บทที่ 295 แย่งชิงสาวงาม
หยานหวูซวงนั่งขัดสมาธิอยู่ในห้องที่ตกแต่งไว้อย่างเรียบง่าย ใบหน้าหล่อเหลาเดี๋ยวมืดเดี๋ยวสว่าง ประกายแสงพลังวิญญาณจำนวนไม่นับถ้วนแทรกซึมเข้าไปผ่านรูขุมขนของเขา
จู่ ๆ เขาก็ดวงตาเบิกกว้างและหยิบก้อนหินสีขาวออกมาจากอกเสื้อ ก้อนหินสีขาวเปล่งแสงบางๆ แล้วค่อยๆ เจิดจ้าขึ้นเรื่อย ๆ
หยานหวูซวงสีหน้าเปลี่ยนไปทันที เขาหยิบกระบี่แล้วออกจากห้องไป
ภายในห้องเก็บสมบัติฉู่ชวิ๋นสีหน้าก็เปลี่ยนไป “โดนจับได้แล้วเหรอ ระวังตัวใช้ได้เลยนี่” เขารีบเก็บกล่องหยกที่มีน้ำศักดิ์สิทธิ์และหยิบผ้าสีดำมาคลุมใบหน้า ก่อนจะพุ่งออกไปทางประตู
ณ โซนด้านในของหอหยานหลิง ประตูหินบานนึงเปิดออก หยานหวูซวงพุ่งพรวดเข้ามา เมื่อเห็นบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์แห้งเหือดและดอกบัวจิตวิญญาณหายไป คนที่คอยเฝ้าบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ล้มฟุบอยู่ที่พื้น สายตาเขาก็เปลี่ยนไปลมปราณอันน่าสยดสยองพวยพุ่งออกมา
เขาตรวจดู 2 คนที่นอนฟุบอยู่ เมื่อพบว่าแค่สลบไปเท่านั้นเขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขาถ่ายทอดลมปราณให้อีกฝ่ายก่อนจะถือกระบี่ไล่ตามฉู่ชวิ๋นไป
ฉู่ชวิ๋นยังไม่ดึงญาณเทพกลับมา พอเห็นหยานหวูซวงเลือกที่จะช่วยคนก่อน ในใจก็รู้สึกดีกับเขามากขึ้นไปอีก
“หมอนี้เป็นคนดีจริงๆนั้นละ แต่ยังอ่อนประสบการ์ณนัก”
ฉู่ชวิ๋นให้ความสำคัญกับเพื่อนมนุษย์ เขาไม่นับถือคนมีฝีมือเท่ากับคนที่มีจิตใจโอบอ้อมอารีคนแบบนี้ถึงจะเรียกได้ว่าเป็นสุภาพบุรุษ
เมื่อรู้สึกว่าหยานหวูซวงไล่ตามมาเขาก็เพิ่มความเร็วขึ้นทันที
หยานหวูซวงที่ไล่ตามมาก็เห็นเงาดำ ๆ พุ่งออกจากบ้านตระกูลหยานไป เขาได้แต่ตะโกนออกมาด้วยความเกรี้ยวกราด “จะหนีไปไหน”
รัศมีกระบี่เปร่งประกายบนท้องฟ้าจนสว่างไสวและพุ่งเข้าใส่หลังฉู่ชวิ๋น
ฉู่ชวิ๋นเอี๊ยวตัวหลบ ที่พื้นเป็นร่องลึกจากรัศมีกระบี่ ดินโคลนกระจาย
พวกยามของตระกูลหยานตื่นตัวและพุ่งออกมาทันที
“ไอ้โจรชั่ว กล้ามาบุกรุกบ้านตระกูลหยานเลยหรือ” จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 1 ตะโกนอย่างเกรี้ยวกราดและยกมือฟาดใส่ฉู่ชวิ๋นในทันที
ฉู่ชวิ๋นไม่สู้ เขากระโจนผ่านตัวอีกฝ่ายไปเฉย ๆ ราวกับอีกฝ่ายไร้ตัวตน
ทหารยามตระกูลหยานส่วนใหญ่อยู่แค่ระดับปรมาจารย์เท่านั้น ไม่มีทางแม้แต่จะแตะต้องปลายเสื้อของฉู่ชวิ๋น
ฉู่ชวิ๋นผ่านราวกับไม่มีใครอยู่รอบๆ เขาไม่ตอบโต้เลยแม้แต่น้อยได้แต่ หลบซ้ายหลบขวา พุ่งไปมาผ่านที่ๆ มีคนเยอะๆ
ลมปราณของหยานหวูซวงปรากฏออกมารอบตัว ขณะเดียวกันก็ไม่กล้าลงมือเพราะกลัวว่าจะโดนคนของตัวเองเข้า
“พวกนายถอยไปให้หมด” หยานหวูซวงเอ่ยปาก
ยามของตระกูลเยวี่ยไม่ขวางฉู่ชวิ๋นอีกต่อไป พวกเขาพุ่งหลบออกไปข้างๆ
“ดูซิแกจะหนีทางไหน” กระบี่ในมือหยานหวูซวงส่งเสียงร้องออกมาพร้อมเปล่งประกายแสงบางๆ และฟาดฟันออกไป
ฉู่ชวิ๋นหลบได้อีกครั้ง ต้นไม้อันเก่าแก่ด้านหลังหักล้มตึงลงไปเพราะรัศมีกระบี่
“แกเป็นใครกันแน่” หยานหวูซวงตะโกนถาม
ฉู่ชวิ๋นไม่ตอบอะไรทั้งนั้น เขาแค่จิบปากจิบคอหัวเราะเสียงแหลม ก่อนจะพุ่งไปที่ประตูตระกูลหยานอย่างรวดเร็ว
หยานหวูซวงถือกระบี่ไล่ตามไป
ความเร็วของทั้ง 2 ก้าวผ่านความเร็วเสียง กระโจนออกจากตระกูลหยานเข้าไปในเมืองอย่างรวดเร็ว
ความเร็วของหยานหวูซวงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเข้าใกล้ขึ้นเขาก็ยกกระบี่ฟาด ฟัน จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 7 แค่กระบี่เดียวอานุภาพก็ทำให้ผู้คนแตกตื่นกันแล้ว
เสียงทะลุอากาศเสียดหูพุ่งเข้าใส่หลังของฉู่ชวิ๋น ทุกที่ ๆ คมดาบคืบผ่าน ต้นไม้ใบหญ้าล้วนถูกทำลาย
ฉู่ชวิ๋นหันหลังกลับ ปล่อยหมัดออกไปพร้อมกับโซ่ขาว ตอนนี้ฉู่ชวิ๋นใช้ลมปราณธรรมดา ปรากฏว่าลมปราณสีขาวโดนรัศมีกระบี่บดขยี้จนแหลก แถมรัศมีกระบี่ยังพุ่งตรงใส่ฉู่ชวิ๋นต่อ!
ฉู่ชวิ๋นเอี๊ยวตัวหลบพลางสบถด่าพันธนาการแห่งท้องฟ้า หากเขาใช้ลมปราณพลังก็จะถูกดูดไปส่วนหนึ่ง ลมปราณธรรมดาของเขาถูกดูดกลืน ไปอย่างรวดเร็ว
“แต่แค่นี้ไม่น่ามีปัญหา”
ฉู่ชวิ๋นหันหลังเตรียมหนี
หยานหวูซวงก็ไล่ตามไม่ลดละ
ไม่กี่อึดใจหยานหวูซวงก็ร่นระยะห่างใกล้ขึ้นอีกครั้ง เขาฟันกระบี่ออกไป รัศมีกระบี่พุ่งพล่าน
ฉู่ชวิ๋นกระโจนไปด้านข้างกว่าร้อยเมตรจนหลบพ้น
หยานหวูซวงแอบตกใจ คน ๆ นี้วิทยายุทธไม่ต่ำทรามเลย ไม่อย่างนั้นก็คงไม่อาจหลบการโจมตีได้ง่าย ๆ แบบนี้ไม่ได้ ส่วนที่อีกฝ่ายไม่ตอบโต้ คงจะกลัวว่าโดนดูทางวิทยายุทธออก ว่ามาจากที่ไหน แสดงว่าต้องเป็นคนที่เขารู้จักแน่ๆ !!
เมื่อคิดได้ หยานหวูซวงก็ไม่หยุดลงมือ แต่ละท่าแข็งแกร่งจนผิดปกติ เขาตั้งใจจะบีบให้อีกฝ่ายลงมือ
แต่ให้ตายยังไงฉู่ชวิ๋นก็ไม่ตอบโต้ ตั้งตาวิ่งอย่างเดียว
ในขณะที่กำลังจะเข้าตัวเมือง ฉู่ชวิ๋นก็หมดความอดทนเขาชกกระบี่จนกระบี่หยานหวูซวงสั่นสะเทือน
พรึ่บ
กระบี่ถูกฟาดฟันออกมาอีกครั้งจนกลายเป็นรัศมีกระบี่นับพันนับหมื่นรัศมีกระบี่ฉีกมิติและเปร่งประกายบนท้องฟ้า องอาจและน่ากลัว
ฉู่ชวิ๋นที่กำลังหันหลังหนี 2 มือร่ายรำท่าบางอย่าง
ตู้ม
มิติสั่นสะเทือน อากาศบิดเบี้ยว ฟ้าร้องฟ้าแลบเปรี้ยงปร้าง
กำปั้นมหึมาปรากฏ สายฟ้าล้อมรอบอยู่ด้านบน ดูดุร้ายยิ่งนัก พุ่งเข้าไปปะทะกับรัศมีกระบี่อย่างรุนแรง
ตู้มๆ
รัศมีกระบี่นับพันนับหมื่นเข้าปะทะเข้ากับกำปั้นสายฟ้า จนเกิดการระเบิดสั่นสะเทือนฟ้าดิน พายุโหมกระหน่ำ แสงสว่างเจิดจ้าแม้จะในเวลากลางคืน
ฉู่ชวิ๋นป้องกันการโจมตีของหยานหวูซวงและกระโจนตัวออกไปไวปานแสง เร็วจนน่ากลัว ขึ้นๆลงๆไม่กี่ครั้งก็ห่างไปพันเมตร ตรงเข้าไปในเมือง
กระบี่ยาวในมือหยานหวูซวงสั่นไม่หยุด สายตาเขาเย็นยะเยือกด้วยความโกรธ เขารู้แล้วว่าคน ๆ นี้เป็นใคร
“จังเฟิงหลิง แกคิดว่าตระกูลหยานของฉันจะยอมโดนรังแกง่าย ๆ แบบนี้ งั้นเหรอ”
พูดจบ เขาก็ไล่ตามเข้าไปในเมือง
…..
ในห้องที่ตกแต่งไว้อย่างหรูหรา จังเฟิงหลิงตีจนโต๊ะวางแก้วสุดแพงจนแหลกละเอียด
หลังจากที่เขากลับมาจากตระกูลหยานก็ไม่สามารถสงบใจฝึกฝนได้ รู้สึกมีความโมโหอัดอั้นอยู่ในใจ ไอ้เด็กเดนตายนั่นต้านเขาได้ถึง 10 กระบวนท่า โสมมังกรโลหิตนั่นเดิมทีแล้วเขาเตรียมไว้ให้ตัวเอง
สุดท้ายเขาที่ข่มความโกรธไว้ไม่ได้ลากสาวใช้ 2 คนเข้าไปในห้องนอน ขยี้พวกเธออยู่ 2 ชั่วโมงถึงรู้สึกคลายความโกรธลงได้บ้าง
เมื่ออาบน้ำเสร็จเขาก็ออกมานั่งเล่นที่โซฟา พอคิดไปถึงสิ่งที่เกิดในวันนี้ก็บันดาลโทสะขึ้นมาอีกครั้ง ถึงได้ตบโต๊ะวางแก้วจนแหลก
สาวใช้ทั้ง 2 นุ่งผ้าขนหนูตามออกมา ผ้าขนหนูผืนเล็ก ๆ นั่นไม่อาจบดบังหุ่นสุดเซ็กซี่ของทั้ง 2 ได้เลย จังเฟิงหลิงพอเห็นก็รู้สึกว่าตัวร้อนขึ้นมาอีกแล้ว
1 ในสาวใช้กำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ทันใดนั้นเธอก็สีหน้าเปลี่ยนไปและตะโกนขึ้นมาอย่างตกใจ “นายน้อยระวังด้วย”
เพล้ง
หน้าต่างจู่ ๆ ก็ระเบิดออก มีแสงสีดำทมิฬพุ่งเข้าใส่จังเฟิงหลิง
ไม่ต้องให้สาวใช้เตือน จังเฟิงหลิงก็รู้ตัวตั้งนานแล้ว เขายื่นมือออกไปคว้าเข้ากับสิ่งพุ่งเข้ามา
แต่ไม่ทันที่เขาจะได้ดูดี ๆ สีหน้าก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง ของในมือที่เขาจับได้แข็งแกร่งมาก มากจนเขากระเด็นออกไปอัดติดกับกำแพงพร้อมกับโซฟา
“แกร่ก”
โซฟาแสนแพงกระแทกกำแพงจนระเบิดเป็นชิ้นๆ กำแพงมีรอยแตกขนาดใหญ่ปรากฏ
ใบหน้าของจังเฟิงหลิงบิดเบี้ยว ที่มุมปากมีเลือดไหลออกมา
“นายน้อย”
สาวใช้ทั้ง 2 ตกใจจนจิตใจระทึกไปหมด
สายตาของจังเฟิงหลิงเย็นยะเยือกอย่างน่ากลัว ขณะเดียวกันก็นึกสยองในใจ ช่างเป็นพลังที่น่ากลัวจริงๆ แม้ว่าเมื่อกี้เขาใช้พลังไปแค่ 3 ส่วน แต่ก็รู้ดีว่าอีกฝ่ายแข็งแกร่งมาก
แต่เมื่อเขาก้มหน้ามองที่มือก็แทบจะโมโหจนเป็นลม แถมยังรู้สึกอยากจะกระอักเลือดออกมา สิ่งที่จู่โจมเขาเป็นกระบองเหล็กแท่งหนึ่ง แถมยังเปื้อนเศษปูนแล้วยังมีคราบเลือดบางๆ ของแบบนี้เจออยู่ถมไปตามพื้นที่ก่อสร้าง
ไม่รู้จักเลือกอาวุธเอาซะเลย อย่างไรซะเขาก็เป็นถึงจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 7 แต่ต้องมาโดนคนอื่นเอากระบองเน่า ๆ ลอบโจมตีแถมยังได้รับบาดเจ็บอีกต่างหาก
หน้าอกของจังเฟิงหลิงขึ้นๆลงๆอย่างกับเครื่องเป่าลม ส่งเสียงดังฟู่ๆ เขาโมโหจนปอดแทบระเบิด ตอนนี้เขาอยากจะฆ่าคนมากๆ
พรึ่บ
เขาจับกระบองเหล็กพุ่งออกไปทางหน้าต่างทั้งที่ยังใส่ชุดคลุมอาบน้ำอยู่ แต่….นี่มันตึกชั้น 22 นะ
จังเฟิงหลิงลงมาที่พื้นจนพื้นระเบิดแตกออกกลายเป็นหลุมใหญ่
“ไสหัวออกมา”
เขาโกรธแทบบ้า เงยหน้ามองฟ้าตะโกนออกมาเสียงกระหึ่มราวกับฟ้าผ่า กระจกในระยะร้องเมตรสะเทือนจนแตกหมด เสียงดั่งสนั่นไปทั่วเมือง
หยานเสวี่ย
พรึ่บ
รัศมีกระบี่แกร่งกล้าฟาดฟันมาที่เขาจังเฟิงหลิง
จังเฟิงหลิงโมโหแทบบ้า กล้าปรากฏตัวจริง ๆ หรือนี่ เขาหวดกระบองเหล็กในมือออกไปโดยสัญชาตญาณ
ตู้ม
รัศมีกระบี่ระเบิดออก กระบอกเหล็กในมือหักเป็นสองท่อนเพราะรัศมีกระบี่
คนที่ฟาดฟันกระบี่นั้นออกมาก็คือหยานหวูซวง เขาไล่ตามมาจนถึงที่นี่ก็เห็นจังเฟิงหลิงโวยวายแล้วยังถืออาวุธออกมาอีกด้วย
ก่อนหน้านี้เขาได้ตรวจดูบาดแผลของหยานตงและหยานซีแล้ว พวกเขาหลังหัวโนมากและโนแบบไม่เป็นระเบียบ เมื่อเห็นกระบองเหล็กในมือของจังเฟิงหลิงงอนิดหน่อยก็เข้าใจได้ทันทีว่าคนพวกนี้โดนอะไรทำให้สลบ
จังเฟิงหลิงเงยหน้าขึ้นมองอย่างโกรธเกรี้ยว “หยานหวูซวง แกคิดจะทำอะไร”
สีหน้าหยานหวูซวงเองก็เต็มไปด้วยความโกรธ เขาพูดอย่างเย็นชา
“แกคิดว่ายังไงล่ะ”
เมื่อเห็นจังเฟิงหลิงยังแกล้งโง่อยู่ หยานหวูซวงก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง ฟาดออกไปอีกหนึ่งกระบี่
“หยานหวูซวง แกบ้าไปแล้วเหรอ” จังเฟิงหลิงโกรธมาก ก่อนหน้านี้ใช้กระบองเหล็กลอบโจมตีเขา รอบนี้ลงมือเปิดเผยนี่จะฆ่าเขาให้ได้สินะ
เขาเองก็ไม่เกรงใจ พลังลมปราณพรั่งพรูออกมา เข้าสู้กับหยานหวูซวงอย่างไม่กลัวเกรง
ตู้มๆ
ทั้ง 2 สู้กับชนิดที่ว่าสั่นสะเทือนฟ้าดิน ในเมืองเกิดความวุนวาย แผ่นพสุธาแยกออกจากกัน พวกเขาต่อสู้กันจนเกิดพายุโหมกระหน่ำเข้าทำลายเมืองระเนระนาดกันไปหมด
กระบี่ของหยานหวูซวงเร็วขึ้นเรื่อยๆ ทุกกระบี่หมายเอาชีวิต
จังเฟิงหลิงคำรามอย่างโกรธแค้น เขาบ้าคลั่งขึ้นเรื่อยๆ ทุกกระบวนท่าต่างเล็งไม่ที่จุดตายของหยานหวูซวง
ทั้ง 2 สู้กันอย่างเอาจริงเอาจัง ไม่ตายก็ไม่เลิกรา
แต่วรยุทธของทั้ง 2 ทัดเทียมกันจึงยากที่จะรู้แพ้รู้ชนะ
การต่อสู้ของทั้ง 2 ทำให้จอมยุทธ์ทั้งเมืองหยานเสวี่ยตื่นตัว พวกเขาล้วนพากันมาชม แม้แต่เหยาไป๋เยวี่ยก็ยังตื่นตัวไปด้วย
“ทำไม 2 คนนี้ถึงได้ต่อสู้กันล่ะ” มีคนถามออกมา
คนอื่น ๆ ล้วนสีหน้างุนงง พากันส่ายหัว เพราะพวกเขาออกมา 2 คนนี้ก็สู้กันแล้ว
เหยาไป๋เยวี่ยเองก็สงสัย พองานเลี้ยงจบทุกคนก็แยกย้าย เธอและจังเฟิงหลิงก็กลับมาพร้อมกัน พวกเขา 2 คนจะมาต่อสู้กันได้ยังไง
“เทพธิดาเยวี่ย”
เหยาไป๋เยวี่ยได้ยินคนเรียกตัวเอง เธอหันมองไปก็เห็นฉู่ชวิ๋น เห็นเขาดูสดใสมีชีวิตชีวาก็อุทานในใจถึงความแข็งแกร่งของฉู่ชวิ๋น
เธอไม่รู้ชื่อฉู่ชวิ๋น จึงได้แต่ยิ้มตอบอย่างมีมารยาท
ฉู่ชวิ๋นเดินเข้ามา มอง 2 คนที่สู้กันอยู่และเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าสงสัย
“งานประลองยังไม่จบอีกเหรอ สู้กันนานจริงๆ ของรางวัลรอบนี้คืออะไรล่ะ”
เหยาไป๋เยวี่ยหมดคำพูด มองยังไงเนี้ยดวงตามีปัญหาหรือไง นี่เรียกว่าการประลองยุทธ์ได้ด้วยเหรอ นี่มันการต่อสู้กันแบบแลกตายชัดๆ เธอได้แต่อธิบายอย่างใจเย็น
“หา” ฉู่ชวิ๋นมีสีหน้าตกตะลึง “ที่แท้เทพธิดาเยวี่ยก็ไม่รู้เหรอ งั้นที่พวกเขาสู้กันต้องมีสาเหตุอยู่แน่ๆ”
คำพูดนี้ทำให้จอมยุทธ์คนอื่นหันมองและอยากจะบอกฉู่ชวิ๋นจริงๆว่า มันก็แหงล่ะ ไม่มีสาเหตุใครจะว่างมาสู้แลกตายเอาแบบนี้
“ฉันรู้แล้วๆ” ฉู่ชวิ๋นปรบมือแล้วทำท่าทางเหมือนรู้ความจริง
ทำให้จอมยุทธ์รอบ ๆ มองเขากันหมด แม้แต่เหยาไป๋เยวี่ยก็อยากรู้สาเหตุ
ฉู่ชวิ๋นมองเหยาไป๋เยวี่ยและเอ่ยขึ้นมา “ฉันเดาว่าพวกเขาสู้กันเพราะเทพธิดาเยวี่ย”
“เพราะฉันเหรอ” เหยาไป๋เยวี่ยตกใจจนสับสนไปหมด
“ฉันเดาว่าจังเฟิงหลิงก็ชอบเธอ พวกเขาสู้กันเพื่อสิทธิ์ในการจีบเธอน่ะสิฉันเคยเดินทางผ่านทุ่งหญ้าพวกสิงโตตัวผู้มักจะสู้กันบ่อยๆ เพราะสิงโตตัวเมีย”
จอมยุทธ์รอบ ๆ ล้วนตกใจจนอ้าปากค้างกับคำพูดของฉู่ชวิ๋น ถ้าไม่ใช่เพราะรู้ว่าฉู่ชวิ๋นแข็งแกร่ง พวกเขาอยากจะเดินเข้าไปอัดไอ้บ้าที่กล้าพูดจาโง่งมคนนี้ให้เละจนแม่ตัวเองยังจำหน้าไม่ได้เลย
เหยาไป๋เยวี่ยโกรธจนปวดท้อง คนอ่อนโยนอย่างเธอยังเกิดร้อนใจอยากจะอัดคนขั้นมา ไอ้หมอนี่มันพูดคุยไม่เป็นจริงๆ กล้าเอาเธอไปเปรียบเทียบกับสิงโตตัวเมียได้ยังไง
“เทพธิดาเยวี่ย เธอว่าที่ฉันเดาถูกไหม” ฉู่ชวิ๋นถามจริงจังด้วยแววตาสดใส
คิ้วของเหยาไป๋เยวี่ยขมวดเข้าด้วยกัน เธอกัดฟันกรอดอย่างทนไม่ไหว