บทที่ 227 งูเกราะนิล[รีไรท์]
ในเมื่อมีคนนำ ก็ต้องมีคนตามไม่มีใครโง่พอที่จะรอความตายหรอกนะ!!
พรึบ!
ทุกคนเคลื่อนไหวพร้อมกัน วิ่งแจ้นออกไปเหมือนสุนัขหนีตาย
คนที่วิ่งออกไปหลังสุดนั้น สองมือของเขายกมือป้องกันท้ายศีรษะอยู่เพราะกลัวว่าฉู่ชวิ๋นจะไล่ตามมาแล้ว ทำให้กระโหลกส่วนหลังเป็นรู ฉู่ชวิ๋นหน้านิ่ง มองดูพวกเขาที่หนีกันเตลิด เขาไม่มีความคิดที่จะไล่ตาม
บึ้ม!
หินยักษ์ระเบิดออกมา เศษกรวดปลิวว่อน เศษฝุ่นเศษดินตลบ มีเงาหนึ่งโผล่ขึ้นมาจากเศษซาก นั่นเป็นหวังอัน ตัวเขาโชกไปด้วยเลือด ผมกระเซิง ขอทานยังจะดูสภาพดีกว่าเขาเลย
ดวงตาสองข้างแดงก่ำเพราะเลือดไหล มองไปยังกลุ่มคนที่วิ่งหนีเตลิดไปไกล เขาไม่อาจหยุดยั้งความโมโหไว้ได้
“พวกแกนี้กล้วความตายไม่ต่างจากพวกขยะ ฉันน่าจะฆ่าให้ตาย ๆ ห่าไปซะ!” เขาตะโกนออกมา น้ำเสียงเหมือนกับสายฟ้าฟาด
แต่คนกลุ่มนั้นกลับไม่หยุด ซ้ำร้ายยังวิ่งเตลิดกันเร็วกว่าเดิม
พอมองมาตรงนี้ ในใจของหวังอันก็รู้สึกเสียใจอย่างบอกไม่ถูก เขาบาดเจ็บไม่น้อยทั้งยังสูญเสียพลังไปมาก ลูกน้องก็ยังทอดทิ้ง
“ฉู่ชวิ๋น แกหมายจะทำลายให้สิ้นซากเลยใช่ไหม ?” ฉู่ชวิ๋นมองเขาแบบตลก ๆ และพูดด้วยน้ำเสียงขบขัน
“ตอนแรกก็อยากจะเก็บแกไว้อยู่หรอก แต่ตัวแกมันรนหาที่ตายเองนะ” หวังอันรู้สึกเสียใจเล็กน้อย ก่อนหน้าฉู่ชวิ๋นเองก็พูดออกมาว่า หากปล่อยไอ้แก่หลงอ๋าวไปแล้วเขาจะไว้ชีวิต แต่ตอนนี้พูดอะไรไปก็ไม่ทันแล้ว เท่าที่เขารู้มา จอมมารฉู่ไม่มีทางยอมให้ศัตรูของตัวเองชีวิตรอดแน่นอน
“แกบังคับฉันเองนะ” สายตาของหวังอันดูร้ายกาจขึ้นมาทันที มือเขาหยิบขลุ่ยกระดูกขนาดเท่าฝ่ามือออกมา
ฟู่ฟู่……..!
เขาเป่าขลุ่ยกระดูก ปล่อยเสียงโหยหวนของเหล่าภูตผีโห่ร้องและหมาป่าเห่าหอน ทำให้คนฟังรู้สึกอึดอัดอย่างมาก
ตัวฉู่ชวิ๋นราวกับแสงสว่าง เขากระโดดไปตรงหน้าหวังอัน ควันสีม่วงลอยฟุ้ง กำปั้นต่อยออกมาเหมือนฟ้าผ่า
ตู้ม!
หวังอันกระอักเลือดออกมากองใหญ่ ขลุ่ยกระดูกในมือของเขาถูกระเบิดกลายเป็นขี้เถ้า เสียงแปลก ๆ จากขลุ่ยก็เงียบไปในทันที
ฉู่ชวิ๋นตอนนี้อยากจะฆ่าหวังอันมาก ๆ สี่ทิศแปดด้านห้อมล้อมด้วยเสียง ‘ฟ่อ ฟ่อ’ อันน่าขนลุก เหมือนกับกำลังที่บางอย่างคืบคลานเข้ามา
“ฉู่ชวิ๋น เป็นแกบังคับฉันเอง ถ้าจะตายก็ต้องตายด้วยกันทั้งหมดนี้แหละ ฮ่า ๆ…” หวังอันกระเด็นไปไกลหลายร้อยเมตร หน้าตาดูสิ้นหวัง แต่ก็ยังตะโกนร้องออกมาอย่างบ้าคลั่ง
“ฟ่อ ฟ่อ” เสียงใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ
ฉู่ชวิ๋นจ้องมองไปรอบ ๆ ก็เห็นว่า มีงูออกมาจากทุกทิศทุกทาง
งูพันธุ์นี้อย่างน้อย ๆ ก็น่าจะยาวประมาณห้าเมตร ทั้งตัวดำขลับเหมือนกับหมึก มีเกร็ดห่อหุ้มเต็มตัวเหมือนกับโลหะดำที่เพิ่งหลอม ลำตัวของมันไต่หินขึ้นไปแล้วเสียดสีกันจนเป็นประกายไฟ ที่น่าแปลกกว่าคืองูตัวนี้มีเท้าสองข้างยาวเจ็ดนิ้ว มันแปลกประหลาดกว่างูอื่น ๆ ปากของมันมีจะงอยเหมือนนกอินทรี ทั้งแหลมและคม งูเกราะนิล หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า งูปากอินทรี
ฉู่ชวิ๋นประหลาดใจ งูแบบนี้มันปรากฏออกมาบนโลกด้วยงั้นเหรอ ?
งูเกราะนิลเคลื่อนตัวได้ไว ยืดคอได้สูง เท้าสองข้างกวาดดินไป เลื้อยผ่านก้อนหิน จนทิ้งรอยลึกลงไป เสียงเหมือนกับโลหะที่ครูดไปมา ยังมีประกายไฟพุ่งเป็นระยะ ส่วนที่น่ากลัวที่สุดของงูเกราะนิล ไม่ใช่เพราะทั้งตัวคมเหมือนกับเหล็กแหลม แต่ที่น่ากลัวคือจะงอยปากและพิษของมัน ปากของมันฉีกเหล็กได้ เป็นชิ้น ๆ ส่วนพิษของมันเพียงหยดเดียวก็สามารถทำให้คนละลายเป็นของเหลวได้เลย
ที่ทำให้ฉู่ชวิ๋นรู้สึกแปลกใจ ก็คือ การจะเลี้ยงงูเกราะนิลไว้มันยากมาก แต่หวังอันมันทำได้ยังไง ?
เขายังไม่ทันเข้าใจก็มีเสียงร้องไห้โหยหวนดังอย่างบ้าคลั่งออกมา เสียงนั้นมันแฝงทั้งความแค้นและดุร้ายเหมือนกับปีศาจคำราม เขาโดนงูเกราะนิลยาวขนาดสิบเมตรจับฉีกเป็นเศษเนื้อก้อนใหญ่ จากนั้นเขาโดนงูยักษ์เลื้อยพันรอบตัว งูที่อยู่ข้าง ๆ เห็นก็เข้าไปเลื้อยพันต่อ
ทันใดนั้นหวังอัน ก็โดนงูเกราะนิลอีกสิบตัวเข้ามาพันรอบ ๆ จนกลายเป็นเกี๊ยว
กลิ๊ก!
เสียงของกระดูกโดนเจาะแตก หวังอันร้องออกมาด้วยความโศกเศร้า
“ฉู่ชวิ๋น ถ้าฉันตาย แกเองก็อยู่ต่อไม่ได้…” กระดูกทั้งตัวของหวังอันโดนรัดจนแหลก ปากของเขาพ่นละอองเลือดออกมา เลือดพุ่งออกมาจากทวารทั้งเจ็ด เหมือนกับตัวออนเรียว (ผีญี่ปุ่น) น่ากลัวเกินจะบรรยาย
ตู้ม!
หวังอันตัวระเบิดไปอย่างสิ้นหวัง ทั้งร่างกายของเขาโดนงูเกราะนิลรัดจนระเบิดไปหมดแล้ว เลือดเนื้อของเขาปลิวล่องลอยไป งูเกราะนิลพวกนั้นเหมือนกับจะงอยปากนกอินทรีขนาดใหญ่ ซึ่งมันก็กลืนเลือดเนื้อของเขาเข้าไป ดูแล้วชวนให้อ้วก
จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิ ตอนนี้แม้แต่กระดูกยังไม่เหลือ ตายเพราะงูกินเข้าไปทั้งเป็น ฟังแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ
ฉู่ชวิ๋นขมวดคิ้ว จริง ๆ แล้วหวังอันไม่ได้ฝึกงูเกราะนิลเหล่านั้นให้เชื่อง
“ไอ้เจ้าฉู่ ถ้าแกไม่เข้ามาช่วยฉัน แกก็คงได้แต่เผากระดาษส่งให้ฉันแล้วนะ” หลงอ๋าวมองไปที่งูเกราะนิลที่เลื้อยเข้ามา บนร่างกายก็มีหนังไก่ที่มีหูดขึ้นอยู่หนึ่งชั้นแล้ว ยิ่งเห็นสัตว์ร้ายเหล่านี้กินเนื้อของหวังอันเข้าไป ดูแล้วยิ่งน่าขยะแขยง ฉู่ชวิ๋นที่อยู่ไกลออกไป มีท่าทีตื่นตัวเมื่อได้ยินแบบนี้ฉู่ชวิ๋นรวบรวมความคิดและสมาธิ คอยมองดูหลงอ๋าวทำท่าทางสนุกสนาน พลางพูดเล่น ๆ ไปว่า
“ท่านเป็นถึงบุตรแห่งเจ้ามังกร แต่จะมาโดนงูพวกนี้กินเข้าไปเนี่ยนะ ? จะถือว่าเป็นงูกินมังกรได้ไหม ?”
หลงอ๋าวโกรธจนกลอกตาไปมา ตามองไปที่งูเกราะนิลที่ใกล้เข้ามา ห้ามใจไม่ให้ตื่นตระหนกไม่ได้
“ไอ้เด็กนี่ ไม่ยอมมาช่วยฉันนะเฮ้ย”
“ดูท่านพูดสิ ไม่มีความรู้สึกจะร้องขอชีวิตเลยสักนิด”
ถึงจะพูดไปแบบนั้น แต่ฉู่ชวิ๋นก็ไม่ได้หมายความว่า ตัวเองจะช่วยเขากำลังลงไปช่วยอีกฝ่าย
“ไอ้เด็กเวรนี่ แก…..” หลงอ๋าวพูดไม่ออก เพราะอีโก้ของเขากดเอาไว้ งูเกราะนิลที่ความยาวประมาณสิบกว่าเมตรกำลังเลื้อยเข้ามาใกล้เขา แววตาที่เย็นชาคู่นั้นจ้องมองเขาได้สักพักก็โค้งคอลงไปพักสมอง
หลงอ๋าวกลัวจนเกือบจะร้องออกมา ท่าทีของมันพร้อมจะจู่โจมมาก…
แน่นอนว่า งูเกราะนิลอ้าปากกว้างของมันทันทีและพุ่งตรงไปหาหลงอ๋าวอย่างรวดเร็ว
“ไอ้เด็กฉู่……ฉันสำนึกแล้ว รีบมาช่วยฉันเร็ว……” หลงอ๋าวขยับตัวไม่ได้แล้ว ทั้งยังขี้เกียจจนไม่แสดงสีหน้าออกมา ถ้าหากศัตรูถูกฆ่าเขาจะไม่รู้สึกกลัวเลย แต่งูพวกนี้มันเหนือธรรมชาติไปมาก หลังจากที่ฆ่าคนไปมันไม่ทิ้งไว้แม้แต่ซากกระดูก มันกลืนไปแบบไม่เหลือซาก!
ชิ้งง!
ลมปราณกระจายไปทั่วราวกับระลอกคลื่นและลมปราณที่น่ากลัวปะทุออกมาจากเขตแดนเพื่อปกป้องหลงอ๋าว งูเกราะนิลอ้าปากงับม่านแสงนั้น ผลคือมันโดนสะบัดอย่างแรงจนกระเด็นออกไป พร้อมเลือดที่ไหลลงมาจากหัวของมัน
หลงอ๋าวแตะตรงช่องท้องที่กระตุกเล็กน้อย ปล่อยเสียงหายใจเฮือกใหญ่ออกมา พูดพึมพำ “ทำเอาตกใจเกือบตายเลย!”
ปั่บ!
รอบนี้ งูเกราะนิลตัวหนึ่งเอาหางของมันไปฟาดใส่ม่านแสงของเขตแดนนั้น แต่เพียงแค่โดนกับม่านแสงร่างของมันมีไฟลุกท่วมออกมาอย่างน่าพิศวง
ปัง!
หางของงูเกราะนิลตัวนั้นกลายมาเป็นหมอกเลือด
งูเกราะนิลตัวอื่น ๆ ราวกับกระแสน้ำที่แยกออกเพื่อหลบเขตแดน
หลงอ๋าวตะลึงจนตาค้างปากอ้า สัตว์ประหลาดเหล่านี้ ไม่ใช่แค่ความเหนือธรรมชาติของมัน แต่ยังมีความฉลาดรู้ถึงพลังของเขตแดน แล้วรู้ว่าต้องทำยังไง
ซาบ ซาบ…….!
เสียงเลื้อยที่แสบแก้วหู งูเกราะนิลพวกนั้นปีนขึ้นไปหาฉู่ชวิ๋นซึ่งเสียงนั้นทำเอาคนฟังเหงื่อท่วม
เชว้ง!
งูเกราะนิลขนาดสิบเมตรดีดตัวขึ้นมาเหมือนกับสายฟ้าแหวกอากาศ จะงอยปากที่เป็นขอเหล็กมุ่งไป หมายจะเกี่ยวเอาสมองของฉู่ชวิ๋นออกมา
ฉู่ชวิ๋นสะบัดนิ้วก็มีกลุ่มควันสีม่วงระเบิดออกมา
ตู้ม!
งูเกราะนิลที่กระโดดแหวกอากาศ ยังไม่ทันเข้ามาใกล้ฉู่ชวิ๋นหัวของมันก็ดันระเบิดกลายเป็นหมอกเลือดไปก่อนแล้ว ลำตัวขนาดมหึมาร่วงลงบนพื้น พร้อมมีเศษหินขนาดเล็กใหญ่หล่นทับ งูเกราะนิลตัวอื่น ๆ เลื้อยมารวมตัวกันแล้วกินเศษซากของเพื่อนพวกมันที่ตายไปจนไม่เหลือ แม้แต่เศษกระดูก
อันที่จริงงูเกราะนิล จะน่ากลัวมากขึ้นเมื่อพวกมันมีจำนวนมาก ๆ เท่านั้นแหละ
ปัง!
งูเกราะนิลขนาดสิบกว่าเมตรชูคอแผ่แม่เบี้ย มันมองฉู่ชวิ๋นจากนั้นก็อ้าปากขู่ พิษงูสีดำพุ่งออกมาราวกับลูกธนู
ตัวฉู่ชวิ๋นหักหลบไป พิษงูสีดำร่วงลงบนพื้น มันกัดกร่อนพื้นดินจนเป็นหลุมขนาดใหญ่
ฉู่ชวิ๋นสะบัดนิ้ว แล้วก็มีบางอย่างระเบิดออกมา
ตู้ม!
บนฟ้ากลายเป็นฝนเลือด งูเกราะนิลตัวที่พ่นพิษใส่ฉู่ชวิ๋นโดนตัดหัว ซากของมันก็โดนเพื่อน ๆ กลืนกินเข้าไปในทันที
เกร็ดของแข็งแกร่งยิ่งกว่าเหล็ก แถมยังมีพิษที่โดนแล้วตายทันที จำนวนของพวกมัน มันมีมากมายมหาศาลแค่เห็นก็ทำให้คนกลัวจนตัวเกร็งแล้ว นิสัยของงูเกราะนิลระห่ำบ้าเลือด ชอบอยู่เป็นฝูง
หากมดกัดหลายครั้งก็ถึงตาย งูเกราะนิลเทียบกับมดพวกนั้น ถือว่าน่ากลัวกว่าเป็นพันเป็นหมื่นเท่า
“ไอ้หนูฉู่ ระวังหน่อยล่ะ!” หลงอ๋าวที่หลบอยู่ในเขตแดนตะโกนออกมา เมื่อเขาเห็นความน่ากลัวของพิษงู ฉู่ชวิ๋นพยักหน้ารับ แววตาลุกวาวเป็นประกายและยิ้มมุมปาก
ในอึดใจต่อมา รอบตัวของเขาก็มีแสงสีม่วงวาบออกมา มือสองข้างเปล่งประกายเขาให้วิชาดัชนีโบราณ
ทันใดนั้น ลมก็ลอยออกมาแล้วเมฆก็เคลื่อนไป ลมพัดไปมาอย่างบ้าคลั่ง ท้องฟ้ามืดครึ้ม หลงอ๋าวเงยหน้ามอง พอเห็นใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความตกตะลึง เขาไม่รู้ว่า เมฆครึ้มมารวมตัวกันตอนไหน เกิดเป็นเงาขนาดใหญ่ขึ้นมาปกคลุมท้องฟ้า
พอมองไปไกล ๆ เขายังเห็นฟ้าครามสดใสไกลสุดลูกหูลูกตา เมฆครึ้มที่ปรากฏเฉพาะตรงนี้ทำให้เขารู้สึกแปลก ๆ ขึ้นไปอีก
บึ้ม!
สายฟ้าแล่บออกมาจากเมฆครึ้ม พายุสายฟ้าโหมกระหน่ำ สายฟ้าพวกนี้ราวกับมังกรยักษ์ที่ฟาดลงมา
ฉู่ชวิ๋นยกนิ้วทั้งสิบแล้วทำมือเหมือนนกบินสี่ทิศรอบตัว มีควันสีม่วงปรากฏออกมา ตัวคนทั้งตัวล่องลอยออกไปตามที่ใจปรารถนา เมฆครึ้มกดตัวต่ำลงมา เหมือนกับหม้อสีดำขนาดใหญ่ที่เทคว่ำลง
สุดท้ายฉู่ชวิ๋นหยุดขยับมือ ดวงตาสองข้างหรี่ลงแล้วฟ้าก็แล่บออกมาเคล็ดวิชาอสนีบาตสีม่วง – คำสาป
ฉู่ชวิ๋นหายใจเบา ๆ แล้วชี้นิ้ว
ฮั่ว!
สายฟ้าผ่าจนน่าสะพรึงกลัวฉีกท้องฟ้า ทำให้ภูเขาสั่นสะเทือน
ตู้มม!
สายฟ้าเส้นหนาตกลงมาจากก้อนเมฆดำ กระทบกลุ่มงูเกราะนิล พื้นดินระเบิดรอยแตกขยายออกไปไกล ก้อนหินแตกออกเป็นฝุ่นผง งูเกราะนิลนับสิบนับร้อยตัว โดนฆ่าตายเกิดเป็นหมอกเลือดขนาดใหญ่!!
หลงอ๋าวตาลาย คอแห้ง ทั้งตัวแข็งเป็นหิน
ฉู่ชวิ๋นหน้านิ่ง นัยน์ตาสองข้างมองพายุสายฟ้าฟาด เขาพลางยกมือลง สายฟ้ามากมาย ก็ฟาดลงมาจากท้องฟ้าราวกับเป็นคำสาป
บึ้ม บึ้ม………!
เสียงระเบิดที่น่ากลัวทำเอาหูหนวก พื้นดินระเบิดออกมาเกิดเป็นหลุมขนาดใหญ่ขึ้น งูเกราะนิลมากมายโดนระเบิดจนกลายเป็นโคลนเลือด
เคล็ดวิชาอสนีบาตสีม่วง – สิ้นพสุธา
ฉู่ชวิ๋นหายใจเบา ๆ อีกครั้ง มือสองข้างมีควันสีม่วงรายล้อม รอยประทับนิ้วระดมยิงออกมา
ฮั่ว!
ท้องฟ้าแปรปรวนจนวิปริต สายฟ้านับร้อยนับพันร่วงลงมาพร้อมเสียงระเบิดที่ดังอย่างต่อเนื่อง
พื้นดินสั่นไหวจนระเบิดออก รอยแตกบนพื้นที่น่ากลัวขยายตัวออกไปเรื่อย ๆ หินก้อนใหญ่ระเบิดเป็นเศษกรวดมากมายนับไม่ถ้วน เหล่างูเกราะนิลม้วนขดตัวพยายามกันระเบิด แต่ก็ไม่อาจทนรับได้กลายเป็นหมอกหนาที่ก่อตัวจากเลือด
ลมพายุที่บ้าคลั่งหมุนวน สายฟ้าพลางฟาดกระหน่ำ เลือดไหลกองรวมกันเป็นแม่น้ำแห่งสายเลือด ใต้ฝ่าเท้าเต็มไปด้วยกองกระดูกและเศษชิ้นเนื้อที่อาบด้วยเลือดมากมาย
ดวงตาสองข้างของฉู่ชวิ๋นคอยควบคุมสายฟ้าฟาดที่พุ่งออกไปเรื่อย ๆ สายฟ้าที่น่ากลัวนี้ระเบิดพื้นดินอย่างไม่หยุดหย่อน ครึ่งชั่วโมงผ่านไปถึงจะสงบลง
หลงอ๋าวกลายเป็นเสาไม้แกะสลักไปแล้ว ลูกตาดำขยับไม่ได้ งูเกราะนิลนับพันนับหมื่นตัวโดนฆ่าตายเกลี้ยง ไม่มีตัวไหนรอดชีวิตไปได้สักตัว พื้นที่ในรัศมีหนึ่งกิโล กลายเป็นแผ่นดินสีดำขนาดใหญ่!
กลิ่นเลือดคละคลุ้งไปทั่ว เมฆครึ้มบนท้องฟ้าขยายตัว ฟ้ากลับมาสดใส ไม่มีแม้แต่ร่องรอยของเมฆครึ้มที่ลอยผ่านมาเมื่อครู่ ทั้งหมดที่เกิดขึ้นเหมือนเป็นแค่ภาพหลอน
ฉู่ชวิ๋นเองก็รู้สึกตกใจกับพลังตัวเอง เหตุการณ์เมื่อครู่มันน่ากลัวเกินไป แต่มันเป็นจุดจบของการลงโทษที่แท้จริง
เมือกี้มันคือเคล็ดวิชาอสนีบาตสีม่วงจากตำราลมปราณจำแลงโบราณ พลังอำนาจมันเหลือเชื่อเกินกว่าที่เขาคิดไว้มาก
ฉู่ชวิ๋นประหลาดใจ เขาเก็บเกี่ยวประสบการณ์จากการฝึกฝนเพื่อใช้ต่อไป หากเขาตอนเป็นจักรพรรดิเซียนใช้เคล็ดวิชาอสนีบาตสีม่วงนี้ ขึ้นมามันจะน่ากลัวขนาดไหนกันนะ ?
รอบตัวของฉู่ชวิ๋นเกิดประกายสีม่วงห้อมล้อมตัวพาตัวเขาไปหาหลงอ๋าว และกันไม่ให้รองเท้าติดคราบเลือดตามพื้น
เขายกมือขึ้นเพื่อปลดแก้เขตแดนนั้นออก ฉู่ชวิ๋นกลั้นขำไว้ไม่อยู่สภาพของหลงอ๋าวแข็งทื่อเหมือนแผ่นไม้ สภาพน่าตลกจริง ๆ
เขาแบ่งปันพลังลมปราณจำแลงให้กับหลงอ๋าว ใช้ควันสีม่วงช่วยฟื้นฟูร่างกายและรักษาบาดแผลให้หลงอ๋าว
“รักษาก่อน” ฉู่ชวิ๋นกล่าว
เมื่อหลงอ๋าวได้ยินก็รีบนั่งลงไปทันที แล้วเริ่มโคจรพลังรักษาตัวเอง เหมือนกับนอนสปาจุดก้านธูปหอม พอหลงอ๋าวตื่นขึ้นมา ร่องรอยบาดเจ็บก็หายไปจนหมดสิ้น
ผลของการรักษาโดยใช้ควันม่วงจากตำราลมปราณจำแลงโบราณ มันน่าทึ่งเกินจะบรรยายออกมาเป็นภาษาจริงๆ!