บทที่ 310 อึดอัดใจ
จังเฟิงหลิงแอบคิดในใจว่าพันเฉิงเฟิงนี่เจ้าเล่ห์ใช้ได้
แต่นี่เป็นวิธีที่ดีจริง ๆ ประการแรกคือถือโอกาศได้ล้างแค้นไอบ้านนอกนั่นประการที่ 2 เขาเคยสาบานต่อหน้าทุกคนว่าจะปลดผ้าคลุมหน้าของผู้หญิงผมม่วงออกมา ถือโอกาสนี้ทำให้เป็นจริงไปพร้อม ๆ กันเลย
หยานหวูซวงเห็นคนทั้งสองกระซิบกระซาบกันก็เริ่มเกิดความระแวงในใจ
ตู้ม!
ลมปราณแกร่งกล้าเส้นหนึ่งพุ่งใส่พันเฉิงเฟิง
พันเฉิงเฟิงตะลึงก่อนจะยกมือฟาดคลื่นลมปราณจนแตกกระจาย แต่ตัวเองก็โดนกระแทกถอยหลัง สั่นไปทั้งแขน
“นี่เธอหมายความว่ายังไง” พันเฉิงเฟิงโมโห
หยานหวูซวงเองก็ตกตะลึงเช่นกัน เขายืนงง ๆ อยู่กับที่ จู่ ๆ ผู้หญิงผมม่วงก็ลงมือซะแล้ว
“คิดจะจับฉันไว้เพื่อต่อรองกับศิษย์พี่ของฉัน แกนี่วางแผนได้ดีจริง ๆ”
ผู้หญิงผมม่วงเอ่ยอย่างเย็นชา ลมปราณพลุ่งพล่านอยู่รอบตัว
จังเฟิงหลิงและพันเฉิงเฟิงตกตะลึง เสียงพวกเขาเบาราวกับยุง ผู้หญิงผมม่วงคนนี้รู้ได้ยังไง
ในเมื่อโดนเปิดโปงแล้วพันเฉิงเฟิงก็ไม่คิดจะปิดบังอีก เขาตะโกนลั่น
“คุณชายจัง ลงมือ”
หยานหวูซวงตกตะลึงกับฝีมือของผู้หญิงผมม่วง ถึงขั้นรับรู้เจตนาของอีกฝ่ายได้ก่อน แต่ปฏิกิริยาของเขาก็ไม่เชื่องช้าแต่อย่างใด กระบี่ยาวพุ่งตรงจากฝักไปหาจังเฟิงหลิง
พลังลมปราณพลุ่งพล่านรอบตัวพันเฉิงเฟิง มีไอดำแฝงอยู่ในลมปราณของเขาดูแล้วชวนพิศวง
“แม่นางระวังนะ นี่คือวิชาพิเศษของหอคอยอาภรณ์ม่วง มีพิษแฝงอยู่ในนั้นด้วย” หยานหวูซวงเตือน
“ดูแลตัวนายเองให้ดีเถอะ” ผู้หญิงผมม่วงบอกเรียบ ๆ เธอยกมือเรียวขึ้นและประสานอินอย่างรวดเร็ว จิ้มเข้าไปกลางอากาศและเกิดเป็นคลื่น
ตู้ม!
บรรยากาศสั่นคลอน อากาศฉีกขาด ลมปราณกระจายออกมาเสามหึมาสูงเสียดฟ้าร่วงลงมาทับพันเฉิงเฟิง
พันเฉิงเฟิงมึนงงไปชั่วขณะ เสามหึมาร่วมลงมา แรงกดดันมากจนทำให้เขายากจะขยับตัวได้
เขาคำรามเสียงดัง ประกบฝ่ามือ โคจรลมปราณอย่างบ้าคลั่งและฟาดไปที่เสามหึมาอย่างแรง
ตู้ม!
พายุแห่งความสยองขวัญกระจายออกมา พื้นน้ำแข็งใต้เท้าพันเฉิงเฟิงมีรอยแยกคืบคลานออกไป
เขาฝืนรับการโจมตีนี้เอาไว้
แต่ในใจพันเฉิงเฟิงกลับผวาอย่างมาก ช่างเป็นวิชาที่น่ากลัวเสียจริง ๆ แรงสะเทือนทำให้เลือดลมเขาพลุ่งพล่านเกือบจะกระอักเลือดออกมา
นัยน์ตาผู้หญิงผมม่วงเผยให้เห็นเหลือเพียงความนิ่งเฉย ลมปราณมากมายพลุ่งพล่านเหมือนสายน้ำหลากระเบิดใส่พันเฉิงเฟิง
พันเฉิงเฟิงคำรามเสียงดัง ต้านทานเอาไว้ด้วยพลังลมปราณของตน
ตู้ม!
เกิดการระเบิดอันน่ากลัวขึ้นอีกครั้ง พันเฉิงเฟิงโดนกระแทกจนใบหน้าแดงก่ำ เลือดไหลออกจากมุมปาก
สีหน้าเขาย่ำแย่ นัยน์ตาฉายแววร้อนรน คิดไม่ถึงว่าผู้หญิงผมม่วงจะแข็งแกร่งขนาดนี้
ผมสีม่วงบนหัวของผู้หญิงผมม่วงส่องแสงแวววาว พลังรอบตัวแข็งกร้าว เธอยกมือขึ้น ผ้าขาวผืนหนึ่งปลิวออกจากแขนเสื้อ พุ่งไปหาพันเฉิงเฟิง
อย่างรวดเร็วราวกับแสงสว่าง
พันเฉิงเฟิงเอี๊ยวตัวหลบ พื้นน้ำแข็งระเบิด! เศษน้ำแข็งกระจายออกไปทุกทิศทาง
ผ้าขาวผืนนั้นหดกลับไปฉับไวราวกับมีชีวิต มันเปลี่ยนทิศและโจมตีใส่พันเฉิงเฟิงอีกรอบ
พันเฉิงเฟิงบันดาลโทสะ คำรามพร้อมฟาดฝ่ามือใส่ผ้าขาว
ตู้ม!
ผ้าขาวทำลายพลังลมปราณของพันเฉิงเฟิง และกระเทือนเขาจนปลิวออกไป
หยานหวูซวงและจังเฟิงหลิงเองก็สู้กันัวอย่างดุเดือด
“จังเฟิงหลิง นายนี่รนหาที่จริง ๆ” พลังกระบี่หยานหวูซวงดุดันราวมังกร เงากระบี่เจิดจ้าแสบตา
“หยานหวูซวง แค้นที่โดนกระบี่แทงฉันจำฝังใจ” จังเฟิงหลิงร่ายรำทวนยาวในมือจนไร้ช่องว่าง
“ฆ่าพวกมันซะ” พันเฉิงเฟิงตะโกนลั่น สั่งให้คนของหอคอยอาภรณ์ม่วงไปสังหารจอมยุทธ์ตระกูลหยาน
จังเฟิงหลิงเห็นดังนั้นก็ยิ้มเย็นชา ให้หยานหวูซวง และสั่งจอมยุทธ์ตระกูลจัง “พวกนายก็ไปด้วย”
จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิ 10 กว่าคนของหอคอยอาภรณ์ม่วงล้วนอยู่ระดับ 5 ขึ้นไป จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิตระกูลจังเองก็มีมากถึง 10 กว่าคน
จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิกว่า 20 คนพุ่งไปหาจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิ 4 คนของตระกูลหยานพร้อมกัน
ชั่วขณะนั้นเอง แสงดาบแสงกระบี่พัวพันกันมั่วไปหมด รอยหมัดผุดขึ้นมากมาย ท่วมท้นจอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิทั้งสี่ของตระกูลหยานจนมิด
หยานหวูซวงโมโหมาก เขาจะกลับไปช่วยแต่จังเฟิงหลิงยื้อเอาไว้สุดชีวิต
“ตั้งใจสู้หน่อย” ผู้หญิงผมม่วงพูดจบก็หายตัวไปที่สนามรบ
ตู้ม !
ผ้าขาวหลายผืนเบิกบานออกดั่งดอกไม้ ลมปราณมหาศาลท่วมท้นออกมา จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิกว่า 20 คนของหอคอยอาภรณ์ม่วงและตระกูลจังกระเทือนจนถดถอยไปด้วยพลังของเธอคนเดียว
ทุกคนตะลึงจนหวาดกลัว คน ๆ เดียวทำให้จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิมากมายขนาดนี้ถอยไปได้ วรยุทธสูงส่งกว่าขั้นจักรพรรดิระดับ 7 อย่างแน่นอน!!
“พี่พัน นายทำอะไรอยู่” จังเฟิงหลิงโมโห พันเฉิงเฟิงขวางผู้หญิงผมม่วงเอาไว้ไม่ได้เลย
“บัดซบ นังผู้หญิงนอกรีต อย่าเหิมเกริมให้มากนัก” พันเฉิงเฟิงเองก็อับอายพาลโมโห ในมือมีกระจกทองแดงสีม่วงเข้มปรากฏ 1 บาน
เขาเร่งกระจกด้วยพลังลมปราณ กระจกทองแดงส่งเสียงพร้อมเริ่มเปล่งแสงออกมา เจิดจ้าขึ้นเรื่อยๆ
พรึ่บ
ตู้ม!
แสงสีม่วงคล้ำพุ่งออกมาจากกระจก
ผู้หญิงผมม่วงเอี๊ยวตัวหลบไปไกลกว่าร้อยเมตร
ตู้ม!
พื้นน้ำแข็งโดนการโจมตีจนทะลุ กระแสน้ำไหลขึ้นมา
ฉู่ชวิ๋นตอนแรกเคยลองใช้จิตวิญญาณตรวจสอบดู พื้นนำ้แข็งที่นี่หนาอย่างน้อย ๆ หลายสิบเมตร แต่กลับถูกแสงจากกระจกทองแดงพุ่งทะลุไป
แค่คิดก็รู้ได้ว่าหากแสงนี้พุ่งโดนตัวคน ผลลัพธ์ที่ตามมาจะร้ายแรงขนาดไหน
“คุณชายจัง”
พันเฉิงเฟิงเห็นว่าไม่โดนผู้หญิงผมม่วงก็ตะโกนลั่น จังเฟิงหลิงเข้าใจทันทีและเอี๊ยวตัวหลบ
ขณะเดียวกัน กระจกทองแดงเปล่งแสง แสงสีม่วงพุ่งตรงใส่หยานหวูซวง!
หยานหวูซวงตกตะลึงจนหลบไม่ทัน เขาฟาดฟันกระบี่ออกไปตอบโต้แต่เมื่อรัศมีกระบี่ปะทะเข้ากับแสงนั้น รัศมีกระบี่ก็หาไปในทันทีก่อนที่แสงจะพุ่งใส่หยานหวูซวงต่อในทันที
หยานหวูซวงทแยงกระบี่ป้องกัน ตู้ม ! กระบี่สีเขียวยาว 3 เมตรของเขาหักเป็นชิ้นๆ หยานหวูซวงกระอักเลือดออกมาก่อนจะกระเด็นไปไกล
พรึ่บ
ผ้าขาวม้วนตัวเขาไว้ก่อนจะลากกลับมา
ผู้หญิงผมม่วงแววตาเย็นยะเยือก ถ่ายทอดลมปราณจำนวนหนึ่งเข้าสู่ร่างกายหยานหวูซวงเพื่อรักษาบาดแผล
ผู้หญิงผมม่วงต่อกรกับจังเฟิงหลิง พันเฉิงเฟิง และจอมยุทธ์จำนวนหนึ่งเพียงลำพัง
“ที่แท้ก็พวกนายนี่เอง” จู่ ๆ จังเฟิงหลิงก็พูดขึ้นอย่างเกรี้ยวกราด
เป็นลำแสงเมื่อกี้ทำให้เสื้อผ้าหยานหวูซวงขาดรุ่ย เผยให้เห็นเกราะวิเศษด้านใน
ดวงตาของจังเฟิงหลิงแทบจะพ่นไฟออกมา เขาจ้องหยานหวูซวงเขม็ง จอมยุทธ์คนอื่น ๆ ของตระกูลจังก็กัดฟันกรอด พวกเขาโดนทุบตีจนสลบแล้วถอดเกราะออกจนเนื้อตัวเปล่าเปลือย น่าอับอายขายหน้ายิ่งนัก
หยานหวูซวงยืนขึ้น ดีนะที่มีเกราะวิเศษคุ้มกาย ทำให้แสงนั้นทำร้ายเขาได้ไม่มาก
ในขณะนั้น มีร่างคนทะลุเข้าม่านสีทองมาเรื่อย ๆ
คนของกลุ่มอื่นก็มาถึงแล้ว
พวกเขาเข้ามาปุ๊บ ก็โดนภูเขาสมบัติดึงดูดความสนใจไป
มีคนอดไม่ไหวพุ่งเข้าไปทันที สุดท้ายโดนคลื่นแสงสีทองกระแทกจนบางคนได้รับบาดเจ็บ
ในขณะที่ทุกคนตะลึงก็รู้สึกได้ถึงบรรยากาศไม่ชอบมาพากล พากันถอยหลังออกไป
“นายยังต้องใช้เวลาอีกนานแค่ไหน” ผู้หญิงผมม่วงส่งกระแสจิตให้ฉู่ชวิ๋น กระจกทองแดงในมือพันเฉิงเฟิงอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงของวิเศษชั้นสูง เธอคนเดียวไม่อาจปกป้องคนมากมายขนาดนี้เอาไว้ได้
ฉู่ชวิ๋นกำลังต่อสู้กับคลื่นแสงสีทองด้วยความยากลำบากจนหลาย ๆ ครั้งที่เกือบจะได้รับบาดเจ็บ
“อีกนานอยู่ เอาแบบนี้แล้วกัน….!” ฉู่ชวิ๋นส่งกระแสจิตบอกกล่าวกับผู้หญิงผมม่วง
“คืนเกราะวิเศษมา แล้วจะให้พวกแกตายอย่างสบายๆ” จังเฟิงหลิงพูดด้วยแววตาโหดเหี้ยม
จอมยุทธ์ของพวกเขาตระกูลจังโดนทุบตีจบสลบและถอดเกราะวิเศษออกไป นี่มันหยามกันเกินไปแล้ว
“จังเฟิงหลิง เกราะวิเศษนี่พวกเราได้มาจากอาวุโสท่านหนึ่ง นายคิดจะแย่งไปงั้นเหรอ” ผู้หญิงผมม่วงพูดอย่างเย็นชา
จังเฟิงหลิงได้ยินดังนั้นก็แทบจะกระอักเลือดออกมา “เกราะวิเศษนี่เป็นสมบัติของตระกูลจังอยู่แล้ว จะใช้คำว่าแย่งได้ไง”
“น่าขัน มีอาวุโสท่านหนึ่งมอบสิ่งนี้ให้พวกเรา จะไปเป็นของพวกนายตระกูลจังได้ยังไง” หยานหวูซวงตามน้ำผู้หญิงผมม่วงไป “จังเฟิงหลิง แกมันเป็นอันธพาลจนชินชา คิดว่าภูเขาสมบัตินี้ก็เป็นของตระกูลจังด้วยสินะ”
“หยานหวูซวง แกอย่าทำเป็นพูดดี เดิมทีเกราะวิเศษนี้เป็นของพวกเราตระกูลจังอยู่แล้ว เรื่องนี้พี่พันเป็นพยานได้”
พันเฉิงเฟิงหน้าดำคร่ำเครียดมีเลือดที่มุมปากและพูดอย่างมุ่งร้าย
“ถูกต้อง ฉันเป็นพยานได้ว่าเกราะวิเศษพวกนี้เป็นของคุณชายจัง”
หยานหวูซวงหัวเราะก่อนจะเสียดสี “พวกนายเหมือนผีเน่ากับโลงผุ พวกเดียวกันชัด ๆ แกเป็นพยาน? เชื่อถือได้แค่ไหน”
“คุณชายหยานพูดถูก” จู่ ๆ หลีหังยี่แห่งสำนักตราเทพก็พูดขึ้น
หยานหวูซวงประหลาดใจ ตระกูลหยานไม่ค่อยได้คบค้าสมาคมกับสำนักตราเทพเท่าไหร่นัก ทำไมคนของสำนักตราเทพต้องออกมาช่วยพูดด้วยละ
จังเฟิงหลิงจ้องหลีหังยี่ด้วยสายตาเหี้ยมเกรียม “แกพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง”
“คุณชายจังอย่าคิดมาก ฉันเป็นกลาง ไม่ได้จะเข้าข้างใคร” หลีหังยี่บอก ก่อนจะเผยเกราะวิเศษในเสื้อ
จังเฟิงหลิงงงไปพักใหญ่ ทำไมสำนักตราเทพถึงมีเกราะวิเศษของเขาด้วย
พวกหยานหวูซวงกระจ่างทันที ที่แท้ที่ฉู่ชวิ๋นบอกว่าเกราะวิเศษอีก 2 ชุดให้คนอื่นไปก็คือให้สำนักตราเทพนี่เอง
พวกเขาแอบโล่งใจ ฉู่ชวิ๋นรู้อยู่แล้วว่าอนาคตจะเป็นแบบนี้จึงชิงทำให้สถานการณ์ยุ่งเหยิงไว้ก่อน
“คุณชายจัง หรือนายจะบอกว่าเกราะวิเศษบนตัวพวกเราก็เป็นของพวกนายตระกูลจังด้วยหรือไง” หลีหังยี่เอ่ย
“……” จังเฟิงหลิงสมองสับสนไปหมดแล้วจริง ๆ นี่มันเรื่องอะไรกัน หรือว่าเจ้าหยานหวูซวงมันร่วมมือกับสำนักตราเทพ
แต่นี่มันเป็นไปไม่ได้ สำนักตราเทพอยู่ทางทิศใต้ ตระกูลหยานอยู่ทิศเหนือ ระยะทางห่างกันมากโข ไม่ได้เจอกันง่าย ๆ หรอก
จังเฟิงหลิงมองพันเฉิงเฟิง “พี่พัน พี่ว่าทำยังไงดี”
พันเฉิงเฟิงรีบประสานมือให้กับหลีหังยี่ “สหาย ขอถามหน่อยว่าพวกนายได้เกราะวิเศษมาจากที่ไหน”
“ฉันรับปากคน ๆ นั้นแล้วว่าจะไม่พูดอะไร อภัยให้ด้วย” หลีหังยี่บอก ตอนที่คน ๆ นั้นมอบเกราะวิเศษให้แล้วว่าห้ามบอกที่มาของเกราะ
เขาเกรงกลัวคน ๆ นั้นมาก สายฟ้าฟาดตัวแต่ไม่เป็นไรแถมยังหยิบมาจับเล่นในมือได้ เขาเป็นคงอยู่ที่น่าหวาดกลัวเกินไปจะทำให้เขาไม่พอใจไม่ได้
พันเฉิงเฟิงโมโห สีหน้าเขาโหดเหี้ยมขึ้นมา ไอ้คน ๆ นั้นมันต้องเป็นคนที่แย่งเกราะวิเศษไปจากมือเขากับจังหลิงเฟิงแน่ๆ มันทำให้เขารู้สึกเสียหน้ามากเช่นกัน
“จังเฟิงหลิง นายมีอะไรจะพูดอีกรึเปล่า ยังกล้าบอกว่าเกราะวิเศษเป็นสมบัติของพวกนายตระกูลจังอยู่มั้ย” หยานหวูซวงหัวเราะอย่างเย็นชา
สีหน้าจังเฟิงหลิงอึมครึมจนฝนแทบตกได้ หากเขาเรียกร้องหาเกราะวิเศษตอนนี้ก็จะเป็นการบีบให้สำนักตราเทพอยู่ฝ่ายเดียวกับหยานหวูซวง แต่หากไม่เรียกร้องเอาคืนมา แล้วจะเอาหน้าของตระกูลจังไปไว้ที่ไหน
ตู้ม !
จู่ ๆ ก็มีเสียงระเบิดดังมาจากภูเขาสมบัติ
ทุกคนมองไปตามสัญชาตญาณ ก็เห็นแสงสีทองเส้นหนึ่งกำลังโจมตีฉู่ชวิ๋น
ฉู่ชวิ๋นรู้สึกตกใจ นี่ไม่ใช่แสงสีทองอะไร แต่เป็นง้าวทอที่จู่ ๆ ก็พุ่งออกมาจากหินผา
ซวบ
ง้าวยาวหมุนตัวกลางอากาศอย่างกับมีชีวิตและพุ่งแทงฉู่ชวิ๋น แสงสีทองอร่ามทั้งดุดันและน่าหวาดกลัว
ฉู่ชวิ๋นต่อยคลื่นพลังกระจายไปส่วนหนึ่งก่อนจะเอี๊ยวตัวหลบ ง้าวยาวผ่านตัวฉู่ชวิ๋นไปและฉีกขาดอากาศราวกับกระดาษ
ตู้ม!
ง้าวยาวทำลายคลื่นแสงสีทองและปักลงไปที่หินผา ทำให้พื้นที่ตรงนั้นระเบิดกระจายเป็นวงกว้าง
ฉู่ชวิ๋นรู้สึกได้ว่านี่เป็นอาวุธลึกลับที่แข็งแกร่งมากจริง ๆ
ง้าวยาวสั่นสะเทือนและดึงตัวเองขึ้นมาจากพื้น เปลี่ยนทิศทางกลางอากาศและแทงใส่ฉู่ชวิ๋นอีกครั้ง