บทที่ 306 วาจาช่างศักดิ์สิทธิ์
คนรอบ ๆ อึ้งไปเลย คน ๆ นี้บ้าไปแล้วเหรอ เพิ่งจะท้าทายจังเฟิงหลิงไป นี่ยังไปหาเรื่องคนของหอคอยอาภรณ์ม่วงอีก เบื่อชีวิตขนาดนั้นเลยเหรอ หรือว่าชีวิตมันไม่ท้าทายพอ
หยานหวูซวงปวดหัว นี่ฉู่ชวิ๋นคิดจะทำอะไรกันแน่
“พี่หลิว นายจะทำอะไร”
ฉู่ชวิ๋นเอ่ย “ไม่มีอะไรนี่ ก็แค่ไม่มีอะไรให้ทำ”
“….” หยานหวูซวงหมดคำจะพูด แบบนี้มันเหมือนคำที่เขาว่า ว่างจนต้องแกว่งเท้าหาเสี้ยน
สายตาที่คนของหอคอยอาภรณ์ม่วงมองฉู่ชวิ๋นแทบจะลุกเป็นไฟ
ฉู่ชวิ๋นเบื่อจะแย่อยู่แล้ว เขาไม่ได้มีแผนอะไรหรอก ก็แค่ไม่ชอบขี้หน้าพวกหอคอยอาภรณ์ม่วงเท่านั้นเอง
บางครั้งการไม่ชอบใครสักคนก็ไม่จำเป็นต้องมีเหตุผลอะไร
ตู้ม
จู่ ๆ พื้นดินก็สั่นสะเทือน
ทุกคนตั้งสมาธิ ขณะเดียวกันก็มองไปที่หินผารูปพัดกลางลาน
“ซากโบราณสถานจะปรากฏแล้วเหรอ” ฉู่ชวิ๋นมองหยานหวูซวง
หยานหวูซวงพยักหน้าอย่างจริงจัง
ณ กลางลาน หินผามหึมารูปพัดเริ่มเปล่งประกายสีขาวเงิน ราวกับหินประกอบฉากบนลาน
ประกายเจิดจ้ามากขึ้นเรื่อย ๆ
และหินผารูปพัดนั่นเริ่มสูงขึ้น แม้จะเชื่องช้าแต่ก็สูงขึ้นจริง ๆ
เมื่อหินผาสูงขึ้น พื้นน้ำแข็งหนาปึกก็เริ่มแตกออกทีละนิด รอยแยกเส้นใหญ่คืบคลานออกมา
จู่ ๆ บนหินผารูปพัดก็เริ่มเกิดฟ้าร้องฟ้าแลบ แถมยังหนักหน่วงขึ้นเรื่อย ๆ ดุดันขึ้นเรื่อย ๆ
ฉู่ชวิ๋นตั้งสมาธิ ปล่อยจิตวิญญาณออกไปเพื่อตรวจดู แต่ก็เหมือนเมื่อกี้ที่เขาลองตรวจดูแล้วไม่มีอะไรทั้งนั้น
หินผารูปพัดยังคงสูงขึ้นไม่หยุดหย่อน สายฟ้าก็เริ่มคืบคลานออกมา รัศมี 10 เมตรรอบ ๆ กลายเป็นเขตปักษา 20 เมตร… 30 เมตร…. 100 เมตร….
จิตวิญญาณของฉู่ชวิ๋นคืบคลานออกไปครอบคลุมทั้งหินผาและลึกต่อลงไปภายใน
จนกระทั่งจิตวิญญาณลงลึกไปหลายร้อยเมตร จู่ ๆ วัตถุทรงกลมลูกบอลมหึมามีแสงสีเงินจรัสก็ทำลายจิตวิญญาณของฉู่ชวิ๋นที่แทรงลงไป
ฉู่ชวิ๋นตกใจ นั่นมันอะไรน่ะ ถึงกับทำลายจิตวิญญาณของเขาได้ เขาไม่กล้าเสี่ยงลองอีกครั้ง โดนทำลายจิตวิญญาณอาจทำให้พลังย้อนกลับมาทำร้ายตัวเองได้
เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง
สายฟ้าดุดันถล่มลงมาและขยายออกเรื่อย ๆ พริบตาเดียวรัศมีรอบ ๆ หลายร้อยเมตรก็แปรเปลี่ยนเป็นเขตปักษา
แสนยานุภาพนี้ทำให้ทุกคนหวาดผวา แต่ละคนมีสีหน้าเคร่งขรึม
ตู้ม
เสียงระเบิดดังมาจากศูนย์กลางของเขตปักษา ราวกับมีอะไรทะลุนำ้แข็งออกมา
ครู่เดียวเขตปักษาก็ครอบคลุมออกไปหลายพันเมตรจนกลายเป็นเขตปักษาทั้งหมด
จอมยุทธ์รอบ ๆ ถอยแล้วถอยอีก
สายฟ้าดุดันเกินไป ไม่มีใครอยากโดนสายฟ้าผ่าใส่แน่ ๆ
มีคนโยนกระบี่ยาวเล่มหนึ่งเข้าไปในเขตปักษา ยังไม่ทันจะร่วงเข้าไปก็โดนสายฟ้าฟาดจนหักเป็นสองท่อน
ทุกคนตะลึง ยิ่งถอยหลังไปเร็วกว่าเดิมอีก
เขตปักษายังคงขยายออกไปราวกับจะครอบคลุมที่นี่ให้หมด
ทันใดนั้นหิมะก็หยุดตก พายุหยุดกระหน่ำ ประหนึ่งว่าสรรพสิ่งสงบนิ่งไป
ทุกคนใจเต้นตึกตัก ตื่นเต้นกันอย่างมาก
พันเฉิงเฟิงเตะหินขนาดเท่าแท่นบดแล้วปาเข้าไป ผลคือโดนสายฟ้าฟาดใส่จนหินแตกสลาย
เมื่อเห็นภาพนี้ทุกคนก็หนาวในใจ แบบนี้ใครจะกล้าเข้าไป รับรองได้โดนสายฟ้าฉีกออกเป็นชิ้น ๆ แน่
“น้องหยาน นายบอกว่าเคยเข้าไปตรวจสอบดูแล้วไม่ใช่เหรอ” ฉู่ชวิ๋นถาม อานุภาพสายฟ้ารุนแรงขนาดนี้ หยานหวูซวงเข้าไปได้ยังไง
“ตอนมันการขยายตัวของเขตปักษาหยุดลง อานุภาพของสายฟ้าจะเบาบางลงไป” หยานหวูซวงบอกอย่างใจเย็น
ที่แท้ก็อย่างนี้นี่เอง ฉู่ชวิ๋นเข้าใจกระจ่างแล้ว
ผ่านไปเนิ่นนาน การขยายตัวของเขตปักษาก็หยุดลง แต่ก็บีบจนทุกคนต้องไปอยู่ที่ขอบผา
และก็จริง เขตปักษาพอเริ่มสงบลง มันก็ไม่ดุดันเท่าตอนแรกแล้ว
จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 6 คนหนึ่งลองเข้าไป ปรากฏว่าไม่เป็นอะไร
จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 5 คนหนึ่งเห็นดังนั้นลองเข้าไปดู ปรากฏว่าไม่เป็นอะไร
แต่มีจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 4 คนหนึ่งลองเข้าไป…พอเข้าไปก็โดนสายฟ้าทำลายลมปราณคุ้มกาย เกือบจะตายอยู่ในนั้น
ทุกคนเข้าใจกระจ่าง จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 5 ขึ้นไปเท่านั้นที่สามารถเข้าไปได้
กลุ่มคนที่มาที่นี่ต่างก็เป็นยอดฝีมือ ส่วนใหญ่เป็นจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 5 ขึ้นไป ย่อมไม่มีปัญหาอะไร
“ไป”
จังเฟิงหลิงมองฉู่ชวิ๋นด้วยสายตาเหี้ยมโหด มีจิตสังหารปรากฏในแววตา ก่อนที่เขาจะพาคนพุ่งนำเข้าไปในเขตปักษาก่อนใคร
พันเฉิงเฟิงก็มองฉู่ชวิ๋นอย่างเหี้ยมโหด ก่อนจะพาคนพุ่งเข้าไปเหมือนกัน
“มองอะไร เจ็บใจก็เข้ามาสิ เดี๋ยวจะสอนวิธีการเป็นคนให้” ฉู่ชวิ๋นท้าทายตรง ๆ
พันเฉิงเฟิงแทบจะอดความโกรธไม่ไหวแต่สุดท้ายก็ต้องอดทนเอาไว้ ตอนนี้ซากโบราณสถานสำคัญที่สุด
กลุ่มอื่น ๆ กลับค่อนข้างเป็นมิตรกับฉู่ชวิ๋น ตอนที่เข้าไปพยักหน้าพลางยิ้มให้เป็นการทักทาย
ประเด็นคือพ่อหนุ่มไม่กลัวฟ้ากลัวดินคนนี้ไม่ชอบหน้าใครก็แขวะคนนั้น รักษามิตรภาพไว้ก่อนจะดีกว่า
“พวกเราเองก็เข้าไปกันเถอะ”
ฉู่ชวิ๋นนำคนเข้าไปโดยไม่ใช้ลมปราณคุ้มกายด้วยซ้ำ เขาปล่อยให้สายฟ้าฟาดใส่ตัวเอง แม้แต่คิ้วก็ไม่ขมวด
“ความแข็งแกร่งของร่างกายพี่หลิวนี่น่านับถือจริง ๆ ”
หยานหวูซวงอิจฉาสุด ๆ แม้แต่เขาเองก็ต้องใช้ลมปราณสร้างเป็นเกราะถึง 7 ชั้น
ทุกคนค่อย ๆ เข้าใกล้ศูนย์กลางเขตปักษาเรื่อย ๆ
ด้านในฟ้าแลบแปลบปลาบ ตาลายไปหมด ไม่เห็นเงาของพวกจังเฟิงหลิงเลยสักนิด
“ทุกคนตามกันมาให้ติด ๆ อย่าหลงกันนะ” ฉู่ชวิ๋นเตือน เดินหลงกันในนี้คงไม่สนุกแน่
ยิ่งเดินเข้าไปด้านในสายฟ้าก็ยิ่งดุดัน
คนที่สบายที่สุดเห็นจะเป็นฉู่ชวิ๋น สายฟ้าทำอะไรเขาไม่ได้เลยสักนิด เขาสบายราวกับเดินเล่นในสวน พวกหยานหวูซวงต่างมองด้วยความอิจฉา เพราะว่าลมปราณคุ้มกายสิ้นเปลืองลมปราณมากๆ การโดนสายฟ้าฟาดใส่ตลอดเวลาแบบนี้ถ้าลมปราณไม่แข็งแกร่งจริง ๆ คงเละไปนานแล้ว
จู่ ๆ ฉู่ชวิ๋นก็คิดอะไรขึ้นมาได้ เขาหยิบค้อนสายฟ้าที่แย่งมาจากเป๋าผิงออกมาจากแหวนเก็บของ
เปรี้ยง
ทันใดนั้นสายฟ้าก็แปรเปลี่ยนพวกมันดุดันเกินจะเปรียบก่อนพุ่งเข้ามาใส่ค้อนสายฟ้าในมือของฉู่ชวิ๋น
เปรี้ยง
ค้อนสายฟ้ากระพริบก่อนจะส่องแสงสีเงิน ได้ผลจริง ๆ ด้วย ฉู่ชวิ๋นดีใจมาก เพราะว่าที่นี่สามารถหลอมค้อนสายฟ้าได้
พวกหยานหวูซวงตะลึง เพราะจู่ ๆ พวกเขาก็รู้สึกสบายตัวขึ้น สายฟ้าโดนค้อนสายฟ้าในมือของฉู่ชวิ๋นดูดไปหมด
เขาเป็นนายน้อยตระกูลหยาน ย่อมไม่ขาดแคลนของวิเศษ แต่ของวิเศษธาตุสายฟ้ายังถือว่าหาได้ยากยิ่ง ไม่คิดว่าพีหลิวของเขาจะมีมันติดตัว
“เทพปักษาจุติ คุ้มครองผู้ตกทุกข์ได้ยาก” ฉู่ชวิ๋นยกค้อนสายฟ้าขึ้นตะโกนลั่น
ประโยคนี้ทำให้พวกหยานหวูซวงสีหน้าไม่สู้ดี พวกเขากลายเป็นผู้ตกทุกข์ได้ยากไปซะแล้ว
“เลิกเล่นตลกแล้วเดินไป เร็ว” ผู้หญิงผมม่วงเอ่ยปาก
มีการคุ้มกันจากค้อนสายฟ้า ทุกคนก็สบายตัวขึ้น ฝีเท้าก็เร็วขึ้น
ไม่นานนัก ด้านหน้าก็มีคนพวกหนึ่งปรากฏตัว
“สวัสดี” ฉู่ชวิ๋นทักทายพวกเขา
คนกลุ่มนี้ได้ยินเสียงจึงหันกลับมามองและตาค้างกันไปหมด แบบนี้ก็ได้เหรอ ทุกคนมีสีหน้าอิจฉาและมีความโลภอยากได้มาครอบครอง
สายฟ้าแถบนี้ดุดันมาก ๆ พวกเขาเดินทางกันอย่างยากลำบากแต่ไอ้บ้านี้กลับมีของวิเศษทำให้เดินในนี้ได้อย่างสบายๆ
“แล้วเจอกันนะทุกคน”
คนกลุ่มฉู่ชวิ๋นเดินเอ้อระเหยลอยชายผ่านพวกเขาไป
ถ้าไม่ใช่เพราะเคยเห็นความแข็งแกร่งของฉู่ชวิ๋นมาก่อนพวกเขาคงจะเข้าไปปล้นค้อนด้ามนั้นมาแล้วจริง ๆ
“พี่หลิว มีคำพูดหนึ่งฉันไม่รู้ว่าจะพูดดีมั้ย” หยานหวูซวงลังเล
“คำพูดอะไร น้องหยานพูดมาได้เลย” ฉู่ชวิ๋นพูดอย่างไม่สนใจเท่าไร
“พี่นี่นิสัยไม่ดีจริง ๆ น่าแค้นใจสุด ๆ ” หยานหวูซวงลังเลอยู่นานแต่สุดท้ายก็พูดออกมา
ฉู่ชวิ๋นยิ้มให้หยานหวูซวง ยิ้มจนหยานหวูซวงหวาดระแวงในใจ
พรึ่บ
จู่ ๆ ฉู่ชวิ๋นเก็บค้อนสายฟ้า ทันใดนั้น สายฟ้าก็ฟาดลงมาอย่างต่อเนื่อง
เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง
พวกหยานหวูซวงไม่ทันตั้งตัว พอไม่มีค้อนสายฟ้า สายฟ้าก็จู่โจมลงมา พวกเขารีบโคจรลมปราณสร้างเป็นลมปราณกาย
แต่ก็ยังสายไป 1 ก้าว ทุกคนโดนสายฟ้าฟาดเข้าให้คนละที 2 ที ร้องครวญครางออกมา
โดยเฉพาะหยานหวูซวง เขาโชคร้ายมาก โดยสายฟ้าฟาดใส่ผมของเขา ทันใดนั้นก็กลายเป็นหัวก็เป็นทรงแอฟโฟร่ แถมยังพ่นควันขาวออกมาอีกต่างหาก สภาพน่าตลกสุด ๆ
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า….” ฉู่ชวิ๋นหัวเราะจนท้องแข็ง
หยานหวูซวงหงุดหงิดจนแทบกระอักเลือด เขายังไม่รู้ตัวเลยว่าผมตัวเองเป็นทรงแอฟโฟร่ไปแล้ว
“พี่หลิว!!!”
ปรากฏว่าพอเขาอ้าปากก็มีควันดำพ่นออกจากปาก ฉู่ชวิ๋นยิ่งหัวเราะหนักเข้าไปใหญ่จนหยุดไม่ได้
จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิตระกูลหยานแต่ละคนยังถือว่าโชคดี ผมโดนสายฟ้าฟาดใส่ แต่ก็โดนส่วนอื่นในร่างกาย แต่ละคนอย่างกับเป็นโรคลมชัก ทั้งตัวสั่นทั้งชักกระตุก
มีเพียงผู้หญิงผมม่วงที่ไม่เป็นอะไร ฉู่ชวิ๋นเพราะแอบส่งกระแสจิตบอกเธอก่อน
“พี่หลิว พี่นี้มัน…” หยานหวูซวงเซ็งสุด ๆ
“แค่ล้อเล่นเท่านั้น” ฉู่ชวิ๋นพูดจบก็เปลี่ยนไปเป็นท่าทีจริงจัง หยานหวูซวงมองเขาด้วยท่าทีเอ๋ออา และก็ได้ยินฉู่ชวิ๋นพูด “น้องหยาน จงจำเอาไว้ว่าปลาหมอตายเพราะปาก ฮ่า ๆ ๆ …”
หยานหวูซวงไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี เขาถลึงตาใส่ฉู่ชวิ๋น ไม่ว่าคำพูดนี้จะออกมาจากปากใครก็ดูน่าเชื่อถือกว่าออกมาจากปากของฉู่ชวิ๋น
“นายน้อย ท่าน….” 1 ในจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิตระกูลหยานอยากจะเตือนหยานหวูซวง เขาจ้องหัวทรงแอฟโฟร่นั่น
แต่โดนฉู่ชวิ๋นขัดขึ้นซะก่อน “ท่านอะไรหะ รีบเดินเร็วๆๆ”
พูดจบฉู่ชวิ๋นก็หยิบค้อนสายฟ้าออกมาใหม่เพื่อคุ้มครองทุกคน และมุ่งหน้าสู่ด้านใน
จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิคนนั้นอ้าปากแต่ไม่มีคำพูดอะไรเล็ดรอดออกมา สุดท้ายก็ยอมสยบให้กับอำนาจของฉู่ชวิ๋น เขากลัวว่าจู่ ๆ ชายคนนี้จะเก็บค้อนสายฟ้าอีก
ฉู่ชวิ๋นเดินไปหัวเราะไปทั้งทาง หัวเราะจนตัวโยกเยกไปมา ตอนนี้คุณชายสุดสง่างามอย่างหยานหวูซวง ผู้หล่อเหลาเอาการ หัวทรงแอฟโฟร่ไปแล้ว
“น้องหยาน ฉันเดาว่าตอนแก่นายต้องดูดีกว่าสี่หยางหยางแน่” ฉู่ชวิ๋น
พูดขณะกลั้วหัวเราะ
“สี่หยางหยางคืออะไร” หยานหวูซวงไม่เข้าใจ
“ตัวการ์ตูนในการ์ตูนเรื่องหนึ่ง เด็ก ๆ ชอบมาก” ฉู่ชวิ๋นอธิบายยิ้ม ๆ
“งั้นเหรอ” หยานหวูซวงรู้สึกแปลก ๆ เด็ก ๆ ชอบมันก็ดีอยู่หรอก แต่ทำไมฉู่ชวิ๋นถึงยิ้มมีเลศนัยแบบนั้นล่ะ
“อืม ๆ…”ฉู่ชวิ๋นพยักหน้าด้วยความจริงจังอย่างถึงที่สุด
มีการคุ้มครองจากค้อนสายฟ้า คนทั้งกลุ่มก็เดินทางกันไวมาก พวกเขาแซงคนไปหลายกลุ่มในเวลาสั้น ๆ
ไม่นานนัก พวกเขาก็เห็นคนของหอคอยอาภรณ์ม่วง
“สวัสดี ทุกคน” ฉู่ชวิ๋นทักทายตามปกติ
พันเฉิงเฟิงเห็นคนกลุ่มฉู่ชวิ๋นยกค้อนใหญ่ด้ามหนึ่ง เดินด้วยท่าทีสบาย ๆ ราวกับกำลังเดินเล่นทอดน่องแล้วพวกเขาก็ไม่พอใจสุด ๆ
“ที่แท้ก็คุณชายหยานนี่เอง” เขาทักทายหยานหวูซวงโดยเมินฉู่ชวิ๋น แต่สายตาของเขาแปลก ๆ ทรงผมของหยานหวูซวงนี่แปลก ๆ แฮะ
หยานหวูซวงพยักหน้า “ทุกท่านเจออะไรรึเปล่า”
พันเฉิงเฟิงส่ายหัว
“งั้นพวกนายต้องระวังหน่อยนะ แถวนี้มีสัตว์ประหลาดอยู่” ฉู่ชวิ๋นเตือน
“สัตว์ประหลาด?” พันเฉิงเฟิงตกใจ แต่ก็หัวเราะอย่างเย็นชาออกมา สัตว์ประหลาดอะไรกัน ไอ้หนุ่มปากไม่ดีนี่ดีแต่สร้างเรื่องขึ้นมาเท่านั้นแหละ เชื่อถือไม่ได้
“พวกเราไปก่อนนะ แล้วเจอกัน” ฉู่ชวิ๋นโบกมือให้อย่างสนิทสนม ก่อนจะเดินเอ้อระเหยลอยชายผ่านพวกเขาไป
ปรากฏว่าเพิ่งเดินออกไปได้ไม่กี่ก้าวก็ได้ยินเสียงโหยหวนดังมาจากด้านหลัง หันกลับไปมองก็เห็น 1 ในหอคอยอาภรณ์ม่วงแขนขาดไปครึ่งท่อน เลือดสาดกระจาย
พันเฉิงเฟิงรีบห้ามเลือดรักษาให้เขาพลางถาม “ใครทำร้ายนาย”
“ทะ…ที่นี่มีตัวอะไรอยู่จริง ๆ ” คน ๆ นั้นบอกเสียงสั่นเครือ
พันเฉิงเฟิงตกใจและสั่งลงไป “ทุกคนเตรียมตั้งรับ”
หยานหวูซวงมองฉู่ชวิ๋น รู้สึกว่าไอ้บ้านี้วาจาช่างศักดิ์สิทธิ์จริง ๆ พูดอย่างไรได้อย่างนั้น
ฉู่ชวิ๋นเองก็ตกตะลึงพลางมองหยานหวูซวง ที่หยานหวูซวงเคยบอกว่าในนี้มีสิ่งมีชีวิตอยู่ ท่าทางจะจริง เมื่อกี้เขาแค่หลอกอีกฝ่ายเล่นไม่คิดว่าจะโผล่ มาจริงๆ
“พวกเราเองก็ระวังตัวกันด้วยละ” ฉู่ชวิ๋นพูดอย่างจริงจัง
เพิ่งจะสิ้นเสียงลง สีหน้าฉู่ชวิ๋นก็เปลี่ยนไป เขาหมุนตัวพลางชกหมัดออกไปอย่างรวดเร็ว!