ในตอนนี้ หลู่เส่าโหย่วกำลังมองไปยังร่างของเจ้าของเสียงนั้น เจ้าของเสียงเป็นหญิงงามผู้หนึ่ง ดูมีอายุใกล้เคียงกับหลู่หวู๋ซวง นางมีผิวที่ขาวเรียบเนียนดั่งหยก และมีใบหน้าที่งดงาม
ชุดที่นางใส่เผยให้เห็นส่วนโค้งของร่างกายที่ดูงดงามและนุ่มนวล นางมีเสน่ห์ของความเป็นผู้ใหญ่ซึ่งทำให้ผู้ที่พบเห็นรู้สึกถูกดึงดูด หากให้เทียบกับหลู่หวู๋ซวงแล้ว แม่นางคนนี้จะดูอวบอิ่มเย้ายวนกว่า โดยเฉพาะตอนนี้ที่ดูเหมือนนางจะมีร่องรอยของความโกรธปรากฏขึ้นมาเล็กน้อย ริมฝีปากอวบอิ่มของนางกำลังยกยิ้มมุมปากขึ้น ภายใต้ความโกรธนี้ กลับทำให้ผู้ชายรู้สึกเหมือนถูกหยอกล้อให้ความปรารถนาพุ่งทะยานขึ้นฟ้า
หลู่เส่าโหย่วนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ ถึงแม้ว่านางจะไม่ได้สวยจนใครเห็นก็ต้องตะลึงหรือสวยจนแม้แต่ปลาหรือนกก็ต้องหลบ แต่ความเย้ายวนของนางกลับสามารถทำให้เหล่าบุรุษอยากจะเหลียวมองอีกหลายๆ ครั้ง และยังทำให้ผู้ชายทุกคนแอบจินตนาการเรื่องบางอย่างในใจ ผู้หญิงเช่นนี้ เมื่อเห็นแล้วทำให้รู้สึกราวกับว่าพวกนางเกิดมาเพื่ออยู่กับผู้ชายโดยเฉพาะ
หลู่เส่าโหย่วอดไม่ได้ที่จะเหลียวมองนางอีกสักครั้งสองครั้ง โดยเฉพาะเรียวขาของหญิงสาวผู้นี้ที่ถึงแม้จะไม่ได้ดูเรียวยาว แต่มันกลับดูเรียบเนียนนุ่มนวลราวกับงู ประกอบกับบั้นท้ายที่กลมกลึงราวกับพระจันทร์เต็มดวงนั้นก็ช่วยทำให้นางดูสูงขึ้นกว่าปกติ และยอดเขาอวบอิ่มที่เต็มไปด้วยหิมะนั้นก็ทำให้ก่อเกิดสิ่งล่อตาล่อใจแสนอันตราย
“ปีศาจ” หลู่เส่าโหย่วพึมพำเบาๆ หญิงสาวคนนี้อายุเพียงสิบแปดสิบเก้าปี คิดไม่ถึงว่าจะมีเสน่ห์เย้ายวนได้ถึงเพียงนี้ นางจะต้องเป็นหญิงสาวที่โดดเด่นที่สุดแน่ หากผ่านไปอีกสักสองปี คงทำให้ผู้ชายโงหัวไม่ขึ้น
และเมื่อมองไปยังด้านหลังของหญิงสาวผู้นี้ จะพบกับชายหนุ่มคนหนึ่งที่สวมใส่ชุดจีน อายุประมาณยี่สิบสองยี่สิบสาม ร่างกายผอมสูง หน้าตาขาวสะอาดหมดจดและดูหล่อเหลา แต่หลู่เส่าโหย่วกลับรู้สึกว่าชายหนุ่มคนนี้หน้าตาเหมือนพวกคนที่มาเกาะผู้หญิงกิน
“หยางม่าน ข้าเป็นคนถูกใจดาบเล่มนี้ และข้าต้องการมัน” เมื่อหลู่หวู๋ซวงเห็นหญิงสาวนางนี้ สีหน้าของนางก็ค่อยๆ มืดลง ดูเหมือนว่าทั้งสองคนจะรู้จักกันอยู่ก่อนแล้ว
“เจ้าถูกใจ แต่เจ้ายังไม่ได้ซื้อมันไป ข้าเป็นคนบอกว่าจะซื้อก่อน ดาบเล่มนี้ก็เป็นของข้าแล้ว เจ้าเลือกอันอื่นเถอะ” หญิงสาวที่ดูเย้ายวนนามหยางม่านกล่าวออกมา แววตาเย็นชา ทั้งสีหน้ายังแสดงความหยอกล้อ ดูเหมือนนางจะมาเพื่อสร้างความลำบากให้หลู่หวู๋ซวงโดยเฉพาะ
“ดาบเล่มนี้อยู่ในมือข้า แน่นอนว่ามันจะต้องเป็นของข้า” หลู่หวู๋ซวงกล่าว
“ในเมื่อคุณหนูหวู๋ซวงถูกใจดาบเล่มนี้เช่นกัน อย่างนั้นก็มาดูกันว่าใครจะให้ราคาที่สูงกว่า ดูเหมือนว่าดาบเล่มนี้จะมีราคาหนึ่งร้อยหกสิบเหรียญทอง เช่นนั้นข้าขอจ่ายสองร้อยเหรียญแล้วกัน” ชายหนุ่มชุดจีนก้าวออกมาพูด แต่สายตากลับมองไปที่เรือนร่างของหลู่หวู๋ซวง ซึ่งนั่นไม่ใช่สายตาที่ดีเลย
“หวังเหลียง เจ้าอยากจ่ายเท่าไหร่ก็ตามใจ ดาบเล่มนี้ข้าไม่เอาแล้ว” หลู่หวู๋ซวงมองไปยังชายหนุ่มชุดจีนและกัดฟันตอบ
“คุณหนูหลู่ คุณหนูหยาง นายน้อยหวัง ที่แท้ก็เป็นพวกท่านนี่เอง ต้อนรับไม่ดี..ต้อนรับไม่ดีแล้ว” เสียงหนึ่งดังขึ้น หลู่เส่าโหย่วไม่ต้องหันกลับไปมองก็รู้ได้ทันทีว่าคนที่พูดคือหวู่จื่อซือแห่งเทียนเป่าเหมิน
เมื่อเสียงพูดจบลง หวู่จื่อซือก็ได้มาก้มหัวอยู่ที่ด้านข้างของกลุ่มคนแล้ว เมื่อเห็นหลู่เส่าโหย่ว หวู่จื่อซือก็กล่าวทักทายโดยไม่แสดงพิรุธใดๆ จากนั้นก็ไม่ได้เหลียวมองเขาอีก
“หวู่จื่อซือ เจ้ามาพอดี นำดาบเล่มนี้ไปห่อให้ข้า ข้าเอาแล้ว” หวังเหลียงกล่าว
“นี่…” หวู่จื่อซือมองดูกลุ่มคน เรื่องทั้งหมดที่พึ่งเกิดขึ้นนั้นเขาได้เห็นมันทั้งหมดแล้ว ในตอนนี้เขาก็ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี
“เส่าโหย่ว พวกเราไปกันเถอะ” หลู่หวู๋ซวงกล่าวเบาๆ และวางดาบลงบนโต๊ะรับรอง เมื่อมองไปยังดาบยาวเล่มนั้น ในดวงตาของนางก็มีความผิดหวังเล็กน้อย แต่ดูเหมือนนางจะคำนึงถึงบางอย่าง ไม่อยากสู้กับหยางม่านและหวังเหลียง
“หลู่หวู๋ซวง เจ้ารู้ตัวก็ดี อยากสู้กับข้าหรือ ฝันไปเถอะ ครั้งก่อนเจ้าชนะข้าได้ ในอนาคตเจ้าจะไม่มีโอกาสนั้นอีกแล้ว” หยางม่านหัวเราะเบาๆ อย่างได้ใจ จากนั้นนางก็เหลือบมองไปที่หลู่เส่าโหย่ว “นี่ไม่ใช่นายน้อยไร้ค่าของตระกูลหลู่หรือ ลูกสาวบุญธรรมกับนายน้อยไร้ค่าของตระกูลหลู่ เป็นคู่ที่เหมาะสมกันจริงๆ”
“หยางม่าน เจ้าพูดอะไร” หลู่หวู๋ซวงหน้าแดงขึ้นมาในทันที นางเหลือบมองหยางม่านและตะโกน
“ข้าพูดอะไร หรือว่าข้าพูดผิดอย่างนั้นหรือ ลูกสาวบุญธรรมกับนายน้อยไร้ค่าของตระกูลหลู่ หึ” หยางม่านกล่าว
“เรื่องของตระกูลหลู่เจ้ายังชอบเก็บไปใส่ใจ แต่เหมือนมันจะไม่ใช่เรื่องของเจ้า คุณหนูหยาง ไม่ใช่ว่าเจ้าชอบดาบเล่มนี้หรือ เช่นนั้นก็เอาดาบ(ต่ำ)ของเจ้าไปเถอะ ข้าไม่สนว่าเจ้าจะต่ำแค่ไหน พวกเราไม่สนใจเจ้า” หลู่เส่าโหย่วก้าวไปข้างหน้าเล็กน้อย และหยิบดาบเล่มเมื่อครู่ที่หลู่หวู๋ซวงวางไว้ขึ้นมา จากนั้นก็โยนไปทางหยางม่านและกล่าวเบาๆ “ดาบ(ต่ำ)ดี ดาบ(ต่ำ)ดีจริงๆ” (คำว่าดาบและคำว่าต่ำในภาษาจีนมีเสียงพ้องกัน)
“เจ้า…เจ้าหมายความว่าอย่างไร เจ้ากล้าด่าข้า” หยางม่านรับดาบที่หลู่เส่าโหย่วโยนมาโดยไม่ได้ตั้งใจ และเมื่อนางรู้สึกตัว นางก็โมโหขึ้นมาทันที ถ้อยคำกำกวมที่หลู่เส่าโหย่วกล่าวออกมา โดยเฉพาะคำว่าต่ำที่ถูกเน้นเป็นพิเศษ ใครฟังก็สามารถคิดได้ทั้งนั้น
“ข้าจะด่าเจ้าได้อย่างไร” หลู่เส่าโหย่วมองหยางม่านและกล่าวถาม การแสดงออกที่เดิมทีดูไม่แยแสของเขา ในเวลานั้นมันก็เต็มไปด้วยความเย็นชาขึ้นมาในทันที
“เจ้าบอกว่าข้าต่ำ…” หยางม่านหยุดคำพูดของตนลง นางพึ่งรู้ตัวว่าถูกหลอกเข้าแล้ว นั่นทำให้นางมองหลู่เส่าโหย่วด้วยความเกรี้ยวกราดมากยิ่งขึ้น แต่เมื่อมองไปยังหลู่เส่าโหย่ว นางก็กลับหลบเลี่ยงสายตาโดยไม่ได้ตั้งใจ
“ดาบอยู่ในมือเจ้าไม่ใช่หรือ เอาดาบ(ต่ำ)ของเจ้ากลับไปเถอะ” หลู่เส่าโหย่วกล่าวเบาๆ จากนั้นก็ชี้ไปที่ดาบสีฟ้าครามเล่มหนึ่งด้านหลังโต๊ะรับรองและกล่าวกับหวู่จื่อซือที่อยู่ข้างๆ ว่า “ดาบจันทร์ครามเล่มนั้นข้าเอาแล้ว คิดไว้ในบัญชีของข้า”
“ขอรับ นายน้อยหลู่” หวู่จื่อซือไม่ได้กล่าวอะไรให้มากความ และรีบไปนำดาบสีฟ้าครามที่แขวนอยู่บนกำแพงมาให้หลู่เส่าโหย่วอย่างรวดเร็ว บนผนังที่แขวนดาบสีฟ้าครามเล่มนี้มีตัวอักษรเขียนเอาไว้ว่า ‘ดาบฟ้าคราม ผู้ฝึกวิญญาณระดับยอดยุทธ์ปรับแต่งโดยใช้หินกลั่นอายุพันปี ราคาแปดพันหกร้อยเหรียญทอง’
ดาบเล่มที่หลู่หวู๋ซวงดูเมื่อครู่นั้น เป็นดาบที่ถูกผู้ฝึกวิญญาณระดับนักรบใช้เหล็กเย็นหนึ่งร้อยปีปรับแต่ง ราคาเพียงหนึ่งร้อยหกสิบเหรียญทอง ความแตกต่างระหว่างดาบทั้งสองนั้นมีมากกว่าห้าสิบเท่า
“พี่หวู๋ซวง ดาบเล่มนี้ข้าให้ท่าน ดาบห่วยๆ เล่มนั้นไม่คู่ควรกับท่านหรอก” หลู่เส่าโหย่วนำดาบสีฟ้าครามในมือยื่นใส่มือของหลู่หวู๋ซวง
เมื่อเห็นภาพนั้น หยางม่านกับหวังเหลียงก็หน้าถอดสีทันที หากดาบเล่มนี้มีราคาหลายร้อยเหรียญทองหรือว่าหลักพันเหรียญทอง พวกเขาก็ยังสามารถจ่ายไหว แต่ดาบเล่มนี้มีราคามากถึงแปดพันหกร้อยเหรียญทอง พวกเขาไม่สามารถจ่ายได้แน่
หลู่หวู๋ซวงก็ดูตกใจมากเช่นกัน ดาบเล่มนี้นางเห็นมานานแล้ว แต่เพราะราคาของมันนางจึงไม่สามารถจ่ายไหว ในเมืองชิงอวิ๋นนั้น คนที่จะสามารถซื้อดาบเล่มนี้ได้มีแค่ไม่กี่คน และแน่นอนว่าต้องเป็นพวกหัวหน้าตระกูลของตระกูลใหญ่เท่านั้น แต่หัวหน้าตระกูลในเมืองชิงอวิ๋น เกรงว่าคงไม่มีผู้ใดยินดีที่จะซื้อ แปดพันหกร้อยเหรียญทองนั้นถือว่าเป็นจำนวนเงินมหาศาลเลยทีเดียว
แน่นอนว่าสมาชิกรุ่นเยาว์อย่างพวกเขา ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถจะซื้อได้ ถึงแม้ว่านางจะเป็นหนึ่งในรุ่นเยาว์ที่ตระกูลหลู่ชื่นชอบมากที่สุด แต่เงินที่หลู่หวู๋ซวงจะสามารถใช้ได้ในยามปกติก็เป็นเงินไม่เกินสามร้อยเหรียญทองเท่านั้น เงินจำนวนสามร้อยเหรียญทองก็นับเป็นตัวเลขที่สูงมากแล้ว มันเป็นค่าแรงทั้งปีสำหรับคนรับใช้ถึงหกร้อยคน
“เส่าโหย่ว ลืมมันไปเถอะ พวกเรากลับกันดีกว่า” หลู่หวู๋ซวงจ้องมองหลู่เส่าโหย่ว ดาบจันทร์ครามเล่มนี้ หากนางพูดว่าไม่ชอบก็คงจะเป็นเรื่องโกหก ในฐานะผู้ฝึกยุทธ์ จะมีเหตุผลที่นางจะไม่ชอบอาวุธได้อย่างไร ยิ่งไปกว่านั้น วิชาที่นางฝึกฝนก็คือทักษะดาบ แน่นอนว่าดาบจันทร์ครามนี้นางย่อมชื่นชอบมันอย่างมาก ดาบเล่มนี้ถูกปรับแต่งโดยผู้ฝึกวิญญาณระดับยอดยุทธ์ ในเมืองชิงอวิ๋น ผู้ที่สามารถครอบครองอาวุธที่ปรับแต่งโดยผู้ฝึกวิญญาณระดับยอดยุทธ์มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น
“พี่หวู๋ซวง รับไปเถอะ” หลู่เส่าโหย่วมอบดาบจันทร์ครามให้หลู่หวู๋ซวง จากนั้นเขาก็ได้หันหลังกลับมากล่าวกับหวู่จื่อซือว่า “หวู่จื่อซือ หนี้ครั้งนี้ข้าค่อยมาจ่ายหลังจากนี้อีกไม่กี่วันได้หรือไม่?”
“ไม่มีปัญหา นายน้อยหลู่จะมาเมื่อไหร่ก็ย่อมได้” หวู่จื่อซือกล่าว
“พี่หวู๋ซวง พวกเราไปกันเถอะ” หลู่เส่าโหย่วรู้สึกพอใจ แต่เมื่อครู่เขาก็รู้สึกประหม่าไม่น้อย เงินมากถึงแปดพันหกร้อยเหรียญทอง ถ้าหากเทียนเป่าเหมินไม่ให้เขาติดหนี้ในวันนี้ เขาคงจะต้องอับอายขายหน้าครั้งยิ่งใหญ่