บทที่ 296 แค้นจนกัดฟันแตก
ทั้งหยานหวูซวงและจังเฟิงหลิงต่างก็เป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในรุ่นเดียวกัน มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถต่อสู้กับพวกเขาได้
ศึกของ 2 คนนี้เรียกได้ว่าสะท้านฟ้าอย่างแท้จริง
รอยหมัดเดือดดาล เงากระบี่เจิดจ้า
ตู้ม!
การปะทะกันของพวกเขาน่าหวาดกลัว พายุถล่มทลาย อย่าว่าแต่พื้นดินที่แตกเป็นเสี่ยงๆเลย แม้แต่ตึกสูงก็สั่นสะเทือนราวกับใกล้จะถล่มลงมาเต็มที
“จังเฟิงหลิง มอบดอกบัวจิตวิญญาณและน้ำศักดิ์สิทธิ์ออกมา ไม่อย่างนั้นวันนี้ฉันจะตัดหัวแก” คำพูดของหยานหวูซวงเย็นยะเยือก เขาลงมืออย่างโหดเหี้ยม
จอมยุทธ์โดยรอบรวมทั้งฉู่ชวิ๋นและเหยาไป๋เยวี่ยล้วนมีท่าทีตกตะลึง ขณะเดียวกันก็ถึงบางอ้อ ที่แท้ตระกูลหยานโดนปล้นมานี่เอง
จังเฟิงหลิงเองก็ชะงักไปนิดหน่อยจากนั้นความโมโหก็ปะทุออกมา เขาคิดว่าหยานหวูซวงกำลังโกหกหน้าตาย
“หยานหวูซวง ไอ้คนต่ำช้า ดอกบัวจิตวิญญาณของตระกูลหยานอยู่ในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์หอหยานหลิง ถามหน่อยซิว่าใครจะเข้าไปได้”
จิตใจที่นิ่งเฉยมาตลอดของหยานหวูซวงเกิดอาการสั่นไหวด้วยความโกรธ เขาพูดอย่างเย็นชา “จังเฟิงหลิง อย่ามาปฏิเสธ อาวุธในมือแกคือหลักฐาน อย่างดี”
เมื่อจางเฟิงหลิงได้ยินเข้าก็ยิ่งโมโหไปใหญ่จนปอดแทบระเบิด เขาตะโกนเสียงแหลม “หยานหวูซวง แกปิดบังตัวตนไว้ได้ลึกดีเหลือเกินนะ นึกว่าแกเป็นสุภาพบุรุษ ที่แท้ก็พวกต่ำช้าที่ใส่ร้ายป้ายสีคนอื่น โชคดีแล้วที่เทพธิดาเยวี่ยไม่คบกับคนอย่างแก”
เขาไม่รู้ตัวเลยว่าคำพูดนี้เหมือนราดน้ำมันบนกองเพลิง ทำให้จิตสังหารของหยานหวูซวงรุนแรงขึ้นไปอีก ไอ้สารเลวนี่บังอาจพูดถึงเหยาไป๋เยวี่ยในเวลาแบบนี้ ท่าทางจะคิดไม่ซื่อแน่ ๆ
“จังเฟิงหลิง ถ้าแกไม่ส่งดอกบัวจิตวิญญาณมา ต่อให้วันนี้จะพูดจนฟ้าถล่มดินทลายก็อย่าหวังว่าจะได้ออกจากเมืองหยานเซวี่ย”
เชร้ง
กระบี่ถูกฟาดฟันลงไป รัศมีกระบี่เปร่งประกายแกร่งกล้าฉีกท้องฟ้ายามราตรีออก
“หยานหวูซวง แกคิดว่าไร้คู่ต่อสู้ในระดับเดียวกันจริง ๆ งั้นเหรอ คิดจะรั้งฉันไว้ที่นี่ ไหนดูซิว่าแกมีความสามารถพอหรือเปล่า”
ตู้ม
หมัดเปร่งประกายราวกับสายรุ้งใต้แสงแดดและดุดัน
ฉู่ชวิ๋นเอียงหัวด้วยสีหน้าสงสัย “เทพธิดาเยวี่ย เธอว่าตกลงพวกเขาสู้เพราะดอกบัวจิตวิญญาณหรือเพราะเธอกันแน่น่ะ”
เหยาไป๋เยวี่ยเริ่มกัดฟันกรอดอีกครั้ง
“คุณชายหยาน เขาจะแย่งเทพธิดาเยวี่ยกับนาย จะให้ทนได้ยังไง ถ้าเป็นฉันทนไม่ได้เด็ดขาด” ฉู่ชวิ๋นตะโกนใส่หยานหวูซวง
จังเฟิงหลิงเกือบทนไม่ไหวพุ่งไปฆ่าฉู่ชวิ๋น ไอ้นี่พูดบ้าอะไรออกมา ถ้าพูดกับใครไม่เป็นก็หุบปากไป เขาแค่พูดไปงั้นๆ บอกตอนไหนว่าจะแย่งเหยาไป๋เยวี่ยกับหยานหวูซวง
จอมยุทธ์ทุกคนต่างรู้สึกว่าฉู่ชวิ๋นสมควรโดนอัดมากที่สุด นี่มันราดน้ำมันบนกองเพลิงชัด ๆ
“ว้าว ผู้หญิง 2 คนนั้นไม่ได้ใส่เสื้อผ้า” จู่ ๆ ฉู่ชวิ๋นก็ร้องเสียงหลง
เหล่าจอมยุทธ์มองตามสายตาเขาไป ทันใดนั้นก็ตาค้าง ที่ขอบหน้าต่างชั้น 22 สาวใช้ทั้ง 2 ของจังเฟิงหลิงนุ่งแค่ผ้าเช็ดตัวผืนเล็ก ๆ เท่านั้น บังอะไรไม่ได้เลย
สายตาของจอมยุทธ์ล้วนเฉียบคมมากย่อมมองเห็นทุกอย่างพวกเขาลวมลามสาวใช้ด้วยสายตาซะยกใหญ่ แถมยังมีคนแอบกลืนน้ำลายด้วย
สาวใช้ทั้งสองมีใจให้จังเฟิงหลิงพวกเธอย่อมยืนดูอยู่ริมหน้าต่างอย่างเป็นห่วงแต่เสียงของฉู่ชวิ๋นทำให้พวกนางสะดุ้งรู้ตัวจนรีบถอยออกไป
แต่เสียดายที่มีจอมยุทธ์จำนวนไม่น้อยเห็นไปแล้ว
จังเฟิงหลิงเองก็ตื่นตูมกับเสียงของฉู่ชวิ๋นจึงหันไปมองด้วยสัญชาตญาณ
การประมือของยอดฝีมือ เพียงมิลลิเมตรเสมือนกับพันลี้ รัศมีกระบี่ของ
หยานหวูซวงเฉียดคอเขาไป ถ้าไม่ใช่เขาตอบโตไว ป่านนี้หัวขาดไปแล้ว แต่ที่คอก็ยังปรากฏรอยเลือดรอยหนึ่งอยู่ดี
“ไอ้บ้านนอก แกหุบปากไปเลย” จังเฟิงหลิงรู้สึกปวดตับ ปวดไต และปวดหัวใจ ทำไมบนโลกถึงมีคนแบบนี้อยู่กันนะ
เขาตั้งสมาธิต่อสู้กับหยานหวูซวง ในใจกลับแค้นฉู่ชวิ๋นแทบตาย รอให้จบศึกนี้ไปก่อน เขาจะต้องฆ่าไอ้บ้านนอกนี้ให้ได้
“ฉันพูดอะไรไม่ดีเหรอ” ฉู่ชวิ๋นสีหน้าท่าทางเสียใจ
ทุกคนหมดคำพูด แกพูดเยอะเลยละ คำพูดของแกทำให้คนมากมายขนาดนี้ ข่มขืนสาวใช้ 2 คนนั้นทางสายตายังไม่พออีกเหรอ
“จังเฟิงหลิง นายคิดว่าเมืองหยานเซวี่ยเป็นของนายหรือไง อยากจะด่าใครก็ได้ แน่จริงพวกเรา 2 คนมาสู้กันหน่อยดีกว่า” ฉู่ชวิ๋นท้าทายเสียงดังด้วยใบหน้าไม่ยอมแพ้
จังเฟิงหลิงโกรธจนสั่นไปทั้งตัว แค่หยานหวูซวงคนเดียวเขาก็รับมือลำบากแล้ว ถ้ามีไอ้บ้านนอกเพิ่มเข้ามาอีกคน เขาอาจจะไม่ได้ออกจากเมืองหยานเซวี่ยจริง ๆ ก็ได้
แม้เขาจะไม่อยากยอมรับ แต่ความแข็งแกร่งของไอ้บ้านนอกนี้เป็นของจริงแต่ถ้าตัวต่อตัวเขาไม่แพ้แน่!
เพราะฉะนั้น เขาเลือกที่จะเงียบต่อคำพูดท้าทายของฉู่ชวิ๋น แล้วอดทนเอาไว้แม้จะปวดท้องปวดหัวไปหมด แต่ค่อยไปเก็บกวาดเอาทีหลังก็ได้
แต่ดูเหมือนฉู่ชวิ๋นไม่คิดจะปล่อยเขาไป เขาพูดต่อเสียงดัง “จังเฟิงหลิง ว่าแต่นายขโมยดอกบัวจิตวิญญาณของตระกูลหยานจริงๆ เหรอ”
จังเฟิงหลิงแทบจะกระอักเลือดออกมา แกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน
“ฉันเชื่อว่าคุณชายหยานไม่ได้โกหก อีกอย่าง ในที่นี้นอกจากนายจะมีใครมีความสามารถพอไปเป็นขโมยของที่ตระกูลหยาน” ฉู่ชวิ๋นตะโกนออกมา
จังเฟิงหลิงกัดฟันกรอด ฉันจะอดทนไว้…. ฉันจะอดทนไว้….
“จังเฟิงหลิง เอาอย่างงี้มั้ย ฉันใช้โสมมังกรชื่อเสวี่ยแลกกับใบของดอกบัวจิตวิญญาณได้หรือเปล่า”
“ไปตายซะไป ฉันไม่มีดอกบัวจิตวิญญาณโว้ย!!” เจิงเฟิงหลิงโมโหจนคลั่งและด่าออกไป
“หยาบคาย” ฉู่ชวิ๋นเหล่มองเขา “ไม่แลกก็ไม่แลกสิ จะด่าทำไม พ่อแม่ฉันยังไม่เคยด่าฉันเลย นายมีสิทธิ์อะไร ฉันจะสู้กับนายสัก 800 ยก”
ฉู่ชวิ๋นไม่ได้แกล้งพูด เขาลงมือแล้วจริงๆ มีก้อนหินยักษ์ขนาดเท่าแท่นบดแถวนี้พอดี เขายกขึ้นมาและปาใส่จังเฟิงหลิง
หินยักษ์ขนาดแท่นบดกลายเป็นอุกกาบาต ส่งเสียงฟูฟ่าออกมา
จังเฟิงหลิงหน้าดำคร่ำเครียด หันไปต่อยหมัดใส่หินยักษ์จนระเบิดออก
พรวด
เลือดระเบิดออกจากไหล่เขา เป็นหยานหวูซวงฉวยโอกาสนี้ลงมือนั่นเอง
จังเฟิงหลิงตกใจกลัว คนนึงเป็นตัวหลัก คนนึงคอยสนับสนุน เขาไม่อาจเป็นคู่ต่อสู้จริงๆ
“ส่งดอกบัวจิตวิญญาณและน้ำศักดิ์สิทธิ์คืนมา” หยานหวูซวงพูดเย็นๆ
“@#¥%……” จังเฟิงหลิงก่นด่าในใจเป็นชุดก่อนจะพูดออกมา “พี่หยาน เรื่องคืนนี้เป็นเรื่องเข้าใจผิดจริง ฉันยังไม่ได้ออกไปไหนเลย”
“เข้าใจผิด? อย่างที่สหายท่านนี้พูด นอกจากนายแล้ว ใครจะมีความสามารถบุกเข้าไปในตระกูลหยานของฉันอีก”
“พี่หยาน ต้องมีคนใส่ร้ายป้ายสีแน่นอน ฉันสาบาน หลังจากที่งานเลี้ยงคืนนี้เลิก ฉันก็อยู่ที่โรงแรมตลอด สาวใช้ของฉันเป็นพยานได้” จังเฟิงหลิงรู้สึกมีอะไรอัดอั้นอยู่ที่หน้าอก อยากจะกระอักเลือดออกมา คนทะนงตนอย่างเขามีวันที่ลดมาดลงและยอมอธิบายให้คนอื่นฟังด้วย
“ใครจะเชื่อละ สาวใช้ของนายเป็นพยานให้ ทำไมนายไม่เป็นพยานให้ตัวเองซะเลยล่ะ” ฉู่ชวิ๋นตะโกน
“แกหุบปากไปเลย ไอ้บัดซบ” จังเฟิงหลิงรู้สึกโกรธจนสั่นไปทั้งตับไตไส้พุง
“ก็ได้ ๆ”
ฉู่ชวิ๋นหุบปากจริง ๆ ก่อนที่จะขว้างหินก้อนยักษ์ใส่จังเฟิงหลิง
“อ๊าก” จังเฟิงหลิงคลุ้มคลั่งแล้วจริงๆ เขาเงยหน้ามองฟ้าและคำรามเพื่อระบายความอัดอั้นในใจ คลื่นเสียงถล่มทลายจนแผ่นดินไหว
หินที่ฉู่ชวิ๋นขว้างออกไปไม่ใช่เล่น ๆ หรอกนะ อย่างกับระเบิดทั้งนั้น
กระบี่ของหยานหวูซวงฟาดฟันออกมากระบี่แล้วกระบี่เล่า รัศมีดาบแกร่งกล้าและเจิดจรัส
จังเฟิงหลิงไม่อาจแยกร่างได้ทำให้โดนการโจมตีนี้เข้าเต็มๆ เลือดสาดกระจาย เขาคำรามอย่างโกรธเกรี้ยวไม่หยุด ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปจะต้องจบตายอยู่ที่นี่แน่ ๆ
“พี่หยาน เรื่องนี้เป็นการเข้าใจผิดกันจริงๆ หยุดก่อนแล้วให้ฉันอธิบายได้ไหม ถ้าฉันทำจริงๆ ฉันยอมให้มัดมือแล้วสำเร็จโทษได้เลย”
“ยังมีอะไรต้องอธิบายอีก คุณชายหยานบอกว่าเป็นนายก็ต้องเป็นนาย หรือนายจะบอกว่าเขากล่าวหานายหรือไง” ขณะที่ฉู่ชวิ๋นขว้างก้อนหินไปก้อนเล็กบ้างก้อนใหญ่บ้างเขาก็ยังไม่ลืมที่แขวะ
“อ๊ากก แกกก ฉันจะฆ่าแก” จังเฟิงหลิงบ้าไปแล้วจริงๆ เขาพุ่งไปหาฉู่ชวิ๋นโดยไม่สนอะไรทั้งนั้น
หยานหวูซวงฟาดกระบี่ รัศมีกระบี่ฟาดใส่หลังของจังเฟิงหลิง
เมื่อเห็นจังเฟิงหลังพุ่งใส่ฉู่ชวิ๋นก็ไม่หลบ ฉู่ชวิ๋นชกหมัดออกไป ลมจากหมัดโหมกระหน่ำ
ตู้ม
แรงอันน่าสยองกระจายออกมา
พื้นใต้เท้าของฉู่ชวิ๋นระเบิดออก
จังเฟิงหลิงก็โดนแรงระเบิดจนถอยออกไป
พรืด
เลือดสาดกระจาย จังเฟิงหลิงไม่อาจหลบได้จึงถูกรัศมีกระบี่ของหยานหวูซวงฟาดเข้าให้ที่หลัง
ถ้าไม่ใช่เพราะร่างกายของจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดินั้นแข็งแกร่งยากจะทัดเทียม จังเฟิงหลิงคงโดนผ่าครึ่งไปแล้ว
แต่นี่ก็ทำให้จังเฟิงร้องออกมาอย่างอดไม่ได้ เขาคือจังเฟิงหลิงผู้เลิศเลอนะ จำไม่ได้ว่าไม่ได้รับบาดเจ็บมานานแค่ไหนแล้ว
จังเฟิงหลิงหันขวับไปมองหยานหวูซวงและตะโกนด้วยความโกรธ
“หยานหวูซวง แกก็จะฆ่าฉันให้ได้ใช่มั้ย จะให้ตระกูลหยานและตระกูลจังไม่ตายไม่ยอมเลิกราเลยใช่ไหม?”
ตู้ม
หมัดนึงฉวยโอกาสซัดใส่หน้าเขา ซัดจนเขากระเด็นลอยออกไป
แน่นอนว่าฉู่ชวิ๋นเป็นคนซัดหมัดนี้ ฉู่ชวิ๋นลอบทำร้ายสำเร็จตอนที่จังเฟิงหลิงไขว้เขวไปเรื่องอื่น
“ไอ้บ้านนอกบัดซบ แกตายแน่” จังเฟิงหลิงคำรามอย่างเกรี้ยวกราด หน้าบวมไปครึ่งหน้า
“หนังหนาจริง ๆ ขนาดนี้ยังไม่เป็นไรอีกเหรอ” ฉู่ชวิ๋นตกใจมากก่อนจะพุ่งเข้าไป “แต่ยังกล้าโอหังอีกนะ ฉันจะอัดนายให้ตายเอง”
“สหาย โปรดหยุดก่อน” จู่ ๆ หยานหวูซวงก็เอ่ยปากขึ้น
ฉู่ชวิ๋นหยุดฝีเท้าลงและหันไปมองเขาอย่างสงสัย “คุณชายหยาน นายคงไม่ได้ใจอ่อนใช่ไหม?”
“ฉันแค่อยากให้เขาได้อธิบายก่อนตาย” หยานหวูซวงพูดอย่างเย็นชา
จอมยุทธ์รอบ ๆ พูดอะไรไม่ออกเหมือนเป็นใบ้ นี่จังเฟิงหลิงเลยนะ โดนอัดขนาดนี้ น่าหวาดกลัวจริงๆ
“จังเฟิงหลิง ฉันให้โอกาสนายอธิบาย” หยานหวูซวงชี้กระบี่ยาวไปที่จังเฟิงหลิงและพูดขึ้น “ถ้าอธิบายไม่ชัดเจน ต่อให้ต้องเกิดสงครามระหว่าง 2 ตระกูลขึ้น วันนี้ฉันก็จะฆ่านายให้ได้”
จังเฟิงหลิงรู้แก่ใจแล้วว่าหยานหวูซวงพูดจริงๆ
“พี่หยาน เรื่องนี้มีหลายจุดที่น่าสงสัย ฉันสงสัยว่ามีคนตั้งใจใส่ร้ายป้ายสี”
จังเฟิงหลิงเล่าเรื่องที่โดยลอบทำร้ายที่โรงแรมออกมา
“ใครจะมีความสามารถพอจะลอบทำร้ายจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 7” เห็นได้ชัดว่าฉู่ชวิ๋นไม่เชื่อเรื่องนี้
“แคร่ก”
ทุกคนมองจังเฟิงหลิงอย่างตื่นตระหนก
จังเฟิงหลิงกัดฟันจนฟันแตก ทุกคนมองฉู่ชวิ๋น ยอดคนจริง ๆ บีบคั้นจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 7 จนกัดฟันตัวเองแตกแล้วได้แต่กลืนลงท้อง
จังเฟิงหลิงอยากจะสับฉู่ชวิ๋นให้เป็นชิ้นๆแล้วนึ่งกิน เขาไม่เคยเจอคนปากดี ขนาดนี้มาก่อน เขาสาบานในใจว่าจะต้องฆ่าไอ้บ้านนอกนี่ให้ได้ ให้ได้…
ภาพนี้ทำให้หยานหวูซวงและเหยาไป๋เยวี่ยหมดคำจะพูด
“จังเฟิงหลิง ตอนนี้ฉันจะเชื่อคำพูดของนายก่อน แต่มีอย่างนึงที่นายปฏิเสธไม่ได้ นั่นก็คือหมัดสายฟ้าที่เป็นวิชาเฉพาะของพวกนายตระกูลจัง คนที่ประมือกับฉันใช้หมัดสายฟ้าได้ นายจะอธิบายอย่างไร” หยานหวูซวงกล่าว
“หมัดสายฟ้า?” จังเฟิงหลิงเงยหน้าขวับด้วยสายตาตะลึง “เป็นไปไม่ได้ หมัดสายฟ้าไม่สอนคนนอกเด็ดขาด”
“นายยอมรับแล้วเหรอ?” กระบี่ยาวในมือหยานหวูซวงส่งเสียงออกมาทันที
“เดี๋ยวก่อน ฉันอยากไปดูที่ๆ พวกนายสู้กัน” จังเฟิงหลิงไม่สนแล้วว่า
หยานหวูซวงจะเชื่อไหม ที่เขาสนใจคือมีคนนอกได้วิชาหมัดสายฟ้าไปหรือเปล่า นี่มันเป็นรากฐานของตระกูลจังเชียวนะ เป็นเรื่องอันตรายต่อตระกูลมากๆ
ผ่านไปครู่หนึ่งคนทั้งหมดก็มาถึงนอกเมือง
จังเฟิงหลิงมองหลุมใหญ่ที่พื้น รอบ ๆ หลุมเป็นรอยไหม้เกรียม เหมือนกับ สิ่งที่เกิดขึ้นเพราะการต่อสู้ของจังเฟิงหลิงและฉู่ชวิ๋นที่งานเลี้ยงมาก
“จังเฟิงหลิง นายมีอะไรจะพูดอีกหรือเปล่า” ฉู่ชวิ๋นเอ่ยขึ้นมา “ฉันเคยประมือกับวิชาของนายด้วยตัวเอง เหมือนกับอันนี้มากจริงๆ”