ทั้งสามคนลงมาจากรถ หลิวหรานมองประตูหน้าคฤหาสน์ตระกูลหลิว ที่ถูกฉู่ชวิ๋นทำลายเมื่อครั้งที่แล้วพลัน สีหน้าของเธอก็บูดบึ้งขึ้นมา
ในอดีต หลิวหรานและแม่เคยมานั่งคุกเข่าอยู่หน้าประตูบานนี้เป็นเวลาถึง สองวัน สองคืน เพื่อขอเข้าไปอาศัยอยู่ในคฤหาสน์ตระกูลหลิว คืนวันที่สอง มีฝนตกหนักมาก และเนื่องจากแม่ของเธอนั่งตากฝนเป็นเวลานานจึงทำให้ล้มป่วยและในไม่ช้าก็เสียชีวิตด้วยโรคปอดบวม ทิ้งให้หลิวหรานอยู่เผชิญโลกนี้ตามลำพัง ฉู่เทียนเหอกุมมือภรรยาแนบแน่น
“พ่อครับแม่ครับ เข้าไปข้างในกันเถอะ” ฉู่ชวิ๋นพูด ขณะนี้ มีนายทหารผู้หนึ่งเดินออกมาทำความเคารพเขาที่หน้าประตู
“ทำความเคารพท่านนายพลฉู่ครับผม!” ฉู่ชวิ๋นพยักหน้า แล้วผายมือให้อีกฝ่ายเดินนำทาง นายทหารผู้นั้นยกมือทำความเคารพอีกครั้ง และหันหลังเดินนำทาง นี่คือสิ่งที่ทำให้ฉู่เทียนเหอ ตกตะลึงอย่างที่สุด ลูกชายของเขาผู้มีฉายาว่าจอมมารฉู่ในโลกยุทธภพ กลับมีตำแหน่งเป็นถึงท่านนายพลฉู่ในโลกมนุษย์ ไม่มีอะไรน่าภูมิใจมากกว่านี้อีกแล้ว
ฉู่เทียนเหอและหลิวหรานเดินตามหลังพวกเขาไป รู้สึกประหม่าเมื่อพบว่าตลอดทางเดิน มีนายทหารยืนเรียงรายอยู่สองฟากฝั่ง
“คนตระกูลหลิวเป็นยังไงบ้าง?” ฉู่ชวิ๋นถาม
นายทหารผู้นำทางรีบตอบกลับมาโดยเร็วว่า “รายงานท่านนายพลฉู่ พวกเราทำตามคำสั่งอย่างเคร่งครัดครับ ไม่มีใครได้ออกไปจากที่นี่เลยสักคนเดียว แต่ทุกคนก็ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี”
ฉู่ชวิ๋นพยักหน้า เขาเป็นคนออกคำสั่งเอาไว้เอง เนื่องจากกลัวว่าคนตระกูลหลิวจะรับความกดดันไม่ไหว จนคิดฆ่าตัวตายก่อนเขาจะกลับมานั่นเอง “ให้พวกเขามารวมตัวกันที่ห้องโถงใหญ่” ฉู่ชวิ๋นออกคำสั่ง
“ได้เลยครับ!” นายทหารรับคำและรีบเดินออกไปทันที
หลังจากนั้น ฉู่ชวิ๋นและพ่อแม่ก็พากันไปนั่งรอคนของตระกูลหลิวอยู่ที่ห้องโถงใหญ่
…
ไม่นานหลังจากนั้น เกิดเสียงฝีเท้าดังใกล้เข้ามา
เมื่อประตูห้องโถงใหญ่เปิดออก ก็มีคนกลุ่มใหญ่ยืนอยู่ด้านหน้า “เข้าไป” นายทหารคนหนึ่งคำราม
หลิวจื้อไจ้และหลิวไป๋เฟิงเดินนำทุกคนเข้ามา เมื่อชายชราเห็นหน้าฉู่ชวิ๋น สีหน้าของเขาก็แปรเปลี่ยนไป
“ฉู่ชวิ๋น แกไม่ได้ตายในภูเขาเซวียนฉีเหรอกรึ ?”หลิวจื้อไจ้ อุทานออกมา
ฉู่ชวิ๋นมีดวงตาเป็นประกายเย็นเยียบน่าหวาดกลัว จ้องมองไปยังกลุ่มนายทหารที่ยืนอยู่ด้านนอก
“รายงานท่านนายพลฉู่ พวกเราไม่ได้พูดอะไรเลยนะครับ” หัวหน้านายทหารรีบตอบ
ฉู่ชวิ๋นหันกลับมามองหน้าหลิวจื้อไจ้และพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “แล้วคุณรู้เรื่องที่ภูเขาเซวียนฉีได้ยังไง ?”
กล่าวได้ว่า คนตระกูลหลิวถูกควบคุมตัวอยู่ภายในบ้าน การสื่อสารถูกตัดขาดจากโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิง แถมยังมีนายทหารพกอาวุธคอยควบคุมตัวอยู่รอบคฤหาสน์ แล้วพวกเขาจะสามารถรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นในภูเขาเซวียนฉีได้อย่างไร? หลิวจื้อไจ้ ไม่ตอบคำถามของฉู่ชวิ๋น แต่หันไปมองหน้าหลิวหรานแทน
“เธอ…เธอก็คือเสี่ยวหราน” หลิวหรานตัวสั่นเล็กน้อย ชายชราที่อยู่ตรงหน้าเธอคนนี้ ก็คือ พ่อของเธอ พ่อผู้ให้กำเนิด แต่ก็เป็นคนที่คอยทำร้ายเธอมาตลอด คนอื่น ๆ มีสีหน้าที่แปรเปลี่ยนไปแล้ว ทุกคนทราบดีว่าเกิดเรื่องราวอะไรขึ้นในอดีต เนื่องจากตนเองก็มีส่วนร่วมในการขับไล่หลิวหรานให้ออกไปจากตระกูลด้วยนั่นเอง หลิวหรานตั้งสติอยู่ครู่หนึ่ง ก็กลับมามีสีหน้าเรียบเฉยอีกครั้ง เธอไม่เคยติดหนี้บุญคุณอะไรคนตระกูลหลิว จึงไม่จำเป็นที่จะต้องรู้สึกผิดเลยแม้แต่น้อย
“นายท่านหลิว ไม่เจอกันนานเลยนะคะ” หลิวหรานมองหลิวไป๋เฟิงด้วยสายตาประหลาดใจ หลิวไป๋เฟิงเป็นคนที่มีจิตใจโหดร้ายอำมหิต ผิดกับรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างยิ่ง และนั่นก็คือเกราะป้องกันตัวที่ดีที่สุดของเขา หลิวหรานไม่ได้พบเจอหลิวไป๋เฟิงแค่สามปีแล้วทำไมหลิวไป๋เฟิงถึงได้กลายเป็นคนที่มีใบหน้าครึ่งผีครึ่งคนแบบนี้ได้เล่า?
หลิวไป๋เฟิงยิ้มตอบรับด้วยความเศร้า ใบหน้าแสนน่าเกลียดน่ากลัวของเขา ทำให้ทุกคนขนลุกเกรียว
“ไม่เจอกันนานเลยนะ น้องรัก” เขาพูดออกมาพร้อมกับยิ้มอย่างแปลกประหลาด หลิวหรานขมวดคิ้วและตอบกลับไปเสียงเรียบว่า “อย่าเรียกฉันว่าน้องเลยค่ะ ฟังแล้วอยากจะอ้วก”
หลิวไป๋เฟิงเดินมานั่งที่เก้าอี้ตัวหนึ่ง ก่อนที่จะพูดว่า “ไม่ว่าเธออยากจะยอมรับหรือไม่ แต่เธอก็มีเลือดของตระกูลหลิวไหลเวียนอยู่ในตัว มันเป็นสิ่งที่เธอปฏิเสธไม่ได้หรอก” ฉู่ชวิ๋นยกมือขึ้นและยิงพลังลมปราณออกมาทันที
พลั่ก!
เก้าอี้ของหลิวไป๋เฟิงถูกพลังลมปราณยิงเข้าใส่จนกระจัดกระจาย ตัวของหลิวไป๋เฟิงเองก็ลอยกระเด็นไปกระแทกกับผนังโครมใหญ่ ทำให้ห้องโถงใหญ่ถึงกับสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
ฟู่!
ร่างของหลิวไป๋เฟิงไถลรูดลงมากองอยู่บนพื้น เมื่ออ้าปากก็มีเลือดพุ่งออกมาเป็นจำนวนมาก เขาจ้องมองมาที่ฉู่ชวิ๋นด้วยสายตาตื่นตระหนก
“ฉู่ชวิ๋น อย่าอวดดีให้มากเกินไปนัก ฉันยอมรับว่าแกมีฝีมือเก่งกาจ แล้วยังไงล่ะ แกฆ่าเซียงหรู่ลูกชายฉันได้ก็จริง แต่คนรักของแกก็ตายไปแล้ว คนสวยแบบนั้น ช่างโชคร้ายจริง ๆ …”
ฉู่ชวิ๋นยกมือขึ้นโคจรพลังลมปราณและปล่อยพลังออกไปอีกครั้ง หลิวไป๋เฟิงถูกพลังลมปราณกระแทกเข้าใส่อย่างจัง อานุภาพของมันรุนแรงเหมือนกับมีภูเขากำลังทับลงมาบนตัวเขาทั้งลูก พื้นห้องที่อยู่ใต้ตัวเขาถึงกับยุบตัวลงไปเลยทีเดียว
ฉู่ชวิ๋นยื่นมือออกไปแล้วเส้นไหมสีขาวก็พุ่งออกจากมือของเขาไปรัดพันลำคอของหลิวไป๋เฟิง หลังจากนั้น ก็ยกตัวเขาลอยขึ้นมากลางอากาศ กระดูกหน้าอกของหลิวไป๋เฟิงแตกหัก กระอักเลือดออกมาจากปากอีกคำใหญ่ สภาพน่าเวทนายิ่งนัก
“หลิวไป๋เฟิง แกมีอะไรจะสั่งเสียไหม” ฉู่ชวิ๋นมีแววตาอำมหิต ปราศจากความรู้สึกอื่นใด
อย่าว่าแต่คนอื่นเลย แม้แต่หลิวหรานก็อดตกตะลึงกับฝีมือของฉู่ชวิ๋นไม่ได้ ตอนที่ฉู่ชวิ๋นจัดการพวกตัววายร้ายในภูเขาเซวียนฉี ในขณะนั้นเธอยังตาบอด แต่นี่เป็นครั้งแรกที่หลิวหรานได้เห็นฝีมือของลูกชายด้วยตาของเธอเอง
“ฉันเสียใจที่ไม่ได้ฆ่าแกด้วยมือของฉันเองเมื่อสามปีก่อน ฉันเสียใจที่สุดท้ายแล้ว…” หลิวไป๋เฟิงถูกเส้นไหมสีขาวรัดลำคอจนไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้อีก เลือดสีแดงไหลทะลักออกมาจากปากของเขามากขึ้นเรื่อย ๆ
“ไป๋เฟิง แกช่วยอยู่เงียบ ๆ หน่อยไม่ได้หรือไง?” หลิวจื้อไจ้ คำรามใส่หลิวไป๋เฟิง
ชายชราหันกลับมามองฉู่ชวิ๋น เมื่อมองเข้าไปในดวงตาที่แสนเยือกเย็นของชายหนุ่ม หลิวจื้อไจ้ก็อดรู้สึกหนาวสั่นไม่ได้ จึงเปลี่ยนจุดหมายหันไปอ้อนวอนกับหลิวหรานแทนว่า “เสี่ยวหราน เรื่องในอดีตทุกอย่างเป็นความผิดของพ่อเอง ลูกโทษพ่อได้เลย แต่ถึงอย่างนั้น ไป๋เฟิงก็เป็นพี่ชายของลูก ลูกจะฆ่าพ่อกับพี่ได้ลงคอเชียวหรอ ?”
“ทีอย่างนี้ล่ะมานับญาติเป็นพ่อเป็นพี่” ฉู่ชวิ๋นหรี่ตาลงด้วยความเคียดแค้น
“ตอนที่พวกแกจับพ่อแม่ฉันไปขังเอาไว้ ทำไมไม่คิดบ้างว่า แม่ฉันก็เป็นลูกสาวแก ตอนที่พวกแกพยายามฆ่าฉัน เคยคิดจะนับญาติฉันแบบวันนี้บ้างไหม ?”