บทที่ 300 สำรวจซากโบราณสถาน
อากาศเปลี่ยนไปในยามค่ำคืน ท้องฟ้าโล่งโปร่งถูกบดบังด้วยเมฆดำ ดูกดดันและอึมครึม
ฉู่ชวิ๋นมองออกไปนอกหน้าต่าง หยานหวูซวงพูดถูกจริงๆ ท้องฟ้าแปรเปลี่ยน อากาศของเมืองหยานเซวี่ยนี่ปรวนแปรจริง ๆ เมื่อกี้ยังอากาศดีอยู่เลย
ราตรีมาเยือน แสงไฟก็ถูกเปิดขึ้น
ฉู่ชวิ๋นเคาะประตูห้องของผู้หญิงผมม่วง
“พวกเราต้องไปตระกูลหยานแล้ว”
ทั้งสองออกจากโรงแรมมุ่งหน้าไปตระกูลหยาน รอบตัวคนทั้งคู่มีม่านพลังบาง ๆ ปรากฏ ทำให้หิมะไม่สามารถโดนตัวได้
ทั้งสองฝ่ายรวมตัวกัน ฝ่ายหยานหวูซวงมีทั้งหมด 5 คน นอกจากเขายังมียอดฝีมืออีก 4 คน ล้วนเป็นจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 6 และเข้าใกล้ระดับ 7 เต็มทีแล้ว
รวมกับฉู่ชวิ๋นและผู้หญิงผมม่วงเป็น 7 คน
ทั้งหมดแยกกลุ่มนั่งรถ 3 คันมุ่งหน้าไปเทือกเขาคุนหลุน
….
….
จังเฟิงหลิงเปลือยกายท่อนบน บาดแผลด้านหลังที่หยานหวูซวงฟันสมานแล้ว แต่รัศมีกระบี่รุกรานเข้ามาในร่าง ไม่อาจขจัดออกไปในเวลาสั้น ๆ ได้
“ตามต่อ” พูดจบเขาก็เก็บมือถือและตกสู่ห้วงความคิด
เขาส่งคนคอยจับตาดูตระกูลหยานไว้ เมื่อกี้เขาได้รับโทรศัพท์แจ้งมาว่า
หยานหวูซวงและไอ้หนุ่มไร้ชื่อรวมทีม 7 คนนั่งรถออกจากเมืองหยานเซวี่ย แต่ทำไมผู้หญิงผมม่วงถึงอยู่กับพวกเขาได้ จังเฟิงหลิงคิดยังไงก็คิดไม่ออก
หรือว่าเดิมทีพวกเขาเป็นพวกเดียวกันอยู่แล้ว? ดอกบัวจิตวิญญาณของตระกูลหยานไม่ได้หาย ทั้งหมดนี่เป็นกลลวงของพวกเขา
ทำไมพวกเขาถึงทำแบบนี้ล่ะ
นัยต์ตาจังเฟิงหลิงส่องประกายอันน่าขนลุกพลางพึมพำ “หยานหวูซวง ถ้าเป็นกลลวงของแกจริง ๆ เราคงต้องคิดบัญชีกันหน่อยแล้ว แกคิดว่าฉันจังเฟิงหลิงจะยอมโดนเอาเปรียบง่าย ๆ งั้นเหรอ”
เขาคิดบางอย่างก่อนจะโทรศัพท์และใส่เสื้อผ้าออกจากโรงแรมไป
ขณะเดียวกันอิทธิพลอื่น ๆ ในเมืองหยานเซวี่ยก็ได้รับข่าวว่าหยานหวูซวงออกจากเมืองหยานเซวี่ย
ข้างนอกลมพัดกระหน่ำ หิมะตกหนัก เดินทางซะไกลในเวลานี้แถมยังมีเจ้าหนุ่มร่างกายไร้เทียมทานตามไปด้วย เรื่องนี้น่าคิด
….
“มีคนตามมาข้างหลัง” ผู้หญิงผมม่วงเอ่ยปาก
หยานหวูซวง ฉู่ชวิ๋น และผู้หญิงผมม่วงนั่งอยู่ในรถคันเดียวกัน
“เมืองหยานเซวี่ยอยู่ใกล้เทือกเขาคุนหลุนที่สุด ข่าวของซากโบราณสถานแพร่สะพัดออกไปแล้ว อิทธิพลจากสารทิศรอจังหวะอยู่ ไม่รู้ว่ามีสายตากี่คู่กำลังเพ่งเล็งมาที่พวกเราตระกูลหยานอยู่” หยานหวูซวงกล่าวเรียบ ๆ เขารู้ตัวเรื่องรถที่สะกดรอยตามมาข้างหลังตั้งแต่แรกแล้ว
แกร่ก
ประตูรถเปิดออก ลมหนาวพัดเอาหิมะเข้ามาในรถ รู้สึกตัวอีกทีฉู่ชวิ๋นก็หายไปแล้ว
มองผ่านกระจกมองหลังก็เห็นฉู่ชวิ๋นหอบเอาหิมะทั่วท้องนภาปาใส่รถข้างหลังราวกับมังกรดุร้าย
ตู้ม
ฉู่ชวิ๋นโจมตีเข้าที่รถยนต์ที่ตามมาอย่างโหดเหี้ยม หน้ารถของรถ SUV คันนั้นยุบจนจนเสียหลักกลิ้งออกไป
ฉู่ชวิ๋นหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะหันหลังกลับเข้าไปในรถที่ตัวเองโดดออกมา
“พี่หลิวร่างกายไร้เทียมทานจริง ๆ” หยานหวูซวงพูดจากใจจริง กายเนื้อนี้แข็งแกร่งจนยากจะหาใครเปรียบจริง ๆ
“นี่น่ะธรรมดาๆ ต่อให้เป็นรถไฟฉันก็ซัดจนหลุดออกจากรางได้” ฉู่ชวิ๋นเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ
หยานหวูซวงชะงักนิดหน่อยก่อนจะยิ้มตอบ เขาเชื่อคำพูดของฉู่ชวิ๋น
การเดินทางชั่วโมงกว่าไม่มีใครพูดอะไรสักคำ ในที่สุดรถก็จอดอยู่ที่ตีนเทือกเขาคุนหลุน
ยืนมองจากด้านล่างก็ยังรู้สึกถึงความองอาจของเขาคุนหลุนอันศักดิ์สิทธิ์
หยานหวูซวงเคยมาที่นี่จึงเรียกได้ว่าคุ้นเคยทางเป็นอย่างดี ทั้งหมดเดินตามทางเล็ก ๆ ไป
ซากโบราณสถานอยู่ในหุบเขาระหว่างภูเขาสองลูก
หุบเขานี้กว้างใหญ่ไพศาล ที่พื้นมีหินประหลาดผุดขึ้นมาเต็มไปหมด เสาหินยื่นออกมาจากผา ต้นชันเทียนโบราณโล้นไปทั้งต้น ดูแล้วเปล่าเปลี่ยวและเหงาหงอย
“ทุกคนระวังตัวด้วย” หยานหวูซวงเตือน ที่นี่ให้ความรู้สึกไม่สบายใจ
ทั้งหมดเดินเข้าในหุบเขา
“ผลไม้ทองคำ” จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 6 คนหนึ่งที่หยานหวูซวงพามาพูดขึ้นอย่างตกใจ
คนอื่นหันไปมองก็ได้เห็นด้านหลังของหินประหลาดก้อนหนึ่งมีต้นไม้ที่กำลังเปล่งประกายสีเงิน บนต้นเปล่งประกายระยิบระยับ พร้อมผลไม้สีทองเจิดจรัส
จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 6 คนหนึ่งอดไม่ไหว พุ่งตัวเข้าใส่ต้นแปะก๊วย
ราคาของผลไม้ทองคำสูงกว่าสมุนไพรจิตวิญญาณและยาอมฤตมาก การทานผลไม้ทองคำเพียง 1 ลูกอาจบรรลุไปอีกขั้นได้เลย
ฉู่ชวิ๋นหวั่นไหวอยากเข้าไปแย่งมา แต่ก็โดนผู้หญิงผมม่วงดึงไว้เธอส่ายหัว
ให้กับฉู่ชวิ๋น
ฉู่ชวิ๋นสงสัย แต่ใจก็เลือกเชื่อผู้หญิงผมม่วงคนนี้
จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิคนนั้นว่องไวมาก กระโจนเพียงไม่กี่ครั้งก็พุ่งถึงตัวต้นไม้แล้ว
พรึ่บ
ต้นแปะก๊วยสั่นไหวทั้ง ๆ ที่ไม่มีลม คลื่นแสงสีเงินกระจายออก ผลสีทองลูกหนึ่งร่วงลงมาใส่หัวของจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิคนนั้น
จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิคนนั้นดีใจมากจึงยื่นมือไปรับ แต่ทันทีที่ปลายเล็บสัมผัสโดนผลสีทอง ผลสีทองก็ระเบิด “ตู้ม!!”
“อ๊ากก…!” จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิร้องโหยหวน กระเด็นออกมาพร้อมกับนิ้วมือข้างขวาขาดหายไปทั้งหมด เลือดสาดกระจายจนเผยให้เห็นกระดูก
ฉู่ชวิ๋นอ้าปากค้างด้วยความตะลึง นี่เขาเพิ่งเห็นอะไรไป? ต้นไม้สามารถโจมตีคนได้ด้วยงั้นเหรอ แถมยังร้ายกาจมาก
ฟึ่บ
ต้นแปะก๊วยสั่นสะเทือนอย่างแรง ผลสีทองหลายลูกพุ่งใส่จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิที่กระเด็นออกไปคนนั้น
หยานหวูซวงสีหน้าเปลี่ยนไปทันที เขาฟาดฟันกระบี่ออกมา รัศมีกระบี่อันแข็งกร้าวโดนผลสีทองเข้าอย่างจัง จนพวกมันระเบิดกลางอากาศ
เขากระโจนตัวไปลากจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิคนนั้นกลับมา
คนอื่น ๆ รีบช่วยรักษาคน ๆ นี้พร้อมทั้งพันแผลให้
“เป็นยังไงบ้าง?” หยานหวูซวงถ่ายทอดพลังภายในให้พลางถามอาการ อีกฝ่าย
“นายน้อย ผมไม่เป็นไร” ใบหน้าเขาเศร้าสร้อย มือขวาเขาถือว่าจบสิ้นแล้ว แม้จะไม่ร้ายแรงถึงชีวิตแต่ก็ทำให้ฝึกยุทธ์ได้ลำบากไปตลอดชีวิต
ผลสีทองลูกเดียวทำให้จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 6 บาดเจ็บได้ เห็นได้ชัดเลยว่าอานุภาพมันมากมายขนาดไหน
ฟ้าดินเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ แม้แต่ต้นไม้ยังโจมตีผู้คนได้
ฉู่ชวิ๋นรู้สึกแปลก ๆ อยู่ในใจ เขาเคยเห็นต้นไม้วิเศษต่าง ๆ จากทวีปเซียนมาเหมือนกัน ที่นั้นก็มีต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์อยู่ พวกมันมีญาณพิเศษรับรู้ได้ถึงอันตราย แต่ต้นแปะก๊วยนี้มันเก่งกว่านั้นมาก แม้แต่เขาก็ยังตกตะลึง
เขามองผู้หญิงผมม่วงด้วยความประหลาดใจ เมื่อกี้เธอไม่ให้เขาเข้าไปใกล้ต้นแปะก๊วย ท่าทางเธอรู้ออกแต่แรกแล้วว่าต้นไม้นี้มีอะไรแปลก ๆ
“เธอรู้แต่แรกแล้วเหรอว่าต้นนี้แปลก ๆ” ฉู่ชวิ๋นส่งกระแสจิตถาม ผู้หญิงผมม่วงเป็นผู้ฝึกเซียนเหมือนกันย่อมรู้วิชาส่งเสียงผ่านกระแสจิต
และในสมองก็มีเสียงตอบรับมาจริง ๆ ด้วยคำพูดแสนง่าย “ใช่”
“แล้วทำไมไม่เตือนเขาละ”
“ก็แค่พวกซื่อบื้อ ไม่มีค่าอะไร” ผู้หญิงผมม่วงเอ่ย
ฉู่ชวิ๋นโมโหนิดๆ แต่ไม่นานก็เข้าใจว่าทำไม
ถ้าผู้หญิงผมม่วงบอกว่าต้นไม้นี้แปลก ๆ เกรงว่าคนพวกนี้นอกจากจะไม่ซาบซึ้งไม่ขอบคุณแล้ว ยังจะสงสัยด้วยว่าผู้หญิงผมม่วงคิดเป็นอื่น เรียกได้ว่าได้ไม่คุ้มเสียจริง ๆ
“เธอรู้ได้ยังไงว่าต้นไม้นี่แปลก ๆ”
“เพราะฉันอาศัยอยู่ที่เทือกเขาคุนหลุน” ผู้หญิงผมม่วงบอก
ฉู่ชวิ๋นแทบจะกัดโดนลิ้นตัวเอง วุ่นวายมาตั้งนานที่แท้เธอนี่แหละคนท้องถิ่น
“งั้นเธอก็ต้องรู้เรื่องซากโบราณสถานดีสิ”
“ไม่รู้ตอนที่ซากโบราณสถานปรากฏฉันก็ไม่ได้อยู่ที่เทือกเขาคุนหลุนแล้ว”
ฉู่ชวิ๋นไม่เชื่อเท่าไหร่ “ต้นไม้นี้เป็นมายังไง”
“ต้นวิเศษเลียนแบบ เป็นต้นแปะก๊วยแค่เปลือกนอก แท้จริงแล้วเป็น
ต้นปฐพีโลหิต เกิดขึ้นกลางหินผา เจริญเติบโตด้วยการดูดเลือดบริสุทธิ์ของเหล่าจอมยุทธ์”
ฉู่ชวิ๋นรู้สึกว่าชีวิตหลายพันปีของเขาที่ต่างโลกช่างเสียเปล่า หลังจากที่โลกแปรเปลี่ยนเขามันก็กลายเป็นแค่คนไม่รู้ประสีประสา ความรู้โลกเซียนก็ใช่ไม่ได้ มาตอนนี้ความรู้ของโลกนี้ก็ใช่ไม่ได้อีก
“เป็นแค่ต้นไม้ริอาจทำร้ายคนเลยเหรอ” หยานหวูซวงพูดด้วยความโมโห ถือกระบี่เตรียมฟัน
“น้องหยาน ปล่อยมันไป” ฉู่ชวิ๋นเอ่ยปากห้าม
หยานหวูซวงชะงักฝีเท้าและหันกลับไปมองเขา
“น้องหยาน มีเจ้าที่เฝ้าประตูเอาไว้ก็ดีไม่ใช่เหรอ” ฉู่ชวิ๋นยิ้มอย่างชั่วร้าย
หยานหวูซวงพอได้ยินก็เข้าใจทันทีเขายอมรับข้อเสนอของฉู่ชวิ๋น ต้นไม้นี่ทำร้ายพวกเขาได้ก็ย่อมทำร้ายคนอื่นได้
จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิคนนั้นอาการดีขึ้นมาก แต่มือขวาพิการ พลังยุทธ์จึงลดต่ำลงมาก
ทั้งหมดมุ่งหน้าไปในหุบเขาอีกครั้ง
ขณะเดียวกัน กลุ่มอิทธิพลอื่นในเมืองหยานเซวี่ยก็ไหวตัวทัน มุ่งหน้ามาทางเทือกเขาคุนหลุน
โฮก!
เสียงคำรามอันน่ากลัวดังก้องไปทั่วหุบเขา
ตู้ม!
หินประหลาดสูงหลายเมตรก้อนหนึ่งระเบิดจนแหลกด้วยแรงกรงเล็บของวานรยักษ์ตัวหนึ่ง
นี่คือวานรหิมะ ไหล่กว้างเท่าภูผk ปากกว้างฟันคม ดวงตาแดงก่ำ ขนบนตัวคมราวกับเข็มขนาดใหญ่ ส่องประกายสีขาวน่ากลัว
มันคำรามใส่พวกฉู่ชวิ๋น แขน 2 ข้างทุบหน้าอกราวกับหน้ากลอง น่าหวั่นเกรงเป็นอย่างมาก
“จักรพรรดิอสูร”
หยานหวูซวงมีสีหน้าคร่ำเครียด ครั้งก่อน ๆ ที่เขามาซากโบราณสถานยังไม่มีพวกต้นไม้วิเศษกับสัตว์ร้ายพวกนี่เลย
แถมจักรพรรดิอสูรตัวนี้ทำให้เขารู้สึกถึงอันตรายได้ลางๆ
จักรพรรดิอสูรแข็งแกร่งเป็นทุนเดิม ต่อให้เป็นแค่จักรพรรดิอสูรระดับ 6 ก็สามารถสู้กับจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 7 ได้
“นายมาช่วยฉันฆ่ามัน” เสียงของผู้หญิงผมม่วงดังสะท้อนอยู่ในหัวฉู่ชวิ๋น
“ทำไมละ”
“ฆ่ามันก่อนแล้วฉันจะบอก”
“เธอเห็นฉันเป็นแรงงานหรือไง”
“ใช่ จะทำไม่ทำ”
ฉู่ชวิ๋นโกรธจนจมูกแทบเบี้ยว ก่อนพุ่งเข้าไปชกวานรยักษ์ทันที เป็นการระบายอารมณ์
“พี่หลิว ฉันช่วยเอง” หยานหวูซวงบอก
“ไม่ต้องหรอก” ฉู่ชวิ๋นพุ่งไปถึงตรงที่ห่างจากวานรหิมะ 10 กว่าเมตร พร้อมกับกวักนิ้วอย่างท้าทาย
วานรหิมะเป็นจักรพรรดิอสูร เบิกปัญญาเทพเป็นที่เรียบร้อย ย่อมเข้าใจความหมายของฉู่ชวิ๋น มันบันดาลโทสะ ยกแขนทุบหน้าอกก่อนจะทุบลงไปที่พื้นอย่างแรง
ตู้ม
พื้นดินถูกทุบจนเกิดรอยแยก
วานรหิมะเงยหน้าคำราม กำปั้นเท่าภูเขาเล็ก ๆ พุ่งเข้าหาฉู่ชวิ๋นราวกับภูเขาพุ่งเข้ามาชน
กระดูกในร่างฉู่ชวิ๋นพร้อมตั้งรับ อวัยวะภายในของฉู่ชวิ๋นกู่ร้อง ลมปราณจำแลงโคจรอยู่ตามกระดูก เขาพุ่งเข้าไปราวกับกระทิงคลั่ง
ร่างเล็ก ๆ ของเขายังใหญ่สู้นิ้วของวานรหิมะไม่ได้ด้วยซ้ำ แต่เขาก็ชกกับกรงเล็บของมันทั้งอย่างนั้น
ตู้ม!
คลื่นพลังอันน่ากลัวถาโถมออกมา
ตึงๆ
วานรยักษ์โดนชนจนถอยหลังไป ทุกก้าวย่างพื้นดินสะเทือน
หยานหวูซวงและพวกจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิตาค้างด้วยความอึ้ง นี่ยังนับเป็นคนอยู่หรือเปล่า
ฉู่ชวิ๋นโดนแรงกระแทกจนร่างฝังอยู่ในดินครึ่งร่าง เขากระโจนออกมา พื้นระเบิดออกเป็นหลุมใหญ่
เขาทั้งวิ่งทั้งกระโดด ก่อนจะยันตัวกับหินประหลาดก้อนหนึ่งและกระโจนตัวขึ้นไปบนฟ้า กำหมัดพุ่งไปชกใส่หัวของวานรหิมะ
วานรหิมะคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว กรงเล็บมหึมาฟาดไปที่ฉู่ชวิ๋นหวังจะจู่โจมให้เขาร่วงลงมา
ฉู่ชวิ๋นหัวเราะเย็นๆ พุ่งใส่ฝ่ามือวานรหิมะทันทีจนถูกวานรหิมะจับตัวได้
บนใบหน้าเกรี้ยวกราดของวานรหิมะมีความลำพองใจราวกับมนุษย์ปรากฏ มันบีบฉู่ชวิ๋นที่อยู่ในมืออย่างแรง
“พี่หลิว” หยานหวูซวงตกใจมาก ฉู่ชวิ๋นตัวเล็กเกินไปเมื่อเจอเข้ากับวานรหิมะ ก็ตกอยู่ในกำมือของวานรยักษ์ราวกับยุงที่อยู่ในกำมือคน คงโดนบีบเละจนไส้ทะลักออกมาแล้ว
หยานหวูซวงชักกระบี่เตรียมเข้าช่วย
“น้องหยาน ฉันไม่เป็นไร” เสียงของฉู่ชวิ๋นดังออกมา
ความลำพองใจปรากฏบนใบหน้าของวานรหิมะยังไม่ถึง 3 วิ จู่ ๆ มันก็ร้องโหยหวน หลังมือของมันมีหลุมเลือดระเบิดออก ฉู่ชวิ๋นพุ่งออกจากรูนั้นด้วยเสื้อผ้าที่เปรอะเลือด
ฉู่ชวิ๋นทำให้ฝ่ามือของวานรหิมะทะลุออกมา
หยานหวูซวงอ้าปากแต่พูดอะไรไม่ออก เขาตาค้างด้วยความตกตะลึง
คนอื่น ๆ พึมพำในใจ….พระเจ้าช่วย เขามันไม่ใช่คนแล้ว!!