บทที่ 212 ราชันย์โลหิต[รีไรท์]
“อ๊ากกก………!!” ฉู่ชวิ๋นตัวสั่นจนร้องลั่นออกมา กระดูกนิ้วชี้ นิ้วกลาง นิ้วก้อยข้างซ้ายโดนเข็มจิ้มเข้าไป
เส้นประสานที่เชื่อมต่อหัวใจกับนิ้วทั้งสิบ สำหรับคนทั่วไปแล้ว ถ้าโดนเข็มฝังจิ้มไปละก็คงปวดจนตัวสั่นเป็นเจ้าเข้า จากนั้นก็สลบไปไม่สิอาจตายเลยก็ได้!
ฉู่ชวิ๋นนั้นไซร้ ดึงเข็มที่เจาะตามนิ้วออกด้วยมือเปล่า นึกภาพไม่ออกเลยว่าจะปวดแสบปวดร้อนขนาดไหน มันเจ็บจนบรรยายด้วยภาษาคนออกมาไม่ได้ เขาเจ็บจนไม่แสดงอาการใดแล้ว เหมือนร่างคนโดนฉุดขึ้นมาจากน้ำ เขาร่วงกราวลงพื้นแล้วหายใจหอบเฮือกใหญ่
มือข้างซ้ายมีเลือดพุ่งกระฉูดออกมาแล้วไหลไม่หยุด แต่ที่แปลกคือมันพุ่งขึ้นฟ้าไม่ได้ไหลลงพื้น นี่แหละคือพลานุภาพของเขตแดนเวทมนตร
ฉู่ชวิ๋นไม่อยากจะเปลี่ยนกระดูกใหม่ แต่เลือดเขาก็ไหลออกจนไม่พอไปเลี้ยงร่างกายจนเกือบจะตายอยู่แล้ว
กระดูกทั้งห้านิ้วโดนขยี้ไปแล้วต่อด้วยกระดูกฝ่ามือ จากนั้นก็ลามไปที่แขน
ฟู่ว!
เลือดพุ่งกระฉุดออกมา ผิวหนังที่แขนซ้ายของฉู่ชวิ๋นระเบิดออกเผยให้เห็นเส้นเลือดบนกระดูกที่แขนของเขา
“อ๊าก……อ๊าก…..” ใบหน้าของฉู่ชวิ๋นบิดเบี้ยวจนอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่ เขาร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ตาแดงออกมาเพราะเส้นเลือดแตก เหงื่อไหลลงมากองที่คาง
ทุกอย่างตรงหน้าดำไปหมด มันปวดมาก ต่อให้โดนทรมานด้วยโทษหลิงฉือ[1] เข้าไปยังเจ็บน้อยกว่านี้ร้อยเท่า เหงือกโดนกัดจนเป็นเลือดไปแล้ว ปากเต็มไปด้วยกลิ่นเลือด
แขนซ้ายอ่อนแรงจนหงิกงอ ไม่มีกระดูกดามเอาไว้ แขนทั้งท่อนอ่อนยวบเป็นเส้นบะหมี
ต่อมาก็เอาไม้คานเข้ามาแทนที่กระดูกแขนซ้ายฉู่ชวิ๋นได้แต่ร้องคำรามดังลั่นออกมาด้วยความเจ็บปวด เขาไม่รู้จะใช้วิธีอะไรมาบรรเทาอาการเจ็บปวดลง
เขาคว้ากระดูกมังกรมาบด แล้วก็เริ่มยัดลงไปในแขนซ้าย กระบวนการนี้ทั้งเจ็บปวดและยาวนาน หากไม่ใช่เพราะความมุ่งมั่นอันแรงกล้า เขาก็ไม่รู้เลยว่าตัวเองเจ็บมากี่ครั้งแล้วนานขนาดไหน
มันกินเวลาไปกว่าชั่วโมงหนึ่งในการเอากระดูกมังกรมาบดยัดเข้าไปในแขนซ้าย
ฉู่ชวิ๋นยืดแขนออก เลือดที่พุ่งขึ้นไปในอากาศแล้วไหลกลับมา มันเจาะกลับเข้าไปในแผลที่แขนซ้าย
แกร๊วกกก!
เสียงคำรามแห่งฟินิกซ์ส่งเสียงออกมาจากร่างของฉู่ชวิ๋น
【วิชาฟินิกซ์นิรันดร】
ฟินิกซ์ที่แตกสลายกลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง!!
คัมภีร์ฟินิกซ์นิรันดร อันเป็นความลับแห่งเผ่าพันธุ์ฟินิกซ์ มันมีอะไรที่ไม่ธรรมดาอยู่แล้ว นอกจากพลังการโจมตีที่น่ากลัว มันยังมีพลังการรักษาที่ไม่ธรรมดาอีกด้วย
คัมภีร์ฟินิกซ์นิรันดรวิ่งเวียนไปมา ฟินิกซ์บินไปมาในร่างกาย แผลฉกรรจ์ที่แขนซ้ายอาการดีขึ้นมาแบบที่เห็นได้ด้วยตาเปล่า
ฉู่ชวิ๋นลองขยับแขนซ้าย แต่เขากลับควบคุมไม่ได้ แบบนี้มันไม่ถูกต้อง!
ฟินิกซ์นิรันดรนี้บินว่อนไปมา เส้นเลือดที่แขนซ้ายแตกเนื้อหนังฉีกขาด พวกเส้นประสาทที่แขนซ้ายได้รับการรักษา เหล่าเนื้อหนังทั้งหลายต้องใช้เวลาอยู่นานเพื่อที่จะรักษา ฉู่ชวิ๋นตอนนี้เหมือนคนทรงเจ้าเพราะเขาสั่นเป็นเจ้าเข้า หน้าตาบูดเบี้ยว ร่างกายสั่นเทาเพราะเขาทรมานอย่างแสนสาหัสจากบาดแผล
“ฉู่ชวิ๋นจะออกมาได้ตอนไหนนะ ?” จักรพรรดิอ๋าวฮวงบ่นพึมพำ มีความกระวนกระวายใจผุดขึ้นในหัว
“เจ้าถามมาร้อยครั้งได้แล้ว ก็บอกแล้วไงว่าไม่รู้ เขาเดินไปบนเส้นทางที่ ไม่เคยมีทำมาก่อน ไม่มีใครรู้หรอกว่ามันจะกินเวลานานขนาดไหน” จักรพรรดิอ๋าวฮวงมองไปที่จิ่วโยวที่อยู่ตรงข้าม จากนั้นก็พูดปั่น “ตาเจ้าแล้ว”
จิ่วโยวม้วนจุดสีดำที่หาง แล้วพาดมันที่กระดานหมากรุก มังกรกับงูเหลือมกำลังเล่นหมากรุกกัน ไม่รู้เลยว่าฉู่ชวิ๋นมาเห็นจะรู้สึกอย่างไรกับภาพตรงหน้า ?
“มันน่ากลัวไหม ?” จิ่วโยวถาม จักรพรรดิอ๋าวฮวงดูจริงจังขึ้นมาแล้วผงกหัวเล็กน้อย “น่ากลัว มันอันตรายมาก”
“งั้นข้าจะไปหาเขา”
“เจ้าไม่กลัวว่าถ้าเข้าไปร่างกายของเจ้า จะระเบิดตายหรือไง ?” จักรพรรดิอ๋าวฮวงกล่าวด้วยความใจเย็น
“เจ้าบอกข้ามาแล้วหนิว่าพอแปลงเป็นร่างมนุษย์แล้วจะเข้าไปได้ เจ้าช่วยสอนข้าเปลี่ยนร่างทีซิ” จักรพรรดิอ๋าวฮวงที่เดินหมากสีขาวของตัวเอง กล่าวเบา ๆ
“งั้นเหรอ? งั้นถ้าเจ้าชนะข้า ข้าจะช่วยสอนเจ้าแปลงร่างเป็นมนุษย์ให้”
งู้ยยย!
จิ่วโยวใช้หางปัดหมากที่โดนกินกระเด็นออกจากกระดาน
มันกำลังโมโหหนัก ทักษะการเล่นหมากล้อมนี้ จักรพรรดิอ๋าวฮวงสอนเขามา เขาใช้เวลาเรียนไม่ถึงวัน แล้วจะชนะยังไงเนี่ยนะ ?
จักรพรรดิอ๋าวฮวงไม่รู้สึกโกรธ เขาผายมือออกมาเบา ๆ พวกตัวหมากที่กระเด็นออกไปกลับมาเรียงตัวใหม่ แววตาของเขาเปลี่ยนไปเป็นใบหน้าที่ดุดัน จักรพรรดิอ๋าวฮวงดูเคร่งขรึมขึ้นมาก
“เจ้าอย่าโมโหไปเลย ว่าแต่ข้าเปลี่ยนร่างได้แน่นะ ?” จิ่วโยวดูจักรพรรดิอ๋าวฮวงที่เปลี่ยนไปเลยพูดออกมาด้วยความรีบร้อน
จักรพรรดิอ๋าวฮวงเป็นถึงมังกร ส่วนเขาคืองูเหลือม เลือดที่สูบฉีดออกมา ทำให้เขารู้สึกกลัวจักรพรรดิอ๋าวฮวง
“ที่ภูเขาเฉียนหลงเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นแล้ว เห็นว่าข้าควรจะต้องไปดูสักรอบ ถือว่าช่วยฉู่ชวิ๋นจัดการเรื่องวุ่น ๆ” จักรพรรดิอ๋าวฮวงเดินไปบนถนนที่ทอดยาวออกไปอย่างช้า ๆ
“ข้าจะไปด้วย” ได้ยินว่าภูเขาเฉียนหลงเกิดเรื่องวุ่นมันก็ร้อนใจ ที่นั่นคือบ้านของฉู่ชวิ๋น จิ่วโยวมองว่าการไปปกป้องภูเขาเฉียนหลงคือหน้าที่ของมัน
จักรพรรดิอ๋าวฮวงไม่ขัดอะไรและให้จิ่วโยวจับข้อมือของเขาไว้ พอเขาขยับตัว ร่างก็แว่บหายไปทันตา
ที่ตีนภูเขาเฉียนหลงมีคนมากมายอยู่และเต็มไปด้วยเสียงคุยเจี๊ยวจ๊าว
“จะมีจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิมาจริง ๆ งั้นเหรอ” เสียงคนกระซิบออกมา
“เพ้อเจ้อ ราชันย์โลหิตและศิษย์น้องของเขาสองคนตายด้วยมือของฉู่ชวิ๋น แล้ววันนี้อาจารย์ของพวกเขาจะมาเพื่อล้างแค้นจอมมารฉู่”
“จักรพรรดิโลหิต ลงมือเองเลยเหรอครั้งนี้เจ้าจอมมารฉู่ตกอยู่ในอันตรายแล้วล่ะ” ผู้คนกระซิบกระซาบ
ในพื้นที่ว่างเปล่าแห่งหนึ่ง มีชายแก่หน้าตาอึมครึมเนื้อตัวมีเลือดกระเด็นออกมา ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้เขาในระยะสิบเมตร
เขานั่นล่ะคือจักรพรรดิโลหิต
“ฉู่ชวิ๋น ออกมารับความตายซะเถอะ!” จักรพรรดิโลหิตพ่นลมเบา ๆ แต่แค่เขาหายใจ ลมหายใจก็ม้วนตัวเป็นพายุหมุน ทำเอาพื้นดินสั่นสะเทือน ภูเขาถล่ม แผ่นดินทลาย ท้องฟ้ากรีดร้องส่งเสียงน่าสะพรึงออกมา
นี่คือจักรพรรดิ เขาสะบัดมือภูเขาก็สั่นสะเทือนอย่างน่าสะพรึง ราวกับกำลังหวาดกลัวต่อจักรพรรดิผู้นี้
“ฮึ่ม มาดูซิว่าเจ้าซ่อนตัวอยู่ที่ไหน” จักรพรรดิโลหิตพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น เมื่อเขาพูดจบก้อนหินขนาดยักษ์ก็ระเบิดออกกลายเป็นอุกกาบาตถล่มพื้นที่โดยรอบถึงร้อยลี้
ร่างกายห้อมล้อมไปด้วยแสงที่เปร่งประกาย จากนั้นร่างก็เขาก็หายตัวไปไกลกว่าสิบลี้ เขาเข้าตั้งใจจะบุกฝ่าขึ้นไปบนภูเขาเฉียนหลงเพื่อฆ่าฉู่ชวิ๋น!
ภูเขาเฉียนหลงโดนหมอกขาวปกคลุม ไม่มีทางที่จะขึ้นไปบนภูเขาได้เลย แต่สำหรับจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิมันก็เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น
จักรพรรดิโลหิตเคาะเท้าเบา ๆ ไปที่พื้นหนึ่งครั้ง อากาศก่อตัวเป็นระลอกคลื่นที่มองไม่เห็นวนไปเวียนมารอบตัวเขา และในพริบตาเดียว หมอกขาวที่ปกคลุมเส้นทางขึ้นภูเขาก็หายไป!!
หวู่ม!
เปลวไฟหลากสีปรากฏไปมาอย่างรวดเร็ว
เปลวไฟเหล่านั้นวนไปวนมากลายเป็นวงล้อมรอบตัวจักรพรรดิโลหิต
ดวงตาของจักรพรรดิโลหิตแดงก่ำอย่างน่ากลัว มองไปที่เปลวไฟซึ่งสาดส่องไปมา เขาเบะปากอย่างเหยียดหยามใส่ จากนั้นก็ผายฝ่ามืออออกมา เกิดเป็นคลื่นพลังที่น่ากลัว
ทันใดนั้นเศษทรายเศษหินก็ปลิวว่อน เหล่าหินและต้นไม้ตรงหน้าโดนทำลายหายไปจากสายตา
บู้ม!
คลื่นพลังปะทะกับเปลวไฟหลายร้อยลูก ส่งเสียงระเบิดดังลั่นออกมากลายเป็นพายุที่มองไม่เห็นซัดเข้าใส่จักรพรรดิโลหิต สีหน้าของจักรพรรดิโลหิตเบื่อหน่าย แต่ก็แปลกใจเล็กน้อยที่การโจมตีของเขาโดนสะท้อนกลับมาได้
เขาแบมือสองข้างออก พลังลมปราณที่มองไม่เห็นนี้ พลุ่งพล่านเหมือนกระแสน้ำทำให้พลังที่พุ่งเข้ามาสลายตัวไป
เลือดในฝ่ามือของจักรพรรดิโลหิตไหลพลุ่งพล่าน กลายเป็นหมอกโลหิตสองกลุ่มแยกตัวกันไปมา
“ไป!”
จักรพรรดิโลหิตพ่นลมหายใจเบา ๆ แล้วสะบัดมือสองข้าง เพื่อสั่งให้หมอกโลหิตสองกลุ่มพุ่งเข้าไปชนกับม่านเปลวไฟที่ก่อตัวกัน
ว่องไวราวกับสายฟ้าฟาดเพียงพริบตาเดียวก็เกิดเรื่องไม่คาดคิด!!
ชัวะ!
หมอกโลหิตสองกลุ่มที่พุ่งเข้าใส่ม่านพลัง สลายตัวไปอย่างไม่น่าเชื่อ!
ผู้คนต่างก็ประหลาดใจ สายตาของจักรพรรดิโลหิตก็ดูประหลาดใจไม่น้อย
ผู้คนยังไม่ทันจะรู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ก็มีเสียงของมีคมเสียดสีกันดังขึ้น ผู้คนต่างมองหน้ากัน หันหัวไปมองแล้วก็ตะลึงอ้าปากหวอ
หมอกโลหิตสองกลุ่ม ทิ้งดิ่งลงมาจากที่สูงมุ่งลงใส่หัวของจักรพรรดิโลหิต มันรวดเร็วจนน่าเหลือเชื่อ จักรพรรดิโลหิตหลบได้ แต่มันก็ผ่านไปสัมผัสพื้นดินในเวลาชั่วพริบตา
บู้ม!
ควันดอกเห็ดอันน่าสะพรึงกลัวพุ่งออกมา เกิดเป็นแรงพายุโหมกระหน่ำ พื้นดินในระยะหลายสิบลี้ยกตัวออกมาสิบกว่าชุ่นหรือกว่าสิบนิ้ว พื้นดินและต้นหญ้าถูกพายุปั่นจนเป็นผง
ผ่านไปสักพัก พายุอันบ้าคลั่งนั้นก็สงบลง
จักรพรรดิโลหิตก็ยังยืนอยู่ที่เดิมมีเกราะลมปราณล้อมรอบร่างเขาเอาไว้ พายุดุร้ายนั่นทำอะไรเขาไม่ได้เลย ทำให้เห็นตัวตนขั้นจักรพรรดิน่าสะพรึงกลัวมากแค่ไหน!!
แต่ผู้คนต่างก็แสดงความรู้สึกแปลก ๆ ออกมา จักรพรรดิโลหิตพ่ายแพ้แล้ว!! เขาโดนโจมตีจากการโจมตีของตัวเอง ไม่รู้ว่าชีวิตนี้ตัวเขาเองเคยรู้สึกอับอายขนาดนี้มาก่อนหรือไม่ ?