จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来) – ตอนที่ 245 การแย่งชิง

บทที่ 245 การแย่งชิง

ถึงยามพลบค่ำ อากาศก็เย็นลงเหมือนทุกที

แสงสว่างของเมืองมังกรเฉิดฉายขึ้นอีกครั้ง แต่ด้านนอกของเมืองเต็มไปด้วยเสียงสัตว์ป่ามากมายกำลังคำราม

ตอนนี้หยานอี้กลับไปก่อนแล้ว

“ท่านเจ้าวังครับ คนๆ นี้ไว้ใจได้ใช่ไหมครับ?” เหยียนชงถามอย่างลังเล

ฉู่ชวิ๋นก็พยักหน้าให้เป็นคำตอบ เขาเป็นคนที่โชคเข้าข้างมาตลอด สิ่งที่เขาคิดอยู่ต้องเป็นเรื่องจริงอย่างแน่นอน

“ฉันเองก็คิดว่าเขาคือคนจริงนะ” เหลยเป้าพูด

หญิงหม้ายก็พยักหน้าเห็นด้วย “ฉันว่าเขาดูเป็นคนที่ยึดมั่นในหลักความถูกต้อง แต่ว่าฉันเองก็มองคนไม่เก่งนักหรอกนะ”

“เอาเถอะ ไม่ว่าเขาจะเป็นคนที่เชื่อถือได้หรือไม่ ถ้าเขากล้าที่จะต่อกรกับเรา เราก็ต้องจัดการเขาอยู่ดี” จิ่วโยวพูดออกมาโดยแฝงจิตสังหารเอาไว้

ฉู่ชวิ๋นใช้นิ้วชี้ดีกระโหลกเด็กไม่เอาไหนคนนี้ไปหนึ่งที พร้อมกับพูดออกมาว่า “ผู้ใหญ่กำลังพูดกันอยู่ เด็กอย่างเธออย่างพึ่งแทรก”

จิ่วโยวประคบหน้าพากของตัวเองด้วยสีหน้าเศร้าสลด

เหยียนชงเหงื่อออก เพราะไม่คิดว่าฉู่ชวิ๋นจะกล้าลงไม้ลงมือกับเด็กคนนี้ได้

หลังจากนั้นฉู่ชวิ๋นก็ยิ้มและพูดต่อ “โอเค โอเค แม้ว่าเราจะไม่ค่อยมีเวลาฝึกวิชานัก แต่ถ้าพวกเราไปที่เก็บสมบัติของกลุ่มเทียนหลงเป่ากับสำนักดาบพิฆาตได้ ฉันรับประกันเลยว่าสมบัติของพวกมันจะช่วยเพิ่มพลังของพวกเราจะเลื่อนไปอีกขั้นได้อย่างแน่นอน”

เหยียนชงหัวเราะออกมาหลังจากเดินทางด้วยกันมาไม่กี่วัน เขาก็เชื่อมั่นในตัวฉู่ชวิ๋นอย่างหมดใจ

“ท่านเจ้าวัง ดูนั้นเร็ว!” เหลยเป้าพูดขึ้นมาทันที

ฉู่ชวิ๋นลุกขึ้นไปมองนอกหน้าต่างทันที

ด้านนอกของเมืองมังกร หลังยอดหุบเขามากมาย มีลำแสงหลากสีสามเส้นพุ่งขึ้นมาถึงท้องฟ้าราวกับว่ามันกำลังเชื่อมต่อกับสรวงสวรรค์อย่างไงอย่างงั้น

“เหมือนว่าข่าวลือจะเป็นเรื่องจริงนะ ลานกลางภูเขาปรากฏให้เห็นจนได้” เหลยเป้าบ่นกับตัวเอง

ในจังหวะเดียวกันนั้นผู้คนที่อาศัยอยู่ในเมืองแห่งนี้ก็ออกมารวมตัวกัน พวกเขาล้วนตั้งใจมาที่นี่เพราะลานกว้างบนนั้น

จอมยุทธ์จำนวนมากแห่กันไปนอกเมืองและเดินตรงไปยังตำแหน่งของแสง

“เอาหละ พวกเราก็ต้องไปกัน ผู้คนเริ่มมารวมตัวกันแล้ว กลัวพวกเราว่าจะไม่มีเวลากินอะไร การที่แสงนั่นโผล่ขึ้นมาแบบนี้เป็นอะไรที่ไม่ปกติ

ฉันเองก็ยังไม่คิดเลยว่าจะมีอะไรเปร่งแสงออกมาจริงๆ” เหลยเป้าพูดอย่างร้อนรน

เหยียนชงเข้ามาพูดแทรก “ไม่ต้องห่วง ท่านเจ้าวังมีวิธีรับมืออยู่แล้ว”

เหลยเป้านวดท้ายทอยตัวเอง และหันไปหาฉู่ชวิ๋น ฉู่ชวิ๋นไม่ได้รู้สึกทุกข์ร้อนใจอะไร นั้นทำให้พวกเขารู้สึกสบายใจขึ้นมาก

“ไม่ต้องรีบไป นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่แสงปรากฏ และถ้ามีคนรู้ถึงต้นตอของแสง ป่านนี้มันคงหายไปแล้ว ข้างนอกมีสัตว์ป่ากระหายเลือดอยู่อีกมากมาย

ถ้าพวกเราไม่ระวังตัวจะต้องตายก่อนไปถึงแสงอย่างแน่นอน” ฉู่ชวิ๋นพูด อย่างมีหลักการ

“อดกลั้นความอยากเอาไว้ ถ้าถูกความโลภครอบงำความตายก็จะอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม” จิ่วโยวเปิดปากพูดออกมาก่อนที่จะหลบไปข้างๆ ทันที

ฉู่ชวิ๋นวางแขนลงแล้วหันไปหาเธอ จิ่วโยวเป็นสัตว์ปีศาจมาก่อน จิตใจของเธอนั้นกระหายเลือดอยู่มาก

เหยียนชงและคนอื่นๆ ต้องกลั้นหัวเราะ ตอนที่จิ่วโยวสู้กับไฉเยวียน เธอก็จัดการซะไม่เหลือซาก แต่พอมาตอนนี้เธอกลับกลัวว่าฉู่ชวิ๋นจะเขกหน้าผากซะงั้น

“เอาละ ค่อยๆ ออกเดินทางกันเถอะ” ฉู่ชวิ๋นเอ่ยขึ้น

ทันทีที่พวกเขาออกมาจากโรงแรม ก็พบกับหยานอี้และคนอื่นๆ

“สวัสดีครับนายท่าน” พวกเขาทุกคนรู้ว่าตั้งแต่วันนี้ฉู่ชวิ๋นเป็นเป้าหมายแห่งความจงรักภักดีของพวกเขา

ทั้งสองกลุ่มรวมกันเป็นหนึ่งพวกเขาก็รีบไปยังตำแหน่งที่ลำแสงส่องสว่าง

ลำแสงนั้นสูงขึ้นบนท้องฟ้าอันกว้างไกลอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เหมือนกับเสาที่กำลังคอยค้ำไม่ให้สวรรค์ตกลงมายังโลก มันยังแพ่รัศมีออกมาไกลกว่า

1000 ลี้

กลุ่มของเขาออกมานอกเมืองและยังไม่ทันจะเข้าไปในป่า กลิ่นฉุนของคาวเลือดก็ลอยเข้ามายังจมูกของพวกเขา เสียงร้องโหยหวนดังออกมาจากป่าเป็นระยะๆ ตามมาด้วยเสียงร้องของสัตว์ป่าทั้งนกและสัตว์ใหญ่ทำให้ใครต่อใครตกตะลึง

ฉู่ชวิ๋นลดความเร็วลงแล้วค่อยๆ เดินเข้าไปในป่าลึก ตามพุ่มหญ้าและเส้นทางในป่าทึบมีศพให้เห็นเป็นช่วงๆ ทั้งร่องรอยกระดูกหักและเลือด ทำให้เขารู้ได้เลยว่าเป็นฝีมือของสัตว์ร้ายที่แฝงตัวอยู่ในป่าแห่งนี้อย่างแน่นอน

“ทุกคน ระวังตัว!” ฉู่ชวิ๋นย้ำเตือน

มีสัตว์ป่ามากมายหลายชนิดในป่าดงดิบแห่งนี้ พวกมันแข็งแกร่งขึ้นทุกวันๆ แต่เหล่าจอมยุทธ์ที่ตามฉู่ชวิ๋นมาไม่ได้กังวลอะไร เพราะกุญแจสำคัญคือนายท่านที่อยู่เบื้องหลังเขา แข็งแกร่งไร้เทียมทาน!

ฟิ้ว!

ทันใดนั้นก็มีเงาสีดำกระโจนออกมาจากต้นไม้ข้างหลัง มันพุ่งตัวสูงขึ้นไปบนฟ้า รวดเร็วปานสายฟ้าแลป เสียงแหวกหญ้าแหวกอากาศดังเข้ามาถึงหูของพวกเขา

หยานอี้ที่ตั้งการ์ดไว้ก็เปิดฉากโจมตีก่อนด้วยฝ่ามือของเขา

ทุกคนต่างก็มองตาม พวกเขาก็เห็นงูตัวสีดำรูปร่างหน้าตาแปลกประหลาดปรากฏต่อสายตาของทุกคน หัวของงูนั้นแหลมคมเหมือนกับธนู เกร็ดของมันใหญ่และดูแข็งแก่รงเหมือนชุดเกราะยุคกลาง

ตั้งแต่โลกใบนี้กลายพันธุ์ไป สัตว์หน้าตาแปลกประหลาดแบบนี้ก็มีให้พบเห็นมากขึ้น

“นั้นมันตัวบ้าอะไรกัน” จอมยุทธ์ขั้นปรมาจารย์คนหนึ่งพูดขึ้นมาด้วยความตกใจ

ฉู่ชวิ๋นเองก็ขมวดคิ้ว เขาเห็นจอมยุทธ์ขั้นปรมาจารย์คนหนึ่งกำลังจะไปจับตัวงู ฉู่ชวิ๋นจึงรีบพูดออกมา “อย่าไปจับมัน”

สิ้นเสียงของฉู่ชวิ๋น พวกเขาก็เห็นแล้วว่างูนั้นแกล้งตายแล้วหาจังหวะลอบโจมตีใส่พวกเขา มันดีดตัวขึ้นแล้วพุ่งเข้าใส่จอมยุทธ์ขั้นปรมาจารย์คนนั้นอย่างรวดเร็ว!

ฟิ้วว!

ควันสีม่วงจากไหนไม่รู้กลืนกินร่างของงูตัวนั้นเข้าไปทั้งตัว

จอมยุทธ์ขั้นปรมาจารย์ตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น คอของเขายังอยู่ดีไม่ได้ถูกแทงแต่อย่างได เขาอ้าปากค้างด้วยอาการสั่นกลัว

“ขอบคุณครับ นายท่าน” เมื่อเขาได้สติ เขาก็กล่าวขอบคุณทันที

“ระวังตัวให้มากกว่านี้ ตอนนี้อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น”

หลังจากที่โดนดุไป เขาก็เดินต่อไปอย่างคอตก

ทุกคนต่างก็แปลกใจ พวกเขาไม่มีความรู้เกี่ยวกับสัตว์พวกนี้นัก พวกมันฉลาดถึงขั้นที่วางกับดับหลอกล่อมนุษย์ได้แล้ว ถ้าไม่เป็นจอมยุทธ์ขั้นสูงเห็นทีจะใช้ชีวิตในโลกนี้ลำบากแล้ว ยิ่งพวกที่เป็นจอมยุทธ์ขั้นปรมาจารย์แล้วยิ่งน่ากลัวกว่าเดิมอีกเพราะพวกเขาต้องออกมาสู้กับพวกนี้บ่อยๆ

ถ้าฉู่ชวิ๋นไม่ช่วยเอาไว้เห็นทีชายคนนั้นคงตายไปแล้วอย่างแน่นอน

เมื่อได้รับบทเรียนแล้ว ทุกคนก็ตั้งใจกับการสำรวจครั้งนี้มากกว่าเดิมหลายเท่าตัว

โฮกกก!

หมาป่ายักษ์กระโดดออกมาจากพุ่มไม้ขวางทางพวกเขา ตัวมันยาวกว่า 3 เมตร พร้อมแยกเขี้ยวที่แหลมคมมายังพวกเขา ขนของมันเป็นสีแดงราวกับเปื้อนเลือด นี้เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นหมาป่าโลหิต

หมาป่าโลหิตมองไปยังฉู่ชวิ๋นและผู้คนที่เดินตามหลังมาเป็นตาเดียว ดวงตาสีม่วงเข้มของมันจ้องมาราวกับเข็มที่ทิ่มแทง ปากของมันอ้าด้วยความกระหายอยากได้รับรสเนื้อ น้ำลายหยดแล้วหยดเล่าไหลลงสู่พื้นดิน พร้อมกับกลิ่นอายกระหายเลือดที่พุ่งออกมาจากร่างของหมาป่าโลหิต

ลมหายใจของมันเหมือนกับไฟที่พุ่งออกมาจากปากของมังกรทำให้ใบไม้ด้านล่างล้มตายกลายเป็นสีดำ

โฮ่ก!!!

เสียงร้องของมันดังไปทั่วทั้งป่า ก่อนที่ร่างสีแดงของมันจะพุ่งเข้าใส่ฉู่ชวิ๋น ราวกับจรวด เสียงอากาศบิดเบี้ยวจนฉีกขาดดังขึ้น!

ลมหายใจของมันเป็นไฟจริงๆ งั้นเหรอ!? ผู้คนต่างตกตะลึง

ฮึ่ม!

ตรงหน้าของฉู่ชวิ๋นเป็นระลอกคลื่นที่ก่อตัวขึ้นจากลมปราณสีม่วง ป้องกันลมหายใจที่เหมือนเปลวเพลิงของมัน

หมาป่าโลหิตเห็นการโจมตีของมันไม่ได้ผลจึงกระโดดถอยออกไป

ลมหายใจเปลวเพลิงกระเด็นไปโดนต้นไม้ ทำให้ต้นไม้แหลกเป็นผุยผงในพริบตา

หญิงหม้ายรู้สึกอัศจรรย์ใจกับพลังของหมาป่าตัวนี้อย่างมาก แม้ว่าไฟนั้นจะสู้กับเคล็ดวิชาเปลวเพลิงที่เธอถนัดไม่ได้ก็ตาม แต่ก็นับว่าน่ากลัวมาก

เหลยเป้าเรียกลูกบอลสายฟ้าขึ้นมาก่อนที่จะซัดใส่หมาป่าดุร้ายตัวนั้น

แต่มันก็รู้ตัวพร้อมกับอ้าปากกว้างๆ ของมันยิงลูกไฟออกมา พลังทั้งสองหักล้างกันกลางอากาศก่อนที่จะเกิดระเบิดขึ้น ทำให้เศษดินเศษหินกระจายไปทั่ว

หมาป่ายักษ์นั่งลงด้วยขาหลังและตะกุยดินออกมาเป็นหลุม

เหลยเป้าถีบตัวออกไป….อีกเพียงไม่กี่เมตรเขาก็จะถึงตัวของมัน แต่สายตาของเขาก็สังเกตุเห็นอะไรแปลกๆ เข้า……หัวของหมาป่านั้นเป็นเหล็กสีแดงที่แข็งแกร่งมาก!

โฮ่ก!!!

มันคำรามด้วยความโกรธและปล่อยคลื่นเพลิงเข้าใส่เหลยเป้าที่เข้ามา

เห็นท่าไม่ดีเหลยเป้าก็งัดอาวุธใหม่ออกมา นั้นก็คือกระบองเหล็กอันใหญ่ เขากำมันเอาไว้แน่นก่อนที่จะฟาดลงไปกลางหัวของหมาป่ายักษ์เต็มแรง

ก็อง!!

เสียงเหล็กปะทะกันดังขึ้นอย่างก้องกังวาล

หมาป่ายักษ์ล้มลงไปกองกับพื้นอย่างแรงและลุกขึ้นมา มันได้รับบาดเจ็บไม่น้อย มันมองไปยังเหลยเป้าอย่างเคียดแค้น

ไม่มีใครคิดเลยว่าพลังป้องกันของหมาป่าจะมากขนาดนี้ แม้จะถูกตีเข้าที่หัวอย่างแรงมันก็ยังไม่หมดสติไป

กระบองยักษ์นั้นเป็นหนึ่งในสมบัติลับ แม้ว่าเขาจะยังใช้มันไม่คล่อง แต่มันก็มีพลังทำลายล้างสูงมาก แต่หมาป่าตัวนี้ก็ยังไม่สะทกสะท้าน มันแปลกมาก

ฟิ้ว!

ฉู่ชวิ๋นลงมือเองแล้ว! เขาอยู่ห่างจากหมาป่า 100 เมตรแต่ขยับเพียงก้าวเดียวเขาก็อยู่ห่างจากหมาป่าเพียงฝ่ามือเดียวเท่านั้น

เสียงร้องคำรามท่ามกลางความว่างเปล่า พัดสายลมโบราณพัดพามาสู่โลก ทำให้ใครหลายๆ คนรู้สึกถึงความต่างชั้น

วิชาดัชนีสังหาร – กระบวนท่า ดัชนีสามอุสรา!

ตู้ม!

หุบเขาสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ราวกับเกิดการเคลื่อนตัวของเปลือกโลกพลังของฉู่ชวิ๋นทำให้เกิดลมกระโชกไปทั่วทั้งผืนป่า

หลังจากผ่านไปสักพัก ควันก็หายไปและฝุ่นเกาะตัว ผู้คนเห็นหลุมขนาดใหญ่ยักษ์บนพื้นพร้อมกับร่างของหมาป่าโลหิตนอนนิ่งอยู่ในนั้น มันขยับไปไหนไม่ได้ เลือดไหลออกมาจากหูและจมูกของมัน

เหยียนชงและคนอื่นๆ ยืนตัวชาไปหมด พวกเขาไม่คิดไม่ฝันเลยว่าหัวกระโหลกหมาป่าโลหิตที่เป็นเหมือนเหล็กจะถูกขยี้จนแตกละเอียดภายในกระบวนท่าเดียว!

แต่นั้นเป็นเพราะจอมมารฉู่ รวดเร็วและรุนแรง ทุกคนได้แต่ขอบคุณที่

ฉู่ชวิ๋นเป็นคนนำทางให้ในวันนี้

หมัดอีกข้างของเขาปล่อยคลื่นลมปราณจำแลงออกมาใส่หมาป่าเพื่อเผด็จศึก

แสงสีม่วงแผ่ออกไป กระโหลกของหมาป่าแยกเป็นสองส่วน ผลึกสีแดงเพลิงขนาดพอๆ กับเล็บคนก็ปรากฏออกมาจากหัวของมัน ทำให้อุณหภูมิรอบๆ เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว

เหยียนชงและคนอื่นๆ รีบถอยไปยังเขตปลอดภัยทันที ถ้าอยู่นานกว่านี้เลือดของพวกเขาอาจจะเดือดขึ้นมาก็ได้

ฉู่ชวิ๋นจับผลึกสีแดงเพลิงของหมาป่ามาดู ถ้าเขาเดาไม่ผิด นี้คือพลังของวิญญาณธาตุไฟ

ปกติแล้วจะพบเจอพวกมันได้ในแม็กม่าที่เกิดใหม่ แต่การที่พวกมันจะก่อตัวขึ้นในแม็กม่าได้ในมีความเป็นไปได้น้อยมากๆ และยิ่งการที่มันมีพลังมากพอที่จะมอบพลังให้สัตว์อสูรได้นั้นยิ่งน้อยกว่าเดิมอีก ตัวเชื้อธาตุไฟพวกนี้สามารถเผาสิ่งต่างๆ ให้กลายเป็นขี้เถ้าได้อย่างง่ายดาย แต่มันมาอยู่ในป่าดงดิบแห่งนี้ได้ยังไง? อะไรที่เชิญชวนพวกมันมายังป่าแห่งนี้ แล้วหมาป่ายักษ์นี้กลืนกินมันเข้าไปจนกลายพันธุ์งั้นเหรอ?

ฉู่ชวิ๋นปิดผนึกผลึกสีแดงเพลิงแล้วโยนให้กับหญิงหม้ายไป

“วิญญาณธาตุไฟนี้แม้จะไม่ได้มีคุณภาพที่สูงมากนัก แต่ก็มากพอสำหรับเธอ ค่อยๆ ดูดซึมพลังจากมันที่ละน้อย พลังต่อสู้ของเธอจะเพิ่มขึ้นมากเลยละ”

“ขอบคุณมาก ค่ะท่าน!” หญิงหม้ายดีใจมาก และจ้องมองไปยังขวดบรรจุวิญญาณไฟตัวน้อยนี้ เหมือนกับมีพลังบางอย่างกำลังเรียกร้องเธออยู่

“กระดูกและผิวหนังของมันก็เอาไปใช้ประโยชน์ได้ คุณภาพดีด้วย เอาหนังไปทำเสื้อสามารถให้ความอบอุ่นกับร่างกายได้ในระดับหนึ่ง ส่วนกระดูกเอาไปปดเป็นอัญมณีหรือเอาไปทำอะไรก็ได้แล้วแต่เลย ทุกอย่างล้วนดีต่อการฝึกตน” ฉู่ชวิ๋นแนะนำทุกคน

หลังจากที่ฟังข้อมูลที่หน้าสนใจนี้ ผู้คนที่กำลังตื่นเต้นใจเย็นลงได้อย่างไร? พวกเขาไปรายล้อมและชำแหละหมาป่าแบ่งๆ กันไป

ไม่นานนัก หมาป่าตัวใหญ่ยาวกว่า 3 เมตร ก็ถูกแยกเป็นชิ้นๆ แม้แต่เลือดที่นองพื้นของพวกมันก็ถูกเก็บไป

หลังจากนั้นทุกคนก็เตรียมตัวพร้อมที่จะเดินทางต่อ ระหว่างทางพวกเขาไม่เจอสัตว์กลายพันธุ์อะไรอีกเลย มีแค่สัตว์ป่าทั่วไป อาศัยแค่จอมยุทธ์ขั้นปรมาจารย์ก็สามารถเก็บกวาดได้อย่างสบายๆ

ตอนนี้ฉู่ชวิ๋นและทีมสำรวจก็มาถึงยอดของภูเขาที่มีแสงสามสีส่องลงมาแล้ว ภูเขาลูกนี้ไม่ได้สูงมากนัก ประมาน 1 กิโลเมตรจากท้องทะเล แสงนั้นมาจากหน้าผ่าแห่งหนึ่งบนหุบเขาลูกนี้

ภูเขาทั้งลูกในตอนนี้มีวงแหวนสีดำโครจรอบอยู่ ไม่มีใครกล้าเข้าไปใกล้เพราะเห็นคนที่เข้าไปก่อนแล้วถูกวงแหวนสลายร่างจนไม่เหลืออะไรเลย!

ตอนนี้มีคลื่นของฝูงชนที่เป็นจอมยุทธ์ค่อยๆ ทยอยขึ้นมาบนยอดภูเขา

แม้แต่ฉู่ชวิ๋นที่พยายามบุกเข้าไป ก็ถูกวงแหวนผลักกระเด็นออกมา

เขตหวงห้าม? คำๆ นี้ปรากฏขึ้นในหัวของเขา

“ฉู่ชวิ๋น มีอะไรบางอย่างไม่ถูกต้องกับภูเขาลูกนี้” สีหน้าของจิ่วโยวดูเคร่งขรึมมาก

“เธอเองก็รู้สึกเหรอ?”

จิ่วโยวพยักหน้า เธอเป็นสัตว์ปีศาจมาก่อนสัญชาติญาณของเธอดีกว่ามนุษย์ทั่วไปมาก ภูเขาลูกนี้ส่งความรู้สึกที่ชั่วร้ายออกมาพร้อมความกระหายเลือด

“หยานอี้ พาคนอื่นๆ กลับไปที่โรงแรมก่อนและรอฉันอยู่ที่นั้น”

หยานอี้ตะลึง พอเขาเห็นสีหน้าอันหนักแน่นของฉู่ชวิ๋น เขาก็ไม่สงสัยอะไรอีกมีบางอย่างที่ไม่ถูกต้องกำลังจะเกิดขึ้น

“นายท่าน ระวังตัวด้วย!” หยานอี้ทิ้งท้ายเอาไว้ ก่อนที่จะนำจอมยุทธ์ขั้นปรมาจารย์คนอื่นๆ กลับไปยังโรงแรมอย่างรวดเร็ว

คนที่ยังอยู่มีแค่ เหยียนชง เหลยเป้า หญิงหม้าย ตัวเขาเอง และ จิ่วโยว

“ถ้ามีอะไรร้ายแรงเกิดขึ้น ให้รีบถอยไปหาพรรคพวกที่โรงแรมเลย และอพยพคนทั้งเมืองออกไปเท่าที่จะทำได้” ฉู่ชวิ๋นสั่งทันที

เหยียนชงพยักหน้า

“มีคนถอยกันแล้วอย่างงั้นรึ?” ในกลุ่มของฝูงชน มีใครบางคนสวมชุดคลุมสีดำพูดขึ้นมา

“มีอะไรงั้นเหรอ?”

“ไม่ละ พวกเขาคงจะออกไปด้วยเหตุผลอื่น”

“ฆ่าเลยไหม?”

“ไม่ ฉันไม่อยากเสียเวลากับพวกปลายแถว ก็แค่เศษดินเศษหญ้าข้างทาง”

จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来)

จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来)

จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来)
Status: Ongoing
อ่านจักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来) เรื่องย่อ จักรพรรดิ์เซียนหวนคืน เมื่อความแค้นทำให้เขาต้องกลับมา.. ฉู่ชวิ๋น เด็กหนุ่มผู้ใสซื่อถูกจับเข้าคุกในข้อหาที่เขาเองก็ยังสงสัยมามันคืออะไร อีกทั้งชีวิตในคุกของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด จนกระทั้งเขาถูกกระทืบตาย หลังจากที่เขาตายแล้ววิญญาญได้ข้ามไปยังโลกแห่งผู้ฝึกตน คนอื่นใช้เวลาหมื่นปีเป็นจักรพรรดิ์เซียน แต่สำหรับเขานั้น ใช่เวลาเพียง 3000 ปีก็อยู่บนจุดสูงสุดของจักพรรดิ์เซียน แต่ในเวลานั้นจิตใจของเขายังคงสับสนเพราะต้องการรู้ความจริงที่เกิดขึ้นในภพชาติก่อน เขาจึงใช้พลังเซียนทั้งหมดเพื่อเปิดประตูมิติ ส่งวิญญาณของเขากลับมาที่ร่างเก่าที่อยู่ในคุก ก่อนวันที่เขาจะตายเพียงหนึ่งวัน……….. นี้คือการกลับมาล้างแค้นและค้นหาความจริงแต่เขานั้นไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไปเขาคือ จักรพรรดิเซียน!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset