“หวู่จื่อซือ หากนายน้อยหลู่มาซื้อสมุนไพรอีกในอนาคต เจ้าต้องต้อนรับอย่างดี พวกเรากำลังต้องการกำลังคน” กูตู๋ปิงหลันกล่าว
“ขอรับ คุณหนู” หวู่จื่อซือตอบรับ และออกไปจากห้อง
หลู่เส่าโหย่วไปยังถนนที่มีร้านขายวัตถุดิบและอาวุธอีกครั้ง เมื่อมองไปรอบๆ เขาก็เดินเข้าไปยังเทียนเป่าเหมินอย่างไม่ลังเล สำหรับที่แห่งนี้ ตัวเขาเป็นถึงแขกผู้ทรงเกียรติ และเทียนเป่าเหมินก็รับซื้อโอสถด้วย เขาย่อมไม่พลาดโอกาสที่จะได้เงินเพิ่มมากขึ้น
“คุณชายหลู่ วันนี้ท่านก็มาซื้อสมุนไพรหลอมโอสถอย่างนั้นหรือ?” ชายร่างใหญ่ที่อยู่หน้าประตูได้เห็นหลู่เส่าโหย่วอีกครั้ง เมื่อวานพวกเขาได้สังเกตเห็นว่าหลู่เส่าโหย่วคุ้นเคยกับคุณหนูของตระกูลตนเอง วันนี้จึงได้สุภาพกว่าปกติ
“อืม ข้ามาเพื่อจะขายโอสถด้วย” หลู่เส่าโหย่วกล่าว
“นายน้อยหลู่เชิญทางนี้” ชายร่างใหญ่พาเขาไปที่โต๊ะรับรองแบบคราวก่อน หวู่จื่อซือก็อยู่ภายในนั้นเช่นกัน
“นายน้อยหลู่ วันนี้มีอะไรให้ช่วยหรือ” หวู่จื่อซือยิ้ม
“ข้าอยากขายโอสถเสริมพลัง แล้วก็ซื้อสมุนไพรแบบเมื่อวาน” หลู่เส่าโหย่วเอาโอสถเสริมพลังที่อยู่ในมือออกมาให้หวู่จื่อซือ
“โอสถเสริมพลัง” มีประกายแสงปรากฏในตาของหวู่จื่อซือ เมื่อรับโอสถจากมือของหลู่เส่าโหย่ว เขาก็กล่าวด้วยความระมัดระวัง “โอสถเสริมพลังเป็นโอสถระดับหนึ่ง แต่น้อยคนที่จะรู้สูตรโอสถนี้ มันใกล้จะถึงโอสถระดับสองแล้ว ผลการเสริมลมปราณของมันนั้นถือว่าดีกว่าโอสถทั่วไป โอสถเสริมพลังหลอมออกมาในระดับสูง ไม่เลว ไม่เลว นายน้อยหลู่ ท่านเป็นเพื่อนกับคุณหนูของข้า โอสถเสริมพลังที่อยู่ในเทียนเป่าเหมินพวกเราขายมันในราคาห้าสิบเหรียญทอง ดังนั้นแล้ว โอสถเสริมพลังเม็ดนี้ พวกเราจะรับซื้อในราคาห้าสิบเหรียญทองเช่นกัน”
“ถ้าอย่างนั้นก็ขอบคุณเจ้ามาก เรื่องนี้ทำให้ข้าเกรงใจอยู่หน่อยๆ” หลู่เส่าโหย่วกล่าว แต่ภายในใจกลับคิดว่า ใครจะไปรู้ว่าเจ้าขายห้าสิบเหรียญทองหรือไม่ ต้นทุนของมันมีราคาเพียงสิบห้าเหรียญทองเท่านั้น แต่กลับขายได้ถึงห้าสิบเหรียญทอง นี่ถือว่าเขาได้กำไรมหาศาล ในภายภาคหน้าตัวเขาก็ไม่ต้องกังวลเรื่องเงินทองอีกแล้ว
“ใครให้นายน้อยหลู่เป็นแขกผู้ทรงเกียรติของเทียนเป่าเหมินของเรากันล่ะ โอสถเสริมพลังนั้นถือว่าเป็นสิ่งที่หายาก หากนายน้อยหลู่มีอีกในอนาคต ท่านสามารถนำมาให้กับเราได้ เทียนเป่าเหมินจะรับซื้อทั้งหมด ถือว่าซื้อน้ำใจกัน ไม่ขาดทุนหรอก” หวู่จื่อซือกล่าว
“ไม่มีปัญหา หากมีอีก ข้าจะนำมาให้เทียนเป่าเหมินแน่นอน” หลู่เส่าโหย่วหัวเราะ “ช่วยข้าจัดสมุนไพรสี่ชุดแบบเมื่อวานด้วย”
“นายน้อยหลู่รอสักครู่ ข้าจะไปเตรียมให้ท่านเดี๋ยวนี้” หวู่จื่อซือกล่าวด้วยความเคารพ และจากนั้นก็เดินไปทางด้านหลังโต๊ะรับรอง
“คุณหนู นายน้อยหลู่ผู้นั้นมาอีกแล้ว แถมนำโอสถเสริมพลังมาด้วย และยังซื้อสมุนไพรเพิ่มอีก คาดว่าน่าจะเป็นสมุนไพรหลอมโอสถเสริมพลัง” ภายในห้องห้องหนึ่ง หวู่จื่อซือได้บอกกล่าวกับกูตู๋ปิงหลัน
“โอสถเสริมพลัง” กูตู๋ปิงหลันรับโอสถเสริมพลังมาดูหนึ่งครา จากนั้นนางก็ยื่นให้กับชุยอวี่ “ชุยอวี่ เจ้าลองดูโอสถเสริมพลังเม็ดนี้”
“แม้ว่าโอสถเสริมพลังจะเป็นโอสถระดับหนึ่ง แต่มันก็ใกล้เคียงกับระดับสองมาก ผู้ที่รู้สูตรของมันต้องไม่ใช่ผู้ฝึกวิญญาณธรรมดาแน่ ดูเหมือนว่าบนตัวของนายน้อยหลู่ผู้นี้จะมีความลับบางอย่าง” สาวใช้ที่ชื่อชุยอวี่กล่าวเบาๆ
“หวู่จื่อซือ หลังจากนี้นายน้อยหลู่จะถือว่าเป็นแขกทรงเกียรติของเทียนเป่าเหมินอย่างแท้จริง เจ้าควรรู้ว่าต้องทำอย่างไร ยังมีอีก เจ้าไปบอกเขาว่า เรื่องที่เขามาที่เทียนเป่าเหมิน ตระกูลหลู่จะไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้แน่นอน” กูตู๋ปิงหลันกล่าว
“ข้าเข้าใจแล้วคุณหนู ข้าจะไปจัดการเดี๋ยวนี้” หวู่จื่อซือกล่าวลา และกลับไปเตรียมการอย่างรวดเร็ว
ภายในเทียนเป่าเหมิน หลู่เส่าโหย่วกำลังสังเกตของภายในนี้ทั้งหมด เขาพบราคาขายของโอสถระดับหนึ่ง ทั้งหมดอยู่ที่ราคาประมาณสี่สิบเหรียญทอง ดูเหมือนว่าเทียนเป่าเหมินจะไม่ได้โกงเขา และเหมือนว่าเทียนเป่าเหมินจะมีจุดประสงค์อยากจะเอาชนะใจเขา
“นายน้อยหลู่ สมุนไพรของท่านเตรียมเสร็จเรียบร้อยแล้ว และนี่คือเงินห้าสิบเหรียญทอง ท่านลองนับดู” หลังจากนั้นครู่หนึ่ง หวู่จื่อซือก็ได้นำถุงเล็กๆ หลายถุงยื่นให้เขา
“สมุนไพรพวกนี้ราคาเท่าไร?” หลู่เส่าโหย่วถาม คาดว่าสมุนไพรสี่ชุดน่าจะราคาประมาณหกสิบเหรียญทอง เขามียี่สิบเหรียญทองในตัว บวกกับเงินที่ขายโอสถได้มาห้าสิบเหรียญทอง นับว่าเพียงพอแล้ว
“ไม่ต้องคิดแล้ว เมื่อนายน้อยหลู่มาเอาสมุนไพรอีกในอนาคตค่อยจ่ายทีเดียว นอกจากนี้ พวกเราจะรอให้นายน้อยหลู่นำโอสถเสริมพลังมาขายอีก” หวู่จื่อซือกล่าวด้วยเสียงหัวเราะ
“อย่างนั้นหรือ เจ้าไม่กลัวข้าหนีไปไม่จ่ายหรือ?” หลู่เส่าโหย่วกล่าว ภายในใจคิดว่าเทียนเป่าเหมินดีกับเขาเกินไปแล้ว
“นายน้อยหลู่ไม่ใช่คนอย่างนั้น” หวู่จื่อซือกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“เช่นนั้นก็ขอบคุณมาก” มีประโยชน์เช่นนี้ไม่รับก็โง่แล้ว หลู่เส่าโหย่วนั้นไม่มีความเกรงใจ
“ขอให้นายน้อยหลู่เดินทางปลอดภัย” หวู่จื่อซือกล่าว “เรื่องที่นายน้อยหลู่มาเทียนเป่าเหมิน ตระกูลหลู่จะไม่รู้แน่นอน ขอนายน้อยหลู่โปรดวางใจ” หวู่จื่อซือกล่าวเบาๆ อีกครั้ง
หลู่เส่าโหย่วที่กำลังจะเดินจากไป เมื่อได้ยินคำพูดของหวู่จื่อซือก็ตกใจกะทันหัน แต่เขาก็กล่าวอย่างสงบไร้พิรุธว่า “ขอลา ข้าขอตัวไปก่อนแล้ว”
เมื่อออกมาจากเทียนเป่าเหมิน หลู่เส่าโหย่วก็มาถึงสถานที่ที่แน่ใจว่าไม่มีผู้ใด แล้วเก็บของในมือเข้าไปในแหวนมิติ จากนั้นก็กลับไปตามทิศทางตระกูลหลู่
ระหว่างมุ่งหน้ากลับ สิ่งที่หวู่จื่อซือกล่าวเมื่อครู่ทำให้หลู่เส่าโหย่วเริ่มหวาดระแวงขึ้นมา หากเขาเข้าออกเทียนเป่าเหมินบ่อยๆ คงยากที่จะหลีกเลี่ยงไม่ถูกคนของตระกูลหลู่รู้เข้า และในตอนนี้ก็ดูเหมือนว่าเทียนเป่าเหมินจะตรวจสอบตัวเขาแล้ว
“เทียนเป่าเหมิน…” หลู่เส่าโหย่วพึมพำ จากนั้นก็มุ่งหน้ากลับตระกูลหลู่
ในฐานะที่เขาเป็นนายน้อยไร้ประโยชน์ที่ไม่มีใครต้องการ หลู่เส่าโหย่วคิดว่าสถานะนายน้อยนี้ก็ไม่ได้ไร้ประโยชน์ไปทั้งหมด อย่างน้อย จนถึงตอนนี้เขาก็มีกินมีดื่มไม่หิวตาย และในขณะเดียวกันก็ไม่มีใครมาคอยควบคุมเขา ไม่เช่นนั้นแล้ว การที่เขาจะจัดการเรื่องของตัวเองก็คงไม่ง่ายดายแบบนี้
เมื่อตกดึก หลู่เส่าโหย่วก็ไปที่ห้องลับอีกครั้ง ส่วนลุงหนานก็มารออยู่ในห้องตั้งนานแล้ว
“ลุงหนาน วันนี้จะฝึกฝนอะไร?” หลู่เส่าโหย่วถาม ลุงหนานพูดไว้เมื่อวานว่าตั้งแต่วันนี้จะมีการฝึกฝนตลอดหนึ่งเดือน
“ง่ายมาก ฝึกฝนการถูกทุบตี” ลุงหนานกล่าวด้วยรอยยิ้มที่ดูอันตรายแต่แฝงด้วยเจตนาที่ดี
“อะไรนะ ถูกทุบตี” สีหน้าของหลู่เส่าโหย่วได้จมลงทันที นี่ไม่ใช่เรื่องดีเลยแม้แต่น้อย
“ใช่แล้ว และยังต้องฝึกประสาทสัมผัส และธาตุทั้งห้าในร่างเจ้า หากเจ้าทนได้ถึงหนึ่งเดือน ในภายภาคหน้าแม้เจ้าจะพบเจอผู้อื่นที่มีพลังฝีมือเหนือกว่า เจ้าก็จะยังสามารถเก็บรักษาชีวิตของเจ้าไว้ได้ ไม่เช่นนั้นแล้ว ชีวิตน้อยๆ ของเจ้าจะถูกผู้อื่นพรากไปอย่างง่ายดาย” ลุงหนานกล่าวอย่างจริงจัง
“ลุงหนาน ท่านวางใจได้ ข้าทนได้ ลงมือเถอะ” หลู่เส่าโหย่วกล่าว ลุงหนานพูดถึงขนาดนี้แล้ว มันต้องมีเหตุผล เพื่อชีวิตของตนเองในภายภาคหน้า หนึ่งเดือนของการฝึกฝนนี้ ตัวเขาต้องยืนหยัดให้ได้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
“ตอนนี้ เจ้าฝึกการถูกทุบตีก่อน ข้าจะใช้พลังระดับนักรบขั้นแรกโจมตีเจ้า เมื่อไหร่ที่เจ้าสามารถทนได้หนึ่งชั่วยาม ก็จะถือว่าผ่าน” ลุงหนานกล่าว
“ไม่ยุติธรรมเลย ข้ามีพลังแค่ระดับสาวกขั้นสาม ช่องว่างมันมากเกินไป” หลู่เส่าโหย่วกล่าวขึ้นมาทันที ตัวเขาที่มีพลังระดับสาวกขั้นสามจะไปสู้กับระดับนักรบขั้นสามได้อย่างไร มันคือการถูกทุบตีชัดๆ
“ตอนมีคนอยากฆ่าหรือเอาชีวิตน้อยๆ ของเจ้า เจ้าสามารถร้องหาความยุติธรรมได้หรือไม่?” ลุงหนานกล่าวอย่างจริงจัง ทันทีที่เสียงกล่าวจบลง ก็ไม่รู้ว่าในมือของลุงหนานได้แปรเปลี่ยนเป็นท่วงท่าประทับใด แต่หลังจากนั้นก็มีพลังลมปราณระเบิดออกจากฝ่ามือแล้วโจมตีใส่ไหล่ซ้ายของเขา
“ข้ายังไม่ได้เตรียมพร้อมเลย แบบนี้ไม่นับ” ใบหน้าของหลู่เส่าโหย่วเปลี่ยนสีในทันที ร่างกายของเขาก้าวถอยกลับไปด้วยความตื่นตระหนก ถึงแม้เขาจะเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับสาวกขั้นสาม แต่ต่อหน้าศัตรูที่แท้จริง ตัวเขานั้นกลับเป็นเพียงกระดาษสีขาว
“ปัง…”
เสียงกล่าวของหลู่เส่าโหย่วยังไม่ทันจบ ไม่ว่าเขาจะถอยอย่างไร แต่เหมือนว่าฝ่ามือของลุงหนานจะตามติดเขาไม่ปล่อยราวกับเงา และในชั่วพริบตานั้นก็มีพลังมหาศาลไหลเข้ามาที่ไหลซ้าย หลังจากนั้น ตัวเขาก็หงายหลังมองฟ้าเหมือนกับเต่าที่หงายหลังลงบนพื้น ความเจ็บปวดนี้เหมือนกระดูกจะแตกเป็นชิ้นๆ
“ยังไม่ลุกขึ้นมาอีก” ลุงหนานตะโกนขึ้นมา ไม่ได้เหลือความเกรงใจเลยแม้แต่น้อย ลุงหนานหมุนร่าง และยกเท้าเตะออกมา ทำให้เกิดกระแสลมที่ผันผวน พลังของมันนั้นไม่ควรมองข้ามอย่างแน่นอน
“อ๊าก” หลู่เส่าโหย่วรีบคลานไปข้างหน้าด้วยความตกใจ หากลูกเตะนี้โดนตัวเขา กลัวว่ากระดูกของเขาคงได้หักหลายซี่แน่
“ปัง!” แต่ว่ามันรวดเร็วเกินไป ก่อนที่หลู่เส่าโหย่วจะคลานออกมาได้ เท้าของลุงหนานก็ได้เตะมาโดนท้องของเขาแล้ว ทันใดนั้น ร่างของเขาก็ได้ลอยขึ้นสูงหนึ่งเมตรหมุนเป็นวงกลมภายในห้องลับ และจากนั้นก็ตกลงบนพื้น เลือดในร่างของเขาปั่นป่วนพลุกพล่าน และมีรสชาติของเลือดอยู่ในลำคอ
“จำไว้ เมื่อผู้อื่นจะเอาชีวิตเจ้า ไม่มีใครกล่าวถึงความยุติธรรมหรือกฎเกณฑ์ใดๆ พวกมันเพียงต้องการจะฆ่าเจ้าเท่านั้น” ลุงหนานลงมืออีกครั้ง ปล่อยหมัด ฝ่ามือ ลูกเตะออกมาเรื่อยๆ ห้องลับนี้ขนาดเล็ก หลู่เส่าโหย่วไม่สามารถหลบได้เลย เขาไม่รู้ว่ากระดูกบนร่างนั้นหักไปแล้วกี่ซี่
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยาม หลู่เส่าโหย่วก็นอนจมูกช้ำหน้าบวมอยู่ในห้องลับ เขาไม่มีพลังที่จะสวนกลับเลย อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหดหู่
“ลุกขึ้นมา ตอนนี้ได้เวลาสัมผัสถึงธาตุทั้งห้าในร่างกายหยินหยางของเจ้าแล้ว ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุด ในภายภาคหน้า หากเจ้าฝึกฝนวิชาสายธาตุอื่น เจ้าจะสามารถได้รับผลลัพธ์สองเท่าด้วยความพยายามเพียงครึ่งเดียว” ลุงหนานกล่าว
หลู่เส่าโหย่วที่ยังหดหู่ทำได้เพียงลุกขึ้นมานั่งขัดสมาธิ และเริ่มทำตามคำแนะนำของลุงหนาน สัมผัสถึงธาตุทั้งห้าภายในร่างกาย