บทที่ 220 การรวมตัวใหม่![รีไรท์]
ฉินเฉิงจื่อฝืนใจเปิดกล่องหยก เตรียมจะแยกดอกไม้ออกมา แต่ทันใดนั้นดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยความโลภ เขาปิดกล่องหยกลง
“พี่ฉิน นี่มันหมายความว่าไง ?” เกออู๋เหว่ยเห็นเขาปิดฝากล่องหยกก็ก้าวออกมาข้างหน้าโดยไม่รู้ตัว
ฉินเฉิงจื่อหัวเราะออกมายกใหญ่ “ความหมายมันก็ชัดเจนอยู่แล้ว ดอกไม้พวกนี้น่ะสำนักดาบพิฆาตของฉันต้องการมัน ถ้าไม่ได้มันไปก็เท่ากับคว้าน้ำเหลวน่ะสิ” สีหน้าคนอื่น ๆ เปลี่ยนไป
“แกจะงาบไปคนเดียวงั้นเหรอ ?” ผู้อาวุโสปราสาทเทียนหลงพูดออกมาเสียงครึ้ม ๆ
“ถูกต้องนะครับบบบ! แต่ฉันไม่มีรางวัลให้หรอกนะ” ฉินเฉิงจื่อพูดออกมาแบบสบาย ๆ เขาไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวอะไรคนพวกนี้เลย
“ดอกไม้เจ็ดชนิดนี้ เจ้าคิดจะเอาไปหมดเลย เชื่อว่าที่นี่คงไม่มีใครยอม” ผู้อาวุโสพูดเยาะเย้ย
“สำนักดาบพิฆาตของข้าต้องการมัน ไม่จำเป็นต้องให้ใครที่ไหนมาบอกว่าไม่ยอม!!” ฉินเฉิงจื่อไม่ใช่คนพูด แต่เป็นเสียงที่ลอยมาจาก ณ ที่ห่างไกล
ผู้คนมองตามเสียงนั้นไป ทันในนั้นก็เห็นคนที่มาลอยลงมาพร้อมสายฟ้า (คล้าย ๆ เวลาธอร์ลงมาพื้นโลก)
เขายังไม่ได้เดินเข้าไปหาใคร แต่แค่แรงกดดันตอนที่เขาปรากฏตัว ก็ทำให้ทุกคนหายใจไม่ออกแล้ว!!
จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิ! ทุกคนนั้นนอกจากฉินเฉิงจื่อแล้ว ใบหน้าซีดเซียว
“คารวะท่านผู้อาวุโสชุย” ฉินเฉิงจื่อกล่าวทักทายคนที่ปรากฏตัว
“ลุกขึ้น!” ชุยซิงอี้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงเฉยเมย เขาสะบัดมือทำให้กล่องหยกในมือของฉินเฉิงจื่อลอยมาอยู่ในมือของตนเอง เขาเปิดออกพลางพูดออกมาว่า “ทำได้ไม่เลวเลยนะ!”
“ขอบพระคุณ ท่านชุยสำหรับคำชมนี้” ชุยซิงอี้มองไปยังผู้คนด้วยสายตาที่เย็นชาและดูเหยียดหยาม เขาพูดเอื่อย ๆ
“ดอกไม้นี้สำนักดาบพิฆาตของข้า ใครมีอะไรจะว่าอะไรไหม ?”
ในขณะที่พูดอยู่ น้ำเสียงของจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิคนนี้กดดันผู้คนจนหวาดกลัวแรงกดดันขนาดที่ว่าคนฟังเหงื่อท่วมหัวกันเลยทีเดียวสีหน้าพวกเขาดูไม่จืด
จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิทั้งคน ใครจะกล้าขัด ?
พวกเขาเป็นปรมาจารย์ระดับเก้า แม้เป็นรองเพียงแค่จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิ แค่หนึ่งขั้นก็จริงแต่จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิเป็นเหมือนเทพเจ้า ความต่างชั้นมันมีมากมายเกินไปไม่มีใครกล้าล่วงเกินอีกฝ่าย!
ชุยซิงอี้เพียงใช้มือเดียวก็สามารถฆ่าพวกเขาทั้งหมดได้แล้ว นี่แหละคือความน่ากลัวของจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิ!!
ผู้คนเงียบงัน ไม่มีใครกล้าส่งเสียงออกมาขัดใจจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิ มีแต่ตายกับตายเท่านั้น
พอเห็นว่าทุกคนต่างก็เงียบงัน ชุยซิงอี้จึงยิ้มออกมา หันตัวกลับไปเตรียมออกจากที่นี่
“เจ้าไม่กลับไปกับข้ารึ ?” ชุยซิงอี้เดินไปได้สองก้าวจึงหยุดลง หันหลังกลับมาพูด ฉินเฉิงจื่อจึงรีบตอบกลับไป “กลับครับ ๆ” พอพูดไป เขาก็เหวี่ยงดาบไปที่หงหลิง
ทุกคนมองดูอย่างไม่แยแส มือของทุกคนเปื้อนเลือด ทุกคนล้วนเป็นฆาตกร ตอนนี้ไม่มีใครสนใจความเป็นความตายของหงหลิงหรอก!!
ฉินจื่อเฉิงจะกลับไปพร้อมกับชุยซิงอี้ แต่ก่อนที่เขาจะกลับเขาก็ไม่ลืมที่จะเหวี่ยงดาบใส่หงหลิง ซึ่งการฆ่าคนเป็นเรื่องที่ปกติมาก สำหรับจอมยุทธ์แบบพวกเขา
ไม่ต้องพูดถึงความจริงที่ว่า หงหลิงตอนนี้ไร้ค่า ถึงเธอจะมีสักร้อยชีวิตก็เทียบไม่ได้กับดอกไม้พวกนั้น ในจิตใจของคนพวกนี้ไม่ได้สนใจชีวิตน้อย ๆ ของเธอเลย
หงหลิงยิ้มออกมาอย่างขมขื่น เธอไม่คิดว่าจะต้องมาจบชีวิตลงในที่แบบนี้ ทั้งยังมีเรื่องค้างคาใจอีกหลายเรื่อง
ประกายดาบนี้ส่องแสงเหมือนกับสายฟ้าที่ฟาดลงมา และเลือดก็พุ่งกระฉูดออกมาจากคอที่นวลขาวอย่างสวยงามประหนึ่งน้ำพุเริงระบำทุกคนต่างก็คิดกันเช่นนี้
แต่ในชั่วพริบตาที่ดาบกำลังจะตัดคอหงหลิง ฝ่ามือที่สวยงามก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศ ประกายดาบนี้ตัดไปที่ฝ่ามือนั้น พลังดาบรุนแรงจนอากาศรอบข้างฉีกขาด แต่พลังดาบ จู่ ๆ ก็สลายหายไปในทันที ส่วนฝ่ามือนั้นก็ยังคงอยู่ดีไม่มีเลือดไหลออกมาเลยแม้แต่หยดเดียว ผู้คนมองไปที่ชายหนุ่มซึ่งก็ไม่รู้ว่าเขามาปรากฏตัวข้าง ๆ หงหลิงตอนไหน เขาค่อย ๆ เก็บมือแล้วหันไปพูดกับหงหลิง
“ไม่เจอกันซะนานเลยนะ” น้ำเสียงอบอุ่นสุขุมเอ่ยขึ้น
หงหลิงมองร่างที่ปรากฏออกมาตรงหน้า ดวงตาสวย ๆ คู่นั้นจ้องค้างจนลืมกะพริบตา เขาไม่เปลี่ยนไปเลย เหมือนกับเมื่อสิบห้าปีที่แล้ว
แววตาของหงหลิงมองจับจ้องไปที่เส้นผมสีขาวที่ปลายผมของเขา หัวใจของเธอเหมือนจะแตกสลาย แววตาแสดงถึงความเจ็บปวดออกมา แม้ว่าแววตาจะอ่อนโยนแต่ก็แฝงความเจ็บปวดเอาไว้ ตัวเธอรู้ดีว่าตัวเองไม่คู่ควร
ที่จริงแล้ว การได้เจอเขาอีกครั้ง ก็นับว่าเป็นสวรรค์เมตตา เธอไม่ควรจะโลภมากเกินไปและอยู่ในฐานะเพื่อนต่อเขาจะเป็นการดีที่สุด
“ไม่ได้เจอซะนานเลย” หงหลิงยิ้มออกมา ยิ้มด้วยความดีใจอย่างน้อย ๆ ในเวลานี้เธอก็มีความสุขที่ได้เจอกับคนที่ห่างหายกันไปนาน
“สงสัยฉันกลับมาได้ถูกเวลาจริง ๆ เป็นเวลาผู้กล้าช่วยชีวิตสาวงามพอดี” ฉู่ชวิ๋นมองไปรอบ ๆ ด้วยแววตาเย็นชา
“ใช่สิ ถ้าช้ากว่านี้หน่อย คุณคงได้มาเทเหล้าใส่หลุมศพของฉันแทนแล้ว” หงหลิงคิด พอเจอฉู่ชวิ๋นแล้วเธอก็ดูโล่งใจขึ้นมา
ฉู่ชวิ๋นยิ้มเล็กน้อย ได้เจอกับคนที่รู้จักมักคุ้น คนที่จริงใจกับเขาหลังจากผ่านการฝึกฝนกว่าสิบห้าปีนี้ มันช่างรู้สึกดีจริง ๆ
“แบบนี้มันเปลืองแย่สิ เหล้าดี ๆ ต้องเก็บเอาไว้แล้ว เดี๋ยววันหลังฉันจะชวนเธอไปกินข้าวที่บ้านนะ” ฉู่ชวิ๋นหัวเราะเบา ๆ
เขากวาดสายตาไปรอบ ๆ แล้วไปหยุดที่ร่างฉินเฉิงจื่อ พูดด้วยเสียงนิ่ง ๆ
“ถึงฉันจะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่แกจะมาฆ่าเพื่อนฉันถึงหน้าบ้าน อยากตายมากงั้นสินะ ?” ฉินเฉิงจื่อหวาดกลัวฉู่ชวิ๋นที่ปรากฏตัวออกมาอย่างกะทันหัน แถมยังรับดาบที่เขาฟันออกไปได้ โดนไม่มีแผลเลยแม้แต่น้อย
ที่นี่มีแต่บุคคลที่เก่งกาจและไม่มีใครโง่ แม้ฉู่ชวิ๋นจะยังดูเด็กแต่ก็ท่าทางจะไม่ธรรมดา ไม่มีใครกล้าแดกดันเขาแม้แต่คนเดียว ทุกคนเกรงกลัวต่อเขา
จากการที่เขาปรากฏตัวอย่างกะทันหัน แล้วรับพลังดาบของฉินเฉิงจื่อได้ด้วยมือเปล่า พวกเขาไม่คิดว่า ฉู่ชวิ๋นจะมาเป็นฮีโร่ไว้อวดสาวเฉย ๆ หรอก
ชุยซิงอี้ที่กำลังจะกลับสำนัก เมื่อเห็นฉู่ชวิ๋นทำให้เขาต้องหยุดลง แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าฉู่ชวิ๋นปรากฏตัวยังไง แต่เขาได้ยินฉู่ชวิ๋นพูดว่า ‘หน้าบ้านของฉัน’
ชุยซิงอี้กะพริบตาและกล่าวออกมา “หน้าบ้านของเจ้า ?”
ฉู่ชวิ๋นไม่สนใจ และรักษาแผลให้หงหลิงในไม่กี่อึดใจต่อมา อาการบาดเจ็บของหงหลิงก็หายเป็นปกติ หงหลิงตกใจมาก ถึงตัวเองจะเป็นจอมยุทธ์แล้ว แต่ด้วยทักษะของฉู่ชวิ๋นก็ยังคงทำให้เธอรู้สึกมหัศจรรย์อยู่ดี ราวกับตอนเจอกันครั้งแรก
ที่จริงตัวฉู่ชวิ๋นเอง ก็รู้สึกตกใจไม่น้อยที่ลมปราณจำแลงมีพลังมากขนาดนี้
เมื่อเห็นว่าหงหลิงใกล้จะหายดีแล้ว ใบหน้าของคนที่อยู่ก็ปรากฏความตกใจออกมา มันเป็นความเร็วในการรักษา ก็ไม่เคยได้ยินมาก่อน หรือว่าชายคนนี้จะเป็นหมอยาหวงยวี๋เฉิงผู้เลื่องชื่อในฉายา หมอที่เก่งที่สุดในยุทธภพ แต่ผู้คนก็ล้มเลิกความคิดไปอย่างไว หวงยวี๋เฉิงปรากฏตัวออกมาเมื่อไม่กี่ปีก่อนหลังจากที่โลกเปลี่ยนไป จากคำบอกเล่าของคนที่เคยเจอเห็นนั้นบอกว่าหวงยวี๋เฉิง ก็มีอายุปาไปสองร้อยกว่าปีแล้ว ซึ่งดูแล้วอายุท่าจะห่างกันกับพ่อหนุ่มคนนี้อยู่มากเลยทีเดียว
“กล่องใบนั้นเป็นของเธอเหรอ” ฉู่ชวิ๋นเห็นว่าหงหลิงเอาแต่สนใจกล่องหยกที่อยู่ในมือขอชุยซิงอี้
หงหลิงพยักหน้า กล่าวว่า “ในนั้นมีดอกขนมังกรครามอยู่ ถ้ากินมันเข้าไปก็จะช่วยให้พลังเพิ่มแบบก้าวกระโดดเลย หากว่าเพาะพันธุ์มันได้ จะเพิ่มพลังให้กับจอมยุทธ์หรือสร้างจอมยุทธ์รุ่นใหม่ได้อีกมหาศาลเลยล่ะ”
“เพิ่มแบบก้าวกระโดด ?” ฉู่ชวิ๋นดูประหลาดใจ
“ใช่เลย หากว่าคนธรรมดากินมันเข้าไปก็สามารถ ก็จะพุ่งทะยานกลายเป็นปรมาจารย์ได้เลย แต่เพิ่มได้มากขนาดไหน ก็ขึ้นอยู่กับการเรียนรู้และพรสวรรค์ด้วย” หงหลิงอธิบาย
ฉู่ชวิ๋นรู้สึกตกใจมาก แค่ดอกไม้ดอกเดียว ก็สามารถทำให้คนกลายมาเป็นปรมาจารย์ได้ มันดูไม่ยุติธรรมต่อผู้คนที่ฝึกกันมาค่อนชีวิต กว่าจะทะลวงระดับขึ้นมาเป็นจอมยุทธ์ขั้นปรมาจารย์ได้
จอมยุทธ์ทั่วไปหากอยากอยู่ในขั้นปรมาจารย์ ต้องฝึกฝน อาศัยโอกาส มีพรสวรรค์ สิ่งเหล่านี้ขาดไม่ได้เลย เช่น โม่ซิงเหอ ทั้งชีวิตของเขายังเป็นได้แค่จอมยุทธ์ระดับเก้า!
แต่ตอนนี้ดอกไม้เพียงดอกเดียว ก็ทำให้ผู้คนกลายไปเป็นปรมาจารย์ได้แล้ว งั้นทำไมยังจะต้องฝึกฝนอย่างหนักอีกล่ะ โลกเปลี่ยนไปจริง ๆ โลกกำลังฟื้นตัวกลับไปเหมือนยุคก่อน แต่แบบนี้จะเรียกว่าเป็นเรื่องดีหรือเรื่องร้ายดีล่ะ ?
“ของแบบนี้มีเยอะไหม ?” ฉู่ชวิ๋นถามเบา ๆ
มันเป็นของดี การก้าวหน้าอย่างก้าวกระโดดโดยไม่มีอันตรายแบบนี้เขาเองก็อยากได้
หงหลิงส่ายหน้า กล่าวว่า “เท่าที่รู้มาตอนนี้ก็มีอยู่แค่แปดดอกเอง” ฉู่ชวิ๋นตกใจ มันมีอยู่แค่แปดดอก ไม่แปลกใจเลยว่า มูลค่ามันจะมากมาย จนประเมินไม่ได้
ดอกขนมังกรคราม เขาไม่เคยได้ยินมาก่อน
“เอากล่องนั้นมาซะ” ฉู่ชวิ๋นจ้องเขม็งไปทางชุยซิงอี้ เขาชักจะสนใจดอกไม้ชนิดนี้แล้ว
ชุยซิงอี้ส่งนัยน์ตามืดครึ้ม ความกดดันเข้าปกคลุม เรื่องอะไรเขาถึงจะต้องมอบกล่องหยกให้ฉู่ชวิ๋นกัน
ฉู่ชวิ๋นก็ไม่ได้พูดอะไรมาก เขายกมือขึ้นตั้งท่า และสร้างเขตแดนมาคอยปกป้องตัวหงหลิงเอาไว้
จากนั้น เขาก็หายตัวไปในพริบตาต่อหน้าสายตาของทุกคน สีหน้าชุยซิงอี้เปลี่ยนไป เขาสัมผัสได้ถึงอันตรายจากรอบตัว ดาบยาวปรากฏขึ้นในมือของชุยซิงอี้
ชุยซิงอี้ราวกับงูที่พร้อมจะพ่นพิษใส่ทุกสิ่งรอบตัว ชุยซิงอี้ฟันดาบผ่าอากาศเมื่อสัมผัสได้ถึงตัวฉู่ชวิ๋น
ชัวะ!
กำปั้นของฉู่ชวิ๋นชกเข้ากับคมดาบ บนกำปั้นปรากฏควันสีม่วงลอยวนไปมา ราวกับกระแสน้ำสาดกระเซ็น
ตู้ม!
มันปกคลุมรอบตัวของทั้งสองคน อากาศรอบข้างต่างก็ระเบิดออกส่งเสียงดังลั่น พื้นดินใต้เท้าแยกออกรอบรัศมีหลายเมตร
ตึ๊ง ตึ๊ง……!
ชุยซิงอี้โดนเขย่าจนเซถอยหลัง ทุกก้าวที่แตะลงพื้นก็จะเกิดระเบิดออกมา เขาถอยออกไปไกลกว่าร้อยเมตร หน้าตาไม่สู้ดีนัก แววตาดูมีแต่ความหวาดกลัว
คนอื่นรอบ ๆ ต่างก็ตกใจจนอ้าปากค้าง หนังหัวด้านชาไปหมด จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิถึงกับตัวสั่นจนถอยออกมา พลังของชายคนนี้น่ากลัวเกินไปแล้ว ฉู่ชวิ๋นพุ่งตามจนพื้นดินระเบิดจากใต้เท้าของเขา ตัวฉู่ชวิ๋นเปล่งประกายราวกับแสงสว่าง เขาชกหมัดใส่ชุยซิงอี้
พลังถึงตัวชุยซิงอี้ก่อนฉู่ชวิ๋นจะไปถึง ลมจากหมัดม้วนตัวเป็นพายุหมุนวนไปมารอบหมัดของฉู่ชวิ๋น ชุยซิงอี้ที่ถือดาบยาวไว้ในมือ ระเบิดพลังเข้าปกคลุมดาบ ประกายดาบ ทอดยาวออกไปราวกับไม่มีที่สิ้นสุด เหมือนงูพิษที่คอยพ่นพิษออกมาเพื่อฆ่าฉู่ชวิ๋นโดยเฉพาะ
เต๊ง!
กำปั้นทุบเข้าที่ปลายดาบ เป็นเสียงเหล็กตีกัน ดาบยาวสามฟุตนี้งอ เพราะโดนกับกำปั้นของฉู่ชวิ๋น ตัวดาบแตกร้าว
ฉู่ชวิ๋นพ่นลมหายใจออกมา ควันม่วงวนไปเวียนมารอบกำปั้นของเขาพลังที่น่ากลัวนี้ทำให้ฉู่ชวิ๋นเองยังต้องตกใจในพลังของตัวเอง
สีหน้าของชุยซิงอี้ดูไม่ได้เลย พอสองเท้าแตะพื้น ดินที่พื้นก็แตกออกเหมือนสายน้ำ ฉู่ชวิ๋นปลายกำปั้นและทำมือเป็นรูปดาบจากนั้นก็ฟาดลงไปอย่างแรง
เต๊ง!
ดาบยาวนั้นงอจนผิดรูป สุดท้ายก็แตกเป็นเศษ ชุยซิงอี้หน้าแดงหน้าเขียวกระเด็นออกไปไกลนับร้อยเมตร
เมื่อเห็นแบบนี้ ทุกคนเหงื่อตกชุ่ม มือเท้าชาไม่อาจขยันตัวได้ พัดกระดูกในมือของเกออู๋เหว่ยสั่นเป็นเจ้าเข้า นัยน์ตาดูหวาดหลัว สันหลังเย็นวาบ จากนั้นก็รีบส่งข้อความออกไปขอความช่วยเหลือ
ในตอนนี้ เซวียนเซียนและผู้อาวุโสจากปราสาทเทียนหลงเองก็ทำแบบเดียวกัน เขาส่งข้อความไปหาเหล่าผู้อาวุโสของสำนัก เพื่อขอความช่วยเหลือ
ในใจของชุยซิงอี้เต็มไปด้วยความหวาดกลัว เลือดในตัวเดือดพล่าน ความคึกคะนองในร่างหายไปหมดแล้ว
ในขณะที่ชุยซิงอี้กำลังโดนซัดจนกระเด็นไปไกล ตัวฉู่ชวิ๋นก็ไล่ตามราวกับ เงาที่คอยไล่ตามหลัง แต่เป็นเงาที่เข้ามาต่อยรัว ๆ หมายจะเอาชีวิต
“ไอ้อันธพาลรังแกคน” ชุยซิงอี้โกรธจัด ตั้งแต่ที่เขาก้าวขึ้นมาเป็นจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิ ไม่ว่าจะกี่ร้อยปีก็ไม่เคยต้องขายหน้าแบบนี้ ซึ่งเขาเองคาดไม่ถึงเลยว่าจะต้องตกอยู่ในสภาพแบบนี้
ดาบที่เหลืออยู่ครึ่งหนึ่งเปล่งประกายออกมา ร่างกายรู้สึกถึงความเจ็บปวด เหมือนมีอะไรมากดในตัวแล้วพร้อมจะระเบิดออก
“เพลงดาบหมื่นราตรี” พอฟันออกไปก็มีเงานับหมื่นปรากฏออกมา
แววตาชุยซิงอี้ทั้งเยือกเย็นและอันตราย เขาพุ่งเข้าใส่ ฉู่ชวิ๋นที่กำลังเข้ามา และทันใดนั้นท้องฟ้าก็โดนเงาจากดาบปกคลุมเป็นวิชาเดียวกันแต่หากเปรียบเทียบระหว่างฉินเฉิงจื่อกับ ชุยซิงอี้เหมือนเอาฟ้ากับเหวมาเทียบกัน
ท้องฟ้าโดนเงากระบี่ปกคลุม ด้วยพลังลมปราณที่มหาศาลจนน่ากลัว พลังของคมดาบสามารถฟันทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้า ให้ขาดเป็นสองส่วนได้อย่างง่ายดาย
ชัวะ!
เพลงดาบหมื่นราตรีของชุยซิงอี้พุ่งไปในอากาศ เกิดเสียงดังลั่นออกมา เพื่อหมายจะฆ่าฉู่ชวิ๋น