“รีบปรับลมหายใจ ในเวลานี้มันจะมีข้อดีต่อพลังวิญญาณของเจ้า” ลุงหนานถลึงตาและกล่าวกับหลู่เส่าโหย่วอย่างไม่เกรงใจ
เมื่อได้ยินดังนั้น หลู่เส่าโหย่วก็จำต้องลุกขึ้นมาอย่างไม่เต็มใจนัก จากนั้นก็รีบปรับลมหายใจ นั่งขัดสมาธิ หลับตาทั้งสองข้างลง และใช้ทักษะวิญญาณหยินหยาง ทันใดนั้น ภายในจิตใจก็มีประกายแสงแวววาวปรากฏขึ้น พลังวิญญาณเริ่มฟื้นตัว ทักษะวิญญาณหยินหยางนั้น แม้ปกติจะทำให้ฝึกตนได้ช้า แต่มันก็ไม่ได้ส่งผลต่อความเร็วในการฟื้นฟูเลย
เมื่อมองไปยังหลู่เส่าโหย่วที่กำลังฟื้นพลัง ลุงหนานก็ได้เก็บสายตาที่เข้มงวดลงไป และเผยสายตาที่สงบและเอ็นดูออกมาแทน
หลังจากผ่านไปสองชั่วยาม หลู่เส่าโหย่วก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา ความรู้สึกที่ทั่วทั้งร่างไร้เรี่ยวแรงนั้นก็ได้หายไปโดยไม่รู้ตัว ร่างกายของเขากลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ภายในจิตใจของเขารู้สึกเต็มไปด้วยพลังวิญญาณ เมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ ก็ดูเหมือนจะเติบโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทั่วร่างรู้สึกสบายอย่างบอกไม่ถูก
“ในเมื่อฟื้นพลังเสร็จแล้วก็มาต่อกันเถอะ” ลุงหนานกล่าว
“อืม” หลู่เส่าโหย่วตอบกลับ เขาเอาแขนทั้งสองข้างไขว้กันและบิดศีรษะไปมา เสียงข้อต่อจากกระดูกดังขึ้น เขาเดินไปอยู่ด้านข้างของเตามังกรเพลิงอีกครั้ง พร้อมกับค่อยๆ ปล่อยพลังวิญญาณใส่ปากมังกรเพลิง ทันใดนั้น ภายในเตามังกรเพลิงก็ปรากฏเปลวเพลิงสีฟ้าแดงขึ้นมาอีกครั้ง
“ตอนนี้เจ้าต้องทำให้ของเหลวพวกนี้หลอมรวมเป็นโอสถ จากนี้เจ้าจะไม่สามารถพักได้อีก หากเจ้าพักอีกครั้งจะหลอมโอสถไม่สำเร็จ” ลุงหนานกล่าว
หลู่เส่าโหย่วสูดลมหายใจ และเริ่มใช้พลังวิญญาณหลอมของเหลวจิตวิญญาณให้รวมตัวกัน ด้วยเพลิงสีฟ้าแดงที่อยู่ในการควบคุมนั้น ของเหลวจิตวิญญาณก็ค่อยๆ หลอมรวมกัน
“ควบคุมให้ดี ขั้นตอนต่อไปยากที่สุด ในสมุนไพรเหล่านี้ มีบางส่วนที่มีฤทธิ์ต้านทานกันเอง หากเกิดข้อผิดพลาดเพียงเล็กน้อย มันจะทำลายสมุนไพรทั้งหมด”
หลู่เส่าโหย่วไม่กล้าที่จะประมาทเลยแม้แต่น้อย ความรู้เชิงทฤษฎีของการหลอมโอสถนั้นเขาจำได้ขึ้นใจมานานแล้ว อีกทั้งในตอนนี้ยังมีลุงหนานคอยชี้แนะอีก ถึงแม้ว่าเขาจะดูไม่คล่องแคล่วไปบ้าง แต่ก็ยังพอรับมือกับมันได้
เวลาได้ผ่านไปอีกหนึ่งชั่วยามแล้ว ภายในเตามังกรเพลิงเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น กลิ่นของโอสถลอยออกมาจากในเตา กลิ่นของมันเข้มข้นมาก ทำให้หลู่เส่าโหย่วรู้สึกสบายใจมากขึ้น
“เปิด…”
เมื่อเปิดฝา กลิ่นความเข้มข้นของโอสถก็แผ่ซ่านออกมา ภายใต้เปลวเพลิงสีฟ้าแดง มีโอสถสีเหลืองขนาดหัวแม่มือปรากฏขึ้นในห้องลับแห่งนี้
ลุงหนานได้เผยรอยยิ้มออกมา จากนั้นก็สะบัดมือหนึ่งครา ทันใดนั้นโอสถสีเหลืองที่ถูกห่อหุ้มด้วยแสงสว่างก็มาปรากฏในมือ
เมื่อเห็นโอสถสีเหลืองในมือ ลุงหนานก็กล่าวขึ้น “คุณภาพนั้นถือว่าพอใช้ได้ แต่ว่านี่เป็นครั้งแรกที่เจ้าหลอมโอสถด้วยตัวเอง ก็ถือว่าไม่แย่นัก รับไป เมื่อกลืนมันลงไปก็ค่อยๆ ปรับลมหายใจ โอสถเสริมพลังเม็ดนี้น่าจะสามารถทำให้เจ้าทะลวงจากระดับสาวกขั้นแรกไปขั้นสามได้
เมื่อหลู่เส่าโหย่วได้ยินว่ามันเป็นเพียงโอสถที่พอใช้ได้ก็ได้รู้สึกหดหู่อยู่ในใจ แต่เขานั้นไม่ได้รู้เลยว่าระดับพอใช้ในสายตาของลุงหนาน เมื่อเทียบกับสายตาของผู้อื่นนั้น มันกลับถือได้ว่าดีหรือยอดเยี่ยมด้วยซ้ำ
“เพิ่มระดับเพียงสองขั้น” หลู่เส่าโหย่วตะลึงไปชั่วครู่ ทักษะวิญญาณหยินหยางนี่นับว่าผลาญเงินอย่างแท้จริง
“ยังไม่พอใจอีกหรือ เจ้าต้องรู้เอาไว้ว่าหากเป็นเพียงคนทั่วไปที่ฝึกตนนั้น หากไม่มีเวลาหนึ่งปีคงไม่สามารถทำได้ เจ้าจงพอใจเสียเถอะ” ลุงหนานกล่าว
“ใช่แล้ว แม้ว่ามันจะเปลืองเงิน แต่ข้อดีมีมากกว่าข้อเสีย” หลู่เส่าโหย่วรับเม็ดยาที่ตนเองหลอมมากับมือ ในใจรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา หลังจากนี้ก็ถือว่าเขาเป็นผู้ฝึกวิญญาณที่แท้จริงเสียที
“ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ เจ้าต้องรับการฝึกฝนเป็นเวลาหนึ่งเดือน จงไปเตรียมตัวให้ดี ข้าไปก่อนแล้ว เมื่อเจ้าปรับลมหายใจเสร็จก็กลับไปซะ” ลุงหนานกล่าวและเปิดห้องลับแล้วเดินออกไป
“การฝึกพิเศษ ฝึกอะไรกัน” หลู่เส่าโหย่วพึมพำพร้อมกับนั่งขัดสมาธิ เขาอ้าปากกลืนโอสถลงไปและเริ่มปรับลมหายใจ
เมื่อโอสถเสริมพลังถูกกลืนลงไป ก็เกิดพลังงานที่อบอุ่นกระจายไปตามชีพจรทั่วร่าง และด้วยการที่เขาใช้ทักษะวิญญาณหยินหยางปรับแต่ง ทำให้มันแปรเปลี่ยนเป็นลมปราณไหลเข้าไปในทะเลลมปราณภายในตันเถียน
หลู่เส่าโหย่วรู้สึกว่าภายในชีพจรทั่วร่างที่กำลังมีลมปราณไหลอยู่นั้นรู้สึกสบายอย่างถึงที่สุด แต่เมื่อลมปราณไหลผ่านเส้นชีพจรก็จะมีการขยายตัวของเส้นชีพจร จึงทำให้รู้สึกเจ็บปวดบ้างในบางคราว
เมื่อเวลาล่วงเลยไป หลู่เส่าโหย่วก็รู้สึกว่าพลังวิญญาณในจิตใจกำลังฟื้นคืนอย่างรวดเร็ว ภายใต้พลังวิญญาณเหล่านี้ จิตวิญญาณของเขาถูกหล่อเลี้ยงอย่างดีที่สุด และดูเหมือนมันจะยิ่งเติบโตขึ้น มันค่อยๆ ขยายตัวและดูมีตัวตนจับต้องได้ขึ้นมา
หลายชั่วยามผ่านไป หลู่เส่าโหย่วรู้สึกว่าเขาดูดซับโอสถเสริมพลังได้ไม่น้อย ระดับขั้นของตัวเขาในตอนนี้ก็ได้มาถึงขั้นสามแล้ว
“ช่างรวดเร็วเสียจริง” หลู่เส่าโหย่วค่อยๆ ลืมตาขึ้น และพ่นอากาศขุ่นมัวออกมา การดูดซับโอสถเสริมพลังหนึ่งเม็ดทำให้มีระดับเพิ่มขึ้นถึงสองขั้น ความเร็วระดับนี้ถือว่ารวดเร็วอย่างแท้จริง เพียงแต่ว่าช่างผลาญเงินนัก ขนาดระดับสาวกยังต้องใช้โอสถเสริมพลังหนึ่งเม็ดเพื่อทะลวงไปสองขั้น หากในภายภาคหน้าตัวเขาอยู่ระดับนักรบ หรือระดับปรมาจารย์ เห็นทีคงต้องบริโภคเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว
“ถึงเวลากลับแล้ว พรุ่งนี้ข้าต้องฝึกพิเศษอีก” หลู่เส่าโหย่วลุกขึ้นแล้วเทพลังวิญญาณใส่แหวนบนนิ้วมือ เขาเก็บเตามังกรเพลิงเข้าไปในแหวนมิติ เรื่องทั้งหมดนี้ทำให้หลู่เส่าโหย่วประหลาดใจไม่น้อย ทวีปหลิงหวู่ช่างน่าอัศจรรย์ ในภายภาคหน้าอาจจะมีเรื่องที่น่าอัศจรรย์มากกว่านี้อีก
เมื่อเก็บของเรียบร้อย หลู่เส่าโหย่วก็ออกมาจากห้องลับแล้วตรงกลับห้องของตัวเองทันที เขากลับมาที่ห้องเพื่อรอให้ฟ้าสาง ในช่วงเวลานี้ เขาแทบไม่ต้องนอนเลย
เมื่อฟ้าสาง หลู่เสี่ยวไป๋ก็มาถึงลานบ้านอย่างตรงเวลา จากคำบอกเล่าของหลู่เสี่ยวไป๋ เขาจึงได้รู้ว่ายังมีเวลาอีกเดือนกว่าก่อนจะถึงสิ้นปี เมื่อถึงสิ้นปี ผู้คนตระกูลหลู่รวมถึงคนในตระกูลสาขาจะกลับมาที่นี่เพื่อบูชาบรรพบุรุษ ดังนั้นตั้งแต่วันนี้พวกเขาจึงต้องเริ่มทำความสะอาดตระกูลหลู่
โดยเฉพาะลานด้านหน้าที่ต้องจัดการให้สะอาดเหมือนใหม่ บางทีอาจเป็นเพราะหลู่เส่าโหย่วเป็นนายน้อยที่ไม่สามารถเข้าไปที่นั่นได้ จึงไม่มีใครมาแจ้งเขาเรื่องการทำความสะอาดลานด้านหน้ากับเขา หลู่เส่าโหย่วจึงว่างเป็นธรรมดา และแน่นอนว่าเขาจะไม่เสนอตัวไปทำความสะอาดแน่
เมื่อหลู่เสี่ยวไป๋กลับไป ท่านแม่ก็ไปห้องซักผ้า หลู่เส่าโหย่วที่อยู่ในบ้านคนเดียวรู้สึกเบื่อเป็นอย่างมาก เดิมทีก็ไม่มีใครมาหาเขาที่บ้านอยู่แล้ว เช่นนั้นก็ใช้เวลาที่มีอยู่นี้ นำสมุนไพรที่เหลืออีกหนึ่งชุดไปหลอมโอสถเสริมพลัง แล้วนำโอสถเสริมพลังนั้นไปขาย จากนั้นก็ซื้อสมุนไพรกลับมาแล้วหลอมต่อ มีแต่แบบนี้เท่านั้น เขาถึงจะสามารถหาเงินมาซื้อสมุนไพรไว้หลอมโอสถได้
ไม่เช่นนั้น เมื่อถึงระดับนักรบ หรือระดับปรมาจารย์ ตัวเขาคงไม่มีเงินพอซื้อสมุนไพรไว้หลอมโอสถแล้ว ส่วนแก่นอสูรกับแก่นวิญญาณนั้น ตัวเขาในตอนนี้คงไม่ต้องไปคิดถึงมันเลย
ส่วนแหวนมิติที่มีค่าเท่าตระกูลหลู่กับเตามังกรเพลิงที่มีมูลค่าไม่ธรรมดานั้น หลู่เส่าโหย่วคิดว่าหากขายมันไปเขาคงสามารถแลกแก่นอสูรกับแก่นวิญญาณมาได้ไม่น้อย แต่เขาก็ได้แค่คิดเท่านั้น หากลุงหนานรู้เข้า เขาคงศพไม่สวยแน่ และอย่างว่า สมบัติล้ำค่าขนาดนี้ เขาก็ไม่เต็มใจที่จะขายมันเช่นกัน
เมื่อตัดสินใจได้แล้ว หลู่เส่าโหย่วก็เรียกเตามังกรเพลิงออกมาจากแหวนมิติ และเตรียมตัวหลอมโอสถเสริมพลัง ยังดีที่ห้องนี้ใหญ่พอ และไม่มีของอะไรนัก จึงพอมีที่ให้หลอมโอสถ
เขาเคยหลอมโอสถไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่ครั้งนี้หลู่เส่าโหย่วกลับรู้สึกประหม่ายิ่งกว่าเดิม เพราะเมื่อคืนยังมีลุงหนานคอยชี้แนะอยู่ข้างๆ แต่ครั้งนี้ ตัวเขาสามารถพึ่งพาได้แค่ตัวเองเท่านั้น
หลังจากสูดลมหายใจ หลู่เส่าโหย่วก็เรียกสมุนไพรที่ใช้หลอมโอสถเสริมพลังจากแหวนมิติออกมา เขาใส่พลังวิญญาณเข้าไปในเตามังกรเพลิง จากนั้นเปลวเพลิงสีฟ้าแดงก็ได้ปรากฏขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
ตามลำดับขั้นตอนของเมื่อวาน หลู่เส่าโหย่วได้ใส่หญ้าสามดาวก่อน จากนั้นก็ใส่บัวห้ากลีบลงไปหลอมในเตามังกรเพลิง ไม่กล้าประมาทแม้แต่น้อย
ภายใต้พลังวิญญาณในจิตใจที่ค่อยๆ หายไป หลังจากนั้นหลู่เส่าโหย่วก็ใส่สมุนไพรอย่างอื่นลงไป ภายในห้องนอนนั้น เปลวเพลิงที่ร้อนแรงของเตามังกรเพลิงทำให้อุณหภูมิเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว หลังของเขามีแต่เหงื่อเต็มไปหมด
ในขั้นตอนการหลอมสมุนไพรนั้น ภายใต้การควบคุมพลังวิญญาณ ก็ได้เกิดอุบัติเหตุเล็กๆ ขึ้นระหว่างขั้นตอนการหลอม ทำให้ตัวเขาตกใจจนเหงื่อไหลออกมา ยังโชคดีที่ไม่ได้เกิดข้อผิดพลาดอะไร