บทที่ 228 สั่งมาก็ทำไป![รีไรท์]
“ไอ้เด็กฉู่ พูดมาตามตรงเลยสิบกว่าปีมานี้หายหัวไปไหนมา ?” หลงอ๋าวถามอย่างจู้จี้จุกจิก ที่สำคัญจิตใจเขารู้สึกหวาดระแวงเอามาก ในปีนั้นที่เขาได้เจอกับฉู่ชวิ๋นเป็นครั้งแรก เขาใช้มือข้างเดียวก็สามารถระเบิดฉู่ชวิ๋นเละเป็นขี้ได้แล้ว
แต่ตอนนี้สถานการณ์มันสลับกัน ฉู่ชวิ๋นใช้มือข้างเดียวก็ระเบิดเขาทิ้งได้
“ไปหาบรรพบุรุษของลุงมาน่ะสิ” ฉู่ชวิ๋นพูด
หลงอ๋าวหดคอลง กดเสียงลงต่ำ “วิชาพวกนั้น ท่านบรรพบุรุษสอนมาเหรอ ?”
“เขาเนี่ยนะจะมาสอนผม”ฉู่ชวิ๋นพูดเหน็บจักรพรรดิ อ๋าวฮวง
“ไอ้หนุ่ม ข้าขอเตือนแกเลยนะ อย่าหยามเกียรติท่านบรรพบุรุษ ไม่งั้นแกเจอข้าแน่” หลงอ๋าวขู่ไว้
ฉู่ชวิ๋นตั้งใจกวนลุงเล่น “แค่คุยเล่นไม่ต้องถึงขั้นทะเลาะกันได้ไหม ?” หลงอ๋าวรำคาญจนกลอกตาไปมา
ทั้งสองคนคุยไปทะเลาะกันไป ระหว่างทางกลับภูเขาเฉียนหลง
……
ที่ตีนเขา ชายชราคนหนึ่งกำลังมองภูเขาเฉียนหลงแล้วขมวดคิ้ว เขาหาทางเดินบนเขาไม่เจอจนหลงทางยังดีที่มาเจอฉู่ชวิ๋นและหลงอ๋าว
ฉู่ชวิ๋นรู้จักคนนี้เป็นขั้นปรมาจารย์ระดับหนึ่ง ไม่ได้เจอกันมาสิบกว่าปี ตอนนี้ไปเป็นปรมาจารย์ระดับห้าแล้ว
“ท่านฉู่ ผู้อาวุโสหลง” ชายชราเดินมาตรงหน้าและทำความเคารพทั้งสอง เขาเป็นเพียงจอมยุทธ์ขั้นปรมาจารย์ ต่อหน้าทั้งสองเขาไม่กล้าทำตัวไม่ดี
“จงเหริน นายมาที่นี่ได้ยังไง” หลงอ๋าวเอ่ยปากถาม ทั้งสองรู้จักกันมานาน ถือว่าจงเหรินเป็นรุ่นน้องของเขาก็ว่าได้
“ผมมาตามคำสั่ง” จงเหรินเอ่ยด้วยความเคารพ ฉู่ชวิ๋นและหลงอ๋าวมองตากัน จงเหรินคงได้รับคำสั่งจากหัวหน้าอันดับหนึ่ง
“ไปกันเถอะ ที่นี่ไม่เหมาะที่จะคุย” ฉู่ชวิ๋นยกมือขึ้น ทางขึ้นภูเขาก็ปรากฏออกมา จงเหรินแอบรู้สึกตกใจ เป็นวิชาที่มหัศจรรย์มาก
ระหว่างที่ขึ้นเขาไป จงเหรินขอบคุณฉู่ชวิ๋นที่ช่วยชีวิตเขาไว้ ถ้าในปีนั้นฉู่ชวิ๋นไม่เข้ามาช่วย เขาคงกลายเป็นปุ๋ยผสมในดินไปแล้ว
“สายข่าวของพวกนายนี้สุดยอดจริง ๆ พอฉันกลับมาพวกนายก็รู้ทันที ฉันยังสงสัยอยู่เลยว่า นายใช้ดาวเทียมส่องฉันอยู่รึเปล่า ?” ฉู่ชวิ๋นพูดแซว
อันที่จริงเขาเข้าใจดี หัวหน้าอันดับหนึ่ง รู้ก็เพราะว่าจักรพรรดิอ๋าวฮวงเป็นคนบอก
จักรพรรดิอ๋าวฮวงเป็นเหมือนผู้อุปถัมภ์ประเทศจีนแห่งนี้
“ท่านฉู่ก็พูดไปนั่น ตอนนี้เกรงว่าผู้คนในยุทธภพจะรู้กันหมดว่า ท่านกลับสู่ยุทธภพแล้ว” จงเหรินพูดหยอก
“หื้ม ?” ฉู่ชวิ๋นมองเขาด้วยแววตาสงสัย จงเหรินยกมือถือออกมาแล้ว ล็อกอินเข้าอู่เหมิงฟอรั่ม จากนั้นก็พิมพ์คำว่าฉู่ชวิ๋นลงไปพร้อมคำนับ
“ท่านฉู่โปรดดู” ฉู่ชวิ๋นรับมา ทั้งหน้าฟีดมีแต่ชื่อเขา
เทพฉู่กลับมาแล้ว!
หายเงียบไปกว่าสิบห้าปี ในที่สุดเขาก็กลับมา เพื่อล้างแค้นจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิ!
จอมมารฉู่กลับมาอย่างสง่า ตัดหัวจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิไปสามคน ใครจะกล้าต่อกร ?
……
……
หัวข้อทั้งหมดต่างก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับเขา
ฉู่ชวิ๋นเงียบไปแล้วถามขึ้นว่า “มันคืออะไร ?” จงเหรินจึงอธิบายที่มาที่ไปของอู่เหมิงฟอรั่ม
ฉู่ชวิ๋นพอเข้าใจ อู่เหมิงฟอรั่มนี้ สร้างขึ้นมาเพื่อพูดคุยเรื่องของยุทธภาพ ซึ่งตอนนี้มีแต่ข่าวของฉู่ชวิ๋น
“นี่ไม่น่าจะใช่เรื่องดี” หลงอ๋าวพูดเสียงขรึม ฉู่ชวิ๋นพยักหน้า เรื่องที่พูดคุยในฟอรั่มทั้งเรื่องการกลับมาอย่างสง่า เรื่องตัดหัวจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิ ใครจะกล้าสู้กับเขา และอื่น ๆ…ทั้งหมดนี้ต่างก็เป็นเรื่องที่คนตั้งใจทำขึ้น เพราะจะฆ่าเขา
“ช่างมันเถอะ หวังว่าพวกเขาจะสนุกกันนะ อย่าฆ่ากันเองก็พอ” ฉู่ชวิ๋น พูดอย่างไม่สนใจ
……
ทั้งสามเมื่อขึ้นเขามา ถางโร้วก็วิ่งออกมารับเธอยิ้มหวานแล้วพูดว่า
“พี่ฉู่ พี่กลับมาแล้ว” ฉู่ชวิ๋นพยักหน้าแล้วลูบหัวถางโร้ว
“เด็กคนนี้นะ พอได้เห็นเจ้าฉู่ชวิ๋นแล้ว ก็ลืมตาแก่คนนี้ไปเลยล่ะสิ หึ!” หลงอ๋าวพูดหยอก เมื่อได้ยินแบบนั้นถางโร้วหน้าก็หน้าแดงขึ้นมา
“คนอื่น ๆ ล่ะ ?” ฉู่ชวิ๋นถาม
“พวกเขาเข้าไปในเมืองกันแล้ว ฉันอยู่ที่นี่รอพี่ฉู่น่ะ” ถางโร้วตอบ
“มันไม่อันตรายเหรอนั้น ?” หลงอ๋าวรู้สึกเป็นห่วงพวกที่ลงไปจากภูเขามาก
“ไม่หรอก จากพลังการฝึกฝนของพวกเขาตอนนี้ ถ้าไม่เจอจอมยุทธ์ขั้นปรมาจารย์ระดับห้าขึ้นไป ก็พอจะป้องกันตัวเองได้อยู่” ฉู่ชวิ๋นตอบ
“เหล่าจอมยุทธ์ขั้นปรมาจารย์กำลังง่วนอยู่กับการปราบสัตว์อสูร ไม่ค่อยจะเหลือจอมยุทธ์ในเมือง ไม่มีเรื่องอะไรหรอก” จงเหรินตอบ สัตว์อสูรเหล่านั้นถึงจะดุร้าย แต่ก็เรียกได้ว่าเป็นสมบัติทำให้คนเก่ง ๆ ต่างก็ทุ่มสุดตัวเพื่อออกล่ามัน
ระหว่างที่คุยกัน ทั้งสามคนก็ไปถึงห้องโถงและคุยกันที่โต๊ะนั่งถางโร้วชงชาให้ทั้งสาม แล้วก็นั่งเงียบเรียบร้อยอยู่อีกมุมหนึ่ง
“นายมาหาฉัน มีเรื่องอะไร ?” ฉู่ชวิ๋นเอ่ยปากถามจงเหริน
“ท่านหัวหน้าอันดับหนึ่ง เขาอยากจะเชิญให้ท่านฉู่เข้าไปดูแลวังมังกรเพลิง” วังมังกรเพลิง ?
“มันคือที่ไหน ?” ฉู่ชวิ๋นถาม
“วังมังกรเพลิง คือ ที่ที่รวมเหล่าจอมยุทธ์ไว้ปราบสัตว์อสูร ปกป้องประชาชน” จงเหรินอธิบาย
“แล้วเดิมใครเป็นคนคุมวังมังกรเพลิง ?” ฉู่ชวิ๋นถาม
“เดิมทีผู้อาวุโสเกาชิงหลิงทำหน้าที่นี้ แต่เมื่อสามเดือนเขาถูกฆ่าระหว่างกำลังไล่ล่าสัตว์ โดยพยัคฆ์เขี้ยวเงินแอบซุ่มโจมตี โชคไม่ดีที่เขาเสียชีวิตลงที่นั้น ทำให้ตอนนี้ตำแหน่งหัวหน้าวังมังกรเพลิงเลยว่างอยู่”
“แล้วเลือกหาคนมารับช่วงต่อไม่ได้เลยหรือไง ?”
จงเหรินฝืนยิ้ม “มันไม่ง่ายขนาดนั้น วังมังกรเพลิงนับวันจะยิ่งแข็งแกร่งขึ้น พลังของพวกเขายิ่งใหญ่เกินบรรยาย อำนาจภายในก็ซับซ้อน ใคร ๆ ก็อยากจะมาเป็นนายเหนือแห่งวังมังกรเพลิง แต่การจะคุมจอมยุทธ์พวกนั้นมันยากเกินไป ทำเอาท่านหัวหน้าอันดับหนึ่ง ปวดหัวกับปัญหานี้มาก”
“เพราะงั้นเขาเลยต้องเอาปัญหานี้มาให้ฉันสินะ” ฉู่ชวิ๋นพูดเย้ยหยัน
“ท่านฉู่เข้าใจผิดแล้ว ท่านหัวหน้าบอกมาว่า ถ้าท่านฉู่ไม่อยากก็ไม่บังคับ แต่ตำแหน่งนายเหนือแห่งวังนี้จะเป็นของผู้อาวุโสหลงแทน” จงเหรินกล่าว
“ข้าเนี้ยนะ ?” หลงอ๋าวกระเด้งขึ้นมา หน้าตาดูไม่เต็มใจ โบกมือปัดอย่างไม่คิด
“อย่ามาขอร้องข้าเลย คนแก่อย่างข้าชอบทำตัวว่าง ๆ ไม่ชอบมีเรื่องให้คิด”
ฉู่ชวิ๋นไม่พูดอะไร ใบหน้าของเขาก็สื่อชัดเจนว่าไม่เอาเด็ดขาด จงเหรินทำตัวไม่ถูกและยิ้มอย่างข่มขื่น “ผู้อาวุโสหลง หัวหน้าอันดับหนึ่ง บอกว่าเมื่อวานที่วังมังกรเพลิง มังกรเขียวได้รับบาดเจ็บ”
“อะไรนะ ?” หลงอ๋าวจ้องเขม็ง “แกพูดอีกทีซิ”
“มังกรเขียวพากลุ่มสิบสองนักษัตรเข้าร่วมกับวังมังกรเพลิง น่าเสียดายที่เขาอ่อนแอจนถูกกีดกัน เมื่อวานนี้มีความขัดแย้งเกิดขึ้นจนเขาได้รับบาดเจ็บ”
“เวรเอ้ย ใครมันกล้าทำร้ายลูกศิษย์ของข้าว่ะ ไม่อยากอยู่บนโลกนี้แล้วสินะ” หลงอ๋าวหัวร้อน โมโหจนเท้าอยู่ไม่นิ่ง “ไปเข้าไปในเมืองกัน ข้าอยากจะเห็นหน้ามันจริง ๆ”
“ผู้อาวุโสหลง ทำแบบนี้จะเป็นการสร้างศัตรูจนต้องเกิดเป็นสงครามนะครับ” จงเหรินพูดขึ้นมา
“สงคราม ?” หลงอ๋าวนิ่งไป พูดตอบกลับ “สงครามบ้าบออะไร ก็แค่กลุ่มที่อุปโลกน์ขึ้นมา ไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไรขนาดนั้น ผู้อาวุโสอย่างข้า แค่ลงมือหนึ่งกระบวนท่า ก็ทำให้พวกมันตายกันถ้วนหน้าแล้ว”
แววตาของจงเหรินเปลี่ยนไปและพูดออกมา “ผู้อาวุโสหลงอาจจะยังไม่ค่อยเข้าใจเรื่องวังมังกรเพลิง วังมังกรเพลิงมีจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิสามคน จอมยุทธ์ครึ่งก้าวขั้นจักรพรรดิเจ็ดคน และขั้นปรมาจารย์อีกเป็นร้อย”
เมื่อได้ยินแบบนั้น สักพักหลงอ๋าวก็นิ่งไป ไม่นานเขาก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิสามคน จอมยุทธ์ครึ่งก้าวขั้นจักรพรรดิเจ็ดคน … นี่จะเป็นการท้าทายกลุ่มที่น่ากลัวสุด ๆ เลยแหะ
“จงเหริน แกอยากตายใช่ไหม ? กล้าเอาข้ามาล้อเล่นแบบนี้” แววตาของหลงอ๋าวดูน่ากลัวขึ้นมาทันที
จงเหรินตกใจ พลันแก้ตัวออกมา “ผู้อาวุโสหลงเข้าใจผิดแล้ว ผมไม่กล้าเอาท่านมาล้อเล่นหรอก”
“ยังจะกล้าปฏิเสธอีก” หลงอ๋าวไม่พอใจ
“จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิ ก็เยอะขนาดนั้น ยังจะให้ข้าไปเป็นนายเหนือของวังอะไรนั้นอีกเหรอ ? กะจะส่งข้าไปปล่อยไก่รึไง ?” หลงอ๋าวพูดไปแล้วยกฝ่ามือโบก
ตู้ม!
จงเหรินโดนฝ่ามือโบกไปหน้าประตู หลงอ๋าวรีบพุ่งตามไปอย่างรวดเร็ว นอกประตูเต็มไปด้วยเสียงโหยหวนของจงเหริน สักพักถึงจะเงียบลง ฉู่ชวิ๋นและถางโร้วเดินออกมาเห็นจงเหรินอยู่บนพื้น ตัวฝังลงไปในดินและใบหน้าเปียกโชกไปด้วยน้ำตา ฉันมาทำอะไรที่นี่….
“ดูซิว่าแกยังกล้าล้อเล่นกับข้าไหม ?” หลงอ๋าวกอดอก เตรียมเก็บจงเหริน
“ผู้อาวุโสหลง ผมไม่ได้จะล้อท่านเล่นเลย ท่านหัวหน้าอันดับหนึ่ง เป็นคนพูดเองว่านอกจากท่านฉู่ก็มีผู้อาวุโสหลงเท่านั้น ที่เหลือเขาไม่รู้จักใครที่แข็งแกร่งเท่ากับท่านทั้งสองแล้ว” จงเหรินรีบพูดออกมาอย่างรวดเร็ว เกือบจะกัดลิ้นตัวเองหลายครั้ง ในใจแอบนินทาถึงความดุร้ายของหลงอ๋าว
เอ๊อะ!
หลงอ๋าวนิ่งไป ดูเหมือนมันจะเป็นแบบนั้น จริง ๆ ดูท่าว่าตัวเองคงเข้าใจเจ้าจงเหรินผิดซะแล้วสิ….
เขามองไปหาฉู่ชวิ๋น
“โร้วโร้ว พวกเราเข้าเมืองไปหาพวกเขากันเถอะ” ฉู่ชวิ๋น กล่าว
“ได้สิคะ” ถางโร้วยิ้มหวานเมื่อคุยกับฉู่ชวิ๋น
เชว้ง!
ฉู่ชวิ๋นพาถางโร้วไปราวกับลำแสง พริบตาเดียว พวกเขาก็หายวับไปเลย หลงอ๋าวทึ่งไปสักพักจากนั้นก็วิ่งไปที่หน้าผา
“ไอ้หนูฉู่ เอ็งอย่าคิดซ่อนตัว มีแค่เอ็งที่ทำให้จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิพวกนั้น หวั่นเกรงได้นะเห้ยย!!”
“ผ่อนคลายหน่อย ผมไม่อยากยุ่งเรื่องพวกนี้มันไม่เกี่ยวอะไรกับผมเลย มังกรเขียวเองก็ไม่ใช่ลูกศิษย์ของผมด้วย” เสียงของฉู่ชวิ๋นลอยขึ้นมาจากตีนเขา
“……..” หลงอ๋าวอ้าปากค้าง
“ผู้อาวุโสหลง ตอนนี้จะทำยังไงดีล่ะ ?” จงเหรินปีนขึ้นมาจากหลุมพร้อมสีหน้าเศร้า ๆ
“มังกรเขียวได้บาดเจ็บจริง ๆ ใช่ไหม ?” หลงอ๋าวพูด
สีหน้าของจงเหรินจริงจังขึ้นมา “ครับ พวกเขาขัดแย้งกันเพราะกระดูกสัตว์ร้าย อีกฝ่ายคือจอมยุทธ์ขั้นปรมาจารย์ระดับแปด และมีจอมยุทธ์ขั้นครึ่งก้าวสู่จักรพรรดิหนุนหลัง มังกรเขียวได้รับบาดเจ็บจากฝ่ามือของอีกฝ่าย”
ดวงตาสองข้างของหลงอ๋าวลุกเป็นไฟ หน้าตาเกรี้ยวกราด ตอนนี้มังกรเขียวเป็นจอมยุทธ์ขั้นปรมาจารย์ระดับห้า แต่คู่แข่งเป็นถึงจอมยุทธ์ขั้นปรมาจารย์ระดับแปด
ปัง!
จงเหรินหัวคะมำ กลิ้งไปไกลนับสิบเมตร
“ไอ้เวร แกกล้าอยู่เฉย ๆ ดูมังกรเขียวมันโดนทำร้ายบาดเจ็บเหรอ ?” หลงอ๋าวโมโหมาก
จงเหรินร้องไห้จนไม่มีน้ำตา อยากจะด่าพ่อล่อแม่หลงอ๋าว เขาเกือบหลุดปากด่าออกไป แต่ก็กลัวว่าจะโดนซ้อมกลับมาเลยได้แต่ทนกับอาการเจ็บปวดแล้วพูดว่า “ตอนนั้นผมไม่อยู่ด้วย พอผมรู้เรื่องเขาก็บาดเจ็บไปแล้ว ผมไปพูดคุยเอาเรื่องอีกฝ่ายแล้ว พวกเขายินดีที่จะชดใช้ค่าเสียหายให้ แต่พวกเขาปฏิเสธที่จะขอโทษ”
“เวรเอ้ย!” หลงอ๋าวขบฟันแน่น “ไป พวกเราจะเข้าเมืองกัน”
“พวกเรา ?” จงเหรินตกใจมาก
เท่าที่เขารู้ หลงอ๋าวพลังยังไม่เทียบเท่าจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิ ถึงไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร…
“วางใจได้ ถ้าข้าไปเองไอ้เด็กชั่วร้ายฉู่ไม่ดูอยู่เฉย ๆ หรอก” หลงอ๋าวพูดด้วยความมั่นใจแต่จงเหรินยังไม่ไว้ใจหลงอ๋าว
“รีบ ๆ หน่อยเถอะ ระวังท่านผู้อาวุโสคนนี้จะบดแกเป็นโมจิไปล่ะ” หลงอ๋าวเดินเร็วขึ้น จงเหรินมึนงง จากนั้นก็ส่ายหัวแล้วก้าวเท้าเดินตามไป
……
ฉู่ชวิ๋นและถางโร้วไปถึงในเมือง
โลกเปลี่ยนไปแล้ว เมืองกู่เจียงใหญ่กว่าแต่ก่อนสิบเท่า ใจกลางเมืองมีภูเขาสูงผุดขึ้นมา ต้นไม้ก็สูงเสียดฟ้า
แต่ความแออัดกลับไม่ลดลงเลย เพราะว่าเหล่าคนจากโลกจอมยุทธ์เข้ามาอยู่ที่นี่แล้ว แต่พวกเขาทั้งหมดเป็นจอมยุทธ์ธรรมดา เหล่าจอมยุทธ์ขั้นปรมาจารย์ ต่างก็ยุ่งกับการฆ่าเหล่าสัตว์อสูร
โคร่ง!
เสียงคำรามที่ทำคนตกใจกลัวดังออกมา
เป็นคนหนุ่มใส่ชุดเกราะนักรบในมือถือพัดหยก กำลังขี่เสือขาวตัวใหญ่ดูแล้วยิ่งใหญ่มาก
“พี่ฉู่ชวิ๋น ดูโน่นสิ” ฉู่ชวิ๋นเงยหน้าขึ้น เจอนกกระเรียนตัวใหญ่ ปีกสองข้างนี้น่าจะมีขนาด เจ็ดถึงแปดเมตร บินโฉบลงมาจากฟ้า เกิดเป็นลมแรง พัดของปลิวว่อนไปหมด
นกกระเรียนขาวลงมาที่พื้น คนที่ขี่มันคือผู้หญิงที่ร่างกายเซ็กซี่ร้อนแรง เธอกระโดดลงมาจากหลังนกกระเรียน
มอ!
วัวดำขนาดใหญ่สามถึงสี่เมตรย่างก้าวเข้ามาอย่างช้า ๆ เวลาพ่นลมหายใจเหมือนมีงูสีขาวสองตัวเข้า-ออก เท้าเป็นเหมือนชามขนาดใหญ่ เมื่อมันก้าวเท้าเดินพื้นดินก็แตกเป็นทาง
ผู้ขี่มันใส่เสื้อผ้ามอมแมม เขาเป็นชายวัยกลางคนที่ร่างกายส่งกลิ่นเหม็นนอนอยู่บนหลังวัว เขาลุกขึ้นมานั่งขัดสมาธิ มือข้างหนึ่งถูกับเท้า เมื่อถูเสร็จก็วางไว้ใต้จมูกแล้วดม หน้าตาเขาดูเป็นคนเมา คนรอบตัวส่วนใหญ่เหมือนจะเป็นชาวบ้านทั่ว ๆ ไปหลาย ๆ คนในนั้นทำหน้าตาขยะแขยงออกมา พวกเขาโกรธแต่ก็ไม่กล้าพูดอะไร จากนั้นก็เกิดการจลาจลขึ้น!!
ฉู่ชวิ๋นเห็นชายหนุ่มคนหนึ่ง กำลังนั่งอยู่บนหลังหมาป่าสีฟ้าที่ดูดุร้ายมาก มันแยกเขี้ยววิ่งตรงไปทางผู้คน
ผู้คนบนท้องถนนต่างก็รีบหลบหนี แต่มีเด็กหญิงอายุประมาณเจ็ดแปดขวบนิ่งไม่ขยับยืนค้างอยู่กลางถนน ขวางทางหมาป่าหนุ่ม
หมาป่ารู้สึกรำคาญ จึงส่งเสียงขู่ออกมามันแยกเขี้ยว น้ำลายเหนียว ๆ หยดลงไปบนพื้น จากนั้นหมาป่าก็พุ่งเข้าไปกัดเด็กผู้หญิงทันที!
เจ้านายของหมาป่าก็ไม่ได้ห้ามมัน
ผู้คนรอบตัวต่างแตกตื่นตกใจจนกรีดร้องออกมา