บทที่ 261 เลือดไหลนองกองเต็มพื้น
อีก 5 นาทีจะครบกำหนดเวลาที่ฉู่ชวิ๋นประกาศคำเตือนเอาไว้
แต่จนถึงตอนนี้ยังไม่มีจอมยุทธ์ผู้ใดนำสัตว์เลี้ยงออกจากเมืองไห่ชิงเลยแม้แต่คนเดียว
ในเวลานั้นเองบนท้องฟ้าก็ก้องกังวานไปด้วยเสียงร้องของนกกระเรียน
นกกระเรียนขาว 5 ตัวกำลังบินตรงมาที่เมืองไห่ชิง พวกมันแต่ละตัวมีปีกที่กางออกไปกว้างยาว 5 ถึง 6 เมตร เวลากระพือปีกแต่ละทีดูน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง
นกกระเรียนขาวทั้ง 5 ตัวนั้นถลาลงมาบนพื้นดิน เมื่อพวกมันหุบปีกลงลมพายุก็หมุนพัดเศษฝุ่นเศษหินบนพื้นปลิวกระจาย
นกกระเรียนขาวเป็นภาพลักษณ์แห่งความดีงามตั้งแต่ยุคโบราณ พวกมันมีสีขาวบริสุทธิ์ หลังจากที่บินลงมาบนพื้นดินแล้ว เงาร่างของหญิงสาวกลุ่มหนึ่งก็กระโดดลงมาจากหลังของพวกมัน หญิงสาวเหล่านี้ผิวสีขาวผ่อง สวมใส่เสื้อผ้าโบราณสีขาวสะอาด ใบหน้าอันงดงามของพวกเธอบอกชัดว่าไม่ใช่คนธรรมดา
หญิงสาวคนที่เป็นหัวหน้า มีหน้าตาอ่อนเยาว์อายุไม่เกิน 30 กว่าปีแต่อายุที่แท้จริงของเธอน่าจะมากกว่านั้นหลายเท่า เนื่องจากเธอเป็นอาจารย์อาของหญิงสาวกลุ่มนี้นั้นเอง!
“พี่มู่ อีก 3 นาทีก็จะครบครึ่งชั่วโมงแล้ว พี่ยังไม่พาสัตว์เลี้ยงออกไปจากเมืองอีก ไม่กลัวถูกเล่นงานหรือไงพี่?” จอมยุทธ์คนหนึ่งพูดออกมาด้วยความเป็นกังวล
คนที่ถูกเรียกว่าพี่มู่เป็นชายวัยกลางคนอายุ 40 กว่าปี สัตว์เลี้ยงของเขาคือหนูภูเขาที่มีขนาดตัวเท่ากับโต๊ะกินข้าว เส้นขนบนตัวของมันแข็งแกร่งราวกับเหล็กกล้า ดวงตาของเจ้าหนูเป็นประกายด้วยความอำมหิต เขี้ยวทั้งสองข้างของมันยาวครึ่งเมตร สามารถกัดทะลุได้แม้แต่เหล็กกล้า
“หึ ฉันอายุปูนนี้แล้ว ยังไม่เคยเจอใครพูดจาสามหาวแบบนี้มาก่อน ฉันอยากจะรู้เหมือนกันว่ามันจะมีปัญญาทำอะไรกับฉันได้”
“ฮ่าๆ ฉันก็อยากจะรู้เหมือนกันว่ามันจะทำอะไรได้ ถ้ามันกล้ามาหาเรื่องพวกเราจริงๆ ฉันจะปล่อยให้เสี่ยวหวงของฉันไปจัดการมันซะเลย !” จอมยุทธ์คนนึงที่ยืนอยู่ไม่ไกล ได้ยินเข้าก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาเช่นกัน เสี่ยวหวงที่เขาพูดถึงก็คือตัววีเซิลที่มีขนาดความยาว 1 เมตร ถึงมันจะไม่ได้ตัวใหญ่เหมือนกับสัตว์เลี้ยงชนิดอื่นๆ แต่ตัววีเซิลได้ชื่อว่าเป็นสัตว์พลังจิต สามารถควบคุมจิตใจของมนุษย์ รับมือได้ยากเป็นที่สุด
กลุ่มหญิงสาวชุดขาวที่ได้ยินบทสนทนานี้ก็รู้สึกมึนงงยิ่งนัก มีแต่เพียงหญิงสาวคนหนึ่งเท่านั้นที่ดวงตาเบิกกว้างหลังจากนิ่งฟังอยู่นาน
“นั้นเธอจะทำอะไร เซวียนเอ๋อร์” เมื่อเห็นลูกศิษย์สาวเดินตรงเข้าไปหาจอมยุทธ์ผู้เป็นเจ้านายของตัววีเซิล หญิงสาวผู้เป็นอาจารย์อาก็ถามออกมาโดยไม่รู้ตัว
“พี่ชายจอมยุทธ์ท่านนี้ ไม่ทราบว่ากำลังพูดถึงเรื่องอะไรอยู่เหรอคะ?”
เซวียนเอ๋อร์ถามด้วยความสุภาพ
จอมยุทธ์หนุ่มไม่คิดเลยว่าหญิงงามเช่นนี้จะเดินเข้ามาหาเขา ดังนั้น เขาจึงเก๊กหล่อในทันใด ดวงตาเป็นประกายแวววาวตอนที่ตอบออกมา “น้องสาวคงยังไม่รู้ข่าวใช่ไหม เมื่อสักครู่นี้ มีใครไม่รู้ประกาศให้พวกเรานำสัตว์เลี้ยงออกไปจากเมืองไห่ชิงภายในเวลาครึ่งชั่วโมง ไม่งั้นเขาจะฆ่าสัตว์เลี้ยงพวกนี้ไม่ให้เหลือ น้องสาวว่ามันตลกดีไหมล่ะ?”
เมื่อหญิงสาวได้ยินคำตอบ ใบหน้าที่งดงามของเธอก็เปลี่ยนสี ก่อนที่จะตอบว่า “ขอบคุณมากค่ะ” หลังจากนั้น หญิงสาวก็เดินกลับไปที่กลุ่มของตนเอง
“อาจารย์อาคะ พวกเรารีบปล่อยนกกระเรียนบินกลับไปก่อนดีกว่า” เธอพูดพร้อมกับเดินตรงไปยังนกกระเรียนขาวของตัวเอง เตรียมตัวที่จะปล่อยให้มันบินออกไปจากไห่ชิง
“เซวียนเอ๋อร์ เธอรู้เรื่องอะไรมา?” หญิงงามผู้เป็นอาจารย์อาถามด้วยความไม่เข้าใจ
“อาจารย์อาคะ ตอนนี้ไม่มีเวลาแล้ว ผู้น้อยจะอธิบายให้ฟังทีหลัง” หญิงสาวผู้มีนามว่าเซวียนเอ๋อร์ตอบด้วยความร้อนใจ
ผู้เป็นหัวหน้าเห็นอาการของลูกศิษย์ดังนี้ก็ตัดสินใจได้ไม่ยาก เธอพยักหน้าให้เหล่าศิษย์ทุกคนปล่อยนกกระเรียนบินกลับไปโดยทันที
เมื่อเห็นว่านกกระเรียนขาวทั้ง 5 ตัวบินกลับไปแล้ว เซวียนเอ๋อร์ก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
“เซวียนเอ๋อร์ นี่มันเรื่องอะไรกัน?” หญิงสาวหัวหน้ากลุ่มถามด้วยความสงสัย
“เรียนอาจารย์อา ท่านอาจารย์ได้ยินที่พวกเขาพูดคุยกันแล้วใช่ไหมคะ?”
หญิงสาวหัวหน้ากลุ่มพยักหน้า จอมยุทธ์พวกนี้พูดจาโวยวายโผงผางต่อให้ไม่อยากได้ยิน ก็ต้องได้ยินอยู่ดี
“พวกเขากำลังจะเจอเรื่องร้ายแรงแล้วค่ะ” เซวียนเอ๋อร์มีสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเวทนา
“รู้อะไรมาก็รีบบอกสักที เกิดอะไรขึ้นกันแน่?” อาจารย์อาถามออกอย่าง อย่างอดไม่ได้เธอรู้สึกว่าศิษย์คนนี้น่าโดนสักที
“ผู้น้อยคิดว่าเหตุการณ์แบบนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้ว คำเตือนแบบนี้ก็เคยมีมาแล้ว เขาให้เวลาแค่ครึ่งชั่วโมงและปฏิกิริยาของทุกคนในคราวนั้นก็ไม่ได้แตกต่างไปจากตอนนี้เลย” ใบหน้าที่สวยงามของเซวียนเอ๋อร์ปรากฏความหวาดกลัวขึ้นมาแล้วขณะที่เธอกล่าวต่อว่า “อีกครึ่งชั่วโมงสัตว์เลี้ยงทุกตัวที่อยู่ในเมืองกู่เจียงจะถูกตัดหัวทิ้งทั้งหมดและใครที่พูดจาสามหาวก็จะได้รับบาดเจ็บสาหัส ใครกล้าต่อต้านจะต้องถูกขุดรากถอนโคนด้วยเช่นกัน!”
ความจริงแล้ว เซวียนเอ๋อร์ไม่ใช่ใครอื่นเลย เธอก็คือเซวียนเซียน จอมยุทธ์ระดับสูงจากสำนักศาลาไร้รัก เธอเคยพบเจอกับฉู่ชวิ๋นมาก่อนแล้วนั่นเอง
อาจารย์อามีสีหน้าประหลาดใจ ลูกศิษย์ของเธออีกหลายคนก็มีสีหน้าประหลาดใจเช่นกัน
“ใครกันมีฝีมือร้ายกาจขนาดนั้น?” ผู้เป็นอาจารย์อาพูดออกมาอย่างสงสัย ในขณะนี้ชาวยุทธมารวมตัวกันที่นี่มากมายหลายร้อยคนในเมืองแห่งนี้รวมถึงบรรดาผู้มีฝีมือสูงส่ง การท้าทายจอมยุทธ์หลายร้อยคนในเวลาเดียวกัน คนผู้นี้เสียสติไปแล้วหรืออย่างไร? แม้แต่จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิก็ยังไม่กล้าทำเช่นนี้เลยด้วยซ้ำ
“เขาก็คือฉู่ชวิ๋น จอมมารฉู่!”
เซวียนเอ๋อร์ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่กระแทกหูคนฟังยิ่งกว่าเสียงคำรามเสียอีก
จอมมารฉู่ คำเพียงไม่กี่คำนี้ทรงพลังเหลือเกิน เมื่อประมาณ 15 ปีที่แล้ว บุคคลชื่อนี้เรืองอำนาจขึ้นมาและสังหารผู้คนจากหลายสำนักด้วยความอำมหิต ไม่คิดเลยว่าหลังจากหายตัวไปนับ 10 ปี เขาจะปรากฏตัวกลับมาปั่นป่วนโลกยุทธภพอีกครั้ง
ไม่แปลกใจเลย…กลุ่มหญิงสาวหัวเราะด้วยความขมขื่น ถ้าบุคคลคนนี้เป็นจอมมารฉู่จริงๆ ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาจะก่อเหตุการณ์นองเลือดทำไมเพราะความบ้าคลั่งของเขายังไงละ !
“น้องสาวปล่อยสัตว์เลี้ยงของตัวเองกลับไปทำไมกันจ๊ะ? ไม่เห็นจำเป็นเลยสักหน่อย ถ้ามีใครกล้ามาหาเรื่องน้องสาว เดี๋ยวพี่ชายคนนี้จะปกป้องเอง พี่ชายขอเอาหัวของเสี่ยวหวงเป็นเดิมพันเลยก็ได้” จอมยุทธ์หนุ่มเจ้านายของตัววีเซิลกล่าวแทรกบทสนทนาของกลุ่มหญิงสาว
จอมยุทธ์จะอย่างไรก็เป็นมนุษย์ จอมยุทธ์ยังมีคงลุ่มหลงในราคะ โดยเฉพาะเมื่อมีหญิงงามมายืนเรียงรายอยู่ตรงหน้าอย่างนี้ ทำให้พวกเขาอดกลืนน้ำลายด้วยความหื่นกระหายไม่ได้จริงๆ
“พวกน้องสาวไม่ต้องกลัวหรอกนะ ต่อให้พวกมันมาที่นี่จริงๆ ถ้ามีใครกล้ามาทำร้ายน้องสาว เดี๋ยวพี่จะส่งพวกมันไปลงนรกเอง !”
“กล้าขับไล่พวกเราให้ออกไปจากเมืองไห่ชิง ไอ้คนนี้ถ้ามันไม่บ้าก็ต้องเมาแน่ๆ น้องสาวอย่าไปกลัวมันเลยนะ ถ้ามันกล้ามาที่นี่จริง เดี๋ยวพี่จะสอนมันเองว่าความตายเป็นยังไง”
บรรดาจอมยุทธ์หนุ่มน้อย หนุ่มใหญ่รีบพูดออกมาทันที
“ครบครึ่งชั่วโมงแล้ว” มีเสียงหนึ่งตะโกนขึ้น
เหล่าจอมยุทธ์พร้อมใจกันระเบิดเสียงหัวเราะด้วยความขบขัน
“ครึ่งชั่วโมงแล้วไงวะ ฉันอยู่ที่นี่แล้ว สัตว์เลี้ยงของฉันก็อยู่ ใครเป็นคนออกคำสั่งปรากฏตัวมาเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นฉันจะทำให้แกได้รู้ว่าความตายเป็นยังไง…”
จอมยุทธ์คนนี้เป็นเจ้านายของสุนัขยักษ์ตัวหนึ่ง มันตัวใหญ่ยักษ์และเต็มไปด้วยความดุร้ายแถมยังมีพละกำลังมหาศาล
แต่ไม่ทันจะขาดคำ ก็บังเกิดเสียงดัง “โผละ” หัวสุนัขของเขาก็ระเบิดออกเมื่อถูกแสงสีดำพุ่งเข้าใส่ เลือดและมันสมองสาดกระจายเต็มพื้น
ทุกคนยืนตัวแข็งทื่อ
หลังจากนั้นไม่นาน ทุกคนก็ได้แต่หันมองหน้ากัน
ชายเคราเฟิ้มผู้ถือกระบองสีดำคนหนึ่งก้าวเดินออกมาข้างหน้า
“แกเป็นคนฆ่าสัตว์เลี้ยงของฉันใช่ไหม?” จอมยุทธ์ผู้สูญเสียสัตว์เลี้ยงอันเป็นที่รักถามคำถามโง่ๆ ออกมา
เหลยเป้าเหยียดยิ้มเย้ยหยัน หลังจากนั้นเขาก็หมุนกระบองในมือ เกิดเป็นคลื่นลมปราณหมุนวนออกมากินรัศมีเป็นวงกว้าง
ผลั่ก!
จอมยุทธ์ขั้นปรมาจารย์ระดับสูงหลายคนส่งเสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด ในขณะที่หน้าอกถูกกระแทกอย่างแรงจนกระอักเลือดออกมา
เหลยเป้าก็หมุนกระบองในมืออีกครั้ง
ผลั่ก!
ลมปราณพุ่งออกไปราวกับสายฟ้าฟาด หมอกเลือดสาดกระจายเต็มอากาศ บนพื้นเจิ่งนองไปด้วยกองเลือดสีแดงสด กลิ่นคาวเลือคละคลุ้งน่าสะอิดสะเอียน
เหลยเป้ายังคงไม่หยุดมือ กระบองในมือของเขายังคงหมุนวนต่อไปและต่อไป
กร๊อบ!
เกิดเสียงกระดูกแตกหักและเสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผู้คนล้มลงไป เลือดสาดกระจาย
เหลยเป้าหยุดมือแล้ว บนใบหน้าของเขาปรากฏรอยยิ้มเหยียดหยัน
ในขณะนี้ มีสัตว์เลี้ยงจำนวนมากถูกฆ่าตาย บรรดาจอมยุทธ์หลายคนเองก็บาดเจ็บสาหัส แต่ละคนถ้าไม่กระดูกหัก ก็เส้นเอ็นฉีกขาด
“พวกแกมันพวกไร้น้ำยา กล้าดียังไงมาท้าทายนายท่านของฉัน ถ้าไม่ใช่เพราะว่านายท่านสั่งไม่ให้ฆ่าพวกแก ฉันคงฆ่าพวกแกไปแล้ว” เหลยเป้าพูดออกมาด้วยน้ำเสียงของผู้ชนะ
ทุกคนต่างต่างเฝ้ามองด้วยความตื่นกลัว ชายคนนี้มีฝีมือที่ไม่ธรรมดาแต่ฟังจากที่เขาพูดออกมาแล้ว เขาเป็นเพียงแค่ลูกน้องของใครอีกคนหนึ่งเท่านั้น แล้วคนนั้นๆ จะมีฝีมือร้ายกาจขนาดไหนกันนะ? เพียงแค่คิดดู พวกเขาก็รู้สึกขนลุกแล้ว
เหลยเป้าหันมาจ้องมองยังกลุ่มของหญิงสาวชุดขาว พวกเธอรู้สึกหายใจไม่ออก
เซวียนเซียนรีบพูดออกมาว่า “ฉันรู้จักนายท่านของคุณ อีกอย่างเราปล่อยสัตว์เลี้ยงกลับไปหมดแล้ว”
เมื่อเหลยเป้าได้ยินดังนั้น ก็หยุดชะงักไปเล็กน้อย จ้องมองเซวียนเซียนด้วยความประหลาดใจ สีหน้าของเขามีความเป็นมิตรมากขึ้นตอนที่พูดว่า
“เธอกับนายท่านของฉันเป็น…”
“พวกเรา…เป็นเพื่อนกัน” เซวียนเซียนหน้าแดงกล่าวแทรกเหลยเป้าต่อให้เป็นคนโง่ก็ต้องรู้ว่าเขาจะพูดอะไรต่อ
“จริงเหรอ?” เหลยเป้ายกมือเกาหัวและพึมพำ “ใช่ๆ ฉันก็ว่าอย่างเธอเป็นได้แค่เพื่อนแหละ นายท่านของฉันเป็นดังเทพเจ้าแห่งสงคราม จะมาสนใจผู้หญิงข้างถนนอย่างเธอได้ยังไง”
เมื่อพูดจบแล้ว เหลยเป้าก็เดินถือกระบองจากไป
เซวียนเซียนหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธแค้น เธอมั่นใจในความงดงามของตนเองมาตลอด เธอมีความสามารถพิเศษโดยเฉพาะการมัดใจผู้ชายแต่เธอกลับถูกมองเป็นแค่เพียงผู้หญิงข้างถนนได้ยังไง? เทพเจ้าแห่งสงครามงั้นเหรอ? ฉู่ชวิ๋นเป็นจอมมารจากนรกมากกว่าล่ะสิไม่ว่า
บรรดาจอมยุทธ์ผู้บาดเจ็บเสียใจหนักกว่าเก่า นอกจากบาดเจ็บสาหัสแล้ว สัตว์เลี้ยงก็ตายไปต่อหน้าต่อตา โดยไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายหนึ่งเป็นใคร?
“ฉันขอถามหน่อยนะน้องสาว หัวหน้าของพวกมันเป็นใครกัน?” จอมยุทธ์คนหนึ่งสะกดกลั้นความเจ็บปวดถามออกมา
“ฉันไม่รู้” เซวียนเซียนตอบด้วยความโกรธสะบัดผมสีดำยาวสลวยหนึ่งทีแล้วก็เดินจากไป
ในเวลาเดียวกันนี้เอง ณ อีกส่วนหนึ่งของเมืองไห่ชิง ได้เกิดเหตุการณ์ที่คล้ายคลึงกันหลายแห่ง
ในภัตตาคารของโรงแรม จอมยุทธ์จำนวนมากกำลังแวะเข้ามาดื่มกิน อาหารที่พวกเขารับประทานเยอะมากกว่าคนทั่วไปถึงสามเท่า
“ให้ตายเถอะ มันเป็นใครกัน? กล้ามาไล่พวกเราแบบนี้ อย่าให้ฉันรู้นะว่ามันเป็นใคร ฉันจะไปตัดหัวมันทิ้งเดี๋ยวนี้ละ !”
“ฉันก็อยากให้มันปรากฏตัวเหมือนกัน เจ้าหนูน้อยของฉันพอไม่กี่วันก่อนได้ลองกินเนื้อมนุษย์แล้ว มันก็ไม่ยอมกินเนื้ออย่างอื่นอีกเลย ถ้ามันกล้าออกมา เจ้าหนูน้อยก็คงได้อิ่มท้องไปอีกหลายวัน” จอมยุทธ์คนหนึ่งพูดขึ้นสัตว์เลี้ยงของเขาก็คือตัวไฮยีน่า มันเป็นตัวไฮยีน่าที่ตัวใหญ่มากกว่าปกติถึง 10 เท่า แถมยังมีฟันอันแหลมคมดูน่าสะพรึงกลัว
“เฮ้อ…อย่าไปคิดถึงมันเลยดีกว่า ฉันว่าไอ้หมอนี่สมองมันคงไม่ปกติหรอก ตอนนี้มันกำลังมีปัญหากับจอมยุทธ์ทั่วทั้งเมือง ป่านนี้คงกลัวจนตัวสั่นไม่กล้าออกจากบ้านแล้วมั้ง”
เมื่อจบคำนี้ ชายคนหนึ่งก็เดินเข้ามาในภัตตาคาร ในมือของเขาถือดาบขนาดใหญ่มาด้วยเล่มหนึ่ง
ฉับ!
หัวขนาดใหญ่ของไฮยีน่าถูกตัดขาดในทันที เลือดพุ่งกระฉูดราวกับน้ำพุ จอมยุทธ์อีกหลายคนที่กำลังรับประทานอาหารอยู่ถึงกับสำลักอาหารพ่นพรวดออกมาจากปากด้วยความตกใจ
ไม่เปิดโอกาสให้บรรดาจอมยุทธ์ในภัตตาคารได้ตั้งตัว ชายหนุ่มคนนั้นก็ตวัดดาบด้วยความรวดเร็ว หลังจากนั้น ตัวดาบก็เปร่งประกายเย็นวาบออกมา
ฉับ!
ทันใดนั้น หัวของหมาป่ายักษ์ก็ขาดกระเด็นภายในดาบเดียว
ฉับ!
หัวสัตว์จำนวนมากกลิ้งตกลงบนพื้น เลือดไหลนองกองเต็มพื้นเหมือนกับสายน้ำไหล
สัตว์เลี้ยงสุดที่รักของจอมยุทธ์ผู้ร้ายกาจถูกสังหารด้วยความเลือดเย็น
ชายหนุ่มตวัดดาบไปทางจอมยุทธ์อีกหลายคน บังเกิดเป็นเงาดาบวูบวาบ ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องโหยหวนดังสนั่น
หลังจากนั้น จอมยุทธ์แทบทุกคนที่อยู่ในภัตตาคารก็ตกอยู่ในสภาพบาดเจ็บสาหัส ลมหายใจของพวกเขารวยรินไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมาทุกคนได้แต่ตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว
“เจ้าพวกเศษสวะ คิดจะมีปัญหากับนายท่านของฉันเหรอ ถ้าไม่ติดว่านายท่านให้ฉันไว้ชีวิตพวกแก ป่านนี้ฉันตัดหัวพวกแกไปแล้ว”
พูดจบ ชายคนนั้นก็ถือดาบเดินจากไป
บนพื้นภัตตาคารเจิ่งนองไปด้วยเลือดสีแดงสดราวกับพวกเขากำลังอยู่ในนรก จอมยุทธ์จำนวนมากหวาดกลัวจนแทบขาดใจตายแล้ว !